เมื่อครู่เยวี่ยเซินเข้ามาใกล้นางและเอ่ยสองสามคำ เพียงแต่เหยียนอู๋อวี้มิได้สนใจเขา ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาเป็เช่นนี้ในตำหนักองค์หญิงใหญ่ หรือเพราะเขาคิดว่านางเป็เพียงนางกำนัลจึงคิดจะรังแกนาง
ไม่คาดคิดว่าเขายังกล้าที่จะจับมือนางทำรุ่มร่ามกับนาง เหยียนอู๋อวี้รีบหลบเลี่ยง ทว่านางมิได้ปฏิเสธจริงจัง ยังคงเว้นระยะห่างไว้เล็กน้อย และด้วยการเว้นระยะห่างนี้เองทำให้เยวี่ยเซินที่ไม่แยกแยะความร้ายกาจเริ่มสับสนมึนงง คิดจะทำล่วงเกินนาง
เหยียนอู๋อวี้กำลังใช้โอกาสนี้ร้องไห้เสียงดัง ไม่คาดคิดว่าจะมีคนเดินมาถีบเยวี่ยเซินเข้าอย่างจัง เมื่อเหยียนอู๋อวี้เห็นผู้ที่เดินมาพลันรีบวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของเขาทันที น้ำตานางไหลอาบสองแก้ม “ฝ่าา......”
เยวี่ยเซินมองไปยังเสื้อคลุมัด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เดิมทีเขาคิดว่าเหยียนอู๋อวี้เป็เพียงนางกำนัลในวังหลวงที่มีสถานะสูงกว่าคนอื่นเท่านั้น เขาไม่คาดคิดว่าเหยียนอู๋อวี้จะวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของซ่งอี้เฉิน ภายในใจเขาคิดว่าแย่แล้ว
กระนั้นเขายังครุ่นคิดว่าฮ่องเต้พระองค์นี้เป็เพียงแค่ชื่อ อำนาจของเขาไม่เท่ากับองค์หญิงใหญ่ ความตื่นตระหนกค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยคำพูดคุกคาม “องค์หญิงใหญ่รับสั่งให้กระหม่อมรออยู่ที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
“องค์หญิงใหญ่ยังมีรับสั่งให้เ้าถือโอกาสรออยู่ที่นี่ล่วงเกินนางสนมของข้าเช่นนั้นหรือ?” แววตาของซ่งอี้เฉินเฉียบคมดั่งมีดคมกริบ แทบอยากจะสับร่างเขาออกเป็ชิ้นๆ
เยวี่ยเซินตอบไปว่า “ฝ่าาทรงยกโทษให้กระหม่อมด้วย กระหม่อมไม่รู้ว่านางกำนัลผู้นี้เป็นางสนมของฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ต่อให้เป็นางกำนัลในวังหลวง เ้าก็ไม่มีสิทธิ์ล่วงเกินพวกนาง!”
“ฝ่าา กระหม่อมมิได้ล่วงเกิน เป็นางที่ล่อลวงกระหม่อมก่อน...…” ในที่สุดเยวี่ยเซินก็ััได้ถึงไอสังหารในน้ำเสียงของซ่งอี้เฉิน เขาพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที แม้ฮ่องเต้จะเป็เพียงแค่หุ่นเชิด แต่กระนั้นเขายังคงเป็ฮ่องเต้ พระเกียรติของราชวงศ์มิอาจขัดขืนได้ แม้ว่าเขาจะเป็เพียงบุตรอนุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานของรองเ้ากรมการคลัง ทว่าเื่มาถึงขั้นนี้ เขาย่อมเข้าใจเป็อย่างดี!
“เจิ้นเห็นชัดเจน!” ซ่งอี้เฉินตรัสเสียงเ็า “องครักษ์ ลงโทษโบยร้อยครั้ง แล้วลากไปจับตอนเป็ขันที!”
ด้วยเหตุนี้ องค์หญิงใหญ่จึงปรากฏตัว
องค์หญิงใหญ่แอบสบถด่าเยวี่ยเซินต่อพฤติกรรมชั่วนี้ ทว่าสีหน้านางยังคงสงบนิ่งขณะเดินไปหาซ่งอี้เฉิน นางเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ฝ่าา เกิดเื่อันใดขึ้น?”
