ชาวบ้านที่ล้อมอยู่ตรงนั้นก็มีไม่น้อยที่เห็น พวกเขาเห็นชายฉกรรจ์กำลังจะฟาดที่ศีรษะของหานอี้ ทันใดนั้นก็มีคนร้องะโ แค่ในพริบตาเดียว ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา แล้วกระชากไม้คานออกจากมือของชายฉกรรจ์อย่างง่ายดาย จึงทำให้พวกเขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
แต่เห็นชายหนุ่มอ่อนแอผู้นั้นสามารถกระชากไม้คานออกจากมือชายฉกรรจ์ได้อย่างง่ายดาย ต่างก็ใ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชราที่คุยกับหยางหนิงก่อนหน้านี้ เขาจำหยางหนิงได้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าบ้าบิ่นถึงเพียงนี้
กู้ชิงฮั่นจริงๆ ก็ยืนจ้องผู้ดูแลหลัวอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องด้วยความเ็ป กลับพบว่าหยางหนิงเข้าไปยุ่งเสียแล้ว ตอนนี้เห็นหยางหนิงถือไม้คานไม้นั้นก็ร้อนใจและกังวลยิ่งนัก
ถึงแม้นางจะโกรธแค้นผู้ดูแลหลัวกับพวกยิ่งนัก แต่เมื่อหยางหนิงยื่นมือเข้าไป ก็ยังคงทำให้นางรู้สึกอึ้งไปครู่ใหญ่ เพราะอย่างไรเสียเมื่อก่อนหยางหนิงก็บ้าๆ บอๆ มาก่อน ถึงแม้จะเกิดในตระกูลนักรบ แต่ก็ไม่เคยฝึกวิชาการต่อสู้มาก่อน แต่ในตอนนี้กลับออกหน้าราวกับวีรบุรุษ เกรงว่าจะเสียเปรียบพวกนั้นเข้า นางคิดว่าจะเดินเข้าไปเผยสถานะที่แท้จริง หากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาเป็จิ่นอีซื่อจื่อ คงไม่กล้าทำอะไรมากนัก
แต่ว่าฐานะจิ่นอีซือจื่อไม่ใช่ฐานะปกติ กู้ชิงฮั่นก็กลัวว่าหากพวกเขารู้ฐานะที่แท้จริงของหยางหนิงแล้ว จะทำให้หยางหนิงเดือดร้อน ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น กลับเห็นชายฉกรรจ์ที่ถูกแย่งไม้คานไปพุ่งเข้าใส่หยางหนิงอย่างรวดเร็ว เขากำหมัดเตรียมที่จะซัดใส่หยางหนิง
“หนิงเอ๋อร์ ระวัง...!” กู้ชิงฮั่นหลุดะโออกมาด้วยความใ ตอนนี้นางไม่ทันได้คิดอะไร แหวกคนที่อยู่ด้านหน้าออกไป แล้วเดินเบียดคนที่เบียดเสียดเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หยางหนิงเห็นอีกฝ่ายซัดหมัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขายังคงมีสติอยู่ เขาเอี้ยวตัวหลบได้ทัน และไม่พูดมากความ ยกไม้คานขึ้นมาแล้วฟาดเข้าใส่ชายฉกรรจ์เข้าไปอย่างเต็มแรง ไม้คานหักเป็สองท่อน ชายฉกรรจ์ร้องออกมาอย่างเ็ป จากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้น หัวแตก เืไหลออกมาไม่หยุด
ชายฉกรรจ์ร้องด้วยความเ็ปเสียงดัง ทำให้คนอื่นๆ ที่กำลังมะรุมมะตุ้มกันอยู่นั้น หันกลับมามองทั้งหมด เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ล้มลงไปกับพื้น เห็นหยางหนิงโยนไม้คานทิ้งลงข้างๆ ร่างของชายฉกรรจ์คนนั้น แล้วกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย ทุกคนตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
คนรอบๆ นิ่งไปกันหมด โดยเฉพาะชายฉกรรจ์ แต่ก็รีบเปลี่ยนเป้าหมายมาที่หยางหนิง ไม่นานนักก็มายืนล้อมหยางหนิงเอาไว้
เหล่าชาวบ้านช่วยกันพาชาวบ้านที่าเ็ออกไป หานอี้มองไปที่หยางหนิง สีหน้าสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ มีคนเกินออกมาอีกคน
กู้ชิงฮั่นตอนนี้ฝ่าฝูงชนออกมา แล้วก็พูดว่า “หนิงเอ๋อร์...!”
