“เปี่ยวเกอ...” นางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงของสวี่ชิวเยวี่ยสั่นปนสะอื้น ราวกับว่าน้อยใจที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่้านาง แต่ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วตอนนี้มีเพียงความรังเกียจที่ไม่อาจบรรยายได้ต่อสวี่ชิวเยวี่ยเท่านั้น เช่นเดียวกับแมลงวันน่ารำคาญที่บินตอมรอบตัว คิดเพียงอยากสลัดการเกาะและลูบคลำของนางออกไปโดยเร็วที่สุด
“พอแล้ว! อย่าทำให้ข้าต้องขยะแขยงแม้แต่จะเรียกเ้าว่าเปี่ยวเม่ยเลย!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป นางคว้ามือของสวี่ชิวเยวี่ยแล้วผลักอีกฝ่ายลงจากเตียงทันที พร้อมกับเค้นลมปราณอย่างหนัก พยายามขจัดฤทธิ์ยาในร่างกายตนออกไป สวี่ชิวเยวี่ยที่ถูกคนผลักตกลงเตียงยังคงไม่ยอมตัดใจ ถึงกับคุกเข่าลงข้างเตียงฉุดดึงเสื้อผ้าของตนไม่หยุด ยังคิดจะกลับไปข้างกายเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วใหม่อีกครั้ง
แต่การกระทำของสวี่ชิวเยวี่ยนั้นสำหรับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแล้วกลับได้ผลตรงกันข้าม ต่อให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วต้องตัดผมก็ไม่้าให้สวี่ชิวเยวี่ยเข้ามาใกล้ตน ระหว่างการยื้อยุดฉุดกระชากของทั้งสอง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เมามายจนไม่มีเรี่ยวแรงก่นด่าสาปแช่งสวี่ชิวเยวี่ยอย่างร้ายกาจ
“ไปให้พ้น! ข้าบอกให้เ้าไปให้พ้น!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้ดี ในร่างของตนนั้นคงจะถูกพิษชนิดเดียวกันกับสวี่ชิวเยวี่ย หากปล่อยไปเลยตามเลยเช่นนี้ น่ากลัวว่าคืนนี้คงจะเกิดเื่วุ่นวายครั้งใหญ่แน่ ในเวลานั้นเอง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วพลันเริ่มแยกไม่ถูกแล้วว่าการปกป้องตัวตนของตัวเอง หรือปกป้อง ‘ความบริสุทธิ์’ ของสวี่ชิวเยวี่ยอย่างไหนสำคัญกว่ากัน…
สติสัมปชัญญะในหัวยิ่งเลือนรางลงไปเรื่อย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้ชัดแจ้ง หากตนยังขจัด ‘สิ่งชั่วร้าย’ ภายในกายให้หมดสิ้นไม่ได้โดยเร็ว คงจะลุกลามก่อเป็หายนะขึ้นมาจริงๆ !
ในเวลานั้นสวี่ชิวเยวี่ยยังคงเบิกดวงตาหยาดเยิ้ม เอ่ยเสียงแ่หวานเย้ายวนกับเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วต่อ แต่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแข็งใจยืนหยัดดั่งรากไม้หยั่งยึดไม่ปล่อยผ่านแม้สายลมแสงจันทร์ นางยกมือขึ้นผลักสวี่ชิวเยวี่ยที่มาคลอเคลียกับร่างกายของตนออกไปอีกครั้ง “หากเ้าเข้ามาอีก ระวังข้าจะลงมือไม่ปรานีไม่ไว้หน้าก็แล้วกัน!”
หลังจากที่ไล่สวี่ชิวเยวี่ยอย่างเฉียบขาดแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงสบโอกาสเดินลมปราณขับพิษในที่สุด ไม่นานนางก็ขจัดสิ่งแปลกปลอมเ่าั้ออกไปจากร่างกายได้หมดจด เมื่อสงบจิตใจแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ยกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผากของตน พลางลุกขึ้นยืน แล้วเอ่ยกับสวี่ชิวเยวี่ยอย่างเ็า “วันหลังหากทำผิดซ้ำ ข้าไม่ปรานีแน่!”
เอ่ยจบ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป ไม่เหลือโอกาสใดให้กับสวี่ชิวเยวี่ยเลยแม้แต่น้อย!
