เว่ยจวินหยางกลับมาในเวลาอันรวดเร็ว เขาหิ้วกระต่ายและหอบเห็ดกลับมา มองเห็นอวี๋มู่ที่นั่งอยู่ข้างถ้ำั้แ่ที่ไกลๆ กำลังเคี้ยวหญ้าไปพลางเหลือบซ้ายแลขวาไปพลาง
เขาเดินไปนั่งลงข้างอวี๋มู่ สายตากำลังมองไปที่พื้นดินที่ไม่มีต้นกล้างอกออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เขาเอ่ย “ต้องงอกเป็ต้นกล้าแน่นอน”
อวี๋มู่สะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยไม่คิดว่าเว่ยจวินหยางจะกล่าวเช่นนี้
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ทั้งสองยังทะเลาะกันเหมือนเด็กด้วยเื่ที่ว่าเมล็ดจะงอกเป็ต้นกล้าได้หรือไม่ เว่ยจวินหยางยืนกรานอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่รู้วันนี้เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็กล่าวคำพูดแบบนี้
เว่ยจวินหยางสบตากับเขา ั์ตาดำขลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง เขาคว้ามืออวี๋มู่ แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเศษดินที่เปื้อนมืออีกฝ่าย แล้วเอ่ยย้ำ “เมล็ดนั้นต้องงอกเป็ต้นกล้าได้แน่ ดังนั้นเ้าต้องรอต่อไป พวกเราจะค่อยๆ ดูต้นไม้นี้เติบโต ดีหรือไม่?”
เสียงของเขานิ่งขรึมอ่อนโยน ดวงตาจดจ้องใบหน้าอวี๋มู่ตลอดเวลา เขาหวังให้อวี๋มู่ตอบรับเพียงคำเดียว เหมือนว่าหากอีกฝ่ายตอบรับแน่ชัด ก็แสดงว่าจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
“นายท่าน” อวี๋มู่ถูกเขาจ้องอยู่อย่างนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดหลั่งไหลเข้ามาในจิตใจอีกครั้ง เขาจับมือเว่ยจวินหยาง แล้วเปลี่ยนเื่ “ข้าหิวแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนเถอะ”
เว่ยจวินหยางข่มความมืดมนในดวงตา เขาฝืนยิ้ม ลุกขึ้นยืน แล้วหยิบวัตถุดิบ เริ่มตั้งหม้อแล้วค่อยๆ ตุ๋นเห็ดหอม จากนั้นจัดการกระต่าย และก่อไฟเพื่อย่าง
มื้อนี้ผ่านไปด้วยความนิ่งเงียบ
เมื่อย่ำค่ำ ระบบแจ้งเตือนว่าเขายังเหลือเวลาอีกสิบสองชั่วโมงก่อนที่จะจากไป นั่นก็เท่ากับว่าเขาเหลือเวลาจนถึงเพียงตะวันขึ้นของวันรุ่งขึ้น
เว่ยจวินหยางกอดเขาจากด้านหลัง เกยคางบนไหล่และใช้แขนกอดรัดเขาแน่น นิ่งเงียบอยู่สักพักใหญ่ แล้วเอ่ย “อวี๋มู่ ข้า…”
พูดเพียงไม่กี่คำ เสียงของเขาก็เริ่มสั่นเครือ
อวี๋มู่หัวใจสั่นไหว เขาเอนศีรษะไปมองเว่ยจวินหยางแต่ถูกห้ามไว้
เว่ยจวินหยางปิดตาเขาไว้ “อย่ามอง ตอนนี้ข้าน่าเกลียดยิ่งนัก”
เกียรติของเขาห้ามไม่ให้อวี๋มู่เห็นเขาในสภาพนี้
นับั้แ่เล็กจนโต เขาร่ำไห้แทบจะนับครั้งได้
เพราะเขารู้ว่า น้ำตาเป็สิ่งที่เปล่าประโยชน์
แม้เขาจะร่ำร้องเสียงดังแค่ไหน ใส่อารมณ์เท่าไร หรือน่าเวทนาเพียงใด ก็ไม่มีใครมาช่วยเขาได้ หากจะมีชีวิตรอดอยู่ในสำนักชิงอี เขาต้องพึ่งแค่ตัวเองเท่านั้น
