หลงจ้านร่วมมือกับคนนอก คิดจะลอบสังหารท่านลุงหลงห้าว ซึ่งหลงเหยียนไม่ยอมให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้นแน่ เขากำหมัดแน่น หัวใจอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้น
“ไม่ได้การแล้ว ข้าต้องรีบนำเื่นี้ไปแจ้งให้ท่านพ่อทราบโดยด่วน” ถ้าหลงห้าวเป็อะไรไปจริงๆ ละก็ หลงเหยียนรู้ดีว่าหากตนเอาแต่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไรสักอย่าง ตนต้องรู้สึกผิดมากแน่
ขณะเตรียมจะจากไป จู่ๆ หลงจ้านที่ยืนอยู่ในศาลากลางน้ำก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของพลังอันแสนเลือนราง นั่นทำให้เขาพบตัวหลงเหยียนจนได้
“นั่นใคร?” เขาพุ่งเข้าไปหาหลงเหยียนด้วยความเร็วสูง เสียงลมราตรีพัดผ่าน ส่งเสียงดังขึ้นเป็ระลอก หลงเหยียนสะดุ้งใ ไม่ได้การแล้ว หากถูกจับได้ เขาต้องตายอย่างแน่นอน คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งหนีอย่างสุดความสามารถ
ยอดฝีมือระดับชีพัขั้นที่แปดทั้งสองคนพุ่งตามมาติดๆ ด้วยความเร็วปานสายฟ้า หลงเหยียนเหงื่อแตกเพราะความใ และเร่งความเร็วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในชีวิตทันที
“ขืนยังเป็แบบนี้ต่อไป ข้าต้องถูกตามทันแน่” ยังไม่ถึงสามลมหายใจด้วยซ้ำ หลงจ้านกับเซียวกงเป้าก็ตามเข้ามาใกล้จนอยู่ห่างจากหลงเหยียนเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น หลงเหยียนรีบคิดหาทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่นานก็พุ่งหนีไปทางบึงน้ำแทน
ในขณะเดียวกัน จู่ๆ หลงเหยียนก็พบว่าที่ริมฝั่งมีหญิงสาวที่สวมชุดสีขาวสะอาดยืนอยู่ เพราะตอนนี้เป็เวลากลางคืน สตรีผู้นี้จึงทำให้หลงเหยียนใยิ่งกว่าเดิม
“ล้อกันเล่นใช่ไหม ดันมาเจอผีสาวในตำนานในเวลาเช่นนี้เสียได้ ข้ายิ่งเป็คนที่เชื่อในเื่แบบนี้อยู่เสียด้วย”
ด้วยแสงจากจันทรา ไม่นานเขาก็พบว่าหญิงสาวคนนี้มีเงาสะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ทว่าเท่าที่เขารู้มา ผีไม่มีทางมีเงาอย่างแน่นอน
“หรือนางจะเป็คน แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลาเช่นนี้ได้?”
เพราะเป็่จังหวะคับขัน เขาจึงไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมาย แต่วิ่งตรงไปทางหญิงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้น เมื่อหันกลับไปมองด้านหลังอีกครั้งก็พบว่าอีกฝ่ายอยู่ห่างจากตนเพียงไม่ถึงห้าสิบเมตรเท่านั้น เขาสะดุ้งใ ความหวาดกลัวทำให้เหงื่อมากมายเปียกชุ่มไปทั่วร่างกาย “หลงจ้าน เ้ามันสมควรตายจริงๆ”
เพราะตื่นตระหนกเกินไป เขาจึงเดินสะดุดจนเสียหลัก ล้มลงไปกระแทกกับพื้นดินอย่างแรง
“อ๊าก... หรือ์ลิขิตให้ข้าตายวันนี้?” หลงเหยียนยังไม่อยากจบชีวิตลงเพียงเท่านี้ คนเรา เมื่อถึงคราวซวย แม้แต่ดื่มน้ำก็ยังตายได้สินะ คำพูดนี้ ตรงกับหลงเหยียนในตอนนี้เหลือเกิน
เขารีบลุกขึ้นมาจากพื้น ศีรษะถูกกระแทกจนบวมเป่ง เขาไม่มีเวลาโอดครวญกับความเ็ป รีบกัดฟันวิ่งหนีต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะเดียวกัน ความเคียดแค้นในหัวใจก็ค่อยๆ เข้มข้นและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดไม่ถึงว่าตนจะถูกตามล่าจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ แม้รอบด้านจะเหลือเพียงความมืดสนิท แต่เขาก็ยังไม่กล้าวางใจ ไม่แน่ใจว่าหลงจ้านหยุดตามมาหรือยัง
