“ฉัน...” กู้หลานอันอยากจะแย้งแต่สรรหาคำพูดไม่ได้ได้แต่มองเจาเยี่ยแล้วบ่นพึมพำ หัวใจพองโตอย่างมีความสุขเจาเยี่ยเปิดเผยด้านมืดให้เขาได้เห็น นี่หมายความว่าหัวใจของเจาเยี่ยใกล้เขาเข้ามาอีกนิดแล้วใช่ไหม?
พอเห็นกู้หลานอันเป็แบบนั้น เขาหลบสายตาไปทางอื่น เปิดประตูให้กว้างเดินผ่านกู้หลานอันออกไป มองเขาที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างประตู แล้วพูดกับเขาว่า“ไปกันเถอะ”
“นายจะไปกินข้าวกับฉันแล้วเหรอ? ” กู้หลานอันดีใจเป็ล้นพ้น “เจาเยี่ยนายเยี่ยมมาก ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่ปฏิเสธฉันหรอก”
เจาเยี่ยปิดกั้นคำชื่นชมของเขาโดยอัตโนมัติ เดินไปถึงหน้าประตูกู้หลานอันรีบก้าวเท้าเร็วเพื่อตามให้ทันแล้วเปิดประตูให้เขาเห็นรหัสผ่านของกู้หลานอัน เจาเยี่ยเม้มปาก รหัสผ่านของกู้หลานอันเป็วันเกิดของเขา นี่เป็การจงใจวางแผนไว้เพื่อให้เขาเห็นหรือว่าเพื่อใช้เอง?
กู้หลานอันมัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ได้เอะใจว่าตัวเองทำอะไรไปเมื่อสักครู่และไม่ได้สังเกตเห็นว่าเจาเยี่ยเห็นเข้าแล้วเขามัวแต่รีบไปดึงเก้าอี้ให้เพื่อให้เจาเยี่ยนั่ง “รีบมานั่งเร็วถ้วยชามตะเกียบฉันเตรียมไว้หมดแล้ว”
“อืม” เก็บความสงสัยไว้เจาเยี่ยนั่งลงมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะ ดวงตาลุกวาวนี่มันเป็อาหารที่เขาเคยสั่งที่ถนนหงซิง หมายเลข 53 นี่
“นายทำเองเหรอ?” เจาเยี่ยถามกู้หลานอันที่กำลังตักข้าวให้เขาด้วยความสงสัย
“ใช่ คราวก่อนเห็นนายไปที่ร้านนั้นแล้วสั่งอาหารพวกนี้ฉันก็เลยรีบจดส่วนผสมของมันไว้ คิดว่าวันหลังอาจจะมีโอกาสทำให้นายกินบ้างคิดไม่ถึงเลยว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้” กู้หลานอันพูดทีเล่นทีจริงเขาไปที่ร้านนั้นแล้วจดส่วนผสมทั้งหมดไว้จริงแต่อาหารพวกนี้เขาทำเป็ั้แ่ชาติก่อนแล้วและในชาติก่อนเขารู้ด้วยว่าเจาเยี่ยชอบกินอาหารพวกนี้เขาปิดบังเจาเยี่ยเื่ที่เขาแอบไปช่วยทำงานเบ็ดเตล็ดฟรีให้กับทางร้านอยู่นานเพื่อแลกกับการเรียนทำอาหารรสชาติแบบนี้
เจาเยี่ยไม่ได้พูดอะไร รับชามข้าวไว้ มีความประทับใจอยู่ในใจถึงแม้เขาจะเป็คนอารมณ์เ็า แต่เขาไม่ใช่คนไร้ความรู้สึกดั่งตอไม้สิ่งที่กู้หลานอันทำให้เขาทั้งหมดเขารับรู้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้หลานอันเป็เพียงคนๆ เดียวที่เต็มใจปฏิบัติกับเขาดีมากขนาดนี้ หลินเซวียนถึงแม้จะดีกับเขามากแต่เขาก็ไม่อาจเสียสละบางสิ่งบางอย่างเพื่อเขาได้ยิ่งเื่ลงครัวฝึกทำอาหารยิ่งเป็ไปไม่ได้ แต่ก็เป็เพียงแค่ความประทับใจไม่นานก็คงกลับคืนสู่สภาพเดิม
