ในความคิดของจางจ้าวฉือ สำหรับนางแล้วฮูหยินผู้เฒ่ากับแม่นมลู่ความจริงแล้วมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว หากแม่นมลู่อยากจะยื่นเงื่อนไข จางจ้าวฉือก็พร้อมจะตอบรับคำทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้ว ก็เร่งให้รีบกลับไปจัดสัมภาระ วันมะรืนก็จะออกเดินทางแล้ว การเดินทางไกลครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็ครอบครัวของจางจ้าวฉือหรือทางแม่นมลู่ต่างก็มีของมากมายที่จำเป็ต้องจัดการ
เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวันคนทั้งหมดภายในจวนก็รับรู้เื่นี้ ครอบครัวคุณชายสามเดินทางในครั้งนี้ยังพาแม่นมคนหนึ่งไปด้วย ได้ยินมาว่าแม่นมผู้นี้ยังเป็คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยจัดหามาให้ เพื่อติดตามไปสั่งสอนคุณหนูเก้าของจวนอีกด้วย
หลังจากคุณหนูใหญ่ในจวนได้ยินเข้า ก็ไปพบโหวฮูหยินถึงเรือน
นางที่เป็คุณหนูใหญ่ของจวน ทั้งยังเป็บุตรีของภรรยาหลวง สวี่เกาั้แ่เด็กก็ล้วนได้รับการสั่งสอนที่ดีที่สุด อายุสิบกว่าหนาวแล้ว นางรู้ดีว่าแม่นมที่ดีคนหนึ่งสามารถนำพาสิ่งใดมาให้กับตนเองได้บ้าง
โดยปกติแล้วสวี่เกามีการส่งจดหมายแลกเปลี่ยนกันกับสหายอยู่เสมอ และมักจะมารวมตัวพบปะกันบ่อยครั้ง จึงพอจะรู้ชื่อเสียงของแม่นมลู่ในเมืองหลวงดี แต่นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าครอบครับท่านอาสามจะพาแม่นมลู่ไปที่เหอซีด้วย
โหวฮูหยินแน่นอนว่ารับรู้เื่ราวที่เกิดขึ้นในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่แล้ว นางที่ได้รับรายงานก็รู้สึกโกรธมาก ที่ลูกอนุผู้หนึ่งกลับได้รับความชอบจากฮูหยินผู้เฒ่า มีนางคอยช่วยเหลือจัดการเื่นั้นเื่นี้ให้
หลังจากที่สวี่เกามาถึง นางทำความเคารพโหวฮูหยินด้วยดวงตาแดงก่ำพลางเอ่ย “ท่านย่าเ้าคะ ข้าได้ยินคนพูดว่าท่านทวดให้แม่นมลู่ตามครอบครัวของท่านอาสามไปที่เหอซี ต่อไปจะเป็แม่นมคอยสั่งสอนให้น้องเก้าด้วยเ้าค่ะ”
โหวฮูหยินจิบชาอึกหนึ่งก่อนจะกล่าว “เกาเอ๋อร์ ความ้าของผู้ใหญ่ คนที่เป็เด็กไม่สามารถตั้งข้อสงสัยใดๆ ได้ นี่คือกฎ”
สีหน้าของสวี่เกายิ่งย่ำแย่ ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “ท่านย่าเ้าคะ เกาเอ๋อร์มิได้สงสัย เกาเอ๋อร์เพียงแค่รู้สึกเสียใจเ้าค่ะ เป็เหลนของท่านทวดเหมือนกัน แต่ท่านทวดกลับเอาแต่สนใจน้องเก้า ไม่คิดถึงว่ายังมีเกาเอ๋อร์กับเย่าเอ๋อร์ที่เป็เหลนบ้างหรือเ้าคะ? ท่านย่า พวกเราโตกันขนาดนี้แล้ว จำเป็ต้องมีแม่นมดีๆ มาสั่งสอนกฎระเบียบแก่พวกเรานะเ้าคะ”
โหวฮูหยินถอนหายใจ “ข้ามีหรือจะไม่เข้าใจเื่พวกนี้ เพียงแต่แม่นมที่ดีนั้นหายาก เ้าก็รออีกไม่กี่วันเถิด ข้าจะให้คนไปช่วยจัดหาแม่นมที่ดีที่สุดมาให้คอยสั่งสอนกฎระเบียบพวกเ้าให้ดีก็ย่อมได้แล้ว”
หลังจากสวี่เกากลับไปแล้ว ในใจก็โกรธเคืองมาก จึงมุ่งหน้าไปยังเรือนของซื่อจื่อฮูหยินต่อ
นายหญิงเป็คนที่คอยดูแลเื่ราวต่างๆ ภายในเรือน ในเรือนจึงมีคนเดินเข้าออกอยู่ตลอด ซื่อจื่อฮูหยินเห็นลูกสาวคนโตของตนเองเดินหน้ามุ่ยเข้ามา รอจนนางเล่าเื่ออกมาแล้ว ก็ให้คนพาไปยังห้องด้านข้าง
ซื่อจื่อฮูหยินเอ่ย “เ้าดูเ้าสิ เื่แค่นี้เอง มีค่าพอให้เ้าทำหน้าหงิกหน้างอกลับมาหรือไม่”
สวี่เกากล่าว “ท่านแม่เ้าคะ นี่เื่มันมิใช่เื่เล็กน้อยนะเ้าคะ เป็ลูกหลานในเรือนเหมือนกัน อีกทั้งทางนั้นก็เป็ลูกอนุ เหตุใดถึงได้ดีกว่าทางนี้เล่าเ้าคะ?”