สวี่ชิวเยวี่ยนึกทบทวนอยู่ในใจ นางรู้ดีว่าได้สูญเสียโอกาสที่จะแต่งกับเยี่ยนอวิ๋นเฟยไปโดยสมบูรณ์แล้ว... ไม่มีใครจะยอมมาแต่งงานกับสตรีเช่นนางหรอก บางทีแม้แต่เื่งานมงคลที่จวนเยี่ยนเจรจาตกลงให้กับตน ยามนี้ก็คงหลุดลอยไปเช่นกัน ชีวิตของตนคงจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวังอันไร้ก้นขอบ ไม่อาจหลุดพ้นไปได้ตลอดกาล
ทว่า สวี่ชิวเยวี่ยในยามนี้คงจะนึกไม่ถึง ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงอันเกิดจากการกระทำของตนนั้น… ยังมาไม่ถึง
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สวมใส่เพียงเสื้อผ้าบางๆ พุ่งออกมาจากห้อง ถูกลมหนาวที่จู่โจมกะทันหันพัดโกรกจนสั่นสะท้าน ในที่สุดก็ฟื้นสติโดยสมบูรณ์ ในหัวของนางสับสนอลหม่านรู้สึกสะอิดสะเอียนอยู่ตลอดเวลา เมื่อนึกย้อนกลับไปยังฉากเมื่อครู่ ในลำคอก็ราวกับมีแมลงวันหรือหนอนแมลงที่ตายไปนานแล้วอุดตันอยู่ ไม่ว่าจะออกแรงขย้อนอย่างไรก็ไม่อาจสำรอกมันออกมาได้เลย…
แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะไม่ได้มีความรู้สึกดีอะไรกับสวี่ชิวเยวี่ย แต่อย่างไรก็เห็นแก่สถานะที่นางเป็น้องสาวของตน จึงไม่ได้ทำลายเกียรติของสวี่ชิวเยวี่ยจนเกินไป แต่หลังจากผ่านพ้นคืนนี้ไป เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่รู้เลยจริงๆ ว่าวันข้างหน้าตนควรจะเผชิญหน้ากับสตรีที่น่าเกลียดน่าชังผู้นี้เช่นไร
สวี่ชิวเยวี่ยใช้การกระทำของตน ทำลายไมตรีสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดในความสัมพันธ์ฉันญาติพี่น้องนี้ไปแล้ว ผู้ที่ทำให้ทั้งหมดมลายหายไปดั่งขี้เถ้าลอยตามลม… ก็คือตัวของสวี่ชิวเยวี่ยเอง
เมื่อมองไปยังความว่างเปล่ารอบทิศ ในใจของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนอกจากความรังเกียจแล้ว ก็ยังเกิดความอ้างว้างและทอดถอนใจขึ้นมาเล็กน้อย อารามชีนั้นนางไม่คิดอยากกลับไปอีก หากกลับไปก็ต้องพบหน้ากับสวี่ชิวเยวี่ยแน่ เช่นนั้นตนยังจะไปที่ใดได้? หลังจากคิดใคร่ครวญดูแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็จัดแจงเสื้อผ้าของตนเล็กน้อย แล้ววางแผนที่จะลงเขากลับบ้าน
ทางูเากลางคืนนั้นเดินทางยากนัก มีแต่ความมืดมิดมองอะไรก็ไม่ชัดเจน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วควานมือหักกิ่งไม้มาถือไว้ในมือ ก่อนจะใช้วิธีการปั่นไม้จุดไฟสร้างคบเพลิงให้ตัวเอง เมื่อนั้นจึงพอจะมีแสงส่องสว่างให้ทางกลับบ้านของนางได้บ้าง
หุบเขาเส้นทางขรุขระ ไร้ซึ่งความสะดวกสบายเช่นตอนที่นั่งรถมาเมื่อยามเช้าตรู่เลยแม้แต่น้อย เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทอดถอนใจกับพรอันประเสริฐของวิทยาการที่นำมาสู่ชีวิตมวลมนุษย์ในยุคนี้ พลางด่าประณามสวี่ชิวเยวี่ยที่ทำให้ตนต้องระหกระเหินเดินเท้าลงเขา ในยามนี้คงจะนอนหลับสบายใจเฉิบอยู่บนเตียงล่ะสิท่า?!