กลิ่นอายแห่งพลังเป็สิ่งที่แกะรอยได้ง่ายมาก โดยเฉพาะสำหรับยอดฝีมือระดับชีพัขั้นที่แปดเช่นพวกเขา
“ดูสิว่าเ้ายังจะหนีไปไหนได้อีก?” หลงจ้านร้องคำรามเสียงระงม
ห่างเพียงไม่ถึงสามเมตรแล้ว มือใหญ่คู่หนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง สถานการณ์อันตรายมากขึ้นไปทุกที
“แม่นาง อย่าคิดสั้นเด็ดขาดเลย”
หลงเหยียนะโทะยานขึ้นไปในอากาศอย่างฉับไว เขากอดร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างกะทันหัน บัดนี้ สติถูกอารมณ์เข้าครอบงำจนหมดสิ้น ร่างของคนทั้งสองลอยถลาออกไป และจมลงไปในบึงน้ำด้านหลังทันที
ไออุ่นที่กระจายออกมาจากร่างบางของหญิงสาวถูกห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายอันเป็เอกลักษณ์ของบุรุษจากหลงเหยียน ทันใดนั้น ร่างกายก็เกิดปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ เขากลั้นหายใจ พลางแหงนหน้าขึ้นไปมองหลงจ้านกับเซียวกงเป้าที่ยืนอยู่บนฝั่งโดยอาศัยแสงสว่างอันน้อยนิดจากดวงจันทร์
หัวใจเต้นแรงผิดปกติ เมื่อครู่ เขารอดผ่านความตายมาอย่างเฉียวฉิวเท่านั้น!
สตรีที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยน นางมองมาที่เขาด้วยสายตาที่บริสุทธิ์ สีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่มีทั้งทุกข์และสุข
“สหายหลง คนผู้นี้ต้องตามท่านมาอย่างแน่นอน เกรงว่าท่านคงจะรู้แล้วสินะว่าเขาคือใคร?”
เซียวกงเป้าแผ่รังสีอำมหิตขึ้นทางแววตา พลันรังสีสังหารแสนรุนแรงก็กระจายออกมาจากร่างกายอย่างฉับพลัน ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้
แม้แต่หลงเหยียน เมื่อเห็นดังนั้นร่างกายก็ยังสั่นเทาขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
ไม่นานผิวน้ำก็กลับสู่ความสงบ หลงจ้านถอนหายใจออกมาเบาๆ “หากเดาไม่ผิด คงจะเป็เ้าเด็กคนนั้น พวกเรากลับกันเถิด เ้าเด็กนั่นหนีไม่รอดแน่”
พูดจบทั้งสองก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วทะยานขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะหายเข้าไปในความมืดของราตรีอย่างรวดเร็ว
หลงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ที่นี่ไม่ปลอดภัย เขาต้องรีบไปจากที่นี่โดยเร็ว ใต้น้ำ หลงเหยียนกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้พลางว่ายไปยังอีกฝั่งของบึงน้ำ ซึ่งอยู่ห่างออกไป
เมื่อครู่ เขาเกือบจะไม่รอดแล้วเชียว จะว่าไป สตรีคนนี้มีร่างกายที่นุ่มนิ่ม น่าัั นางต้องเป็หญิงงามที่เลอโฉมอย่างแน่นอน
หลังดำน้ำออกไปไกล ในที่สุดหลงเหยียนก็โพล่ออกมาจากผิวน้ำโดยอุ้มร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขน อาภรณ์ของทั้งสองเปียกโชก เสื้อผ้าเปียกๆ แนบติดไปกับเนื้อหนังของหญิงสาว ผ้าบางสีขาวไม่สามารถบดบังสัดส่วนอันไร้ที่ติ ส่วนเว้าส่วนโค้งที่น่าหลงใหล และผิวขาวเนียนบนร่างกายของนางได้แม้แต่น้อย