ซื่อจื่อฮูหยินเป็คนฉลาด อีกทั้งนางเองก็มิยอมให้ลูกของตนเองถูกเลี้ยงดูออกมาเป็คนที่โง่เขลา จึงกล่าวว่า “ครอบครัวเขาจะเดินทางไกลเป็พันลี้ ทางนั้นอาหารการกินก็สู้ในจวนมิได้ ที่พักอาศัยก็ไม่ได้ดี ได้ยินมาว่าอากาศก็ดีสู้ที่นี่ไม่ได้ พวกเขาน่ะไปในที่ที่ไม่ดี เื่นี้ทำไมเ้าถึงไม่พูดถึงกัน? หากเป็ข้านะ เ้าที่เป็หลานสาว จะต้องเตรียมของขวัญให้กับครอบครัวท่านอาสาม เขาไม่ติดว่าจะเป็ของที่ซื้อจากตามท้องถนนหรือเป็สิ่งที่ตนเองทำเอง ก็ล้วนนับเป็น้ำใจมิใช่หรือ?”
สวี่เกาก้มหน้าไม่พูดไม่จา จนซื่อจื่อฮูหยินถอนหายใจ “เกาเอ๋อร์เอ๋ย เ้าอายุสิบสองหนาวแล้วหนา ดูท่าว่าข้าจะต้องหาครอบครัวให้เ้าแต่งงานแล้ว จวนโหวของพวกเราฟังดูแล้วมีชื่อเสียงที่ดี ทว่าภายในไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ เ้าเองก็เคยช่วยข้าดูแลจวน ในใจเ้าไม่รู้หรือ? ตอนนี้ท่านอาสามของเ้าไปเป็ขุนนางที่นอกเมือง อีกทั้งยังเป็เขตที่สามารถสร้างชื่อเสียงได้ง่าย ทำงานได้ดีแล้วก็เป็หน้าเป็ตาให้กับตระกูลของพวกเรา ตระกูลนี้จะต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เ้าช่วยเขาแล้วเขาก็จะช่วยเหลือเ้าถึงจะถูก เอาล่ะ เ้าเองก็อย่าเป็เช่นนี้เลย รอผ่านไปอีกสักเดี๋ยวแม่จะช่วยเ้าหาแม่นมดีๆ มาให้เอง”
สวี่เกามิใช่คนที่ไม่มีสมอง เมื่อได้ฟังคำของมารดาตนเอง หลังจากกลับไปก็เริ่มเปิดกล่องหาของ สุดท้ายก็หาแท่นฝนหมึกอันหนึ่ง แท่งหมึกอีกหลายอัน และของเล่นหลายอย่างที่เคยเล่นตอนเด็กออกมา ก่อนจะหากล่องกำมะหยี่สองกล่องมาใส่ แล้วถือของนำสาวใช้ไปที่เรือนของสวี่เหรา
จางจ้าวฉือเห็นสวี่เกานำของมา ก็รีบสั่งให้ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยเอาชาพร้อมขนมมาต้อนรับ
