ค่ำคืนที่ผ่านมากรวิชญ์กระแทรกเรือนของผีสาวเป็จำนวนนับครั้งไม่ถ้วนอาจจะเป็เพราะตัวของเขาปลดปล่อยน้ำมากจนเกินไปจึงเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวยามที่ชายหนุ่มตื่นจากฝันเขาอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่าพร้อมกับท่อนเนื้อที่อ่อนยวบกลิ่นกายของเขาใน่เวลานี้นั้นอบอวลไปด้วยราคะอันร้อนแรง
“อะไรกันหรือเมื่อคืนเราจะฝันเปียก เผลอฝันลามกซะได้” ชายหนุ่มจ้องมองสภาพร่างที่เปลือยเปล่าของตนพร้อมทั้งน้ำกามที่ไหลเยิ้มที่บริเวณน้องชายสุดที่รักของตน
“กรวิชญ์ ตื่นแล้วเหรอ” หลังจากชายหนุ่มลืมตาตื่นได้ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินน้ำเสียงที่สุดแสนจะคุ้นเคยอีกครั้งมันดังก้องเข้ามาที่บริเวณประสาทััของเขาโดยตรงชายหนุ่มถึงกับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อว่าเมื่อคืนตัวเขานั้นสมสู่กับผีจริงๆ
“แม่อัปสรอย่างงั้นเหรอ” ชายหนุ่มกล่าวถามเพื่อความมั่นใจผ่านความคิดของตนเมื่อเธอสื่อสารผ่านความรู้สึกนึกคิดได้เธอก็น่าจะได้ยินความคิดของเขา
“เป็เราเอง ่กลางวันเราไม่สามารถที่จะปรากฏตัวให้เ้าเห็นได้่กลางคืนคือ่เวลาที่พลังงานของเรานั้นแก่กล้ามากที่สุดหลังจากที่พวกเรามีอะไรกันเมื่อคืนทำให้พลังชีวิตของเราแก่กล้าขึ้นมาก” ผีสาวพูดออกมาอย่างไม่ปิดบังยิ่งเธอสมสู่กับกรวิชญ์มากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งที่จะทำให้พลังงานของเธอแก่กล้ามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“เห็นทีคืนนี้ผมจะต้องจัดให้คุณอย่างเร่าร้อนอีกคืนแล้ว” กรวิชญ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนจะหื่นกระหายหลังจากที่ร่วมรักกับเธอไปเมื่อคืนเขาก็ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งลี้ลับอีกเลยหากพบผีสาวตนไหนปรากฏตัวอีกเขาจะจับทำเมียให้หมด แค่คิดท่อนเนื้อของเขาก็แข็งผงาดตั้งชูชันอีกแล้ว
“เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกไปหาอะไรกินสักหน่อย เธอคงไม่ว่าอะไรผมใช่ไหม” ดูเหมือนว่าเมื่อคืนกรวิชญ์นั้นตัวของเขาจะใช้พลังงานมากไปหน่อยเมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกหิวเลย
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเ้านิ” ผีสาวตอบรับคำของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เพราะตัวเธอเองก็เข้าใจว่าตัวของเขานั้นเป็มนุษย์และเธอก็ไม่คิดที่จะทำตัวเป็เ้าของอยู่แล้ว
หลังจากที่กรวิชญ์ อาบน้ำเสร็จเขาก็ออกเดินทางไปที่ตัวหมู่บ้านอีกครั้งตลาดยามเช้ามีของกินขายมากมายหลากหลายเมื่อมาถึง กรวิชญ์นั่งลงบนม้านั่งไม้ภายในร้านก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยู่ข้างถนนในตลาดเช้าของหมู่บ้าน รอบๆ ตัวเขามีผู้คนพลุกพล่าน แม่ค้าขายผักสด ป้าขายขนมไทย และชาวบ้านที่มาจับจ่ายใช้สอยต่างพากันพูดคุยอย่างคึกคัก เสียงหัวเราะและกลิ่นอาหารพื้นบ้านผสมปนเปกันไปทั่วบริเวณ บรรยากาศที่แสนอบอุ่นและเรียบง่ายนี้ช่างแตกต่างจากชีวิตที่เร่งรีบในเมืองหลวง
ลุงเ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเอียงคอหันมายิ้มพลางยกหม้อก๋วยเตี๋ยวไปมาอย่างชำนาญ เมื่อเห็นกรวิชญ์มาอุดหนุนร้านอีกครั้ง ก็รีบทักทายอย่างกระตือรือร้น "พ่อหนุ่ม วันนี้เอาเหมือนเดิมอย่างงั้นเหรอ?" ลุงเ้าของร้านยิ้มกว้างจนเห็นริ้วรอยที่สะท้อนถึงวัยและความอบอุ่นของแก
กรวิชญ์ยิ้มตอบ "ใช่ครับ เหมือนเดิมครับลุง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางละสายตาจากลุงไปมองดูตลาดนอกหน้าร้าน ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างเต็มไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม มีเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บางคนหยุดแวะซื้อน้ำเต้าหู้ บ้างก็ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง กลิ่นหอมๆ ของอาหารลอยมาทางร้านจนกรวิชญ์เองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายไปกับบรรยากาศรอบตัว
