ใช่ ไม่รู้ พวกเขารู้จักกันได้ไม่ถึงครึ่งเดือน และตลอดระยะเวลาครึ่งเดือนนี้ กู้เฟิงเอาแต่สะบัดแส้ด้วสายตาเ็า เขาจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายเป็คนยังไงกันแน่ ฉู่อี้ขมวดคิ้ว
“โอเค รออยู่ตรงนี้แหละ เดี๋ยวจะมีคนเอามื้อเช้ามาให้” กู้เฟิงอาบน้ำอย่างรวดเร็วแล้วจากไปทันที
“นายจะไปไหน?” ฉู่อี้เอ่ยถามเมื่อกู้เฟิงเปิดประตู แต่ก็เหมือนเคย ถ้ากู้เฟิงไม่อยากสนใจเขา อย่าว่าแต่ตอบเลย แม้แต่หางตาก็ยังไม่แล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อฉู่อี้กินมื้อเช้าคนเดียวครั้งแรกั้แ่มาอยู่ที่นี่เสร็จ กู้เฟิงก็กลับมาพอดี
“ฉู่จื้อเฉิงเป็ใคร?” กู้เฟิงยิงคำถามใส่เขาทันทีที่เข้ามาในห้อง
“ฉู่จื้อเฉิง? ลุงฉันเอง ทำไม?” ฉู่อี้มีลางสังหรณ์ว่าความจริงทุกอย่างกำลังจะกระจ่าง
“คนที่ฝากนายมาคือฉู่จื้อเฉิง” กู้เฟิงโยนหนังสือพิม์ฉบับหนึ่งให้กับฉู่อี้ “อะนี่ ลองดู”
ฉู่อี้ไม่จำเป็ต้องเปิดหาคอลัมน์ด้วยซ้ำ เพราะกู้เฟิงเลือกหนังสือพิมพ์ธุรกิจประจำวันและดึงมาเฉพาะหน้าแรกของคอลัมน์เศรษฐกิจเท่านั้น สาเหตุที่หุ้นของฉู่กรุ๊ปร่วงลงเพราะมีข่าวการหายตัวไปของเขาหลุดมาจากคนวงใน พาดหัวข่าวมีกระทั่งรูปถ่ายของเขาด้วยซ้ำ แต่มันเบลอมากจนแม้แต่คนที่เคยเจอเขามาก่อนก็อาจจะจำเขาไม่ได้
“หึๆ แผนสำเร็จสมใจแล้วนี่” ฉู่อี้ยิ้มเยาะกับหนังสือพิมพ์ เขาพอจะเดาออกว่าฉู่จื้อเฉิงจะทำอะไร การหายตัวไปของเขาทำให้ฉู่กรุ๊ประส่ำระสาย จากนั้นฉู่จื้อเฉิงจะปรากฏตัวขึ้นในฐานะผู้ช่วยชีวิต เพื่อเรียกความไว้วางใจจากบอร์ดบริหาร ทำการปรับโครงสร้างทรัพย์สินหรือออกหุ้นตัวใหม่ เพื่อจะกำจัดเขาออกไปจากฉู่กรุ๊ป ถึงเขาจะกลับไปได้ อนาคตของฉู่กรุ๊ปก็ไม่มีที่ยืนให้กับเขาอีกต่อไป แต่สิ่งที่ฉู่อี้ไม่เข้าใจคือ ในเมื่อฉู่จื้อเฉิงพาเขามาในสถานที่แบบนี้ได้ ทำไมไม่ฆ่าเขาไปซะ? แบบนั้นทั้งง่ายย แถมไม่มีเื่ให้ต้องกังวลในภายหลังอีกด้วย?