สวี่เกานำของมาวางไว้บนโต๊ะแล้วกล่าว “ท่านอาสะใภ้สามเ้าคะ พวกท่านจะไปที่เหอซีแล้ว นี่คือแท่นฝนหมึกและแท่งหมึก ข้าเอามาให้น้องตี้ ของเล่นพวกนี้เป็ของที่ข้าเล่นตอนเด็กๆ เอามาให้น้องเก้าเล่นเ้าค่ะ ของพวกนี้ราคาไม่เท่าไหร่ ถือว่าเป็น้ำใจจากข้านะเ้าคะ”
จางจ้าวฉือเห็นแล้วก็ยิ้มก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณคุณหนูใหญ่ ส่วนตี้เอ๋อร์พาจือเอ๋อร์ไปเก็บดอกไม้ที่สวน อีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว เ้านั่งรอที่นี่สักเดี๋ยวนะ”
จางจ้าวฉือไม่ถนัดพูดคุยกับแม่นางน้อยอายุเท่านี้ ลูกของนางก็เป็ลูกชาย ถึงแม้ตอนนี้จะมีลูกสาว แต่ลูกสาวของนางดูแล้วทั้งเป็เด็กดี ทั้งน่ารัก แต่สวี่เกาไม่ใช่ สวี่เกาหน้าตางดงาม เพราะว่าเป็บุตรีคนโตของภรรยาเอกของจวนโหว ั้แ่เด็กก็มักจะระมัดระวังมารยาทมาก ไม่ว่าจะท่านั่งหรือว่าการพูดการจา ล้วนแต่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเคร่งครัด อยู่กับคนเช่นนี้ ถึงแม้จะเป็แม่นางน้อย แต่จางจ้าวฉือกลับรู้สึกแปลกประหลาดไปทั้งตัว
โชคดีที่สวี่ตี้กับสวี่จือกลับมาไวมาก พอเห็นของที่สวี่เกานำของขวัญมาให้ สวี่ตี้ก็ขอบคุณสวี่เกา สวี่จือเองก็เช่นกันโค้งคำนับตามพี่ชาย
สวี่เหราติดต่อสำนักคุ้มกันภัยแห่งหนึ่ง ให้พวกเขามาคุ้มครองครอบครัวของตนไปส่งที่เหอซี จางจ้าวฉือบอกไว้แล้วไม่ห่วงว่าจะต้องจ่ายเงินเท่าใด ขอแค่สามารถไปถึงที่เหอซีได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น หลังจากที่สวี่เหราติดต่อสำนักคุ้มกันภัยเสร็จแล้ว ก็พาเสี่ยวิเด็กที่เรียนหนังสือกับตนเองไปซื้อหม้อด้วยกัน
หลังจากทานมื้อค่ำกันแล้ว สวี่ตี้นั่งฝึกคัดตัวอักษรบนตั่งตามเดิม ส่วนสวี่เหราก็เริ่มแช่เท้า จางจ้าวฉือกล่าว “ข้าเห็นว่าแรงกระแทกของรถม้าคันนั้นไม่ค่อยดี นั่งรถม้าตลอดทางนี่ลำบากเสียจริงนะ”
สวี่เหราเอาเท้าวางลงไปในถังแช่เท้า “ในยุคนี้ก็เป็เช่นนี้ พื้นฐานงานฝีมือสักนิดก็ไม่มี เ้ายังคิดจะทำที่กันกระแทกอีกหรือ?”