ลุงเ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวส่งชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ มาตรงหน้ากรวิชญ์ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง “เ้าหนุ่ม เมื่อคืนเอ็งนอนที่บ้านทรงไทยหลังนั้น ไม่เจออะไรแปลกๆ บ้างหรือ?” ลุงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ทั้งหมู่บ้านรู้กันดีว่าที่นั่นมีผี เอ็งต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ”
กรวิชญ์หัวเราะเบาๆ พยายามทำเป็ไม่ใส่ใจ เขากล่าวอย่างสบายๆ “คิดมากไปแล้วครับลุง เมื่อคืนผมนอนสบายดี ไม่มีอะไรรบกวนสักนิด” แม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ความจริงในใจของกรวิชญ์กลับไม่ตรงกับคำพูด เขาเองก็เคยคิดว่าเื่ผีสางเป็แค่เื่หลอกเด็ก แต่ว่าเมื่อคืน เขากลับได้เห็นกับตาตัวเอง หญิงสาวในชุดไทยโบราณที่น่าหวาดกลัว แต่ทว่าก็ชวนให้หลงใหลในเวลาเดียวกัน
กรวิชญ์นึกถึงดวงตาสีดำขลับของผีสาวที่จ้องมองเขา บรรยากาศเย็นะเืและเงาเรือนร่างงดงามที่อาบแสงจันทร์ น่าแปลกที่แทนที่จะรู้สึกกลัวจนไม่กล้าขยับ เขากลับรู้สึกตื่นเต้นและถูกดึงดูดราวกับโดนสะกด หลังจากนั้นก็กลายเป็ฉากรักที่สุดแสนจะเร่าร้อนยิ่งนึกถึงเรือนร่างที่สุดแสนจะเย้ายวนของเธอมันก็ยิ่งทำให้ท่อนเนื้อของกรวิชญ์แอบแข็งตัว
ลุงเ้าของร้านมองกรวิชญ์อย่างไม่คลายความเป็ห่วง ก่อนจะตบไหล่เบาๆ “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ มาหาข้าได้ทุกเมื่อ อย่าลืมนะเ้าหนุ่ม”
หลังจากลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน ลุงเ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็หันไปดูแลลูกค้าคนอื่นตามปกติ แต่ในขณะนั้นเอง สาวน้อยคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามถึงกรวิชญ์ สายตาของเธอแสดงออกถึงความสนใจอย่างเห็นได้ชัด เธอคือ ข้าวหอม สาวงามแห่งหมู่บ้านที่เป็ที่รักของผู้คนในละแวกนั้น
"ลุงๆ หนุ่มหล่อคนนั้นเป็ใครกัน ฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย" ข้าวหอมกระซิบถามด้วยความสนใจ
ลุงเ้าของร้านยิ้มพลางเล่าด้วยน้ำเสียงที่คุ้นเคย "เ้าหนุ่มนั้นชื่อ กรวิชญ์ เป็หลานชายของตาทองใบที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ"
"หลานตาทองใบเหรอคะ?" ข้าวหอมถึงกับเบิกตากว้างอย่างใ เพราะในหมู่บ้านนี้ ใครๆ ก็รู้ว่าตาทองใบเป็คนที่มีทรัพย์สินมากมาย แม้ตัวเองจะใช้ชีวิตเรียบง่ายในบ้านทรงไทยหลังเก่า แต่ครอบครัวของเขามีอันจะกิน และลูกหลานก็มักเป็คนมีหน้ามีตา
ข่าวของกรวิชญ์กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในใจของข้าวหอม เธอยังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหนุ่มนักเรียนนอกที่นั่งอยู่ตรงมุมร้านนั้น เธอได้แต่แอบยิ้มบางๆ
ข้าวหอมถือถ้วยก๋วยเตี๋ยวของตัวเองมานั่งข้างๆ กรวิชญ์อย่างเป็ธรรมชาติ ใบหน้าเรียบซื่อของเธอประดับรอยยิ้มหวานหยด และด้วยความกล้า เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล "พี่ชาย ขอฉันนั่งด้วยคนนะคะ"
กรวิชญ์พยักหน้ายิ้มบางๆ ก่อนจะตอบรับอย่างเป็กันเอง "เชิญเลยครับ" เสน่ห์ของรอยยิ้มกรวิชญ์ ทำให้ข้าวหอมถึงกับใจเต้นแรง เธอจึงเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยน้ำเสียงสดใส "หนูข้าวหอมค่ะ" พร้อมกับส่งสายตาที่ทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูอ่อนหวานและอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่ธรรมดาจากหญิงสาวตรงหน้า แววตาไร้เดียงสาของเธอทำให้เขาคาดไม่ถึงเลยว่าภายใต้บรรยากาศชนบทนี้จะมีคนที่งดงามและมีเสน่ห์ขนาดนี้ได้ ทั้งสองต่างแลกเบอร์โทรศัพท์กันอย่างไม่ลังเล ไม่มีเหตุผลอะไรที่กรวิชญ์จะปฏิเสธสาวน้อยตรงหน้า อีกทั้งข้าวหอมเองก็ััได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนของชายตรงหน้าทำให้ตัวของเธอนั้นมีหวังที่จะได้เขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้