“นายคิดว่าทำไมถึงเขาไม่ฆ่าฉัน?” ฉู่อี้ถามกู้เฟิงที่อยู่ข้างๆ โดยตรง
“ตามที่เย่ถานบอก เขาเคยซื้อสัตว์เลี้ยงที่ฉันฝึก และเมื่อกี้ฉันเพิ่งไปค้นข้อมูลของเขามา เขามีทาสกามทั้งหมดสามคน ชายสองหญิงหนึ่ง” คำตอบของกู้เฟิงดูเหมือนจะกว้างมาก แต่ฉู่อี้ก็เข้าใจดี
“นายจะบอกว่าเขาคิดจะเก็บฉันไว้ใช้งานเองเหรอ?” ฉู่อี้เหล่มองอีกฝ่าย
“ไม่ว่าจะใช้นายปรนเปรอตัวเอง หรือขายต่อให้คนอื่นก็ตาม ในเมื่อเขามีงานอดิเรกด้านนี้ แสดงว่าต้องมีคนที่มีสนใจเหมือนกับเขา อีกอย่างแทนที่จะฆ่าศัตรูให้ตาย จะมีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการเห็นศัตรูของตัวเองทรมานอีกล่ะ? ยิ่งมีศัตรูแบบนายด้วย?” แค่จินตนาการว่าคนที่มีความนับถือตัวเอง และการควบคุมตัวเองสูงอย่างฉู่อี้ ยอมเป็ทาสอย่างเต็มอกเต็มใจก็น่าตื่นเต้นจะแย่อยู่แล้ว แม้แต่กู้เฟิงเองยังต้านทานสิ่งล่อใจเช่นนี้ไม่ไหว ทั้งที่รู้ว่าเื่นี้ไม่ชอบมาพากล แต่ก็ยังดึงดันฝึกเขาอยู่เกือบสองอาทิตย์ นับประสาอะไรกับคนอื่นล่ะ?
“เขาจะมาตรวจสอบสินค้าไหม?” ฉู่อี้วางแผนจะจับฉู่จื้อเฉิงให้ได้คาหนังคาเขา
“ตรวจน่ะตรวจอยู่แล้ว” กู้เฟิงเดาได้ว่าฉู่อี้คิดจะทำอะไร “แต่ไม่ว่าเขาจะมาตรวจด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้คนอื่นมาตรวจแทน คนที่นายต้องปรนนิบัติในวันนั้นต้องไม่ใช่ครูฝึกของนายเอง นี่เป็ธรรมเนียมที่รู้กันภายใน นายแน่ใจเหรอว่าจะทนได้จนถึงที่สุดน่ะ?”
ถ้าฉู่จื้อเฉิงมาที่นี่เอง ก็ไม่สามารถจับเขาในสภาพที่แต่งตัวเรียบร้อย ถึงเวลาเขาอาจะบ่ายเบี่ยงด้วยวิธีการสารพัดก็ได้ ยิ่งถ้าผู้ตรวจสอบสินค้าไม่ได้มาตรวจหน้างานเอง หรือแม้แต่ไม่มาหน้างานแต่เช็คผ่านกล้องวงจรปิด ก็ต้องรอจนกว่ากระบวนการตรวจสอบจะเสร็จสมบูรณ์และชำระเงินงวดสุดท้ายเสร็จถึงจะจับเขาได้
ไม่ได้ปรนเปรอกู้เฟิงงั้นเหรอ? ฉู่อี้ตกตะลึงทันที
“อีกอย่างคนที่เคยเห็นนายอยู่ในจุดสูงส่ง จู่ๆ มาเห็นนาย...” กู้เฟิงเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น “นายไม่คิดจะปล่อยให้เขาสมหวังหรอกใช่ไหม?”