สวี่ตี้พูดขึ้นโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ท่านแม่ขอรับ ท่านนี่ให้เกียรติลูกชายของท่านจริงๆ ตอนนี้อะไรก็ไม่มี ท่านจะให้ข้าทำมันออกมาได้อย่างไรขอรับ จะให้ข้าเป็สตรีที่เก่งกาจแต่ไม่อาจหุงข้าวขึ้นมาได้เพราะไร้ข้าว [1] หรืออย่างไรขอรับ”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “ข้ารู้แล้วว่าเงินที่ให้เ้าเรียนในตอนนั้นล้วนแต่จ่ายไปอย่างสูญเปล่า”
สวี่ตี้ไม่ยินยอมอีกต่อไป เขาวางพู่กันในมือลง “ท่านแม่ขอรับ ตอนนี้ทำไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะทำไม่ได้นะขอรับ รอไปที่เหอซีก่อนเถิด ข้าจะหาท่านอาจารย์มาสั่งสอน จะตั้งใจเรียน ไม่แน่ว่าจะสามารถทำออกมาได้ก็ได้นะขอรับ”
จางจ้าวฉือถอนหายใจ “คิดถึงวันเวลาพวกนั้นจริงๆ อยากจะไปที่ไหนก็สามารถไปได้ ดูตอนนี้สิ ออกจากบ้านทีก็ลำบากจริงๆ อยากนำเอาของที่ตัวเองอยากใช้พกไปก็ด้วยไม่ได้”
สวี่เหรามองสวี่จือที่ยังใช้ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องตนเองและภรรยา “ต่อหน้าลูกเ้าพูดอะไรน่ะ ข้าว่าแบบนี้ดีจะตาย สิ่งใดก็ต้องขนไปเอง เหมือนกับไปเที่ยวนอกเมืองเลย ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปล่าไก่ป่ามาอบให้จือเอ๋อร์กิน รับรองจือเอ๋อร์ของเรากินแล้วมุมปากจะต้องมีคราบน้ำมันไหลเยิ้มแน่นอน”
สวี่ตี้หัวเราะ “ตอนนี้เองก็มีข้อดีนะขอรับ ล่าสัตว์ป่าก็ไม่มีใครมาจับท่าน หากมีความสามารถ ไม่ว่าอะไรก็กินได้ทั้งนั้น”
จางจ้าวฉือเอ่ย “นี่ก็ดึกมากแล้ว พวกเ้าบุรุษทั้งสองคนรีบไปนอนเสีย ข้าจะกอดจือเอ๋อร์ของพวกเรานอนแล้ว”
หลายวันมานี้จางจ้าวฉือกอดสวี่จือนอนบนเตียง สวี่เหราไปนอนอยู่ในห้องตำรา ส่วนสวี่ตี้ก็นอนอยู่ในห้องของตนเองที่ห้องปีกตะวันออก
จางจ้าวฉือจึงอาศัย่เวลานี้จัดข้าวของของตัวเอง ตั๋วเงินอะไรพวกนี้ก็ต้องเอาไป เครื่องประดับที่ราคาค่อนข้างแพงหน่อยเอาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ เรือนนี้ก็ยังเก็บเอาไว้ให้ครอบครัวตนเอง ดังนั้น ของบางอย่างจำเป็ต้องจัดให้เรียบร้อย อะไรที่ควรล็อคก็ล็อค ควรซ่อนก็ซ่อน
ทางด้านห้องเก็บของส่วนใหญ่เป็เครื่องใช้ที่ค่อนข้างหนัก จางจ้าวฉือไปดูมาแล้ว หลังจากดูเสร็จก็ลั่นดาลปิดตายห้องเก็บของไป กล่องไม้ขนาดใหญ่ใต้เตียงก็หยิบเอาเครื่องประดับที่ไม่สะดุดตามากและเครื่องประดับเล็กๆ ที่ค่อนข้างธรรมดาออกมา ต่อไปตนเองจะเป็ฮูหยินของขุนนางแล้ว ตอนที่ไปพบผู้ใดก็ต้องมีการจัดงานพบปะ ดังนั้นจางจ้าวฉือจำเป็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี
หากพูดตามความจริง เอากล่องใหญ่เก็บเอาไว้ในจวน จางจ้าวฉือไม่วางใจจริงๆ ตอนนี้นางกลัวมาก ที่ครอบครัวของนางถูกทำร้ายเป็เพราะของในกล่องนี้เป็เหตุใช่หรือไม่? มีคนเห็นเงินแล้วเกิดความคิดที่จะฆ่าขึ้นมาใช่หรือเปล่า?
