“จะพูดเช่นไรดี? เปิ่นหวังเห็นแม่นางผู้นี้อยู่ในงานเลี้ยงและรอคอยการถูกคัดเลือกหรือท่านอ๋องอวี้และพระชายาจะไร้ซึ่งสัจจะคุณธรรมกัน?”
ใบหน้าฮ่องเต้ิเคร่งขรึมตำแหน่งชายาเอกขององค์ชายรัชทายาทถูกสาวใช้่ชิงไปแล้ว
แต่เมื่อองค์ชายรอง้าเลือกชายาของตนเอง พระชายาอวี้กลับเข้ามาขัดอีกครั้ง
แม้ตัวเขาจะเป็ถึงฮ่องเต้ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่คิดรังแกผู้น้อย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ท่าทีของหลินเมิ้งหยาจะเปลี่ยนไปเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานถูกส่งมาแทน
“ฮ่องเต้ิได้โปรดลงโทษหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันร้อนใจจนเกินไปทำให้ลืมว่าองค์ชายรองหาได้รู้เื่ราวแห่งต้าจิ้นไม่ หม่อมฉันผิดเองเพคะฮ่องเต้ิได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วย”
นางััได้ว่าฮ่องเต้ิเป็คนใจเย็น หากพูดกับเขาอย่างมีเหตุผลชายผู้นี้จะต้องเข้าใจอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากดึงดันแข็งกระด้าง เกรงว่าเขาจะหยาบคายกว่าเป็สิบเท่า
ทันทีที่ท่าทีของหลินเมิ้งหยาเปลี่ยนไปสีหน้าของฮ่องเต้ิพลันอ่อนโยน
ถึงอย่างไรสถานะชายาขององค์ชายก็มิได้ด้อยไปกว่าตนเอง
“หากชายาอวี้ไม่มีเหตุผลมากพอเกรงว่าเปิ่นหวังคงมิอาจไว้หน้าพระองค์ได้”
คำพูดไร้ซึ่งความเกรงใจ
ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิได้รู้สึกกระวนกระวายแต่นางหยักยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะขยับเท้าก้าวเดินไปยืนข้างกายเยว่ถิง
“คุณหนูเยว่คือว่าที่พี่สะใภ้ในอนาคตของหม่อมฉันซึ่งคนทั้งต้าจิ้นต่างรู้เื่ราวการหมั้นหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากฮ่องเต้แล้วแม้องค์ชายรองจะไม่รู้ก็หาใช่เื่แปลก เพียงแค่เื่นี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของพี่ชายหม่อมฉันโดยตรงดังนั้นคำพูดของหม่อมฉันจึงไม่น่าฟังเท่าไรนัก ขอฮ่องเต้ิได้โปรดอภัย”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้สีหน้าของฮ่องเต้ิเปลี่ยนไป
หันหน้ากลับไปมองลูกชายคนรองของตนเองั์ตาพลันปรากฏร่องรอยของความรู้สึกบางอย่าง
ทว่า เมื่อหันหน้ากลับมาอีกครั้งห้วงอารมณ์ในแววตาเมื่อครู่พลันหายไป
“ในเมื่อเป็เช่นนั้น อาหนานต่างหากที่เป็ฝ่ายร้อนใจเกินไปในเมื่อเป็การหมั้นหมายที่ได้รับความยินยอมจากฮ่องเต้เช่นนั้นพวกเราคงมิอาจฝืนพระบัญชาได้ อาหนานยกเลิกการคัดเลือกชายาในวันนี้ไปเสียเถิด”
แม้คำพูดของฮ่องเต้ิจะน่าฟัง แต่อันที่จริงแล้วเขาเป็คนเด็ดขาดเมื่อลั่นวาจาออกไปแล้วจะไม่มีทางลั่นวาจาอีกเป็ครั้งที่สอง
ลูกชายทั้งสองรู้จักอุปนิสัยของพ่อตนเองดี
เยว่ถิงจับมือของหลินเมิ้งหยาแน่นราวกับนางเพิ่งจะรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดเื่อะไรขึ้น
“ช้าก่อน! แม้คุณหนูเยว่จะหมั้นหมายกับคุณชายแห่งสกุลหลินแล้วแต่ตอนนี้คุณชายหลินออกไปรบอยู่นอกเมืองหากเขาผิดคำสัญญาจากคุณหนูเยว่ก็คงจะมิใช่เื่ดีมิใช่หรือ?”
