ตอนที่อวี๋มู่ตื่นมาอีกครั้ง ระบบบอกเขาว่าคะแนนความประทับใจของเว่ยจวินหยางเต็มแล้ว อีกยี่สิบกว่าชั่วโมงเขาจะต้องจากไป
ตามที่ระบบเล่า เว่ยจวินหยางเหมือนคนบ้าตอนที่เห็นเขาหมดสติ ก็เรียกหมอในสำนักชิงอีทั้งหมดมาทำการรักษาอวี๋มู่ แต่หมอทั้งหมดต่างบอกว่าอวี๋มู่สูญเสียพลังภายในไปแล้ว และอวัยวะภายในก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจช่วยอวี๋มู่ได้
ขณะนั้นเว่ยจวินหยางโมโหจนตบโต๊ะแหลกละเอียดไปหนึ่งตัว ทำเอาหมอใกันเป็แถบ จนต้องรีบอ้อนวอนขอชีวิต
แต่เขาก็อดทนไว้ ไม่ได้สั่งปะาใคร
เว่ยจวินหยางแบกอวี๋มู่ลงจากเขาอย่างรวดเร็ว เขาเดินอยู่ในป่าฟางหยวนไม่รู้ว่านานแค่ไหน อ้อมไปไม่รู้กี่โค้ง จนในที่สุดก็เข้าใกล้ที่พำนักของโม่เหิง
กับดักอันตรายเปลี่ยนไปมา แม้พลังในระดับนี้ของเว่ยจวินหยาง กอปรกับต้องแบกอวี๋มู่ไว้จะทำให้เชื่องช้าไปบ้าง
แต่เขาไม่ยอมให้อวี๋มู่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย เขายอมต้านไว้เพียงคนเดียว จนเกิดาแไปทั่วร่างเมื่อมาถึงที่พำนักของโม่เหิง
ตอนนั้นโม่เหิงถามเว่ยจวินหยางว่าเ้าอยากช่วยเขาหรือ?
เว่ยจวินหยางตอบว่าอยากช่วย
โม่เหิงหัวเราะอย่างเ็า แล้วเอ่ย เช่นนั้นตอนนี้เ้าต้องคุกเข่าคำนับข้าสามครั้ง เรียกข้าว่าท่านปู่ ข้าถึงจะยอมช่วยเขา เ้ายอมหรือไม่?
อวี๋มู่ได้ยินระบบบอกเช่นนี้ ถึงกับตกตะลึง : ระบบ โม่เหิงเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า? เว่ยจวินหยางเป็คนหยิ่งผยองมาแต่ไหนแต่ไร จะตอบรับคำแบบนั้นได้อย่างไร?
[แต่เขาตอบตกลงครับ]
ระบบเอ่ย [เว่ยจวินหยางลังเลเพียงเสี้ยววิ ฉับพลันก็คุกเข่าต่อหน้าโม่เหิง แล้วคำนับหน้าผากจรดพื้นหินสามครั้ง ทำซ้ำอยู่อย่างนั้น จนท้ายที่สุดเขากัดฟัน แล้วกล่าวกับโม่เหิง “ท่านปู่โม่ ได้โปรดช่วยชีวิตอวี๋มู่ด้วย”]
อวี๋มู่ : …เขาโง่ไปแล้วหรือ?
โม่เหิงเอ่ยคำขอเช่นนั้น เพราะอยากให้เว่ยจวินหยางเสียหน้า อย่างไรเสีย นับั้แ่ออกจากที่พำนักของโม่เหิงในครานั้น อีกฝ่ายก็บอกว่าหมดหนทางช่วยเขาแล้ว แน่นอนว่าครั้งนี้ก็ช่วยเขาไม่ได้เช่นกัน
เขาแค่อยากให้เว่ยจวินหยางยอมถอดใจแต่โดยง่าย
แต่เหตุใดเว่ยจวินหยางจึงตอบตกลงกัน?
ตัวเขานั้นสำคัญกับเว่ยจวินหยางถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?