“เื่นี้ฉันไม่ได้คิดน่ะ” ฉู่อี้พูดพร้อมกับขบกรามแน่น เขาจินตนาการออกว่าถ้าฉู่จื้อเฉิงได้เห็นเขาถูกฝึกจนเชื่อง แม้จะเป็เพียงการเสแสร้งก็ตาม ฉู่จื้อเฉิงต้องจดจำไปจนวันตายอย่างแน่นอน
“ฉันถึงบอกว่าจะปล่อยนายไปไง”
ส่วนที่เหลือให้ฉันไปจัดการเอง ไม่เกี่ยวกับนายงั้นสิ? ฉู่อี้ยิ้มอย่างขมขื่น “จะให้ฉันทำอะไร?” เขาเชื่อว่าถ้าไม่้าอะไรจากเขาอีก กู้เฟิงไม่มีทางกลับมาพูดจาไร้สาระกับเขาแบบนี้ ป่านนี้คงเอาเขาไปทิ้งซะให้รู้แล้วรู้รอด
“เอาเลขบัตรประชาชนมา” กู้เฟิงเอ่ยแค่ประโยคเดียว โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม
ฉู่อี้เองก็ยอมบอกข้อมูลไปแต่โดยดี โดยไม่ถามให้มากความ
“เชื่อใจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?” กู้เฟิงถามพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของฉู่อี้
“แล้วฉันมีทางเลือกเหรอ?” ดวงตาของฉู่อี้เองก็สบประสานกับกู้เฟิง ไม่คิดจะหลบเลี่ยงแม้แต่น้อย
จู่ๆ กู้เฟิงก็ยิ้มออกมา เป็รอยยิ้มที่ต่างจากที่ผ่านมา รอยยิ้มที่หยั่งลึกถึงดวงตา รอยยิ้มที่จริงใจ อ่อนโยน จนทำให้รู้สึกเหมือนเห็นภาพลวงตาของดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิชั่วขณะ
ฉู่อี้จ้องมองรอยยิ้มนั้นเนิ่นนาน นานจนกู้เฟิงหันหลังเดินจากไป เขาถึงจะตื่นจากภวังค์ เมื่อรู้สึกตัวด้วยอาการแน่นหน้าอกราวกับขาดอ็อกซิเจน ฉู่อี้ก็เพิ่งตระหนักได้ถึงสิ่งหนึ่ง กู้เฟิงน่าจะมีความจำที่ไม่ธรรมดาเลย ได้ยินเลขบัตรประจำตัวประชาชนของเขาแค่ครั้งเดียว ก็จำได้แล้วงั้นเหรอ?
ตอนที่กู้เฟิงเดินออกไปจากประตูก็ไม่เห็นพูดอะไรสักคำ หรืออาจจะพูดแต่เขาไม่ได้ยิน ดังนั้นฉู่อี้จึงได้แต่รอ ซึ่งการรอคอยในคราวนี้กินเวลาเกือบทั้งวัน
คราวนี้กู้เฟิงพยายามทุกวิถีทาง เขาถึงกับติดต่อเ้าหน้าที่ตำรวจที่รู้จักเพื่อขอดึงข้อมูลส่วนตัวและรูปถ่ายของฉู่อี้ออกมา โชคดีที่ทะเบียนบ้านของฉู่อี้อยู่ในเมืองนี้ เขาจึงสามารถตรวจสอบข้อมูลได้จากสำนักทะเบียนราษฎ์ หากเขามาจากเมืองอื่น คงต้องก่ออาชญากรรมเท่านั้นถึงจะมีบันทึกประวัติ
ในระหว่างรอให้อีกฝ่ายช่วยหาข้อมูลให้ กู้เฟิงก็ถือโอกาสไปเยี่ยมหลิงหลิง หลังจากที่กู้เฟิงกลับไป หลิงหลิงก็ทำตัวดีมาก เขาพึ่งพาไข่สั่นนานกว่าสามชั่วโมง โดยไม่ก่อปัญหาให้กับใคร จนกระทั่งเหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไปเอง ตอนที่กู้เฟิงไปเยี่ยม เขายังไม่ตื่นเลย
ไหนๆ ก็จะต้องตรวจสอบอยู่แล้ว กู้เฟิงจึงขอให้คนช่วยหาข้อมูลของหลิงหลิงไปด้วย ยังไงซะก็ติดหนี้บุญคุณ แค่นี้ถือว่าเื่เล็ก ข้อมูลของทั้งสองคนหาง่ายจนน่าแปลกใจ ของฉู่อี้เป็เพราะมีเลขประจำตัวประชาชนอยู่แล้ว ส่วนหลิงหลิงเป็เพราะไม่มีชื่อซ้ำในเมืองนี้
เมื่อกู้เฟิงเอาข้อมูลของฉู่อี้ไปหาเย่ถาน เย่ถานก็ปปรี๊ดแตกทันที!
