เหล่าทหารที่กล้าดีเพิ่งได้เห็นว่าในมือนางกำลังถือป้ายคำสั่งของจวนหานอ๋องพวกเขาต่างก็อึ้งไป ก่อนที่ในสมองจะเริ่มคิดปะติดปะต่อ ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดว่าชายาหานอ๋องมาเหอซี อีกทั้ง นางยังเป็หมอที่มีวิชาแพทย์สูงส่งยิ่ง ตอนนี้เมื่อก้มมองมือน้อยๆของนางที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเืสด เมื่อผนวกรวมกับสิ่งต่างๆ ที่ได้ยินมาทหารคนหนึ่งก็ก้าวไปด้านหน้าเพื่อสอบถามอย่างระมัดระวัง “ขออภัย ข้ามีเื่หนึ่งที่อยากจะถามฮูหยินใช่ชายาหานอ๋องหรือไม่? ”
เมื่อเขาพูดจบ เสียงเกรี้ยวกราดสายหนึ่งก็ลอยมา “พวกเ้ากล้ามากนักนะกล้าชักกระบี่ออกมาต่อเบื้องพระพักตร์พระชายา ช่างรนหาที่ตายเสียจริง”
ทันทีที่พวกทหารไม่รู้ความได้ยินเข้าก็รีบวางกระบี่ในมือลง จากนั้นจึงคุกเข่าลงบนพื้นแล้วพูดว่า“ผู้น้อยไม่ทราบว่าพระองค์คือชายาหานอ๋อง ขอพระชายาทรงไว้ชีวิตด้วย” พวกเขาไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้านี้จะใช่พระชายาจริงๆหรือไม่ ทว่าเสียงที่ลอยมาจากทางด้านหลังนั้น พวกเขาล้วนคุ้นเคยเป็อย่างดี เสียงนั่นก็คือเสียงของท่านแม่ทัพของพวกเขา
ในเมื่อท่านแม่ทัพแน่ใจว่าสตรีตรงหน้านี้คือชายาหานอ๋อง เช่นนั้นก็เป็การยืนยันแล้วไม่มีทางเข้าใจผิดไปแน่
ท่านแม่ทัพรุดมาด้านหน้า พูดอย่างเคารพ “พระชายาขอพระองค์ทรงไว้ชีวิตพวกเขาสักครั้งเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ถึงแม้ใจลึกๆ เขาจะยังอยากสั่งสอนเ้าพวกสารเลวนี่สักหนด้วยหาญกล้าล่วงเกินพระชายาทว่าการที่เขาได้อยู่หานโจวมาสองปี จึงพอจะได้ยินเื่ความลุ่มหลงรักใคร่ภรรยาของหานอ๋องมาบ้างดังนั้น หากเื่นี้ถูกชายผู้สูงส่งท่านนั้นรู้ว่า ภรรยาตนถูกทหารพวกนี้รังแกก็มีความเป็ไปได้มากที่คนจะพุ่งเข้าไปในกระโจมของเขาแล้วตัดคอเ้าพวกไม่รักดีนี้เสีย
“หลัวหยวน เมื่อครู่เปิ่นเฟยสังหารทหารของเ้าไปคนหนึ่ง เหตุใดจึงไม่คิดทวงความยุติธรรมคืนจากเปิ่นเฟย”หลัวหยวน คือญาติผู้น้องชายฝั่งพ่อของหลัวเผิง ส่วนบิดาของเขาก็คือแม่ทัพขั้นสามผู้หนึ่งแห่งด่านฉีเหมินหนนี้เขาถูกย้ายให้มารับตำแหน่งเป็รองผู้บัญชาการประจำกองทัพป้องกันเมืองหานโจว ซึ่งหากให้นับตามตำแหน่งแล้วตัวเขาเองก็นับว่าเป็แม่ทัพน้อยขั้นห้าชั้นสูงผู้หนึ่ง
“พระชายากระทำเื่ใดแน่นอนว่าต้องมีเหตุผล ถึงแม้กระหม่อมจะมีโอกาสได้พบพระองค์เพียงน้อยครั้งแต่กระหม่อมก็รู้ดีว่า เื่ใดผิดถูก พระชายาล้วนเห็นอย่างชัดแจ้ง ปูนบำเหน็จหรือลงโทษล้วนเป็ธรรมอีกประการ ทหารผู้นี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะอาศัยเื่ที่อาตนเป็รองแม่ทัพขั้นสามชั้นสูงแห่งด่านฉีเหมินกระทำการเหิมเกริม ไม่ไว้หน้าใครมาโดยตลอด ดังนั้น การที่พระชายาจะลงมือสังหารเขาก็ย่อมต้องเป็เหตุที่สมควรแน่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”หลัวหยวนไม่กล้าพูดไปตามตรงว่า จริงๆ แล้วการที่นางสังหารอีกฝ่ายถือเป็เื่ที่ดียิ่ง
