ฉินอวี่ไม่ได้สนใจหรือประหลาดใจว่าจื่อซวินเอ๋อจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือไม่ เขารู้อยู่แล้วว่าการมาร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งจะต้องทำให้จื่อซวินเอ๋อคาดเดาตัวตนของเขาได้ เมื่อเทียบกับเื่นี้ สิ่งที่ฉินอวี่ให้ความสนใจไปยังความรอบคอบในการขอให้จื่อซวินเอ๋อปกป้องฉินเสวี่ยมากกว่า
ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็พูดขึ้นมาอย่างเรียบนิ่ง “สหายจื่อสนใจชื่อของผู้น้อยขนาดนั้นเชียวหรือ? ชื่อนามก็เป็เพียงคำเรียกขานเท่านั้น เ้าจะเรียกข้าว่าเฉินซิงหรือจะเรียกว่าฉินอวี่ก็ได้ทั้งนั้น”
จื่อซวินเอ๋อใ นางคิดว่าเมื่อนางพูดเช่นนั้น ท่าทีของฉินอวี่จะต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก และตนเองจะได้มีเบี้ยต่อรองมากขึ้นอีกเื่หนึ่ง ที่จะได้ยกขึ้นมาใช้เพื่อต่อรองเอาใบปรุงยาจำนวนมากจากฉินอวี่ในอนาคต
แต่ด้วยท่าทางเรียบเฉยที่ยากคาดเดาของฉินอวี่ ทำให้จื่อซวินเอ๋อเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
ความคิดประมวลผลไปอย่างรวดเร็ว จื่อซวินเอ๋อนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะพูดขึ้น “เื่นี้ข้าไม่อาจจะรับรองได้ ตระกูลฉินคงไม่สามารถทำอะไรเ้าได้ แต่เกรงว่าตระกูลชุยคงไม่ปล่อยเ้าไปแน่นอน แม้ว่าตระกูลชุยจะเป็ตระกูลใหญ่ในโลกของมนุษย์ทั่วไป แต่ในโลกของการฝึกฝนแล้วนับว่าไม่มีอะไรสำคัญเลย แต่นี่ก็ไม่ได้แสดงถึงความเป็ตระกูลชุย อีกทั้ง ตระกูลชุยยังมีบุตรชายหนึ่งคน นามว่าชุยซั่ว เขาเป็ศิษย์สำนักในของสำนักเทียนหั่ว สำนักใหญ่ทางตะวันออกของเมืองนภาชิงเหลียน อายุได้สิบเก้าปีก็เข้าสู่ระดับฝึกฝนขั้นปราณเสถียรขั้นต้น”
“สำนักเทียนหั่วมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างทุกวันนี้ เพราะมีปรมาจารย์ในสำนักได้รับเพลิง์ ดังนั้น จึงไม่มีสำนักใดกล้าจะยั่วยุสำนักแห่งนี้ แม้ว่าสำนักกุยหยวนของข้าจะไม่กลัวสำนักเทียนหั่ว แต่เพื่อใบปรุงยาระดับสี่ คงไม่อาจจะไปขัดใจกับสำนักเทียนหั่วได้ ดังนั้น เ้าลองหาวิธีดูเองเถอะ”
สายตาของฉินอวี่หรี่ลงเล็กน้อย ตอนที่เขาเป็ผู้ดูแลตำราเขายังไม่เคยได้ยินเื่ของสำนักเทียนหั่วมาก่อนเลย คิดว่าคงจะโดดเด่นขึ้นมาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม จากหอตำราของตระกูลฉิน ฉินอวี่จึงรู้ได้ว่าสำนักเทียนหั่วนั้นไม่ธรรมดา และคงมีชื่อเสียงไม่น้อยในทางตะวันออกของเมืองนภาชิงเหลียน
“เื่ของชุยซั่วข้าเองสามารถจัดการได้ แต่หากเ้าช่วยออกหน้าปกป้องฉินเสวี่ย ชุยซั่วก็จะไม่ทำอะไรฉินเสวี่ย ท้ายที่สุด พวกเขาก็จะไม่รู้ว่าข้าคือฉินอวี่” ฉินอวี่กล่าว
“ได้” จื่อซวินเอ๋อพยักหน้าอย่างเฉยเมย ดวงตาที่สดใสของนางหรี่ตามองฉินอวี่ และนางพูดเหมือนกำลังครุ่นคิด “จากสิ่งที่ข้ารู้เกี่ยวกับอดีตของเ้า... เ้าไม่น่าจะใช่ฉินอวี่ตัวจริงสินะ?”