เขารู้สึกกระสับกระส่ายหัวใจจนแทบจะทนไม่ไหว หลงเหยียนก่นด่าตนเองที่มีความคิดเช่นนี้ในใจ แต่อีกด้าน เขาก็เป็หนุ่มเืร้อนธรรมดาๆ คนหนึ่ง จะมีความคิดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
พลังปราณกระจายออกมาจากร่างกาย ไอร้อนลูบผ่าน ทำให้เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มกลับมาแห้งสนิทได้ในเสี้ยววินาที
“อะแฮ่ม... คือว่า... แม่นาง เมื่อครู่นี้ ต้องขออภัยด้วย ข้าเห็นว่าเ้ากำลังคิดสั้น เพราะอยากช่วยชีวิตเ้า ก็เลยทำเช่นนั้นลงไป แต่ข้าหลงเหยียนขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าข้าไม่ได้มีความคิดอื่นกับเ้าอย่างแน่นอน”
หลงเหยียนมองสำรวจสตรีตรงหน้าอย่างจริงจัง ผิวพรรณขาวเนียนดั่งหยกชั้นดี สัดส่วนสมบูรณ์แบบราวกับเทพธิดามาจุติ โฉมหน้างดงามจนยากจะเทียบเทียม คล้ายคนตรงหน้าสลัดตัณหาและความโลภออกจนหมดสิ้น จึงแลดูสูงส่งคล้ายดั่งเทพเซียนที่ห่างจากทางโลก ใบหน้างดงามแถมยังแลดูบริสุทธิ์หมดจด น่าเสียดายที่ผิวพรรณซีดเผือดไปสักหน่อย
“ไม่เป็ไร! เ้าเองก็คงทำไปเพราะอยากหนีเอาชีวิตรอด”
นอกจากจะมีโฉมหน้าที่เ็าแล้ว น้ำเสียงของนางก็ไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ เช่นกัน
“แกรก!”
นี่มันอะไรกัน ที่หลงเหยียนทำไปทั้งหมด ก็เพื่อช่วยชีวิตนางต่างหาก
ท่าทางของสตรีที่เ็าทว่าก็ดูสูงส่งคล้ายละจากทางโลกแล้วตรงหน้า ทำให้หลงเหยียนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ...
“แม่นาง พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด ไม่แน่ พวกนั้นอาจจะวนกลับมาอีกก็ได้”
หญิงสาวมองดูหลงเหยียน ใบหน้าของนางซีดเผือด พลันร่างกายก็เซไปด้านหลัง ก่อนจะทรุดลงอย่างหมดแรง
หญิงสาวพูดด้วยเสียงที่อ่อนล้าเต็มที “เ้าเป็คนสุดท้ายที่ข้าได้เห็นก่อนตาย ความจริง ข้าป่วยด้วยโรคร้ายแรง ร่างกายแทบจะไม่ไหวเต็มทีแล้ว เอาคัมภีร์ลับเล่มนี้ไป ข้าขโมยมันมาจากสำนักบงกชมาร เดิมที ข้าเตรียมจะฝึกมันเอง แต่กลับพบว่ามันเป็วิชายุทธ์สำหรับบุรุษเท่านั้น ข้าเป็สตรี มิอาจฝึกได้ ข้าอยากะโน้ำเพื่อจบชีวิตตนเอง แต่ก็ถูกเ้าช่วยเอาไว้เสียก่อน เ้าช่างเป็คนดีจริงๆ ข้าขอมอบมันให้เ้า เพื่อเป็การตอบแทนแล้วกัน” นางหยิบคัมภีร์เล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วมอบให้หลงเหยียน
《วิชากายสุริยะ》
พูดจบ แขนเล็กก็ค่อยๆ คล้อยลงบนพื้นดิน เพียงชั่วพริบตา หญิงตรงหน้าก็สิ้นลมหายใจลง
หลงเหยียนร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เขามองสตรีที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“ไม่จริงใช่ไหม สตรีที่งดงามเช่นนี้ กลับสิ้นชีวิตลงง่ายๆ งั้นหรือ ต้องเป็เพราะนางจมน้ำเมื่อครู่แน่!” หลงเหยียนลองใช้มืออังที่ปลายจมูกเพื่อรับรู้ถึงลมหายใจของนาง แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ดูท่า เขาคงต้องผายปอดให้นางเสียแล้ว
“นี่... แม่นาง... แม่นาง ฟื้นเร็ว ถ้ายังไม่ฟื้นข้าจะลงมือจริงๆ แล้ว”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังสนั่นปะทุขึ้นกลางนภา ชั้นเมฆถูกแหวกออก ก่อนกลุ่มควันสีขาวจะลอยออกมาและกระจายไปทั่วอากาศอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองที่หลงเหยียนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันเย็นะเืได้เข้าปกคลุมบริเวณโดยรอบอย่างฉับพลัน