เขาดิ้นรนมีชีวิตจนเติบใหญ่ จวบจนคนทั้งหมดอยู่ใต้บาทาเขา
เขานึกว่าตัวเองลืมวิธีร่ำไห้ไปเสียแล้ว
แต่หลังจากโม่เหิงบอกเล่าเื่ราวที่อวี๋มู่ทำเพื่อเขามาทั้งหมด เมื่อรู้สึกตัวอีกที น้ำตาของเขาก็กำลังหลั่งริน
เป็เวลาเนิ่นนานที่ของเหลวอุ่นๆ ไหลอาบแก้มและทำเขาตัวสั่นระลอกแล้วระลอกเล่า
เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะสูญเสียอวี๋มู่ไป
ความน่ากลัวแบบนี้ทำให้เขาปวกเปียกเหมือนพวกอ่อนแอ ไร้ความสามารถ และร้องไห้อย่างน่าสมเพช
มือเย็นเฉียบวางอยู่ตรงตา แนบกับิั อวี๋มู่รู้สึกได้ว่าเว่ยจวินหยางกำลังพยายามฝืนกลั้นจนตัวสั่น
อวี๋มู่ถอนหายใจ ดึงมือเขาออก แล้วเอ่ย “นายท่าน ข้าน้อยไม่คู่ควรให้ท่านทำเช่นนี้”
ดังที่เว่ยจวินหยางเคยกล่าว เขาเป็คนหลอกลวงที่เข้าใกล้เ้าลูกสุนัขนี่เพียงเพื่อคะแนนความประทับใจ
ั้แ่ตื่นมาครึ่งวันจนถึงตอนนี้ เว่ยจวินหยางร้องไห้เพื่อเขาแล้วสองหน
หากเป็หนึ่งเดือนกว่าที่แล้ว เขาเดาว่าตัวเองคงหัวเราะเยาะเย้ยเ้าลูกสุนัขนี่ไปร้อยแปดสิบรอบได้ แต่ตอนนี้ เขาพบว่าตัวเองไม่อยากเห็นเว่ยจวินหยางเป็เช่นนี้
ยอมคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าโม่เหิง โอบกอดเขาและร่ำไห้อย่างน่าสังเวชใจ
นี่ไม่ใช่ตัวตนและการกระทำของคนที่ยโสโอหังเลยสักนิด
“เ้าคู่ควร…” เว่ยจวินหยางปล่อยมือ แล้วโอบกอดชายในอ้อมอกแน่นขึ้น “โลกใบนี้มีเพียงเ้าเท่านั้นที่คู่ควร…”
เขาเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ “อวี๋มู่ ทำไมเ้าซื่อบื้อเพียงนี้? ทั้งๆ ที่ทอดทิ้งข้าไปก็ได้ หนีไปจากสำนักชิงอีแล้วใช้ชีวิตโลดโผนอิสระ ไยเ้าต้องบีบให้ตัวเองเข้าสู่ทางตันด้วย?”
“เ้าต่างจากผู้คนในสำนักชิงอี เ้าทำให้ข้าคาดเดาไม่ถูก โม่เหิงบอกนี่เป็เพราะเ้าชอบข้า เพราะรักข้า แต่ข้ากลับไม่รู้สึก…”
เขาซบอยู่ตรง่ต้นคออวี๋มู่ “ข้าไม่รู้ว่ารักคือสิ่งใด แต่ข้ารู้ว่าข้ารักเ้า ไม่รู้ว่าเริ่มั้แ่เมื่อไหร่ ในใจข้า สายตาข้ามีแต่เ้าเพียงผู้เดียว อารมณ์ของเข้าจะผันผวนเพราะเ้า เพียงเ้ายิ้มให้ข้า ถึงแม้จะเสแสร้ง ข้าก็ยังรู้สึกดีใจ…แต่ยิ่งความรู้สึกนี้แข็งแกร่งเท่าไร ข้าก็ยิ่งรู้สึกอ่อนไหว…”
“ข้ารับรู้ได้ว่าเ้าไม่ได้รักข้า เ้าไม่ได้รักข้าแม้แต่นิดเดียว…เ้าทำเหมือนข้าเป็คนแปลกหน้าที่ไม่มีเยื่อใยต่อกัน มีหลายครั้งที่ให้การตอบรับข้าก็แค่ทำไปอย่างนั้น ไม่ได้จริงจัง…”
น้ำเสียงของเขาน้อยเนื้อต่ำใจ ปนกับเสียงสะอื้น ผ่านเข้ามาในหูของอวี๋มู่ ความคิดของเขาขาดตอนไปชั่วขณะ
อวี๋มู่เอ่ยถามระบบ : ระบบ ในเมื่อเขาเดาออกว่าฉันไม่ชอบเขา แล้วทำไมคะแนนความประทับใจถึงเต็มกันล่ะ?