จื่อซวินเอ๋อมีความอยากรู้อย่างยิ่ง ว่าระดับการฝึกฝนในตอนนี้ของฉินอวี่จะมั่นใจได้แค่ไหนที่จะต่อสู้กับชุยซั่ว?
“สหายจื่อลองพิจารณาดูเองก็แล้วกัน” ฉินอวี่ยกมุมปากเล็กน้อย ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ
จื่อซวินเอ๋อตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าฉินอวี่จะตอบเช่นนี้ และคำตอบนี้ทำให้จื่อซวินเอ๋อยิ่งสับสนมากขึ้น จากนั้น จื่อซวินเอ๋อก็ยิ้มอย่างอ่อนหวานก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เดินเข้าไปวางมือข้างหนึ่งบนต้นคอของฉินอวี่ โน้มตัวเข้าไปเล็กน้อย และพูดขึ้นเบาๆ “สหายเฉิน จู่ๆ ข้าก็เปลี่ยนใจ เ้าช่วยอะไรข้าหน่อยได้หรือไม่ เ้าเป็หนี้ข้าอยู่มากมายแล้วนะ”
มาลูกไม้นี้อีกแล้ว?
ฉินอวี่ทำอะไรไม่ถูก แม้ว่าจื่อซวินเอ๋อจะทำให้ต้องตกตะลึงถึงสองเหตุการณ์ที่ต่างกัน แต่ต้องเป็คนโเี้แน่นอน และยังมีใจที่เหมือนมาร หากไม่ทันระวัง อาจจะถูกนางจับขายก็ได้โดยไม่รู้ตัว
“ให้ช่วยเื่อะไร” ฉินอวี่พูดขึ้นพลางขมวดคิ้ว
“ถึงเวลาเ้าก็จะรู้เอง” จือซวินเอ๋อยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“นี่มันเื่อะไรกันแน่? ถ้ามันเกินความสามารถของข้า เ้าก็มองหาคนอื่นเถอะ” ฉินอวี่กล่าวอย่างเ็า
“สหายเฉินก็ลองพิจารณาเอาเองเถอะ” จื่อซวินเอ๋อไม่แยแสความเ็าของฉินอวี่
ฉินอวี่แทบกระอักเืออกมา การเอาคืนของจื่อซวินเอ๋อนั้นรุนแรงเหลือเกิน ทันใดนั้น ฉินอวี่ก็พูดอย่างเ็า “ไม่ว่าจะเป็เื่อะไร ข้าก็ไม่ช่วยแล้ว”
“คิกๆ สหายเฉินควรจะตอบรับนะ ด้วยระดับการฝึกฝนในปัจจุบันของเ้า หาก้าจะยกระดับขึ้นในเวลาอันสั้น คิดว่าคงจะยากอยู่นะ ข้ามีวัตถุดิบยาทั้งหมดที่จะช่วยยกระดับจากขั้นยุทธ์ระดับหนึ่งขึ้นไปสู่ขันยุทธ์ระดับเก้านะ... บางที มันอาจจะมีประโยชน์กับสหายเฉินนะ จริงสิ ทั่วทั้งแคว้นอู่ คนที่สามารถจะพูดเช่นนี้ได้ คงจะมีเพียงร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่งของข้าแล้วล่ะ... อีกอย่าง ขอเพียงเ้ายอมรับเงื่อนไข ข้าจะช่วยเ้ารับมือกับชุยซั่วด้วย” จื่อซวินเอ๋ออ่อนโยนดั่งสายน้ำ ทำน้ำเสียงน่ารักเหมือนเด็กน้อย แต่ฉินอวี่กลับรู้สึกเหมือนเป็ภัยคุกคามกับหูเขามากกว่า