กลิ่นอายระลอกนั้นแทรกเข้าไปในร่างของหญิงสาว ทว่าหลงเหยียนกลับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เขาเขย่าร่างบางหลายครั้ง ไม่นานดวงตาที่เคยหลับพริ้มก็เปิดขึ้นอีกครั้ง แล้วจ้องมาที่หลงเหยียนด้วยความโกรธเกรี้ยว
“เอามือสกปรกของเ้าออกไปเดี๋ยวนี้ เขย่าจนข้าเวียนหัวไปหมดแล้ว หลีกไป...” ร่างบางลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็แตกต่างไปจากเดิมราวกับเป็คนละคน นางเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว จากนั้นก็มองไปยังท้องนภากว้าง แล้วประกายรอยยิ้มบางๆ ขึ้นที่มุมปาก
หญิงสาวหันกลับมามองหลงเหยียน “ในที่สุดข้าก็หาเ้าเจอเสียที คิกๆ ... เอาล่ะ ั้แ่นี้เป็ต้นไป เพราะข้า การผจญภัยในครั้งนี้จะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน”
หลงเหยียนพูดขึ้น “แม่นาง ในที่สุดเ้าก็ฟื้นแล้ว เมื่อครู่ทำเอาข้าใแทบแย่ เพราะเ้าไม่เหลือลมหายใจแล้ว...”
หญิงสาวหันกลับมามองหลงเหยียนอย่างรวดเร็ว นางมองสำรวจเขาั้แ่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “คิดไม่ถึงว่าจะเป็เด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ หวังว่าต่อไป เ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
คำพูดของนางช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน หลงเหยียนไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว
“เื่บางเื่ เอาไว้ข้าจะอธิบายให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถิด มีคนมาทางนี้แล้ว” พูดจบนางก็มองข้ามท่าทีประหลาดใจของหลงเหยียนแล้วเตรียมจะหลบหนีไปทันที
“นี่! เ้าจะมอบคัมภีร์กายสุริยะให้ข้าจริงๆ หรือ ไหนเ้าบอกว่าขโมยมา แล้วไหนจะโรคร้ายอะไรนั่นอีก?”
หญิงงามไม่สนใจคำถามของเขา ในตอนนั้นเองที่หลงเหยียนสังเกตเห็นรอยสักรูปดอกพลับพลึงสีแดง*ที่แขนของนาง
(*หรือที่รู้จักกันว่าดอกฮิกันบานะ)
ท่านพ่อเคยบอกว่าสตรีที่สักลายพลับพลึงสีแดง ล้วนเป็สมาชิกของสำนักบงกชมารทั้งสิ้น และสำนักบงกชมารก็มีแต่สตรีเช่นกัน พวกนางโเี้อำมหิต และไม่ติดต่อกับบุรุษภายนอกโดยเด็ดขาด มิน่าล่ะ นางถึงดูเ็าและเยือกเย็นขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็คนของสำนักบงกชมารนี่เอง
ได้ยินว่าเ้าสำนักของสำนักบงกชมารเป็สตรีที่มีรูปโฉมงดงามจนไร้ที่ติคนหนึ่ง ดอกพลับพลึงสีแดงเป็ตัวแทนของคู่รักที่ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน เกรงว่าเ้าสำนักคงจะเคยเ็ปเพราะชายที่รัก จึงสั่งให้สตรีในสำนักตนสักดอกพลับพลึงสีแดงติดตัวไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ชายใดที่กล้าย่างกรายเข้าไปในสำนักบงกชมาร ล้วนต้องตายสถานเดียว
พวกเขาเพิ่มพลังของตนโดยการดูดธาตุพลังในตัวบุรุษนั่นเอง
หญิงสาวลากให้หลงเหยียนเดินตามออกไป แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เบื้องหน้าก็มีไฟจากคบเพลิงจำนวนมากปรากฏขึ้น ดูเหมือนดวงไฟเ่าั้กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
หลงเหยียนรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย ไม่นานเขาก็พบว่าผู้ที่เป็ผู้นำของคนกลุ่มนี้ก็คือหลงเอ้าอวีนั่นเอง
“ที่แท้ก็เป็เ้านั่นเองหรือ ดูท่าหลงจ้านจะจำข้าได้สินะ ถึงได้ส่งคนออกมาตามหาข้าเช่นนี้ เอาเถิด สั่งสอนเ้านั่นให้รู้จักเข็ดหลาบเสียวันนี้เลยก็แล้วกัน จะได้ยอมตายใจเสียที”
ครั้งนี้ หลงเหยียนไม่ได้หวาดกลัวอีกต่อไป เขาดึงหญิงสาวไปหลบอยู่หลังตน จึงไม่เห็นรอยยิ้มได้ใจที่แฝงอยู่บนใบหน้าของนาง
ไม่นานหลงเหยียนก็เผชิญหน้ากับหลงเอ้าอวี
“หยุดนะ เ้าคิดจะหนีไปไหนอีก”
“ฮึๆ ... ข้าก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็เป็เ้าขี้แพ้ ที่เคยพ่ายแพ้ให้ข้านั่นเอง” หลงเหยียนสังเกตเห็นว่ากลุ่มคนที่ติดตามหลงเอ้าอวีมาด้วย หาใช่คนจากตระกูลหลงไม่
ที่ตนเสียฟันไปถึงสองซี่ ทำให้พูดไม่ชัดอย่างที่เห็นอยู่ตอนนี้ ก็เป็เพราะหลงเหยียนทั้งนั้น เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลงเอ้าอวีก็ยิ่งโมโหมากขึ้นกว่าเดิม
“เ้าคนไร้ประโยชน์ ครั้งก่อนเ้าชนะไปได้เพราะโชคช่วยเท่านั้น”
หลงเหยียนแสยะยิ้มพลางคิดขึ้นในใจ ‘ถ้าใช้วิชาหมัดลงทัณฑ์กับเ้านี่ต้องสนุกมากแน่ ถือเป็การทบทวนวิชาหมัดไปในตัวด้วย ใช้เ้านี่เป็ตัวซ้อมหมัดหน่อยเสียแล้วกัน’
หลงเอ้าอวีไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เขาร้องคำรามเสียงดัง “วันนี้ข้าจะเอาชีวิตเ้าให้ได้ คอยดูเถิด” พลังปราณปะทุออกมาจากร่างกาย กล้ามเนื้อแข็งแกร่งและเส้นเลือกในตัวปูดเกร็งขึ้นอย่างฉับพลัน เท่านี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาโกรธเกรี้ยวมากเพียงใด หลงเอ้าอวีพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง ดั่งเสือร้ายที่พุ่งเข้าหาเหยื่อของตน
“ครั้งนี้ เ้าบ้าหลงเหยียนต้องตายอย่างแน่นอน!” กลุ่มคนเื้ัพูดระคนหัวเราะ
ทว่า...
หลงเหยียนประกายรอยยิ้มขึ้น เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น แต่หลับตาลงแล้วรับรู้ถึงพลังหมัดที่พุ่งเข้ามาหาตนอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นเขาก็เบิกตาขึ้นแล้วรับหมัดนั้นได้อย่างง่ายดาย
การกระทำของเขาถือเป็การหยามฝีมือของหลงเอ้าอวีอย่างมิอาจให้อภัย หลงเอ้าอวีสะดุ้งใ “พลังของเ้าบ้านี่ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย” ในขณะเดียวกัน เขาก็เปลี่ยนหมัดให้กลายเป็กรงเล็บ แล้วจับหัวไหล่ของหลงเหยียนเอาไว้ด้วยความเร็วที่มากยิ่งขึ้น
“แตกสลายลงเสีย!” หลงเอ้าอวีประกายความได้ใจออกทางสายตา เขาส่งพลังิญญาไปที่ฝ่ามือ พลังที่น่าหวาดกลัวนี้สามารถบดขยี้หินแกร่งได้อย่างง่ายดาย นับประสาอะไรกับกระดูกมนุษย์
เขามั่นใจว่าในครั้งนี้ตนต้องเอาชนะหลงเหยียนได้อย่างขาดลอยแน่ ผู้คนรอบด้านเห็นดังนั้นก็พากันชูคบเพลิงในมือขึ้น เตรียมฉลองให้กับชัยชนะในครั้งนี้
“ฮึ!” แทนที่จะโมโห แต่หลงเหยียนกลับแสยะยิ้มออกมาแทน
“อะไรกัน?” มือที่จับไหล่ของหลงเหยียนถูกโจมตีด้วยพลังอันแข็งแกร่งระลอกหนึ่ง พลังนั้นผลักให้เขาเซถอยออกไปอย่างไม่อาจตั้งตัว ราวกับถูกไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น ตุบ... ร่างของเขาล้มลงไปกระแทกกับพื้นดิน พลันความเ็ปแสนมหาศาลก็กระจายไปทั่วฝ่ามือ