“นายแอบดูข้อมูลผู้ฝากในคอมพิวเตอร์ฉัน แถมยังไปค้นแฟ้มประวัติลูกค้าในร้าน เพื่อสัตว์เลี้ยงที่นายฝึกเนี่ยนะ?” ปรากฏว่าเ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นเป็ลูกค้าประจำของร้าน และเป็แฟนตัวยงของกู้เฟิง เขามักจะเลือกเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่กู้เฟิงเป็คนฝึกเท่านั้น
“นายน่าจะดีใจที่ฉันเช็คนะ” กู้เฟิงโยนบัตรประจำตัวประชาชนของฉู่อี้ และหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้าเย่ถาน “นายไม่รู้เหรอว่ากำลังหาเื่ใส่ตัวมากแค่ไหน? ถ้านายไม่กล้ามีเื่กับฉู่จื้อเฉิง นายคิดว่านายกล้ามีเื่กับหมอนี่ไหม?”
เย่ถานขบเม้มริมฝีปาก มองกู้เฟิงด้วยความสับสน อันที่จริงเขาเชื่อว่าด้วยความสามารถระดับกู้เฟิง การจะฝึกให้ฉู่อี้เป็ทาสกามโดยไม่รู้ตัวใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้ เขาจึงไม่ฉุกคิดถึงปัญหาที่ว่าจะทำให้ฉู่อี้โกรธแค้นหรือไม่ แต่เมื่อเห็นความเด็ดเดี่ยวของฉู่อี้ในวันนั้น เขาก็รู้ว่านี่คงจะไม่ใช่ภารกิจที่จะสำเร็จได้ในระยะเวลาสั้นๆ ยิ่งไปกว่านั้น กู้เฟิงยังไม่ยินยอมอีกด้วย แทนที่จะลบล้างความตั้งใจของฉู่อี้ ดูเหมือนว่าเขาจะยอมช่วยเหลือและปล่อยฉู่อี้ไปมากกว่า
“แล้วทำไมต้องให้ฉันยินยอมด้วยล่ะ? นายจะปล่อยใครฉันห้ามได้ที่ไหน?” ท้ายที่สุดแล้วร้านนี้ก็มีกู้เฟิง เวินรื่อโอวและเย่ร่วมกันก่อตั้งร่วมกัน อันที่จริงกู้เฟิงเองก็มีสิทธิ์จะปล่อยใครก็ได้
“นายเป็ผู้จัดการร้านใช่ไหม” กู้เฟิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ที่จริงเย่ถานเข้าใจในสิ่งที่กู้เฟิงพูด เขาเป็หนึ่งในไม่กี่คนที่กู้เฟิงห่วงใย กู้เฟิงเคารพเขา ในเมื่อเลือกเขาเป็ผู้จัดการร้านแล้ว กู้เฟิงยอมรับการบริหารและตัดสินใจของเขา ดังนั้นคราวนี้อีกฝ่ายจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อโน้มน้าวตน แต่ไอ้บ้านี่พูดยาวขึ้นอีกสักประโยคมันจะตายหรือไง?!