เขานึกถึงเื่คะแนนความประทับใจ จึงเอ่ยถามระบบ : ระบบ คะแนนความประทับใจเต็มได้อย่างไร?
[เพราะโม่เหิงเล่าเื่ที่คุณเคยทำเพื่อเขา คะแนนของเขาจึงเติมเต็ม]
อวี๋มู่ : ถ้ารู้ว่าง่ายเพียงนี้ ฉันควรจะสารภาพกับเขาั้แ่แรกใช่ไหม?
[คุณสารภาพเองแล้วจะบอกรักเขาอย่างนั้นหรือครับ?] ระบบเอ่ย [โม่เหิงเล่าสิ่งที่ตัวเองเข้าใจเกี่ยวกับคุณให้เขาฟัง ตอนนี้เว่ยจวินหยางคงคิดว่าคุณรักเขาจริง]
อวี๋มู่ : …
เฮ้อ…
เขาเข้าใจแล้ว
ที่แท้ก็เป็เพราะความหลงใหลของเว่ยจวินหยางนี่เอง
ต่อให้ได้ยินจากปากคนอื่นว่าอวี๋มู่นั้นชอบตนเอง หรือรักตนเอง เว่ยจวินหยางก็สามารถคิดเป็จริงเป็จังได้ จนรู้สึกอิ่มเอมใจ
เขาเอ่ยถามระบบ : ระบบ ถ้าอย่างนั้นตอนที่ฉันลาจากโลกนี้ไปจะหายไปเหมือนโลกที่แล้วหรือเปล่า?
ตัวตนของเขาในโลกที่แล้วคือของปลอม ตอนที่หายไปจึงไม่มีใครล่วงรู้ที่มาที่ไป และออกจากโลกนั้น
ในโลกนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะหนี หรือจะให้เขาหายตัวไปต่อหน้าเว่ยจวินหยางอย่างนั้นหรือ? นั่นมันดูเหนือจินตนาการเกินไป
[ไม่ใช่ครับ คุณจะจากโลกนี้ไปเนื่องจากความตาย จากนั้นค่อยไปยังโลกหน้า]
อวี๋มู่ตอบรับอืม เขายังอยากจะกล่าวอะไรต่อ แต่ก็มีคนเปิดประตูเข้ามาจากด้านนอกเสียก่อน
คนที่เข้ามาคือโม่เหิง
อวี๋มู่รู้สึกใ เพราะจากนิสัยของเว่ยจวินหยาง ก่อนหน้านี้บอกกับเขาว่าห้ามพบโม่เหิง ตอนนี้เวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที ทำไมถึงไม่มาเจอเขา กลับให้โม่เหิงเข้ามาพบเขาแทนล่ะ?
“ทำสายตาอะไรของเ้ากัน? ” โม่เหิงย้ายเก้าอี้มานั่งข้างเตียง แล้วเอ่ย “เห็นว่าข้าไม่ใช่นายท่านของเ้า เลยรู้สึกผิดหวังอย่างนั้นหรือ? ”
โม่เหิงยื่นถ้วยยาในมือให้อวี๋มู่ “เ้าไม่ต้องรีบร้อน ตอนนี้เขาสภาพไม่ดีเท่าไร เดาว่าอีกสักพักคงเข้ามา รีบดื่มยาก่อนเถอะ”
“รบกวนหมอเทวดาหลายครั้งหลายหน” อวี๋มู่ดื่มยาอย่างว่าง่าย แล้วเอ่ยขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“รบกวนอะไรกัน…ตอนนั้นข้าแค่สงสัย ทำไมถึงมีคนยอมทำดีกับเว่ยจวินหยางเช่นนี้ ข้านึกว่าความจริงใจของเ้าจะไม่ได้รับการตอบรับ แต่เมื่อวานข้าเห็นการกระทำของเว่ยจวินหยางแล้ว ข้าก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาทันที” เขารับถ้วยยาที่ดื่มหมดแล้ว นิ้วมือถูขอบถ้วย แล้วเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ความรักนั้นสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้…”