จางจ้าวฉือถึงแม้จะยุ่งอยู่กับการจัดของ ก็ยังพิจารณาถึงปัญหาพวกนี้ ตอนกลางคืนจึงนอนพักผ่อนไม่ค่อยเต็มอิ่มเท่าไหร่ สองบุรุษเห็นความเหนื่อยล้าบนใบหน้าของจางจ้าวฉือก็รีบเช็ดเท้า เก็บพู่กัน หลังจากจัดการของตนเองเสร็จ ก็รีบกลับห้องตนเองไปพักผ่อน
สวี่จือพิงเข้าไปในอ้อมกอดของมารดาตนเอง ดมกลิ่นบนตัวของมารดา หลังจากหลับตาไป ก็สามารถเมินคำพูดที่ตัวเองฟังไม่เข้าใจได้ เื่อื่นๆ นางไม่สนใจ ขอแค่บิดามารดาและพี่ชายของตนเองยังสบายดีอยู่ เช่นนั้นก็ย่อมไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ ข้างกายไม่มีใครอยู่แล้ว สวี่จือเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากลงมาจากเตียงแล้ว ก็เห็นบนโต๊ะด้านนอกวางสำรับเช้าเอาไว้ ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ไม่มีใครอยู่เลย ยืนอยู่ตรงหน้าประตูเรือนสักพักก็เห็นท่านพ่อท่านแม่ออกมาจากห้องของพี่ชาย
พอเห็นสวี่จือยืนอยู่หน้าประตูเรือน จางจ้าวฉือก็รีบเข้าไปอุ้มขึ้นมา “จือเอ๋อร์ตื่นแล้วหรือ มาพวกเราไปล้างหน้าล้างตากินข้าวกันเถิด”
สวี่จือสังเหตุเห็นว่าสีหน้าของท่านพ่อท่านแม่ไม่ค่อยดีนัก จึงสงสัยอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อไม่เห็นพี่ชาย สวี่จือจึงเอ่ยปากถาม “ท่านแม่เ้าคะ ท่านพี่ล่ะเ้าคะ?”
จางจ้าวฉือตอบ “พี่ชายเ้าหรือ เมื่อคืนตะกละเลยท้องเสียน่ะสิ แต่ว่าแม่ให้เขากินโอสถไปแล้ว อีกเดี๋ยวคงจะดีขึ้น ผู้ใดให้เขากินอะไรมั่วซั่ว เื่นี้ก็ถือเป็บทเรียนของเขาไป ต่อไปจือเอ๋อร์ของพวกเราอย่าเป็เหมือนพี่ชายของลูกนะ คนด้านนอกเอาของมาให้ก็อย่ากินไปทั่ว จำเอาไว้ เข้าใจหรือไม่?”
สวี่จือรีบพยักหน้า สวี่เหราเอ่ย “เื่นี้พวกเราจะบอกกับโหวเย่หรือไม่?”
จางจ้าวฉือตอบกลับ “บอกอันใดเล่า ไม่ต้องบอก มีข้าอยู่ อีกเดี๋ยวข้าจะพาจือเอ๋อร์ไปพบฮูหยินผู้เฒ่า บอกนางสักคำ เื่นี้จะต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าช่วยเรา”
สวี่จือแปลกใจเล็กน้อย พี่ชายกินของไม่ดีจนท้องเสียเหตุใดยังต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าช่วย คิดถึงวันเวลาตอนที่ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่เกิดอุบัติเหตุ สีหน้าของสวี่จือก็เปลี่ยนไป
สวี่เหราเห็นสีหน้าของสวี่จือเปลี่ยนไปจึงรีบปลอบ “จือเอ๋อร์อย่ากลัวไปเลย ไม่เป็อะไรนะลูก”
จางจ้าวฉือเอ่ย “เพราะตอนนี้พวกเราต้องรีบเดินทาง ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องฉีกกระชากคนพวกนั้นแน่”
สวี่เหราตอบ “เอาล่ะๆ เ้าเองก็อย่าโกรธไปเลย อีกเดี๋ยวเ้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่าก็ดูว่าแม่นมลู่เป็อย่างไรบ้าง ข้างกายพวกเรายังขาดผู้าุโ ต่อไปมีแม่นมลู่ไปกับพวกเราก็ดีแล้ว”
สวี่จือดีดดิ้นจะลงจากตัวของจางจ้าวฉือ แล้วก้าวขาสั้นๆ ไปที่ห้องของสวี่ตี้
สวี่ตี้นอนอยู่บนเตียง บนท้องมีอ้ายเถียวซึ่งเป็ยาจีนที่ใช้ภายนอกวางอยู่ สีหน้าย่ำแย่มาก พอเห็นสวี่จือเข้ามาเขาก็รีบเอ่ย “จือเอ๋อร์ เกอเกอไม่เป็อันใดมากอย่ากังวล พรุ่งนี้เกอเกอจะไปกับเ้า”