คำพูดของไท่จื่อประหนึ่งกำลังคิดแทนเยว่ถิง
หลินเมิ้งหยาเลิกคิ้วขึ้น ขณะที่คิดจะโจมตีกลับ หลงเทียนอวี้กลับชิงพูดตัดหน้านาง
“เมื่อทหารออกรบจะต้องพบกับความลำบากตรากตรำข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อครั้งเกิดาฟางเจียป้า หลินหนานเซิงเสนอตัวนำทัพเสี่ยงเป็เสี่ยงตายจนได้รับชัยชนะในที่สุด พอมาวันนี้ ทั้งที่ท่านแม่ทัพของเรากำลังปกปักดูแลความสงบสุขอยู่ที่แถบชายแดนแต่ว่าที่ภรรยากลับถูกผู้อื่นแย่งไปเช่นนั้นไท่จื่อมิกลัวว่าท่านแม่ทัพจะเสียขวัญกำลังใจกระนั้นหรือ?”
คำพูดของหลงเทียนอวี้ทำให้เหล่านักรบที่แก่ชราลงแล้วขอบตาแดงก่ำ
ตอนนั้นพวกเขาสละได้กระทั่งชีวิตเพื่อประเทศชาติ
บางคนไม่ได้เห็นกระทั่งใบหน้าแม่ของตนเองเป็ครั้งสุดท้ายบางคนแม้เส้นผมจะกลายเป็สีขาวแต่กลับต้องฝังลูกหลานที่เส้นผมยังคงเป็สีดำ
บางคน ทั้งที่คนในบ้านของตัวเองสิบกว่าคนป่วยติดเตียงเพราะโรคระบาด
ทว่าเขากลับเดินทางออกจากบ้านไปหลายร้อยลี้แล้วเพื่อปกป้องดูแลประเทศเขาพลาดกระทั่งการได้เห็นใบหน้าครั้งสุดท้ายของเหล่าคนที่ตนเองรัก
ตอนนี้สองพ่อลูกแห่งสกุลหลินกำลังเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบากในสมรภูมิรบ
แต่ไท่จื่อกลับเห็นแก่ตัวเขา้าส่งว่าที่ภรรยาของท่านแม่ทัพไปแต่งงานกับชายอื่นดังนั้นเื่นี้จึงทำร้ายจิตใจกับเหล่าทหารกล้าอย่างรุนแรง
ขณะนี้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เริ่มมองไท่จื่อด้วยสีหน้าแววตาที่ไม่เห็นด้วย
ไท่จื่อตื่นตระหนก เขาพลาดไปแล้ว!
เยว่ถิงบีบมือของหลินเมิ้งหยาแน่น สีหน้าหวาดกลัว ใบหน้าขาวซีด
นางใช้ชีวิตอย่างไร้เดียงสาและสวยงามมาโดยตลอด
นางเฝ้าหวังว่าท่านแม่ทัพรูปงามของนางจะกลับมาและแต่งงานพานางไปอยู่ด้วย
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองจะถูกองค์ชายรองแห่งซีฟานเลือกดังนั้นความตื่นตระหนกจึงสะกดหัวใจจนแทบจะหยุดเต้น
“หยาเอ๋อร์ หยาเอ๋อร์ ข้า...ข้าจะทำเช่นไร?”
หลินเมิ้งหยาตบหลังมือของนางเบาๆ พลางส่งเสียงปลอบโยน
“วางใจเถิด หากข้ายังอยู่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จะสั่งให้เ้าไปแต่งงานไม่ได้”
เยว่ฉีเองหันหน้าไปมองพี่สาวของตนเองด้วยความกังวลดวงตาคู่สวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
พี่สาวผู้น่าสงสาร เหตุใดจึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
“เื่นี้...เอาไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถิดไท่จื่ออย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจไปเลย อ๋องอวี้อย่าทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่”
ในที่สุดฮองเฮาก็เอ่ยออกมา
นึกตำหนิลูกชายตนเองในใจ
ทันทีที่ไท่จื่อเอ่ยเช่นนั้นออกมาความโกรธพลันปะทุขึ้นในหัวใจของนางทันที
เ้าขยะนี่! ตนเองเสียเวลาเลี้ยงดูเขามานานยี่สิบกว่าปีเหตุใดจึงไร้ประโยชน์เช่นนี้
สิ่งที่ทำให้ประเทศชาติสงบสุขอยู่ได้ก็คือทหารเ่าั้
ย้อนกลับไปในอดีต กว่าบรรพบุรุษจะก่อตั้งต้าจิ้นจนสำเร็จขึ้นมาได้จะต้องใช้กำลังทหารในการ่ชิงอำนาจมาดังนั้นฮ่องเต้ในราชวงศ์ก่อนจึงยอมสละบัลลังก์
หากตอนนี้ทำให้เหล่าทหารเสียขวัญกำลังใจแล้วละก็ นั่นมิเท่ากับว่ากำลังส่งมอบต้าจิ้นให้กับศัตรูหรือไร?