“แม้กระทั่งคนบ้าคลั่งหมดหนทางเยียวยาอย่างเว่ยจวินหยาง เพื่อช่วยเ้าแล้วถึงกับยอมคุกเข่าอ้อนวอนข้า เพียงเพื่อให้เ้ามีชีวิตต่อได้อีกเพียงแค่วันเดียว”
โม่เหิงเอ่ยต่อ “อวี๋มู่ เ้ามีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันแล้ว หากมีอะไรอยากบอก ก็รีบบอกกับเว่ยจวินหยางให้ชัดเจนเถอะ ไม่ต้องฝืนกลั้น เขาเองคงไม่อยากเห็นเ้าฝืนตัวเอง”
กล่าวจบ เขาก็ตบบ่าอวี๋มู่แล้วลุกออกจากห้องไป
ไม่นานนัก เว่ยจวินหยางก็เดินเข้ามา
ดวงตาของเขาแดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้ามีรอยแผลจากการถูกลูกศรบาด เห็นได้ชัดถึงความน่าเวทนา
อวี๋มู่รู้ว่าเว่ยจวินหยางเป็คนรักษาภาพลักษณ์ หากมีเวลาเขาจะดูแลรักษาความสะอาดของตัวเอง ทั้งยังชอบสวมเสื้อผ้าสีสว่าง และแต่งกายดั่งคุณชายที่มาจากตระกูลสูงส่งและดูสง่างาม เขามักเดินไปมาด้วยท่วงท่าโอ้อวด เพื่อให้อวี๋มู่มองเขา และชื่นชมเขา
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเว่ยจวินหยางจะไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดพวกนี้แล้ว
หรือจะบอกว่าไม่มีใจจะใส่ใจก็ว่าได้
“นายท่าน…” อวี๋มู่เรียกเขา และทันเห็นว่าเว่ยจวินหยางตัวสั่นครู่หนึ่ง
ประโยคหลังนั้นเอ่ยขึ้นเพื่อทำให้ตัวเองเชื่อว่าเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ เว่ยจวินหยางรีบเดินมาข้างหน้า แล้วกอดเขาไว้
เรี่ยวแรงมหาศาล แต่กลับไม่ทำให้เขาอึดอัด
ไม่นานนัก เขาเริ่มััถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ไหลลงมาตามต้นคอ หยดแล้วหยดเล่า เหมือนกำลังลวกหัวใจเขา
เว่ยจวินหยางร่ำไห้
เขาร้องไห้อย่างนั้นหรือ?
เ้าลูกสุนัขเว่ยที่วันๆ เอาแต่ทำท่าอวดดีตอนนี้กลับทำตัวเหมือนเด็กน้อยที่กำลังร่ำไห้อยู่บนไหล่เขา
อวี๋มู่รู้สึกยากเกินจะเชื่อ แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มเ็ปหน่วงๆ ที่หัวใจ
เป็ความเ็ปที่แผ่ซ่านออกมาไม่รู้ตัว
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเ็ป
เพราะสงสารหรือ?
ไม่ใช่ความสงสาร
อวี๋มู่รู้แน่ชัดว่าครั้งนี้ต่างจากครั้งของเหลียงเสี่ยวหาน เขาไม่ได้สงสารเว่ยจวินหยาง แต่เศร้าใจเพราะท่าทางต่ำต้อยเช่นนั้นของเขา
อวี๋มู่ไม่อยากเห็นเว่ยจวินหยางที่เป็เช่นนี้
เว่ยจวินหยางที่แท้จริงต้องโอบกอดเขาด้วยรอยยิ้มร่า หัวเราะกับเขา จากนั้นก็สั่งสอนเขาด้วยท่าทางยโสโอหัง หรือไม่ก็ชอบเอ่ยคำถามแปลกประหลาดกับเขา จากนั้นก็เริ่มโมโหอย่างไม่มีที่มาที่ไป แล้วก็ดีขึ้นมาเองอย่างน่ามึนงง เหมือนกับสุนัขซื่อบื้อ แต่กลับมีความน่ารักอยู่บ้าง
นี่คือความรู้สึกอะไรกัน?