หยางหนิงมองไปที่กู้ชิงฮั่น จากนั้นก็ยิ้ม แล้วก็ส่ายหน้า เพื่อส่งสัญญาณบอกให้กู้ชิงฮั่นอย่าเข้ามา กู้ชิงฮั่นกังวลใจยิ่งนัก เหลือบไปมองผู้ดูแลหลัว ทั้งโกรธทั้งแค้น
ผู้ดูแลหลัวได้ยินกู้ชิงฮั่นร้องะโ ก็หันไปมองกู้ชิงฮั่น เห็นเป็ชายหน้าตาสำอาง ก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เดินเข้าไปมองหยางหนิง ยิ้มแล้วพูดว่า “มีวีรบุรุษโผล่มาอีกคนรึ อายุแค่นี้ช่างหาได้ยากนัก ข้าว่าเ้าน่าจะไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้ เ้ามาจากที่ใดรึ?”
หยางหนิงกำลังจัดเสื้อตนอยู่นั้น เขายิ้มแล้วพูดว่า “ผู้ดูแลหลัว พวกเ้า้าตอบแทนบุญคุณของจิ่นอีโหว ก็ไม่ควรบังคับเรียกเก็บภาษีเยี่ยงนี้ อย่างไรเสียก็ต้องได้รับความยินยอมจากพวกเขาด้วย ในเมื่อพวกเขาไม่เต็มใจ ท่านจะไปบีบบังคับพวกเขาอีกทำไมกัน? ตอนนี้ท่านจิ่นอีโหวก็สิ้นไปแล้ว ในจวนจิ่นอีโหวเองก็น่าจะยุ่งวุ่นวายไม่น้อย ไม่มีทางจะมาคิดให้ทางเจียงหลิงต้องมาตอบแทนบุญคุณอะไรพวกนี้หรอก ความคิดที่จะเรียกเก็บภาษีเพื่อแสดงความกตัญญูนี้ คิดว่าพวกเ้าน่าจะใช้ก้นของพวกเ้าคิดออกมากันเองจริงหรือไม่?”
ผู้ดูแลหลัวใอึ้งไปชั่วครู่ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เ้าเป็ใครกัน? ฟังจากสำเนียงของเ้า ไม่น่าใช่คนเจียงหลิง เ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร?”
“รู้สิ เ้าแซ่หลัว เหมือนจะเป็ผู้ดูแลอะไรสักอย่าง ดูแลเื่เหลวไหลอะไรสักเื่ ข้าเองก็ดูออก” หยางหนิงพูดอย่างเรียบๆ ว่า “แล้วเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร?”
กู้ชิงฮั่นคิดในใจ หรือว่าหยางหนิงคิดจะเปิดเผยฐานะของตนเอง? แต่ว่าสถานการณ์เช่นนี้นั้นช่างอันตรายยิ่งนัก หยางหนิงถูกชายฉกรรจ์หลายคนล้อมเอาไว้ ก็คงทำได้แค่เปิดเผยฐานะของตัวเองเท่านั้น
ผู้ดูแลหลัวจ้องไปที่หยางหนิง แล้วถามว่า “เ้าเป็ใครกันเล่า?”
“ข้าชื่อจวนต๋าโก่ว ความหมายของมันก็ตรงตัว เมื่อเห็นหมากัดคน ก็อดไม่ได้ที่จะต้องสั่งสอน” หยางหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าคิดว่าชื่อของข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
ผู้ดูแลหลัวรู้ว่าหยางหนิงพูดจาเหลวไหล แสร้งทำเป็ยิ้มแล้วพูดว่า “เ้าจะชื่ออะไรข้าไม่สนใจ ข้ารู้แค่ว่า อีกเดี๋ยว เ้าก็จะเหมือนกับหมาตัวหนึ่ง ที่คลานอยู่ที่พื้นเท่านั้น” จากนั้นเขาก็ส่งสัญญาณให้ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง เขาพุ่งตัวออกไปราวกับลูกศร