ตอนที่เขาตื่นมาที่บ้านของโม่เหิง ระบบบอกกับเขาว่าคะแนนความประทับใจของเว่ยจวินหยางเต็มแล้ว เขานึกว่าเป็เพราะโม่เหิงหลอกไปว่าที่ตัวเองทำเพื่อเขาทั้งหมดเพราะว่ารักเว่ยจวินหยาง
เว่ยจวินหยางบรรลุความหลงใหลนั้น คะแนนความจึงเต็มขึ้นมาอัตโนมัติ
แต่ตอนนี้ ทั้งๆ ที่เว่ยจวินหยางรู้ว่าตัวเองไม่ชอบเขา แต่ทำไมยังเต็ม?
[ผมเองก็ไม่ทราบครับ แต่ผมอยากร้องไห้ ฮือๆๆๆ]
อวี๋มู่ : …
รู้ว่าถามระบบไปก็เปล่าประโยชน์ อวี๋มู่ถอนหายใจ พลางก้มหน้าและวางมือที่เว่ยจวินหยางกอดเขาไว้เหนือเอว พร้อมตบเบาๆ
จากนั้น เขาเรียกชื่อเว่ยจวินหยาง
“เว่ยจวินหยาง” เขากล่าวต่อ “ในเมื่อเ้าดูออกแล้ว ข้าก็จะไม่เสแสร้งต่อเ้าอีก…”
เขาตั้งใจบอกเื่ทั้งหมดกับเ้าลูกสุนัขเว่ย ใน่เวลาสุดท้ายนี้ ให้เขารู้ถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเอง
เขาไม่รู้ว่านี่เป็ความเมตตาหรือเหี้ยมโหด และไม่รู้ว่าใช่สิ่งที่เว่ยจวินหยาง้าจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้คะแนนความประทับใจเต็มแล้ว ต่อให้เสแสร้งต่อไปก็ไม่มีความหมาย
ระหว่างพวกเขา จำเป็ต้องทำให้กระจ่าง
เขาขบริมฝีปากล่าง แล้วเอ่ยต่อ “นับั้แ่ที่ข้าเข้าใกล้เ้า เพราะว่ามีจุดประสงค์ ข้ายินยอมตัดนิ้วเพื่อเ้า เพื่อให้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เสียสละชีวิตเพื่อเ้า ล้วนเพียงเพื่อภารกิจ…ที่อาจารย์มอบให้กับข้า”
เขาไม่ได้กล่าวถึงว่าตัวเองข้ามมิติมา แต่โยงเื่ราวไปถึงอาจารย์คนเดิม แบบนี้จะสมเหตุสมผลมากกว่า
“อันที่จริง แรกเริ่มข้าเกลียดเ้าอย่างมาก ข้ารู้สึกว่าคนอย่างเ้าหมดหนทางเยียวยา เพราะเ้าทำแต่เื่ชั่วช้า ฆ่าคนมามากมาย และสมควรตาย…”
เขาพูดอย่างโหดร้าย
รู้สึกได้ว่ามือของเว่ยจวินหยางนั้นกำลังสั่น แรงที่กอดเขาไว้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“แต่…ตอนนี้พอได้ใช้ชีวิตร่วมกับเ้ามา” อวี๋มู่ถอนหายใจ เขาคว้ามือเว่ยจวินหยางมาจับไว้ แล้วเอ่ย “ข้ารู้สึกว่าเ้าไม่ได้มีแต่สิ่งแย่ๆ เสมอไป”
“คนอย่างเ้าดูเหมือนจะจองหองเกินใคร ทั้งอวดดีและหยิ่งยโส นิสัยผิดแปลกก็มากมาย แต่กับคนที่ไว้เนื้อเชื่อใจเ้ากลับใส่ใจอย่างไม่มีที่ติ อันที่จริงเ้ารู้จักดูแลใส่ใจผู้คน หนึ่งเดือนกว่ามานี้เ้าทำเพื่อข้ามากมายไม่ว่าจะเื่อะไร ตอนนี้เ้าถึงขั้นน้ำตาหลั่งรินเพื่อคนที่ไม่ได้รักเ้าด้วยซ้ำ…”