อวี๋มู่หายใจไม่ออกอยู่ลึกๆ
เขากอดเว่ยจวินหยางกลับ ดวงตาเริ่มแดงก่ำเหมือนซึมซับมาจากเขา หลอดคอเหมือนมีอะไรอุดตันอยู่ ไม่อาจกล่าวอะไรออกมาได้สักพักใหญ่
ท้ายที่สุดเว่ยจวินหยางก็เอ่ยออกมาก่อน เขาถามอวี๋มู่ด้วยน้ำเสียงซึมเซา “เ้าโม่เหิงนั่นบอกเื่นั้นกับเ้าแล้วหรือไม่? ”
อวี๋มู่ตกตะลึง แล้วเอ่ย
“ไม่มีอะไร…” เว่ยจวินหยางนึกว่าอวี๋มู่ยังไม่รู้เื่ที่เขาคุกเข่าต่อหน้าโม่เหิงจึงโล่งอก
เขาสูดจมูกเบาๆ ก่อนรวบรวมสติ แล้วยกศีรษะขึ้นจากบ่าของอวี๋มู่
เขาใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา แล้วถึงกล้าสบตาอวี๋มู่
ชายหนุ่มพยายามอย่างมากที่จะยิ้มออกมา แล้วเอ่ยกับเขา “เ้าเคยบอกว่าอยากไปดูเมล็ดนั้นว่างอกเป็ต้นกล้าหรือยัง? พวกเราไปดูกันเถอะ”
อวี๋มู่ใเล็กน้อย เขานึกว่าเว่ยจวินหยางจะถามคำถามมากมายกับเขา อย่างเช่นทำไมถึงปิดบังอาการป่วยของตัวเอง ทำไมไม่บอกเขาั้แ่แรก เป็ต้น
แต่น่าเหลือเชื่อที่เว่ยจวินหยางไม่ได้ถาม กลับจำได้เพียงคำพูดที่เขาพูดก่อนจะหมดสติไป
“ดีเลย” เขาผงกศีรษะ หมายจะลุกขึ้นยืน แต่เว่ยจวินหยางนั่งย่อลงข้างหน้าเขาเสียก่อน แล้วเอ่ย “ข้าแบกเ้าไปดีกว่า ตอนนี้เ้าเดินเองคงไม่สะดวก”
เมื่อเห็นคนตรงหน้านั่งย่อ อวี๋มู่ก็ทอดถอนใจชั่วขณะ แต่ในใจกลับมีความขมขื่นบางอย่างที่แปลกประหลาด
เขาคลานขึ้นหลังเว่ยจวินหยางอย่างเชื่อฟัง แล้วให้ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่แบกเขาออกจากห้อง
ขณะนี้เป็เวลาใกล้เที่ยงวัน แสงตะวันที่สาดส่องมาโดนร่างของทั้งสองคน ช่างอบอุ่น แต่ก็แสบตา
อวี๋มู่นอนหลับมาทั้งคืน เมื่อเจอเข้ากับแสงตะวันก็รู้สึกปรับตัวไม่ทัน
เว่ยจวินหยางเอ่ยเสียงเบา “ถ้ารู้สึกแดดแยงตาให้ซบบนไหล่ข้า อย่ามองไป้า”
อวี๋มู่ใกับความใส่ใจของอีกฝ่าย พลางตอบรับอืม แล้วเห็นโม่เหิงกับเสี่ยวเหยียนเดินมาด้านหน้าของพวกเขา
ทุกคนต่างไม่พูดไม่จา หลายเื่ทุกคนรู้ดีแก่ใจ จึงไม่จำเป็ต้องเอ่ยอะไร
มีเพียงเสี่ยวเหยียนที่ขยี้ตาที่แดงก่ำ จับชายเสื้อโม่เหิงไว้ มองไปยังอวี๋มู่ด้วยแววตาเห็นใจ
อวี๋มู่โบกมือลาพวกเขา แล้วซบหลังเว่ยจวินหยางอย่างเชื่อฟัง พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
