เช้ามืดขณะที่ฟ้าเริ่มสาง ชย่าลิ่วอีถูกเสียงเคาะประตูและเสียงโหวกเหวกโวยวายจากชั้นล่างปลุกให้ตื่นขึ้น
“เปิดประตูนะ ไอ้เวร เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
เขาลุกขึ้นนั่งด้วยความระมัดระวังแล้วพบว่ามีผ้าห่มชื้นๆ คลุมตัวเขาอยู่ ส่วนเหอชูซานกำลังพิงไหล่ข้างที่ไม่ได้รับาเ็ของเขาแล้วหลับสนิทอย่างสุขใจ มือข้างหนึ่งกอดเอวของเขาจากด้านหลัง ส่วนมืออีกข้างวางอยู่บนหน้าอกของเขาโดยที่นิ้วชี้และนิ้วกลางวางอยู่ระหว่างหัวนมของเขาผ่านเสื้อกล้ามบางๆ พอดี
ก่อนหน้านี้เคยพูดแล้วว่าลูกพี่ใหญ่ชย่านั้นไวต่อความรู้สึกมาก เขาจึงหน้าแดงก่ำ แล้วตบไอ้หนุ่มคนนี้จนกระเด็นออกไปทันที!
ไอ้เวรนี่! แกกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!
เหอชูซานงัวเงียลุกขึ้นพร้อมผ้าห่มพลางหาวหวอดๆ ยังไม่ทันได้หาวเสร็จก็โดนชย่าลิ่วอีถีบเสียหนึ่งที เขาพยักหน้าไปทางด้านนอก
เหอชูซานลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วปีนขึ้นไปบนขอบราวหินเพื่อมองลงไปข้างล่าง ก่อนจะถอยหลังกลับมาด้วยใบหน้าซีดเผือด “พี่ลิ่วอี พวกมันกำลังค้นบ้านทีละหลังเพื่อตามหาพี่”
“ลูกพี่ทั้งหลาย! คนที่อยู่ข้างบนคือลูกชายของผมเอง ไม่มีใครอื่นแล้ว!” เสียงประจบประแจงที่แฝงไปด้วยตื่นตระหนกของหมอฟันเหอดังขึ้นมาจากข้างล่าง
“พ่อ...” เหอชูซานเรียกพ่อเสียงเบา เขากำลังจะยืดตัวขึ้น แต่ถูกชย่าลิ่วอีดึงไว้เสียก่อน
ชย่าลิ่วอีรีบยกมือปิดปากเหอชูซานแน่น ใบหน้าเ็าของเขาส่ายไปมา เหอชูซานถูกเขาโอบกอดไว้แน่นจนเกือบประจันหน้ากัน ทว่าในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ไม่มีใครสนใจว่าท่าทางของพวกเขาจะดูคลุมเครือหรือไม่ ทั้งสองกลั้นหายใจฟังเสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างล่างอย่างตั้งใจ
ข้างล่างส่งเสียงดังโครมครามอยู่พักใหญ่ ไม่เพียงแต่คลินิกของหมอฟันเหอเท่านั้น ร้านอาหารเล็กๆ แถวนั้นก็ถูกค้นด้วย เสียงเจ๊อ้วนร้องลั่นขึ้นมาว่า “หม้อหนิวจ๋าของฉัน!” สักพักก็ได้ยินเสียงประจบประแจงของหมอฟันเหอดังขึ้นมาอีก “ผมบอกแล้วไงครับ ลูกพี่ทั้งหลาย! ไม่มีใครซ่อนอยู่จริงๆ ลูกชายผมออกไปเรียนแล้ว! ใช่ครับ เขาเป็นักศึกษามหาวิทยาลัย! โอ๊ย! เขาชอบเรียนหนังสือมาก ห้ามยังไงก็ไม่อยู่! ผมมีค่าน้ำชาเล็กๆ น้อยๆ ให้ทุกท่านด้วย ขอให้ท่านได้เลื่อนขั้น เลื่อนขั้นนะครับ!”
เหอชูซานถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ห้องของเขาแคบและอากาศไม่ได้ถ่ายเทนัก เขาจึงทำความสะอาดห้องทุกวัน รวมถึงเผาผ้าพันแผลเปื้อนเืของชย่าลิ่วอีที่เปลี่ยนทิ้งอย่างระมัดระวัง แล้วนำขี้เถ้าไปทิ้งที่มหาวิทยาลัยเมื่อวานก่อนกลับบ้าน เขายังเก็บหนังสือ เทียนไข และม้วนที่นอนที่เกะกะออกไปด้วย น่าจะไม่มีร่องรอยน่าสงสัยอะไรหลงเหลืออยู่ในห้อง
แต่ไม่นานเขาก็เริ่มกังวลขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยถามชย่าลิ่วอีด้วยเสียงแ่เบา “พวกมันจะขึ้นมาไหม?”
“ชู่ว” ชย่าลิ่วอีพูด ขมวดคิ้วฟังเสียงต่อไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากทางบันได พร้อมกับเสียงร้องด้วยความใว่า “ชย่าลิ่วอี?”
เหอชูซานขนลุกซู่! ห่างออกไปไม่กี่เมตรมีชายคนหนึ่งสวมกางเกงขาสั้น ผมยุ่งเหยิง กำลังถืออ่างล้างหน้าใบใหญ่ที่แตกเป็รู– เห็นได้ชัดว่าขึ้นมาเก็บผ้าปูที่นอน
ทั้งสองจ้องตากันเขม็ง ชย่าลิ่วอีจำได้ว่านี่คือลูกน้องคนสนิทของหัวหน้าใหญ่แก๊งซาที่เขาเคยปราบไปเมื่อหลายเดือนก่อน ทันใดนั้นลูกน้องคนนั้นก็ะโลั่น คว้าไม้ไผ่ที่ใช้ตากผ้า แล้วพุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้งสอง!
เหอชูซานมองเห็นปลายไม้ไผ่แหลมคมพุ่งตรงมาที่หน้าอกของเขา ตาเขามืดไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นชย่าลิ่วอีก็ผลักเขาออกไปอย่างแรง!
‘ฉึก’ เสียงของผิวเนื้อที่ฉีกขาดจนต้องเสียเืดังขึ้น ไม้ไผ่แหลมคมเสียบเข้าไปในาแเก่าบนไหล่ของชย่าลิ่วอี เืไหลจนผ้าพันแผลถูกย้อมเป็สีแดงทันที ชย่าลิ่วอีจับไม้ไผ่ด้วยมือทั้งสองข้าง เขาขมวดคิ้ว หน้าแดงก่ำ พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหยุดไม่ให้มันแทงเข้าไปลึกยิ่งกว่านี้ แต่เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับาเ็หนักมาและยังไม่หายดีนัก แรงของเขาจึงเริ่มต้านทานแรงกดจากลูกน้องคนนั้นไม่ไหว ไม้ไผ่ค่อยๆ ทะลุเข้าไปในไหล่ของเขามากขึ้นทีละนิด...
เห็นดังนั้นเหอชูซานจึงเหวี่ยงกระเป๋าหนังสือใบเล็กที่เต็มไปด้วยหนังสือเล่มหนาใส่หัวของลูกน้องคนนั้น!
ลูกน้องคนนั้นปล่อยมือจากไม้ไผ่นั่นแล้วกรีดร้องด้วยความเ็ป ชย่าลิ่วอีจึงดึงไม้ไผ่ที่ทิ่มทะลุไหล่ของเขาออกจนเืกระเซ็นไปไกล!