แม้ไท่จื่อจะไม่อยากจำนน แต่เขาก็มิเอ่ยอันใดออกมาอีก
“ช่างเถิด ถือเสียว่าลู่หนานมิรู้เื่อันใด ชายาอวี้วางใจเถิดคนของซีฟานมิมีทางลักพาตัวหรือ่ชิงภรรยาของผู้อื่น”
ฮ่องเต้ิฉลาดเฉลียวยิ่งนัก รู้จักผิดชอบชั่วดีจิตใจยากแท้หยั่งถึง
หลินเมิ้งหยาพยักหน้า หลังจากปลอบโยนเยว่ถิงแล้วนางจึงกลับไปยังที่นั่งของตนเอง
ทันทีที่นั่งลง นางััได้ถึงสายตาอาฆาตจากไท่จื่อและฮองเฮาที่กำลังจ้องมองมายังตนเอง
แล้วอย่างไรเล่า?
นับั้แ่วันที่พวกเขาวางแผนส่งนางมาเป็ชายาอวี้ รวมถึงหมายมั่นฆ่าให้ตายถึงอย่างไรศึกนี้ก็มิอาจลดละได้อยู่แล้ว!
งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไปทว่าพระสนมเต๋อเฟยอ้างว่าตนเองปวดหัวขึ้นมากะทันหันดังนั้นจึงขอตัวพาหลินเมิ้งหยากลับจวนอวี้ก่อน
ฮองเฮารีบสานสัมพันธ์กับฮ่องเต้ิอีกครั้งเพื่อที่แผนการของพวกเขาในครั้งหน้าจะไม่ถูกยับยั้งอีกต่อไป
หลินเมิ้งหยานั่งอยู่ภายในรถม้า อีกด้านคือป๋ายซ่าวที่กำลังตกตะลึง
“งานเลี้ยงเมื่อครู่อันตรายมากเลยเ้าค่ะ! นายหญิงสู้หัวฟัดหัวเหวี่ยงจนหนู่ปี้ใแทบเสียสติ”
ป๋ายซ่าวตบหน้าอกตนเอง สายตามองทางนายหญิงด้วยความกังวล
ตอนแรกนางยังไม่เชื่อเท่าไรว่านายหญิงเป็คนใจกล้าบ้าบิ่นพอมาวันนี้นางเชื่อจนหมดใจ
ไท่จื่อ ฮองเฮา แล้วไหนจะเหล่าขุนนางทั้งหลายอีกขนาดนางยืนอยู่อีกฝั่งยังแทบหายใจไม่ออก
แต่นายหญิงพลิกสถานการณ์กลับมาได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“หากมีเหตุผลสามารถเดินไปได้ทั้งโลกหล้าหากไร้ซึ่งเหตุผลคงยากแม้จะเดินเพียงก้าวเดียวพวกเราล้วนอยู่บนสัจธรรมของคำว่าความเคารพ แล้วเหตุใดจะต้องต่อสู้กันด้วยเล่า?”
วันนี้นางตกอยู่ในอันตรายอย่างแท้จริง หากนี่เป็เพียงงานเลี้ยงเล็กๆเกรงว่านางคงมิอาจเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ทว่างานเลี้ยงในครั้งนี้จัดขึ้นอย่างใหญ่โต
อย่าว่าแต่ไท่จื่อและฮองเฮาไม่กล้าลงมือเลย หากพวกเขายังคงปฏิบัติตนอย่างไร้ยางอายโดยการบังคับเยว่ถิงให้แต่งงานออกเรือนแล้วละก็
เช่นนั้นวันพรุ่งเื่นี้คงถูกเล่าลือไปจนเหนือใต้ออกตก
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาคงไม่อาจทนรับผลแห่งการกระทำได้
“แม้หลักคำสอนจะเอ่ยเช่นนั้นแต่คนในวังใช่จะมีเหตุผลทั้งหมดนี่เ้าคะ! ท่านลองดูคำพูดของไท่จื่อในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจการแต่งงานระหว่างคุณชายใหญ่และคุณหนูเยว่เลยแม้แต่น้อยหนู่ปี้กลัวว่า...”
คำพูดของป๋ายซ่าวใช่จะไร้เหตุผล
หลินเมิ้งหยาหลับตาสงบนิ่ง ทว่าสมองกลับประมวลผลอย่างรวดเร็ว
ไท่จื่อและฮองเฮาล้วนใจดำอำมหิต
วันนี้ตนเองเข้าไปกระตุกหนวดเสือ
เกรงว่าทั้งแค้นใหม่แค้นเก่าจะกลายเป็าอันน่าสยดสยองเสียแล้ว
บรรยากาศภายในรถม้าเงียบสงบ ป๋ายซ่าวโยนกำยานเข้าไปในกระถางธูป
ขณะเดียวกันกลิ่นหอมอ่อนๆ เริ่มคละคลุ้งภายในรถ
จู่ๆ เปลือกตาของหลินเมิ้งหยาพลันเปิดออกดึงร่างป๋ายซ่าวไปหลบที่มุมหนึ่ง
“นายหญิง?เป็อะไรเ้าคะ?”