เื่ราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาเองก็รู้สึกเศร้าเสียใจ
เดิมทีอยากจากที่นี่ไปอย่างเรียบง่าย จู่ๆ ดันรู้สึกว่าความรู้สึกในใจมันช่างหนักหนาอย่างไม่มีสาเหตุ
พอคำนวณดู เขาอยู่กับเว่ยจวินเพียงแค่สองเดือน เทียบกับเวลาที่อยู่กับเหลียงเสี่ยวหานสองปีครึ่งนั้นสั้นกว่ามาก
คงเป็เพราะบทบาทตอนจบที่ใกล้ตายของเื่นี้นั้นแตกต่างออกไป เขาถูกกำหนดแล้วว่าต้องนำความเ็ปจากการสูญเสียคนที่รักให้เว่ยจวินหยาง จึงไม่อาจเลี่ยงได้
“อวี๋มู่ เ้าอยากกินอะไรหรือไม่? ” เว่ยจวินหยางแบกเขาไว้อย่างนี้แล้วเอ่ย “หากมี ก็บอกกับข้า ข้าจะทำให้เ้า”
กล่าวจบก็เสริมด้วยว่า “ทางที่ดีเ้าควรรีบคิดหน่อย ความอดทนของนายท่านเ้านั้นมีขีดจำกัดนะ”
เมื่อเห็นเขากลับคืนสู่สภาพปกติ อวี๋มู่แอบรู้สึกวางใจไปเปราะหนึ่ง แล้วตอบกลับ “เรียนนายท่าน ข้าน้อยอยากดื่มซุปเห็ดหอม กินน่องกระต่ายย่าง”
สิ่งที่เขาบอกไม่ได้ทำยากนัก
ตอนที่ทั้งสองอาศัยในถ้ำมักจะกินของพวกนี้
เขาไม่อยากสร้างความลำบากให้เว่ยจวินหยางทำอย่างอื่น
“ได้” เว่ยจวินหยางพยักหน้า ใช้วิชาตัวเบา เร่งฝีเท้า ไม่นานนักก็ไปถึงหน้าปากถ้ำ
เขาวางอวี๋มู่ลง ให้เขาพิงผนังถ้ำ นั่งยองๆ หน้าเขาแล้วกำชับว่าห้ามไปไหน รอจนตัวเองกลับมา จากนั้นก็ออกไป
ตอนที่ไปยังเหลียวมามองไม่หยุด กลัวมากว่าอวี๋มู่จะหนีไป
เขาเองก็อยากหนีไป แต่ร่างกายไร้เรี่ยวแรงราวกับหญิงสาวบอบบางจะหนีไปไหนได้?
เมื่อเห็นเว่ยจวินหยางไปไกลแล้ว เขาก็พิงข้างผนังถ้ำพูดคุยกับระบบ : ระบบ นายคิดว่าเว่ยจวินหยางจะลืมฉันได้หรือเปล่า?
เขากล่าวต่อ : ตอนที่เขายังไม่ยอมรับฉัน ใช้ชีวิตน่าอภิรมย์ อยากได้อะไรย่อมได้ มีชีวิตอยู่อย่างไร้กังวล ปรากฏว่าตอนนี้กลับกลายมาเป็สภาพเช่นนี้ ฉันรู้สึกแย่แทนเขา
[โฮสต์ครับ คุณยังจำที่ผมเคยพูดได้ไหมว่า วายร้ายพวกนี้แท้จริงแล้วก็เป็คนเหมือนกัน? พวกเขาดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึก แต่ความเป็จริงกลับใส่ใจกับความรู้สึกที่สุด ขอเพียงยึดมั่นในคนผู้หนึ่ง ก็เท่ากับเป็เื่ชั่วชีวิต การจะให้ลืมนั้นไม่มีทาง]
อวี๋มู่ : … เฮ้อ ภารกิจนี้ให้ความรู้สึกที่แย่จริงๆ
-------------------------------------------------------------------------------------------------