เขากล่าวต่อ “เว่ยจวินหยาง แท้จริงแล้วเ้าไม่ได้เลวร้าย เ้าสามารถเป็คนดีมีเมตตา อีกอย่างเ้ามีรูปโฉมงดงาม เ้าที่เป็แบบนี้สามารถทำให้ใครต่างก็หลงรักเ้าได้อย่างง่ายดาย…”
“แต่ก่อนข้ามักจะบ่นว่าอาจารย์ที่มอบภารกิจนี้ให้ข้า รู้สึกว่าการช่วยเ้าเป็เื่ผิดมหันต์ แต่ตอนนี้ข้าพูดได้ว่าข้าไม่นึกเสียใจภายหลัง…”
เขาหันหลัง เผชิญหน้ากับเว่ยจวินหยาง จับอุ้งมือเขา แล้วกล่าวย้ำ
“เว่ยจวินหยาง ข้าไม่นึกเสียใจที่ช่วยเ้าไว้”
ตอนที่เขาเพิ่งมาถึงโลกใบนี้ เขามองเว่ยจวินหยางเป็ศัตรูตัวฉกาจ วันๆ เอาแต่เป็ปฏิปักษ์ต่อเขา
แต่ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็พบว่า อันที่จริงเว่ยจวินหยางเพิ่งจะอายุยี่สิบสาม ยังเป็แค่เด็กหนุ่มตัวโต
สิ่งที่เขาทุ่มเทให้กับคนที่รัก ทำให้อวี๋มู่ประทับใจ มองดูเขายอมคุกเข่าเพื่อความรัก สละความมีศักดิ์ศรีในตนเอง นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกเสียใจ
อย่างเว่ยจวินหยาง เขาต้องหาคนที่รักเขาจริงได้แน่นอน
แต่อย่างน้อยตอนนี้ คนคนนั้นไม่ใช่เขาก็เท่านั้น
เด็กหนุ่มฟังเขาพูดเงียบๆ จากนั้นคว้ามืออวี๋มู่ ขบริมฝีปากแล้วเอาหน้าตัวเองแนบเข้าไป น้ำเสียงสั่นเครือกว่าเดิม
เขาเอ่ย “ที่แท้ก็เป็เช่นนี้…ที่แท้ก็เป็เช่นนี้นี่เอง”
เขายกมืออวี๋มู่ขึ้นมา มืออีกข้างเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่เช็ดอย่างไรก็ไม่หมด
นาทีนี้ เขาดูคล้ายกับเหลียงหานที่ร้องไห้อยู่ตรงสวนถึงขีดสุด ทำให้อวี๋มู่รู้สึกสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง
เขาเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เว่ยจวินหยางแบบไม่รู้ตัว แต่ทันทีที่ััใบหน้านั้น เขามองเห็นเว่ยจวินหยางยิ้ม
ทั้งๆ ที่กำลังหลั่งน้ำตา แต่ฉีกรอยยิ้ม เหมือนจู่ๆ เขาก็คิดอะไรออก ั์ตาแฝงด้วยรอยยิ้ม
เขาได้ยินเว่ยจวินหยางกล่าว “อวี๋มู่ โม่เหิงบอกว่าเ้าอยู่ได้ไม่ถึงพรุ่งนี้ ข้าเชื่อคำพูดเขา”
สองมือจับมือของอวี๋มู่ไว้ แล้วประทับจูบลงบนนิ้วที่ด้วนกุด พร้อมบอกกับเขา “ภพชาตินี้ข้าทำร้ายเ้าหนักหนา ข้านึกเสียใจที่ทำแบบนั้นกับเ้า เป็ความผิดของข้าเอง ทำให้เ้าเกลียดชังข้า ดังนั้นพรุ่งนี้ข้าจะตายพร้อมกับเ้า ข้าจะจับมือเ้าเดินผ่านสะพานไน่เหอ ข้าจะมองดูเ้าดื่มน้ำซุปของยายเมิ่ง ข้าจะจดจำความทรงจำของภพนี้ไว้ แล้วไปหาเ้าไปภพชาติต่อไป และรักเ้า…”