“ทำไมยังไม่เริ่มกินอีก นายไม่ต้องเกรงใจคิดว่าตัวเองเป็แขกนะ” ตักข้าวตัวเองเสร็จ เห็นเจาเยี่ยยังตกตะลึงอยู่กู้หลานอันยื่นตะเกียบให้เขาอย่างเอาใจใส่หลังจากนั้นมือเท้าค้างจ้องเจาเยี่ยอยู่อย่างนั้น
“นายมองฉันอยู่แบบนี้ฉันจะกินได้ยังไง” เจาเยี่ยถามเขากลับ
“งั้นฉันไม่มองก็ได้” กู้หลานอันกล่าวยกมือขึ้นมาปิดตา แล้วแอบดูเขาจากช่องว่างตรงนิ้วมือเจาเยี่ยไม่ได้ถือสากลอุบายเ้าเล่ห์เล็ก ๆของเขา ใช้ตะเกียบคีบเต้าหู้เข้าไปในปากตื่นตะลึงตาเบิกกว้าง ไม่คิดเลยว่ากู้หลานอันแค่จดส่วนผสมต่าง ๆ ไว้ ก็สามารถทำอาหารให้มีรสชาติออกมาได้ดีมากขนาดนี้เขากินข้าวอย่างรวดเร็วมองไปยังข้าวที่ถูกตักไว้จนเย็นแล้วแต่ยังไม่ได้แตะสักคำของกู้หลานอันพูดด้วยเสียงสุขุมไปสี่คำว่า “กินข้าวนายสิ”
“ฉันยังไม่กิน ฉันจะพูดคุยเป็เพื่อนกับนายก่อน ถ้าฉันกินอีกคนกลัวนายจะเบื่อเสียก่อนแล้วเดี๋ยวจะหนีกลับไปอีก” กู้หลานอันพูดอย่างตรงไปตรงมา
นายไม่พูด ฉันก็ไม่ไปหรอก เขาสะกดความหุนหันพลันแล่นนี้ไว้ พูดไปแค่ว่า “ไม่หรอก” ก็เดินไปทางโซฟาแล้วนั่งลง
“งั้นก็ดี ฉันกินแป๊บเดียวก็เสร็จ” พูดจบกู้หลานอันจ้องไปที่เจาเยี่ยแล้วหยิบชามขึ้นมา
กินข้าวหมดแล้ว ถ้วยชามก็ไม่เก็บ รีบเดินไปข้างเจาเยี่ยแล้วนั่งลงยังไม่ทันได้เริ่มพูด โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาเดินไปรับโทรศัพท์อีกด้านปลายสายยังไม่ทันพูดกู้หลานอันก็พูดขึ้นมาว่า “แม่ครับ ถ้าไม่มีธุระอะไรผมวางนะ”
“วางอะไร? ” ได้ยินกู้หลานอันพูดแบบนี้อันนาที่กำลังดูรายการอาหารอยู่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที “แม่เพิ่งจะโทรติดยังไม่ทันได้พูดอะไรก็จะวางแล้วนี่ลูกไม่อยากเจอแม่ขนาดนั้นเลยเหรอ? ”
“ไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ไม่อยากเจอ แต่ตอนนี้ผมกำลังมีธุระสำคัญ ไม่สะดวกจะคุยกับแม่” กู้หลานอันกล่าว
“ธุระสำคัญอะไรหรือ? ถึงได้ข่มความสนใจที่มีต่อแม่ได้แบบนี้” อันนาเบ้ปาก
“ไม่บอกแม่หรอก” กู้หลานอันยิ้ม “แม่มีธุระอะไรกับผมเหรอ? ”
“ทางนี้เกิดเหตุการณ์ขึ้นนิดหน่อย ้าคนที่บ้านมาจัดการให้หน่อยพ่อของลูกกำลังประชุม ลูกรีบมาหาแม่นะ แม่เรียกผู้ช่วยฯ กับคนขับรถไปรับลูกแล้ว” อันนาพูดอย่างกระวนกระวายใจ
“มีอะไรเหรอครับแม่? เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องให้ผมไปหาด้วย? ” กู้หลานอันถามอย่างเป็กังวล
“ไม่ใช่เหตุการณ์ใหญ่โตอะไรหรอก แค่ลูกรีบมาก็พอ” อันนากล่าว
“ได้ครับ” กู้หลานอันตอบรับแล้วก็วางสายเดินกลับไปอย่างลำบากใจ เขาไล่คนกลับไม่ได้จริง ๆไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้ใกล้ชิดเจาเยี่ยแบบนี้เขาจะพูดคำพูดที่ทำให้เขาต้องจากไปออกไปได้อย่างไร