ซ่งอี้เฉินหันหน้าไปมององค์หญิง สายตาที่เ็าพลันหายไปหลงเหลือเพียงแววตานอบน้อม “เสด็จพี่ ท่านควรดูแลข้ารับใช้ให้ดีๆ คนก่อนก็ซวี่หรง ต่อมาก็มีเยวี่ยเซินอีก ตำหนักหลังของเจิ้นอีกไม่นานคงเป็ตำหนักหลังของเสด็จพี่ไปแล้วกระมัง”
สำหรับเชื้อพระวงศ์แล้วประโยคนี้เปรียบเสมือนการลบหลู่ ทว่าซ่งอี้เฉินสามารถพูดได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเผยให้เห็นถึงน้ำเสียงเย้ยหยัน เื่นี้เป็สิ่งที่องค์หญิงใหญ่คาดไม่ถึง
พระอนุชาของนางกำลังคิดอันใดกันแน่? ยามนี้องค์หญิงใหญ่ไม่เข้าใจจิตใจเขาเลยสักนิด
“โบยให้ตาย” องค์หญิงใหญ่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เสียงของไทเฮาพลันดังมาจากระยะไกล นางตรัสขณะที่มีแม่นมซูคอยประคอง ก่อนจะยืนอยู่ต่อหน้าทุกคนด้วยแววตาสังหาร
เยวี่ยเซินเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงพยายามดิ้นรน สลัดขันทีที่จับเขาไว้แล้ววิ่งไปหาองค์หญิงใหญ่ โอบกอดต้นขาของนางพลางร่ำไห้ “องค์หญิง เยวี่ยเซินถูกใส่ร้าย เยวี่ยเซินมิได้ลวนลามนางสนมผู้นั้น”
องค์หญิงใหญ่รู้สึกโกรธยิ่งนัก เพียงแต่เพราะเขาเป็บุตรของอนุในรองเ้ากรมการคลัง และนางถูกใจลีลาบนเตียงของบุรุษผู้นี้มากเช่นกัน หากเขาถูกไทเฮารับสั่งปะาชีวิต ประการแรกนางต้องเสียเกียรติเป็อย่างยิ่ง ประการที่สองนางจะต้องมีปัญหากับรองเ้ากรมการคลัง อำนาจถ่วงดุลจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ดังนั้นนางจึงเอ่ยปากว่า “เื่นี้ต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ ไม่สามารถฟังเพียงด้านเดียวได้......”
องค์หญิงใหญ่อาจถือว่าคำพูดของซ่งอี้เฉินเป็คำพูดด้านเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางมิได้เกรงใจซ่งอี้เฉินเลย
“คำพูดฝ่ายเดียวหรือ? ฝ่าาทรงเห็นกับตา พระองค์จะทรงกล่าวเท็จได้อย่างไร?” ไทเฮาสีหน้าเ็าสุดขั้ว ในเมื่อองค์หญิงใหญ่พยายามปกป้องอย่างเต็มที่ นางจะต้องฆ่าให้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่ให้เกียรติซ่งอี้เฉินเมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการประนีประนอม!
“เป็นาง นางคุกเข่าตรงนั้น พยายามเล่นหูเล่นตากับข้า ข้าเห็นนางแต่งตัวคล้ายนางกำนัลจึงคิดว่านางเป็นางกำนัล เห็นนางน่าสงสาร คิดจะเดินไปปลอบนางสักหน่อย ไม่คาดคิดว่านางจะยั่วยวน ไทเฮา กระหม่อมมิได้ทำอันใดเลย กระหม่อมบริสุทธิ์ องค์หญิงใหญ่เชื่อกระหม่อมเถิด......” เยวี่ยเซินรีบเอ่ยแก้ตัว ผลักทุกอย่างออกไปจากตัว
ซูอิ่งโกรธมากเสียจนนางคุกเข่าลงและทูลเสียงดังว่า “ไทเฮาทรงตรวจสอบด้วยเพคะ หลังจากองค์หญิงใหญ่เสด็จมาถึง พระองค์ทรงมีรับสั่งให้เขารออยู่หน้าตำหนักอี้คุน เขาเดินเข้ามาคุยกับนายหญิงของบ่าว นายหญิงเมินเฉยไม่สนใจเขา ไม่พูดกับเขา จากนั้นเขาก็ทำตัวรุ่มร่าม พวกตัณหากลับ”
หลังจากฟังคำพูดของซูอิ่งแล้ว เหยียนอู๋อวี้ผละตัวออกจากอ้อมแขนของซ่งอี้เฉินทันที นางคุกเข่าและทูลว่า “ไทเฮาได้โปรดตรวจสอบด้วยเพคะ ต่อให้หม่อมฉันจะเป็เพียงนางกำนัลธรรมดา ทว่าที่นี่เป็ตำหนักอี้คุน เขาเป็เพียงแขกขององค์หญิงใหญ่ กล้าลวนลามนางกำนัลในวังหลวง โชคดีที่ฝ่าาเสด็จมาทันเวลาพอดี หม่อมฉันยังไม่ถูกเขาลวนลาม! หากเขาแตะเนื้อต้องตัวหม่อมฉันแม้เพียงปลายเล็บ หม่อมฉันคงต้องฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!”