หยางหนิงกลับลงมือก่อน ชายฉกรรจ์ซัดหมัดออกมาได้เพียงครึ่งหนึ่ง หยางหนิงก็จับข้อมือของเขาเอาไว้ ขณะที่หยางหนิงจับข้อมือของเขา ร่างกายของเขาก็ยังไม่ได้หยุดพุ่งตัวเข้ามา จึงถูกหยางหนิงโยนร่างของเขาออกไป หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงดัง “แกรก” กระดูกข้อมือของชายฉกรรจ์หัก เขาร้องออกมาด้วยความเ็ป หยางหนิงเดินไปที่หลังของเขา จับข้อมือที่หักของเขาเอาไว้ ดึงมาทางด้านหลัง แล้วดันข้อเข่าของเขาลงไปกับพื้น
ั้แ่หยางหนิงลงมือจนกระทั่งชายฉกรรจ์คุกเข่าลงไป เวลาแค่ชั่วพริบตา คนไม่น้อยยังไม่ทันได้เห็นเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายฉกรรจ์คนนั้นกัดฟันด้วยความเ็ป ชายฉกรรจ์คนอื่นๆ ต่างใ หลังจากเสียงร้องของชายฉกรรจ์ผู้นั้นดังขึ้น ต่างก็พุ่งเข้าใส่หยางหนิง
หัวใจของกู้ชิงฮั่นแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เห็นหยางหนิงหลบหลีก อย่างว่องไว เหล่าชายฉกรรจ์เองก็ซัดทั้งหมัดทั้งถีบทั้งเตะ แต่หยางหนิงก็เหมือนแมวป่า หลบไปตามช่องของคนพวกนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วออกมาจากกลุ่มปีศาจกลุ่มชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น มายืนอยู่ตรงหน้าของผู้ดูแลหลัว
ผู้ดูแลหลัวเห็นเงาของคนพุ่งตรงมาที่เขา ก็ใยิ่งนัก เขาไม่มีวิชาการต่อสู้ใดๆ จึงรีบถอยหลัง หยางหนิงพุ่งตัวเขามาอย่างรวดเร็ว ผู้ดูแลหลัวร้องะโออกมา เท้าข้างหนึ่งของหยางหนิงก็ถีบเข้าไปอย่างแรง หยางหนิงค่อนข้างมั่นใจในลีลาการเตะของเขามาก เชื่อว่าโดนเป้าหมายอย่างแน่นอน
“อ๊าก!”
เสียงร้องด้วยความเ็ปดังขึ้น เช่นเดิมคือยังไม่มีใครทันได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่ผู้ดูแลหลัวนั่งก้นติดอยู่ที่พื้น มือสองข้างกุมไปที่ข้อเท้า สีหน้าเ็ปยิ่งนัก
คนที่ใมากที่สุดในตอนนี้คือกู้ชิงฮั่น นางคิดว่าหยางหนิงน่าจะตกเป็รองและเสียเปรียบเสียแล้ว แต่กลับไม่เป็อย่างที่คิด คนที่อ่อนแอตอนนี้กลับมีแข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้ ไม่เพียงแค่สามารถฝ่าวงล้อมของเหล่าชายฉกรรจ์ได้ แต่ยังทำให้ผู้ดูแลหลัวล้มกองไปกับพื้นอีก แต่นางก็เหมือนกับคนอื่นๆ ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้ดูแลหลัวบ้าง
แต่ว่าตอนนี้หลายคนเห็นว่า ในมือของหยางหนิงถือมีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ และมีคนเห็นว่า ถึงแม้ผู้ดูแลหลัวจะเอามือกุมที่ข้อเท้าเอาไว้ แต่ก็ยังเห็นว่ามีเืออกอยู่
ตอนนี้ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่หยางหนิงจากด้านหลัง กู้ชิงฮั่นรีบร้องะโว่า “หนิงเอ๋อร์ ระวังข้างหลังเ้า…!”