เห็นกู้หลานอันเดินมาถึงตรงหน้า เจาเยี่ยลุกขึ้น พูดกับเขาว่า “ขอบคุณมาก ฉันมีธุระต้องขอตัวก่อน”
“เจาเยี่ย ต้องขอโทษด้วย” รู้ว่าเขากำลังช่วยแก้หน้าให้กู้หลานอันรีบขอโทษ “ต้อนรับนายครั้งแรกก็ขาดตกบกพร่องแบบนี้ฉันจะชดเชยให้ งั้นตอนค่ำฉันจะเชิญนายใหม่” พูดไปพลางชมตัวเองในใจไปว่าช่างฉลาดมีไหวพริบขนาดนี้
“ไม่ต้อง ตอนค่ำนายเชิญฉันฉันก็จะไม่มาอีกไม่ต้องเสียเวลาไปหาฉันทางโน้นด้วย” เจาเยี่ยพูดจบหมุนตัวก็ออกไปเลย
กู้หลานอันมองตามหลังเขาไปแล้วถอนหายใจ แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายมากแต่ว่าคุณแม่กำลังมีเื่ เขาจะไม่สนใจก็ไม่ได้เขาถอดที่คาดผมและผ้ากันเปื้อนออกแล้ววิ่งลงตึกไปที่ตึกข้างล่างเพื่อรอหลิวฉู่มารับ
นึกว่าอันนาเกิดเื่ร้ายแรงอะไรขึ้น ก็รีบไปหาเธอแต่พอไปถึงกลับเห็นเธอคุยหัวเราะสนุกสนานอยู่กับคนที่ดูเป็ผู้ชายแต่แต่งกายคล้ายผู้หญิงกู้หลานอันโกรธจนเกือบห้ามใจไม่ให้โยนโทรศัพท์ไปที่เธอไว้ไม่ได้
“ว้าว เป็กู้หลานอันหรือนี่ พระเ้า หล่ออะไรแบบนี้” ได้ยินเสียงกรี๊ดและอุทานชื่อลูกชายตัวเอง อันนาหมุนตัวกลับไปทางประตูเห็นกู้หลานอัน เดินเข้าไปหาเธอด้วยรอยยิ้ม “ลูกมาแล้วเหรอ? ”
“แม่ไม่ได้บอกว่าเกิดเหตุขึ้นแล้วอยากให้คนที่บ้านมาช่วยจัดการหรอกเหรอ?” ทำไมผมยังเห็นแม่สบายดีอยู่แบบนี้” กู้หลานอันมองอันนาแล้วตอบ
“อ้าว เ้าลูกคนนี้ แม่สบายดีแล้วลูกไม่พอใจเหรอ” อันนาโกรธจนบ้องหลังศีรษะของกู้หลานอันไปหนึ่งที
“ผมไม่ได้ไม่พอใจ” กู้หลานอันยักไหล่มองไปยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยพนักงานที่ดูงานยุ่งวุ่นวายและสาวงามที่แต่งกายหลากหลายรูปแบบแล้วถามอันนาว่า “แม่ครับ นี่คือสถานที่ถ่ายโฆษณางานพรีเซนเตอร์ของแม่เหรอครับ? แม่หลอกให้ผมมาที่นี่ทำไม? ”
“พูดอะไรน่ะ ใครหลอกลูก พูดได้น่าเกลียดจริง ๆไม่ว่ายังไงแม่ก็เป็เ้าแม่การแสดงนะ ต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ช่วยไว้หน้าแม่หน่อยได้ไหม” อันนาส่งสายตาพิฆาตให้เขาแล้วพูดว่า “แม่ไม่ได้หลอกลูก ทางนี้เกิดเื่ขึ้นจริง ๆเดิมทีคนที่ต้องถ่ายงานโฆษณากับแม่เขาถูกเลิกจ้างชั่วคราวเพราะถูกเปิดโปงเื่อื้อฉาวหลายอย่างเขาหาคนที่เหมาะสมกับงานนี้ไม่ได้ แม่ก็เลยนึกถึงลูกขึ้นมาได้ แต่ถ้าจะให้พูดตรง ๆกับลูกก็เกรงว่า ลูกที่ใช้ชีวิตในสภาพที่โอบกอดความรักไว้แล้วนอนตายอยู่กลางทะเลทรายได้แบบนั้นคงไม่มีทางมาแน่นอนก็เลยต้องแปลงข้ออ้างเล็กน้อยเพื่อหลอกให้ลูกมาไง” พูดจบอันนาก็ยิ้มแล้วลากเขาไว้ “ลูกแม่ แม่มีเื่ลำบากลูกจะไม่ช่วยแม่เชียวหรือ? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้