ลูกน้องคนนั้นเอามือกุมหัวร้องโอดโอยครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เืก็ไหลลงมาจากหน้าผาก ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
เขาต่อยเหอชูซานจนเซถลา! จากนั้นก็ตามมาด้วยการรัวหมัดต่อยและเตะอย่างรุนแรง! นักศึกษาเหอแทบไม่มีแรงต่อสู้ ได้แต่กุมหัวรับการโจมตี ชย่าลิ่วอีที่อยู่ไม่ไกลจากเหอชูซานนักพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแม้จะมีเืไหลท่วมเต็มไหล่ แต่พยายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ ด้วยความโกรธเขาพยายามเอื้อมไปหยิบไม้ไผ่ ทว่าไม่ถึง ในชั่วพริบตาเหอชูซานก็ถูกซ้อมจนล้มลงไปกองกับพื้น
เหอชูซานถูกต่อยเข้าที่ท้องและศีรษะหลายครั้ง เขาขดตัวลงไปนอนกับพื้นและไออย่างหนัก สายตาพร่ามัวไปหมด แต่ในขณะที่กำลังจะทนไม่ไหว สมองของเขาก็ปลอดโปร่งขึ้นมากะทันหัน
เขาขบฟันลุกขึ้นมาตั้งท่านั่งม้ารับการเตะครั้งต่อไปจากหัวหน้ากลุ่มอย่างมั่นคงเหมือนกับที่ฝึกในทุกเช้า
ในวินาทีนี้ รูปร่างที่เตี้ย อ้วน อุ้ยอ้าย และเชื่องช้าของลุงอาหัวผู้สืบทอดมวยไทเก๊กตระกูลหยางรุ่นที่ 4 ที่กำลังร่ายรำท่าผลักฝ่ามือ ดึงหมัด และกวาดเท้าอย่างสง่างามได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา เหอชูซานเหมือนมีเทพเ้าแห่งามาเข้าสิง เขาหลับตาแล้วออกฝ่ามือ รับเท้าของลูกน้องคนนั้นได้อย่างแม่นยำ ฝ่ามือทั้งสองประกบเข้าหากัน ล็อกหลังเท้า ดึง แล้วผลักออกไป!
“อ๊าก!” ชายคนนั้นร้องลั่นพร้อมกับล้มคว่ำ!
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น พื้นบ้านที่เปราะบางเองก็สั่นะเื ลูกน้องหนุ่มลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ มึนงง แต่เต็มไปด้วยความโกรธ
เขาพุ่งเข้าใส่เหอชูซานอีกครั้ง ทว่าเหอชูซานกลับกลิ้งหลบไปด้านข้าง เขาจึงลื่นไถลเซไปหลายก้าว ก่อนจะล้มคว่ำอีกครั้ง!
แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก เขาเหลือบมองท้องของตัวเองอย่างสับสน ก่อนจะร้องออกมาด้วยความเ็ป! “อ๊ากกก——!!”
ลูกน้องคนนั้นโดนแท่งเหล็กแหลมบนพื้นเสียบทะลุท้องของเขาจนเืพุ่งออกมาเป็ทาง เสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองของเขาดังลั่น!
เหอชูซานทรุดลงนั่งกับพื้น หน้าซีดเผือด ตัวแข็งทื่อ ชย่าลิ่วอีเห็นดังนั้นจึงะโเสียงดัง “อย่ามัวแต่มอง! รีบไปกันได้แล้ว!”
คนของแก๊งเซียวฉีที่อยู่ชั้นล่างได้ยินเสียงร้องแปลกๆ จากชั้นบนจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเพื่อมาดู เหอชูซานได้สติ รีบเข้าไปประคองชย่าลิ่วอีให้ลุกขึ้นโดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กที่เปื้อนเืของตัวเองขึ้นมาสะพายหลัง
ลงบันไดไม่ได้แล้ว เขาถามชย่าลิ่วอีว่า “ทำยังไงดีพี่?!”
ชย่าลิ่วอีสะบัดหัวไปทางด้านนอก “โดด!”
เหอชูซานอ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็ถูกชย่าลิ่วอีคว้าคอเสื้อลากไปที่ขอบระเบียงเสียแล้ว ชย่าลิ่วอีทรงตัวบนขอบระเบียงพลางหายใจหอบ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเหอชูซานกำลังตัวสั่นปีนขอบระเบียงมองลงไปข้างล่าง
จริงๆ แล้วตรงนี้ห่างจากหน้าต่างของบ้านหลังหนึ่งในตึกข้างๆ ประมาณหนึ่งถึงสองเมตรเท่านั้น แต่ผนังของตึกทั้งสองข้างเต็มกลับไปด้วยโคลนและสิ่งสกปรกที่ลื่นมาก พื้นข้างล่างที่อยู่ต่ำว่าดาดฟ้าตึกสิบกว่าเมตรก็มีเพียงความว่างเปล่า ไร้ต้นไม้บดบังจนมองเห็นหัวคนเดินถนนได้เลย!