เ้าสารเลวนั่นขัดหูขัดตาเขาอยู่นานแล้ว วันๆ เอาแต่อวดดีแค่เพราะอาศัยผลงานศึกเล็กๆน้อยๆ ของอาตัวเองเ่าั้
“ดียิ่ง” อวิ๋นซีมองหลัวหยวนไปทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดกับบรรดาทหารที่คุกเข่าอยู่บนพื้น“ลุกขึ้นเถอะ เปิ่นเฟยเพียงสังหารเขา เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูก็เท่านั้น ทว่า ต่อแต่นี้หากยังมีใครกล้าเกียจคร้านพูดจาร้ายกาจ และแสดงท่าทีที่ไม่ดีจนกระทบต่อคนอื่นๆ ครานั้นก็อย่าได้กล่าวโทษมีดสั้นในมือของเปิ่นเฟยว่าไม่เกรงใจก็แล้วกันอย่างไรเสีย พวกเ้าก็คงรู้ดีว่า เปิ่นเฟยมิใช่คนปราณี หากมาก้าวล่วงเปิ่นเฟยและท่านอ๋องอีกละก็ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็ขุนนางตำแหน่งใหญ่โตสักเพียงใด เปิ่นเฟยก็จักสังหารสิ้น”
เมื่อพูดจบ นางก็มองไปยังหลัวหยวน “ในฐานะที่เป็ทหาร พวกเ้าต้องจดจำเอาไว้ตลอดว่าบนบ่าของตนต้องแบกสิ่งใดบ้าง พวกเ้า มีชีวิตอยู่ก็เพื่อประชาชน มีชีวิตอยู่ก็เพื่อหนานเย่า”
เมื่อพูดจบ นางก็หยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมา เพื่อเช็ดเืสดๆ ที่ติดอยู่บนมีดสั้นจากนั้นจึงหมุนกาย ก้าวเท้ายาวๆ จากไป
สิ่งหนึ่งที่นางยังไม่รู้ ณ บริเวณที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก เงาร่างสีเขียวไผ่ร่างหนึ่งกำลังจดจ้องเงาหลังของนางอย่างใจลอยเขาพูดเสียงเบา “มีชีวิตอยู่เพื่อประชาชน มีชีวิตอยู่เพื่อหนานเย่า...” หึหึคิดไม่ถึงว่านางจะเป็พระชายา ทั้งยังดูกล้าหาญมากอีกด้วย
“ใต้เท้า ชายาหานอ๋องผู้นี้จะโอหังเกินไปแล้วกระมังขอรับ นั่นก็ทหารคนหนึ่งนางคิดอยากจะฆ่าก็ฆ่า ทั้งที่คนพูดไปแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น” ชายคนหนึ่งที่ติดตามอยู่ด้านหลังจี้หยวนกล่าว
“พูดจาว่าร้ายไร้แก่นสาร สั่นคลอนใจทหาร ย่อมสมควรตาย” เขาไม่ได้คิดว่าอวิ๋นซีตัดสินใจกระทำผิดไปแม้แต่น้อยในทางตรงกันข้าม เขากลับยิ่งรู้สึกว่าชายาหานอ๋องผู้นี้ไม่เลวจริงๆ มิน่าหานอ๋องถึงได้เห็นคนผู้นี้เป็ดั่งสมบัติล้ำค่าในฝ่ามือ สตรีเช่นนี้ใครบ้างจะไม่หวั่นไหว
ดูท่า นางจะไม่เหมือนพระชายาที่มีท่วงท่าชดช้อยบอบบางในเมืองหลวงที่เอะอะก็เห็นกฎระเบียบเป็สำคัญสตรีเช่นนี้ ใช้ชีวิตอย่างจริงแท้ ไม่เสแสร้งมากความ ดียิ่งนัก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็หวนนึกถึงเมื่อสามปีก่อนที่ได้พบเจอบุรุษในชุดแดงหากนางเป็พระชายา ดูท่าชายคนนั้นก็คงจะเป็ท่านอ๋อง ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเื่ที่เขาไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยเหตุใดฝ่าาถึงได้ขับไล่พระโอรสสายตรงของตนมายังหานโจวแห่งนี้?