สวี่จือจับมือสวี่ตี้เอาไว้ พูดทั้งน้ำตา “เกอเกอท่านจะต้องหายไวๆ นะเ้าคะ”
ในใจของสวี่ตี้โกรธมาก เมื่อคืนหลังจากกลับห้องมาแล้วก็เริ่มปวดท้อง หลังจากดื่มน้ำร้อนเข้าไปเขาก็ไปปลดทุกข์หนักสองครั้ง ก่อนจะหลับไป ปรากฏว่ากลางดึกเริ่มตัวร้อน โชคดีที่ชิงเหมี่ยวกับชิงซุยต่างคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องของตนเองตลอดทั้งคืน สวี่ตี้จึงเรียกเข้ามา สาวใช้ทั้งสองคนเห็นท่าทางของคุณชายตนเองผิดปกติก็รีบไปเรียกจางจ้าวฉือและสวี่เหรา
จางจ้าวฉือเข้ามาตรวจก็รู้ว่ากินของไม่ดีเข้าไป สวี่ตี้ย้อนกลับไปคิดดีๆ เมื่อวานนอกจากกินอาหารสามมื้อแล้ว ก็เป็ตอนที่ออกไปด้านนอกใน่บ่าย ได้กินของหวานที่วางเอาไว้ในรถม้า
จางจ้าวฉือตรวจสิ่งที่สวี่ตี้ปลดทุกข์ออกมา ก็รู้ว่าด้านในของกินนั้นคืออะไร นางพลันถอนหายใจ รู้สึกว่าการออกเดินทางในครั้งนี้ คงจะเดินทางอย่างราบรื่นมิได้
สวี่เหรามีความคิดเดียวกับจางจ้าวฉือ นี่กำลังมีคนวางยาใส่สวี่ตี้ ให้ร่างกายของสวี่ตี้ไม่สบาย ก็เพื่อให้สวี่ตี้อยู่ที่นี่ เด็กอายุสิบขวบปีคนหนึ่ง แยกจากบิดามารดาอยู่ที่จวนผู้เดียว อุบัติเหตุอันใดก็มีความเป็ไปได้ที่จะเกิดขึ้น หากให้ทิ้งสวี่ตี้เอาไว้คนเดียวย่อมเป็เื่ที่ไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โชคดีที่ตอนหลอมโอสถให้กับฮูหยินผู้เฒ่า ได้ทำโอสถฉุกเฉินเอาไว้ พวกรักษาอาการท้องเสีย รักษาอาการตัวร้อน ล้วนถือว่าเป็คุณสมบัติพิเศษของโอสถ จางจ้าวฉือเอามาให้สวี่ตี้กิน ตอนเช้านี้สวี่ตี้จึงรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
เื่ที่สวี่ตี้ท้องเสียงกลางดึกเช้ามาก็มีคนทราบข่าวแล้วเช่นกัน
ตอนที่จางจ้าวฉือไปหาฮูหยินผู้เฒ่าที่เรือน หญิงชราได้ถามว่ามันเกิดอันใดขึ้น จางจ้าวฉือจึงอธิบายว่าเด็กตะกละกินของไม่ดีเข้าไป ฮูหยินผู้เฒ่าให้จางจ้าวฉือดูแลให้ดีๆ อย่าได้ละเลย รอคนอื่นๆ ที่มาทำความเคารพตอนเช้ากลับกันไปแล้ว จางจ้าวฉือถึงได้เล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟัง
จากเื่อุบัติเหตุของครอบครัวสวี่เหรา ฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้แล้วว่าในจวนมีคนเพ่งเล็งครอบครัวสวี่เหราอยู่ หลังจากฟังที่จางจ้าวฉือพูด นางก็เงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ย “มีเ้าไปด้วยข้าก็วางใจ ตอนนี้ในเรือนมีคนลอบทำร้าย พวกเราที่อยู่ในที่แจ้งเองก็ไม่รู้ว่าเขามาเพื่ออะไร”
จางจ้าวฉือพูด “ท่านย่าเ้าคะ ท่านว่า เพื่อสมบัติหรือไม่เ้าคะ? ตอนที่ข้าแต่งเข้ามา นอกจากสินเดิมที่มอบให้ต่อหน้าแบบชัดเจนแล้ว ท่านพ่อและพวกท่านพี่ของข้าก็ยังเพิ่มของดีๆ มาให้อีกเ้าค่ะ เป็เพราะของพวกนี้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
เชิงอรรถ
[1] ความหมายคือ ไม่มีของที่จำเป็ต้องใช้ ถึงแม้จะเก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้