กลุ่มคนที่ยืนอยู่เื้ัของหลงเอ้าอวีชะงักอึ้งไปตามๆ กัน
“การโจมตีของเ้าช่างอ่อนแอยิ่งนัก ไยไม่ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเ้าล่ะ ข้าเองก็รู้กระบวนท่าของหมัดลงทัณฑ์เช่นกัน เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ เรามาแข่งว่าพลังหมัดของใครแข็งแกร่งมากกว่ากันดีหรือไม่?” หลงเหยียนมองหลงเอ้าอวีที่นอนอยู่บนพื้นพลางพูดอย่างเยาะหยัน
“หลงเหยียน ข้าจะเอาชีวิตเ้าให้ได้ วันนี้ เ้าต้องตายสถานเดียว” แววตาของเขาอัดแน่นไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาซัดฝ่ามือลงบนพื้นดินเพื่อเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โจมตีหลงเหยียนอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาส่งพลังิญญาทั้งหมดที่มีไปที่หมัดของตนเอง
“หมัดลงทัณฑ์”
หลงเหยียนเองก็พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และส่งหมัดขวาออกไปเต็มแรงเช่นกัน
“หมัดลงทัณฑ์”
“โครม!”
หมัดทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน พลังหมัดของหลงเหยียนกลายเป็ัใหญ่สีเขียวที่แสนแกร่ง พุ่งเข้าไปกระแทกกับหมัดของหลงเอ้าอวีอย่างรุนแรง
“ตูม!” หลงเอ้าอวีถูกกระแทกจนลอยลิ่วไปไกลกว่าสิบเมตร ก่อนจะกระแทกลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ
ครั้งนี้ เขาได้รับาเ็สาหัสกว่าเดิมนับสิบเท่า
“พรวด!” เืสดไหลกระฉูด ดวงตาของหลงเอ้าอวีเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อและไม่อยากยอมแพ้ สีหน้าก็ะเิความอำมหิตและเืเย็นออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ไม่ใช่แค่กลุ่มคนเื้ัหลงเอ้าอวีเท่านั้นที่ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่สตรีที่ยืนอยู่เื้ัหลงเหยียนก็ใจนอ้าปากค้างเช่นกัน
พอแค่นี้หรือ? ไม่... นั่นไม่ใช่นิสัยของหลงเหยียน
หลงเหยียนร้องคำรามเสียงดัง เขาะเิความเหี้ยมเกรียมขึ้นทางแววตา ก่อนร่างกายจะทะยานขึ้นไปกลางอากาศ ตีลังกา แล้วมาหยุดอยู่เบื้องหน้าหลงเอ้าอวี
เขาดึงคอเสื้อของหลงเอ้าอวีและยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาจากพื้นพลางพูดด้วยเสียงเหี้ยม “ข้าที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่สอง กลับเอาชนะเ้าที่มีพลังระดับชีพัขั้นที่สามได้ คงชัดเจนแล้ว ว่าใครกันแน่ที่ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้ข้าจะทำให้เ้ายอมแพ้อย่างไร้ข้อกังขาอีก”
หมัดของเขาแฝงไปด้วยระลอกแสงอันบางเบา หมัดที่สองของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งและมากกว่าหมัดอื่นเป็ไหนๆ เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ร่างของหลงเอ้าอวีกระแทกกับพื้นดินเป็ครั้งที่สอง ร่างของหลงเอ้าอวีในตอนนี้โชกไปด้วยเื สภาพแทบดูไม่ได้
“และนี่ก็คือจุดจบของคนที่กล้ามามีเื่กับข้า”
หลงเอ้าอวีมองไปยังหลงเหยียนด้วยความตกตะลึง จู่ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สลายหายไป แต่กลับประกายรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากแทน
“หลงเหยียน เ้าตายแน่...”
--------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้