ในที่สุดเย่ถานก็ตอบรับในคำขอของกู้เฟิง ไม่เพียงแค่นั้น เขายังตกลงกับกู้เฟิงว่าจะปิดบังฉู่จื้อเฉิงไปพลางๆ ก่อน ส่วนฉู่จื้อเฉิงจะจับได้เมื่อไหร่ ก็ต้องคอยดูกันไปอีกที เงินค่าปรับละเมิดสัญญาคงจะเลี่ยงไม่ได้ แต่เงินก้อนนี้ นอกจากเย่ถานที่จะเจ็บหนักแล้ว กู้เฟิงกับเวินรื่อโอวไม่ค่อยสนกับเศษเงินแค่นี้
เมื่อกู้เฟิงนำข่าวไปเล่าให้ฉู่อี้ฟัง ฉู่อี้ไม่ได้แสดงออกถึงความดีใจหรืออาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย เขาเพียงแต่กล่าวกับกู้เฟิงเรียบๆ ว่า “นายคงไม่ปล่อยฉันไปสภาพแบบนี้ใช่ไหม” สภาพที่ว่าคือกางเกงในตัวเดียวกับปลอกคอ
“ฉันนึกว่านายไม่สนใจซะอีก” กู้เฟิงยิ้มและเอาหยิบชุดของตัวเองให้ฉู่อี้สวมใส่ “ใส่ซะสิ!”
“ฉันไม่ใช่พวกชอบโชว์นะ” ฉู่อี้พยายามยัดตัวเองเข้าไปในเสื้อผ้าของกู้เฟิง ซึ่งตัวเล็กกว่าหนึ่งไซส์ “ทำไมนายถึงเอวเล็กได้ขนาดนี้ล่ะเนี่ย?” ฉู่อี้รู้สึกตัวเองกำลังถูกรัดคอ ในขณะที่เสื้อตัวเดียวกันกลับหลวมโพรกเมื่ออยู่บนตัวกู้เฟิง
กู้เฟิงเดินเข้ามาถอดปลอกคอให้กับฉู่อี้ “ให้ช่วยเรียกรถไหม?”
“ถ้าได้จะดีมากเลย”
ก่อนที่จะออกจากประตู กู้เฟิงขอให้ผู้ช่วยนำรองเท้าแตะที่ใช้ในร้านมาให้เขาใส่ด้วย “ไม่ต้องห่วง ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว” กู้เฟิงเห็นฉู่อี้ที่เอาแต่จ้องรองเท้าแตะ จึงคิดว่าฉู่อี้กลัวรองเท้าสกปรก
ฉู่อี้เหลือบมองกู้เฟิง และในที่สุดก็สวมมันโดยไม่พูดอะไร อันที่จริงเขาสงสัยว่ากู้เฟิงรู้ไซส์รองเท้าของเขาได้อย่างไร จากนั้นก็คิดว่ากู้เฟิงเป็คนช่างสังเกตมาโดยตลอด จึงไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนเดินไปเงียบๆ ตลอดทางหลังจากออกมาจากห้องของกู้เฟิง ตอนแรกคิดว่าจะได้เดินไปแบบเงียบๆ จนถึงหน้าประตู แต่ทันทีที่มาถึงล็อบบี้ด้านหน้า ก็มีผู้ช่วยคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“มาสเตอร์ หลิงหลิงไม่ยอมกันข้าวเลยครับ” ผู้ช่วยกระซิบข้างหูกู้เฟิง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“ครับ เพิ่งตื่นเลย”
“โอเค เข้าใจแล้ว” กู้เฟิงยื่นธนบัตรสองใบให้กับผู้ช่วยและสั่งให้เขาไปส่งฉู่อี้
“คุณฉู่ครับ ผมมีธุระต้องไปจัดการ คงส่งได้ถึงแค่นี้” กู้เฟิงยิ้มอย่างสุภาพ เรียกเขาอย่างสุภาพ และรักษาระยะห่างอย่างสุภาพ
ฉู่อี้ตกตะลึง แต่ก็พยักหน้ารับเบาๆ ในใจเกิดความรู้สึกวูบโหว่ง แต่เขาข่มมันเอาไว้ คิดว่าเป็เพราะความเคยชินหายไป จึงทำให้เขารู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้