เขาวางมืออวี๋มู่ลงบนอกตัวเอง แล้วเอ่ย “ข้าสาบานด้วยใจจริงของข้า อวี๋มู่ ภพหน้า ข้าจะทำให้เ้ารักข้าให้ได้…”
“ไม่ได้ เ้าทำไม่ได้ เ้าไม่จำเป็ต้องทำเช่นนั้น!” อวี๋มู่ใกับคำพูดเขา รีบพูดห้ามปรามทันที
เขาไม่คาดคิดว่าเว่ยจวินหยางจะคิดทำเื่บ้าบิ่นเช่นนี้ การตายของเหลียงเสี่ยวหานในโลกที่แล้ว ก็สร้างความเศร้าโศกรู้สึกผิดกับเขามากเพียงพอแล้ว เขาไม่อยากให้เว่ยจวินหยางเดินตามอีกฝ่าย
“ไม่มีอะไรเป็ไปไม่ได้…” เว่ยจวินหยางลูบฝ่ามืออวี๋มู่เบาๆ สายตาล่องลอยไปไกล ดำดิ่งทอดมองด้วยความหมดหวัง แต่กลับตัดสินใจแน่วแน่อย่างใหญ่หลวง “อวี๋มุ่ สำหรับเ้าแล้ว ความคิดของข้าอาจจะหมดหนทางเยียวยาแล้ว…แต่ว่า ข้าขอบอกกับเ้าให้กระจ่าง โลกที่ไร้ซึ่งเ้า…”
เขามองเข้าไปในดวงตาอวี๋มู่ แล้วยกยิ้มขมขื่น “ข้าไม่อาจอยู่ต่อไปได้แม้วินาทีเดียว”
บรรยากาศนิ่งเงียบไปชั่วครู่ อวี๋มู่รู้สึกได้เพียงอากาศบางอย่างพวยพุ่งขึ้นตรงอก
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวคว้าคอเสื้อเด็กหนุ่ม แล้วแผดเสียง “เว่ยจวินหยาง ข้าไม่ได้ดีอย่างที่เ้าคิด ข้าไม่ได้รักเ้า ไม่ได้รักแม้แต่นิดเดียว! เ้าไม่มีความจำเป็ต้องบีบคั้นตัวเองให้มาตายเพื่อคนอย่างข้า”
เขาไม่มีทางเข้าใจ! และไม่เข้าใจจริงๆ!
เว่ยจวินหยางอยากได้อะไรย่อมได้ ขาดนายบำเรอไปเพียงผู้เดียว ยังมีข้ารับใช้ที่ยอมติดตามและรอเขาหันไปมองมากมาย
เขาเพียงแค่ใช้เว่ยจวินหยางเพื่อให้ภารกิจเสร็จลุล่วง ทำไมเว่ยจวินหยางถึงไม่เข้าใจกันนะ!
นี่เป็ครั้งแรกที่อวี๋มู่รู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดนับั้แ่มายังโลกนี้
เขาหมดหนทางรับมือกับเว่ยจวินหยางที่เป็เช่นนี้ เขาพบว่า เขากลัวเว่ยจวินหยางจะตายพร้อมเขา เพราะเขาไม่อยากให้เว่ยจวินหยางตายเพื่อเขา!
“เ้าร้อนรนเพราะข้า ข้ามีความสุขนัก” เว่ยจวินหยางดึงมือเขาออก ใบหน้าที่ยังมีคราบน้ำตาเจือรอยยิ้ม เขากอดอวี๋มู่ด้วยพลังที่มีความอ่อนโยน “นี่เท่ากับว่าเ้ายังใส่ใจข้าอยู่…”
เขากล่าว “ถึงภพหน้า ข้าจะพยายามทำให้เ้ารักข้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้เ้าถูกทำร้ายหรือประสบความลำบากแม้แต่นิดเดียว ข้าจะปกป้องเ้า ข้ารับใช้ผู้โง่เขลา ปกป้องเ้าไปชั่วชีวิต”
“ดังนั้น อวี๋มู่ เ้าไม่ต้องกลัว”
เว่ยจวินหยางััความอบอุ่นผ่านอ้อมกอด เอ่ยพร้อมถอนใจ
“หากต้องตาย ข้าจะตายไปพร้อมกับเ้า”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