เห็นหยางหนิงหลบ เหมือนกับมีดวงตาอยู่ด้านหลัง ชายฉกรรจ์พุ่งใส่อากาศเข้าอย่างแรง จากนั้นก็รู้สึกว่าเจ็บที่หัวไหล่ หยางหนิงใส่มีดสั้นปักลงไปที่ไหล่ของเขา คมมีดมันแทงทะลุเข้าไปด้านใน เหมือนเขาตัดเต้าหู้ง่ายๆ เสียอย่างนั้น ส่วนหยางหนิงก็ลงมือไวราวกับสายฟ้า หลังจากแทงแล้วก็รีบดึงมีดออกมาทันที
เหล่าชายฉกรรจ์คนอื่นๆ ก็พุ่งเข้าใส่หยางหนิงอย่างไม่รีรอ หยางหนิงพุ่งตัวไปอยู่ด้านหลังของผู้ดูแลหลัว แล้วนั่งยองๆ ลงไป ใช้มีดสั้นจ่อไปที่คอหอยของผู้ดูแลหลัว ยิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “อย่าเข้ามานะ ข้าเป็คนขี้ใ หากพวกเ้าเข้ามา แล้วข้าเกิดกลัว มือลั่นปาดคอเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“อย่า...อย่าเข้ามา...!” ผู้ดูแลหลัวถึงแม้จะเจ็บข้อเท้า แต่ก็กลัวมีดสั้นที่อยู่ตรงคอมากกว่า
เหล่าชายฉกรรจ์หยุดไม่กล้าเดินเข้าไป
ไม่ใช่ว่าหยางหนิงจะรับมือกับเหล่าชายฉกรรจ์ไม่ได้ ในมือของเขามีมีดสั้นอยู่ ตัวเขาเองก็พอมีวิชาการต่อสู้อยู่บ้าง จุดต่างๆ ตามร่างกายเขาเองก็รู้ดี ยิ่งมีวิชาท่าเท้าท่องคลื่นแล้วด้วย ชายฉกรรจ์พวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเขาอย่างแน่นอน
เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากไปเสียเวลากับคนพวกนี้มากนัก
เหล่าชาวบ้านต่างก็ตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออกไปตามๆ กัน ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวบ้านเป็สิบคนรุมเหล่าชายฉกรรจ์ กลับไม่มีใครสามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้สักคน แถมฝ่ายตัวเองยังทั้งแขนขาหักไปเจ็ดแปดคน แต่ตอนนี้ชายหนุ่มท่าทางอ่อนแอผู้นี้ กลับทำให้ผู้ดูแลหลัวกับพวกหวาดกลัวกันได้อย่างง่ายดาย
“น้องชาย เ้า...เ้าอย่าทำอะไรวู่วาม” มีดสั้นของหยางหนิงเป็อาวุธประหลาด ปกติมันจะปล่อยความเย็นออกมาจากตัวมีด ตอนนี้ความเย็นของมันจ่อระเหยอยู่ที่คอของผู้ดูแลหลัว “ข้า...ข้าเป็คนของจิ่นอีโหว หากเ้าทำอะไรข้า ผล...ผลลัพธ์นั้นมันอาจจะเลวร้ายจนไม่กล้าคิดเลยล่ะ”
หัวหน้าหมู่บ้านหานอี้ก็รู้หากทำอะไรผู้ดูแลหลัว จะต้องกลายเป็เื่ใหญ่แน่ๆ ก็มองไปที่หยางหนิงแล้วพูดว่า “น้องชาย ขอบใจเ้ามากที่ช่วยพวกข้า แต่ว่าคนคนนี้...คนคนนี้เป็ผู้ดูแลของตระกูลฉี อย่าทำร้ายเขาจะดีกว่า” เขาไม่ได้กลัวว่าเขาจะเป็อะไร แต่ว่าอิทธิพลของตระกูลฉีนั้นมีมาก หากไปมีเื่ด้วยจริงๆ หมู่บ้านหลูหวังจะเดือดร้อนเอาได้
หยางหนิงส่ายหน้าแล้วยิ้ม “ท่านวางใจเถอะ เขาไม่ใช่คนของตระกูลฉี หากจิ่นอีโหวรู้ว่ามีคนแบบนี้อยู่ในตระกูลฉี คงเป็คนแรกที่จะแหกอกเขาอย่างแน่นอน” สีหน้าของเขานิ่งไป แล้วพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ข้าขอถามเ้า รีดไถภาษีชาวบ้าน เป็ความคิดของใครกัน?”
“เป็... เป็เจตนารมณ์ของท่านจิ่นอีโหว” ผู้ดูแลหลัวพูดยังพูดอีกว่า “พวกเราเพียงทำตามคำสั่ง หากไม่ใช่เจตนาของท่านเหล่าโหว พวกเราก็ไม่กล้าเก็บภาษีเช่นนี้...อ๊าก...!” เสียงร้องของผู้ดูแลหลัวดังขึ้นด้วยความเ็ป หยางหนิงจิ้มปลายมีดไปที่เนื้อหัวไหล่ของผู้ดูแลหลัวแล้ว
“คือใครกันแน่?”
ผู้ดูแลหลัวแทบจะร้องไห้แล้วพูดว่า “เป็...เป็เจตนาของท่านโหวจริงๆ น้องชาย...นายท่าน ข้าไม่กล้า...ไม่กล้าโกหกจริงๆ...!” เสียงร้องดังขึ้นอีก หยางหนิงจิ้มปลายมีดไปที่หัวไหล่ของผู้ดูแลหลัวอีกครั้ง ตอนนี้หัวไหล่ของเขามีเืออกทั้งสองข้าง เขาใและหวาดกลัวยิ่งนัก