ระหว่างที่เหยียนอู๋อวี้กำลังพูดอยู่นางก็ลุกขึ้นรีบวิ่งไปชักกระบี่ยาวจากองครักษ์ พร้อมกับพาดไปที่ลำคอของนาง โชคดีที่ซ่งอี้เฉินมือไม้ว่องไว คว้ากระบี่ยาวได้ทันเวลาพอดี กระนั้นบริเวณลำคอนางยังคงมีาแตื้นๆ และมีคราบเืจางๆ
“หมอหลวง รีบตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้!” ซ่งอี้เฉินกอดนางในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใย ก่อนจะหันไปมององค์หญิงใหญ่ ความอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อครู่พลันหายไป “เสด็จพี่ แขกของท่านจะจัดการอย่างไรนั่นเป็เื่ของท่าน ยามนี้ทำให้สนมของเจิ้นต้องาเ็ ควรมีคำตอบให้เจิ้นบ้างหรือไม่?”
องค์หญิงใหญ่ตอบกลับด้วยความโกรธ “เยวี่ยเซินหาได้แตะต้องตัวนาง นางถึงขั้นต้องปาดคอตนเองเลยหรือ ฝ่าาคำพูดนี้ะเืใจนัก! เวลานี้ยังสืบไม่รู้ความจริงเลย......”
“ยังต้องสืบสวนอันใดอีก?” ไทเฮาเอ่ยขัดจังหวะองค์หญิงใหญ่ด้วยน้ำเสียงเ็า “เยวี่ยเซินไร้ซึ่งความเป็สัตบุรุษ ฝ่าฝืนกฎวังหลวงหลายต่อหลายครั้ง ลวนลามนางสนม ความผิดเพิ่มขึ้นเท่าตัว โบยจนตาย และนำร่างแขวนประจานที่ประตูเมือง เพื่อตักเตือนเหล่าขุนนาง!”
องค์หญิงใหญ่เอ่ยด้วยความโกรธ “เสด็จแม่ ท่านเคยคิดถึงผลที่ตามมาของการทำเช่นนี้บ้างหรือไม่?”
ไทเฮามองนางด้วยสายตาเ็า “ิชิ่ง ใน่หลายปีที่ผ่านมาอายเจียเอาอกเอาใจเ้ามากเกินไปจนกลายเป็คนไร้กฎระเบียบไปแล้ว หากฉือหยวนไทเฮายังมีพระชนม์อยู่ เห็นเ้าเป็เช่นนี้ เกรงว่าพระนางคงจะผิดหวังยิ่งนัก อายเจียไม่อยากถูกพระนางตำหนิยามไปพบพระนางที่ปรโลก”
หลังองค์หญิงใหญ่เห็นนางยกเสด็จแม่แท้ๆ ของตนขึ้นมาพูด นางพลันเดือดดาลทันทีและเอ่ยว่า “เ้ามีสิทธิ์อันใดมากล่าวถึงเสด็จแม่ของข้า? เ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนข้า!”
ไทเฮาส่ายศีรษะพลางตรัสด้วยสีหน้าเศร้าใจ “ิชิ่ง อายเจียไม่สามารถดูแลเ้าได้ ทว่าข้ารับใช้ที่อยู่รอบตัวเ้าต้องควบคุมให้ดี หากไม่ใช่เพราะพวกเขา เ้าคงไม่เสียคนถึงเพียงนี้” หลังจากเอ่ยจบ นางพลันชักสีหน้าดุดัน “ลงโทษ!”
ไทเฮาทรงมีรับสั่ง องครักษ์ด้านหนึ่งก้าวไปข้างหน้าทันที ก่อนจะผลักเยวี่ยเซินลงไปนอนบนพื้น พร้อมหยิบไม้พลองขึ้นมาแล้วฟาดลงไป
เสียงโอดครวญเ็ปแสนสาหัสของเยวี่ยเซินดังก้องในหูของทุกคน ทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน
ไทเฮายังคงไม่หยุดและกล่าวว่า “พวกเ้าทุกคนดูให้ดีๆ ประพฤติตนผิดคุณธรรม ชั่วร้าย มีจุดจบอย่างไร หากทำผิด ผู้ที่ถูกโบยก็จะเป็พวกเ้า!”
ทุกคนแสดงความใและหวาดกลัวบนใบหน้า ไม่มีผู้ใดกล้าปริปาก
องค์หญิงใหญ่เดือดดาลสุดขีด นางจับหน้าอกและกระชากเสียงรุนแรงกล่าวว่า “ไทเฮา......ดีนัก ข้าขอบพระทัยในครั้งนี้ที่ได้สั่งสอนข้ารับใช้ของข้า ศพของเยวี่ยเซินรบกวนช่วยจัดการให้ด้วย ต่อไปข้าจะตอบแทนเป็อย่างงาม!”
หลังจากกล่าวจบนางจึงเดินไปนั่งบนเกี้ยวประทับและจากไปด้วยความขุ่นเคือง ส่วนเยวี่ยเซินนั้นนางมิได้หันไปมองอีกเลย