หลังจากคิดถึงรถม้าที่มาส่งพวกตนขึ้นเขาขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ตัดสินใจนั่งลงพักผ่อนสักหน่อย การพักผ่อนนี้ไม่ต้องเร่งร้อน แต่ตอนที่นั่งลงนั้นจู่ๆ ก็กลับคลำถูกบางสิ่งอุ่นร้อน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรวบรวมความกล้ายกสองมือที่ััสิ่งนั้นขึ้นมา ระหว่างนิ้วมือ กลับมองเห็นคราบเืสีแดงสดอยู่ภายใต้แสงไฟสะท้อน…
“อ๊าก! อะไรวะเนี่ย!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กล้าหาญมาตลอดพลันถูกคราบที่ปรากฏขึ้นมากะทันหันทำให้ใจนสะดุ้งเฮือกใหญ่ แล้วะโลุกขึ้นจากตำแหน่งที่ตนนั่งอยู่ทันใด ท่ามกลางความมืดมัวสลัว สามารถมองเห็นว่าที่ที่นั่งลงเมื่อครู่มีอะไรบางอย่างอยู่ ดูเหมือนว่า... ดูเหมือนว่าคราบเืนี้จะััโดนมาจากตรงนั้น
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขยับคบเพลิงเข้าไปใกล้ๆ มองแล้วมองอีก จึงพบว่าที่นอนไม่ไหวติงอยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็คน... เป็คนที่ ได้รับาเ็สาหัส
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่สับสนงุนงงเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางซ้ายที ขวาที แล้วจึงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ประสบการณ์ในคืนนี้ช่างเรียกได้ว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ นอกจากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เดินเหยียบโชคขี้หมา [1] เช่นนี้แล้ว ยังจะมีใครอีกที่หลังจากโดนผู้หญิงที่วางยาปลุกกำหนัดแล้วยังมาเจอกับ... ศพที่เืท่วมตัวแน่นิ่งไม่ไหวติง?
ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็นึกถึงคำพูดติดปากของฮูหยินเยี่ยนมารดาของตนขึ้นมาราวกับมีอะไรดลใจ ช่วยหนึ่งชีวิตคน ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ไม่แน่ว่าคืนนี้ที่นางถูกสวี่ชิวเยวี่ยทำของใส่เป็เพราะยามปกติตนไม่ค่อยได้ทำเื่ดีๆ ถึงได้ประสบเคราะห์ร้ายเช่นนี้ เช่นนั้นก็สู้ฉวยโอกาสที่์ส่งให้ทำเื่ดีๆ ช่วยคนสักหนึ่งชีวิตเถอะ
เมื่อคิดเช่นนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงย่อตัวลงอย่างระมัดระวัง ยกมือพยายามออกแรงพลิกตัวคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่ผู้นั้น…
“เยวี่ย เยวี่ยเจาหราน...?!”
ตอนยังไม่พลิกตัวก็ไม่ได้ร้อนใจอันใด แต่พอพลิกขึ้นก็ทำเอาตกตะลึง! ตอนที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเปิดเผยใบหน้าของคนผู้นั้นภายใต้แสงสว่างของคบเพลิงในมือตน ถึงพบว่าคนที่นอนเืท่วมตัวอยู่บนพื้นผู้นี้เป็เยวี่ยเจาหราน!!!
เหตุใดเยวี่ยเจาหรานถึงมาปรากฏตัวที่นี่ในเวลานี้ได้? ไม่ใช่ว่าเขากลับจวนเยวี่ยไปกับคนรับใช้ของจวนเยี่ยนแล้วหรอกหรือ... อีกทั้งยังมีสภาพเืท่วมตัวราวกับได้รับาเ็สาหัส เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ร้อนรนตบแก้มของเยวี่ยเจาหรานอย่างแรงด้วยความลนลาน ปากก็ยังร้องเรียกชื่อของเยวี่ยเจาหรานไม่หยุด หวังให้ชายหนุ่มผู้นี้รีบตื่นคืนสติขึ้นมา แล้วอธิบายเื่ที่เกิดขึ้นให้ตนฟังดีๆ …
“เยวี่ยเจาหราน เยวี่ยเจาหราน! เ้าตื่นสิเยวี่ยเจาหราน เยวี่ยเจาหราน!!!”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วรู้สึกถึงความสิ้นหวังเป็ครั้งแรก ไม่นึกว่าเยวี่ยเจาหรานที่เมื่อก่อนตนเกลียดนักหนาผู้นี้ ยามนี้พอมาเห็นเขานอนหมดหนทางอยู่เบื้องหน้าตน เืโชกไปทั้งร่างราวกับคนตายอย่างไรอย่างนั้น เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็เกิดความหวาดกลัวท่วมท้นขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบาย
ถ้าหาก…
ถ้าหากเขาตายไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรดี เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วคิดเช่นนั้นอยู่ในใจอย่างสิ้นหวังสุดขีด สุดท้ายก็ร้องไห้โฮออกมา
เชิงอรรถ
[1] เหยียบโชคขี้หมา (走狗屎运) หมายถึงโชคดี เป็คำพูดเชิงประชดประชันเมื่อได้ของที่ไม่น่าจะได้ หรือไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น