ขาของเหอชูซานอ่อนยวบลง เขาเผลอก้าวถอยหลังกลับ
“นายจะโดดเองหรือให้ฉันโยน” ชย่าลิ่วอีพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย เขาเสียเืมากเกินไปจนเริ่มมึนหัว
เหอชูซานกลืนน้ำลาย “ผมจะ...” เขาค่อยๆ ยื่นตัวออกไปครึ่งหนึ่งอย่างระมัดระวัง— ก่อนจะถูกชย่าลิ่วอีผลักออกไป!
เหอชูซานะโทะลุหน้าต่างบ้านคนอื่นจนเศษกระจกแตกกระจายไปทั่ว ชายชราร่างผอมที่กำลังหลับสนิทอยู่ในบ้านสะดุ้งตื่นทันที เมื่อเห็นเงาดำก็ร้องเสียงแหบพร่า คว้าไม้ขนไก่ข้างเตียงฟาดใส่เหอชูซาน
เหอชูซานกุมหัวและะโกลับไปที่หน้าต่างเพื่อดูชย่าลิ่วอี– เพียงเพื่อจะได้เห็นชย่าลิ่วอีพุ่งเข้ามาชนกับเขา
ทั้งสองคนกลิ้งลงไปกองกับพื้น ถูกชายแก่ตัวผอมตีด้วยไม้ขนไก่อย่างไม่ยั้งมือ ท้ายที่สุดชย่าลิ่วอีที่ถูกร่างกายของเหอชูซานบังไว้ก็ะโเสียงดัง “หยุด!”
ชายชราใจนชะงักมือ เหอชูซานได้ทีจึงพลิกตัวลุกขึ้นมาแล้วลากชย่าลิ่วอีวิ่งหนีไป
ทั้งสองเปิดประตูสนิมออกแล้วลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเกือบถึงปลายทาง ร่างของชย่าลิ่วอีก็ทรุดลง ก่อนจะล้มพับไป
เหอชูซานทรุดตัวลงกับพื้นคลำหาเขาทันที ทว่ากลับคลำเจอแต่ความเหนียวหนืด เขาได้ยินเสียงหายใจแ่เบาของชย่าลิ่วอี
“พี่ลิ่วอี?”
ชย่าลิ่วอีอยากจะพูดโต้ตอบ แต่ทุกอย่างรอบตัวกลับมืดลงเรื่อยๆ เขาใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะหมดสติลงในท้ายที่สุด
……
ในความมืดที่สั่นไหว เสียงลมหวีดหูค่อยๆ ชัดเจนขึ้นอย่างช้าๆ ดังเคล้ากับกับเสียงหอบหายใจอย่างรุนแรงของใครบางคน
ชย่าลิ่วอีลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย ในภาพที่พร่ามัว เขาเห็นเพียงด้านหลังของศีรษะสีดำของเหอชูซาน
การเคลื่อนไหวขึ้นลงทำให้เขาเจ็บแผลที่ไหล่ เขาจึงกัดฟันแน่น เสียงหายใจเริ่มหนักขึ้นจากการอดกลั้น จากนั้นเสียงของเหอชูซานก็ดังผ่านเข้าหู “พี่ลิ่วอี แฮก! ตื่นหรือยังครับ? แฮก!”
เหอชูซานแบกชายร่างสูงวิ่งจนเกือบตาย หอบแล้วหอบอีก พร้อมพูดกับเขาว่า “ถ้าตื่นแล้วก็ แฮก! อย่าหลับนะ! อย่าหลับ! จะตายเอานะ!”
“ไอ้บ้านี่ อย่าแช่งฉันสิ” ชย่าลิ่วอีสบถเบาๆ
“แฮก!” เหอชูซานพูด “ถ้าพี่อยากจะนอน แฮก! ก็มาคุยกับผมหน่อยสิ...”
“พูดอะไรหน่อยสิ?”
“แฮก! เมื่อกี้พี่ผลักผมออก แฮก! แล้วโดนเขาแทง” เขาถูกช่วยชีวิตอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เข้าใจผิด!
ชย่าลิ่วอีหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อนแล้วพูดเบาๆ “นายช่วยฉันไว้ นายก็เลยเป็ลูกน้องของฉัน ดูแลพี่น้องเป็เื่ที่ฉันควร...”
“ผมไม่ได้เป็ลูกน้องของพี่... แฮก!” เหอชูซานรีบปฏิเสธ “ผมไม่เข้าแก๊ง... แฮก!”
“…”