ป๋ายซ่าวที่ไม่รู้เื่อันใดยังไม่ทันสังเกตเห็นเสียงตึงตังทางด้านนอกกำลังมีคนต่อสู้กัน
“ชู่”
หลินเมิ้งหยาใช้มือปิดปากนางเพื่อไม่ให้ส่งเสียง
ทั้งสองหลบอยู่ในมุมที่มั่นคงที่สุดอีกทั้งยังเป็ตำแหน่งที่ไม่มีทางได้รับาเ็
ผลปรากฏว่า หลังจากเสียงฟาดฟันหายไปหน้าต่างของพวกนางเต็มไปด้วยลูกศรที่พุ่งเข้ามาแทงรถม้า
ป๋ายซ่าวใจนสติหลุด นางรีบดันตัวเข้าหาอ้อมกอดของหลินเมิ้งหยา
ไอ้พวกบ้า ยังไม่ทันที่นางจะกลับถึงจวนก็คิดจะแก้แค้นแล้วหรือ?
“พระชายา...”
องครักษ์คุมรถม้าทางด้านนอกคิดไม่ถึงว่าจะถูกคนเ่าั้ล้อมเอาไว้
ภายในรถม้าเงียบสงบ เหล่าองครักษ์พุ่งเข้าหาศัตรูเพื่อฟาดฟัน
เหล่าชายชุดดำพยายามเข้ามาที่รถม้าเพื่อสำรวจภายในแต่กลับถูกเหล่าองครักษ์สกัดไว้
“พี่น้องทั้งหลาย ฆ่า!”
เมื่อเห็นว่ารถม้าถูกลูกศรเจาะจนมิต่างอะไรจากขนเม่นดวงตาขององครักษ์พลันแดงก่ำเพราะความแค้น
นับั้แ่วันที่พระชายาอภิเษกสมรสเข้ามาอยู่ในจวนอวี้ เงินเดือนพวกเขาเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ใช่ว่าท่านอ๋องดูแลพวกเขาไม่ดี แต่เพราะความเอาใจใส่ของพระชายา ดังนั้นเหล่าองครักษ์จึงรู้สึกดีกับพระชายามากเป็พิเศษ
อีกทั้งพวกเขายังเป็ทหารดังนั้นพวกเขาจึงต้องปกป้องเ้านายของตนเองด้วยชีวิต
แต่เพราะจำนวนของศัตรูที่มีมากกว่าดังนั้นทางฝั่งขององครักษ์จึงเริ่มเสียเปรียบ
ในที่สุด ชายชุดดำสองคนฝ่าความวุ่นวายจนถึงตัวรถม้าในมือถือมีดวาววับ
ทว่าเมื่อพวกเขาเปิดผ้าม่านออกกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินเมิ้งหยา
เป็ไปได้อย่างไร?
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเข้าไปค้นหา ทว่าพวกเขากลับได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งเข้ามา
เป็เสียงฝีเท้าของทหารในกองทัพที่ถูกฝึกมาเป็อย่างดีดังนั้นจึงดังอย่างเป็ระบบระเบียบเช่นนี้ ชายชุดดำเห็นท่าไม่ดีส่งสัญญาณเสียงแล้วหนีหายไป
คิดไม่ถึงเลยว่าคนเ่าั้จะไหวตัวเร็วเช่นนี้เมื่อเหล่าองครักษ์อวี้หลินมาถึง จึงเหลือให้เห็นเพียงศพเท่านั้น
“พระชายา! รีบไปดูพระชายาเร็วเข้าว่าเป็อย่างไรบ้าง”
่เวลาวิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว องครักษ์ของจวนรีบวิ่งไปทางรถม้า
รถม้าที่ไม่ต่างอะไรจากเม่นยังคงมั่นคงแข็งแรงดังเดิมแต่เมื่อเปิดผ้าม่านออกกลับมองไม่เห็นร่างของพระชายา
“พระชายาล่ะ? หรือพระชายาจะถูกลักพาตัวไปแล้ว?”
ขณะที่เหล่าองครักษ์คิดจะไล่ตามชายชุดดำไป จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องโอดโอยจากภายในรถม้า
“พวกข้าอยู่ที่นี่! รีบดึงพวกข้าออกไปที”