ขณะเดียวกัน ทันทีที่จวินเหยียนรู้เื่ที่อวิ๋นซีสังหารทหารเขาก็พูดกับนางไปเรียบๆ ประโยคหนึ่ง “จัดการได้ดี”
ทหารที่ไม่ดูแลประชาชนจะมีไว้ทำอันใด
วันที่เจ็ดหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ชาวบ้านที่ถูกกลบฝังอยู่ในกองดินล้วนถูกขุดร่างขึ้นมาจนหมดแล้วซึ่งมีทั้งผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิต เมื่อสองวันก่อนยังพอขุดพบคนโชคดีที่ยังรอดชีวิตทว่าเพียงไม่กี่วันให้หลังกลับไม่พบใครรอดชีวิตอีกเลย
ถึงกระนั้นหานอ๋องก็มีพระบัญชา ต่อให้ร่างที่ขุดขึ้นมาจะไร้ซึ่งลมหายใจ แต่พวกเขาก็จำต้องนำร่างเ่าั้ออกมาให้ได้อย่างน้อยๆ ร่างไร้ิญญาเ่าั้จะได้ถูกกลบฝังลงดินอย่างสงบแท้จริง ยิ่งกว่านั้นเื่ที่พระชายาสังหารทหารนายหนึ่งก็ได้แพร่ออกไปทำให้ไม่มีใครเลยสักคนจะกล้าขัดพระบัญชาของหานอ๋อง ทั้งยังลงแรงทำงานให้หนักยิ่งขึ้น
รอกระทั่งขุดคนขึ้นมาได้สำเร็จ อวิ๋นซีก็สั่งหมอกลุ่มหนึ่งให้เข้าพื้นที่ในเขตภัยพิบัติเพื่อจัดแจงทำความสะอาดส่วนศพที่ถูกขุดขึ้นมา หากมีญาติมาติดต่อขอรับไปก็ล้วนต้องฆ่าเชื้อทำความสะอาดให้ดีเสียก่อนถึงจะฝังตามธรรมเนียมปกติได้
ส่วนศพที่ไม่มีญาติมารับก็ให้เผาพร้อมกันหมด จากนั้นจึงนำไปฝัง
นอกจากนี้ บ้านเรือนของชาวบ้านที่พังเสียหาย อวิ๋นซีและจวินเหยียนก็เริ่มให้คนลงมือปลูกสร้างใหม่ทว่าใน่เวลาสั้นๆ ชาวบ้านยังไม่อาจเข้าใช้งานได้ สองสามีภรรยาจึงพาชาวบ้านไปพักอาศัยในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาซึ่งได้รับภัยพิบัติไม่หนักหนามาก อีกทั้ง สถานที่แห่งนั้นยังตั้งอยู่ห่างจากสถานที่แห่งนี้ไม่ไกลนักที่สำคัญไปกว่านั้น บ้านพักอาศัยแต่ละหลังล้วนเป็จวนหานอ๋องที่จัดคนมาสร้างให้ทั้งหมด
อีกทั้ง ในตอนนี้ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในหานโจวอย่างตระกูลฉินเองก็ได้ส่งเงินมาสมทบที่เหอซีมากถึงสองหมื่นตำลึงพร้อมด้วยยารักษาอีกจำนวนไม่น้อยด้วยตั้งใจจะมอบให้เหล่าประชาชนผู้ประสบภัย ยามนี้เมื่อมีสองตระกูลรุ่มรวยเป็ผู้นำร่องตระกูลพ่อค้ารายอื่นๆ ไม่ว่าจะยินดีหรือมีเหตุผลอื่นแอบแฝงก็ล้วนหลับหูหลับตาสละทรัพย์สินบางส่วนจากนั้นจึงให้คนส่งเงินมาที่เหอซี
เพียงไม่นาน เงินสำหรับปลูกสร้างและซ่อมแซมความเสียหายหลังภัยพิบัติก็มีเพียงพอแล้วซึ่งคราวนี้เป็อวิ๋นซีอีกเช่นกันที่ออกแบบบ้านพักสองชั้นด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้ก่อสร้างจัดทำตามแบบนี้สิ่งที่นาง้ามากที่สุดในยามนี้ก็คือ การทำให้คนที่ตายไปแล้วได้พักผ่อนอย่างสงบให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อยู่อย่างดี
ภาพร่างที่อวิ๋นซีวาดออกมาเหมือนกับบ้านสองชั้นในสมัยปัจจุบันไม่ผิดเพี้ยนหานโจวอย่างอื่นไม่มาก แต่มีที่ดินมาก อวิ๋นซีและจวินเหยียนจึงสั่งให้คนเก็บข้อมูลของทุกๆบ้าน เพื่อที่วันหน้าจะได้จัดสรรบ้านให้แต่ละครอบครัวได้สะดวกยิ่งขึ้น
อวิ๋นซีและจวินเหยียนยังคงรั้งอยู่ที่เหอซีจนกระทั่งเื่ทั้งหลายจัดการเรียบร้อยแล้วจึงได้ตัดสินใจจากไป ซึ่งในตอนนี้เป็ตอนที่จวินเหยียนกำลังััใบหน้าของสตรีที่นอนหนุนตักตนอยู่อย่างเบามือจากนั้นเขาก็ถอนใจออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า “อยู่กับข้า ทำเ้าลำบากแล้ว ข้าทำให้เ้าต้องเหนื่อยมามากอาซี ข้า จวินเหยียนขอสาบาน ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีทางทำผิดต่อเ้าอย่างแน่นอน และต่อให้ข้าจะต้องขึ้น์หรือลงนรกข้าก็จะไม่ยอมให้ใครมาแยกพวกเราออกจากกันได้” ในชาตินี้เขาไม่ติดค้างผู้ใดนอกเสียจากสตรีข้างกายผู้นี้ สิ่งที่เขาติดค้างนาง ทั้งชีวิตนี้ไม่อาจชดใช้คืนให้ได้หมด
แม้อวิ๋นซีจะหลับไปแล้ว ทว่า เมื่อครู่ตอนที่ชายหนุ่มลูบใบหน้านางอย่างเบาๆก็เป็ตอนที่นางตื่นขึ้นมาพอดี ดังนั้น ทุกๆ ถ้อยคำที่เขาพูดออกมา นางย่อมได้ยินทั้งหมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้