ใบหน้าของฉินอวี่เริ่มดูอึดอัดใจ จื่อซวินเอ๋อกำลังทำให้เขาหงุดหงิด เมื่อมองไปยังจื่อซวินเอ๋อที่มีความมั่นใจอยู่เต็มใบหน้า มือของฉินอวี่ก็โอบไปรอบเอว จากนั้นจึงดึงตัวนางลงมานั่งบนตักของตนเอง จากนั้นจึงถอดเสื้อผ้าบางๆ ออก ความเร่าร้อนจากผิวเนื้อของทั้งสองคนัักันอย่างใกล้ชิด จ้องมองจื่อซวินเอ๋ออย่างเ็า ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าเตือนเ้าแล้วนะ ว่าเล่นกับไฟมันอาจจะเผาตัวเ้าเอง คิดว่าจะขู่ข้าด้วยเื่เช่นนี้ได้หรือ? แม้จะไม่ใช้ของเล็กๆ น้อยๆ จากร้านยาหมื่นสรรพสิ่งของเ้า ข้าก็ยังสามารถยกระดับการฝึกฝนได้ในระยะเวลาอันสั้น”
จื่อซวินเอ๋อจ้องมองที่ฉินอวี่ ใบหน้าที่สวยงามของนางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้สึกเฉยเมยกับคำพูดของฉินอวี่ แต่ก็พูดขึ้นเบาๆ “เ้ากำลังเริ่มซ้อมอยู่ใช่หรือไม่?”
ฉินอวี่จ้องไปที่จื่อซวินเอ๋อ รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายที่ละเอียดอ่อนของนาง และมีกลิ่นหอมเหมือนกล้วยไม้ ฉินอวี่จ้องจื่อซวินเอ๋อเป็เวลานานโดยไม่พูดอะไรออกมา
ฉินอวี่ตบก้นอันอวบอิ่มของจื่อซวินเอ๋ออย่างโกรธจัด
“เพียะ!”
“ที่สุดของชีวิตนี้ข้า...” หลังจากฉินอวี่ตีเข้าไปหนึ่งครั้ง เขาเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็สะดุ้งขึ้นมาทันที มองไปทางจื่อซวินเอ๋อด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
จื่อซวินเอ๋อก็ผงะไปเช่นกัน ใบหน้าที่สวยงามของนางก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของนางบางครั้งก็โกรธ บางครั้งก็ดูเก้อเขิน และบางครั้งก็ฉายแววด้วยความเคียดแค้นอันเ็า
“ตกลง ตกลง เ้าชนะ ช่วยข้าเตรียมของพวกนี้ด้วย ส่วนสิ่งที่เ้าพูด ถ้าข้าทำได้ ข้าจะช่วย” ฉินอวี่รู้สึกถึงเพียงความกังวลอะไรบางอย่าง และผลักจื่อซวินเอ๋อให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดขึ้นเบาๆ
“เฮ้ๆ ข้าบอกแล้วว่าเ้าจะต้องช่วยได้” สีหน้าของจื่อซวินเอ๋อที่เปลี่ยนไปอย่างมาก และสงบสติอารมณ์ลงในที่สุด ทันใดนั้นหน้าของนางก็แดงขึ้น รู้สึกร้อนที่ก้นอันอวบอิ่มของนาง จนจื่อซวินเอ๋อแทบจะอยากมุดแผ่นดินหนี และอยากจะทุบร่างฉินอวี่ให้เป็ชิ้นๆ
โตมาขนาดนี้ยังไม่เคยมีใครมาตีตนเองเช่นนี้?
ในขณะที่เขาหันหลังและนั่งลง จื่อซวินเอ๋อก็กลับมาเป็ปกติ หยิบพู่กันและหมึกออกมา พลางพูดว่า “สหายเฉิน เขียนสิ่งที่เ้า้าลงไปเถอะ ส่วนเื่อะไรนั้น ถึงเวลาเ้าจะรู้เอง”
ฉินอวี่หนีออกจากร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง การเผชิญหน้ากับจื่อซวินเอ๋อผู้มากไปด้วยแผนการซับซ้อน ต่อให้ฉินอวี่เก่งกาจเทียม์ก็ไม่อาจรับมือได้
จื่อซวินเอ๋อยืนอยู่้า มองลงไปดูฉินอวี่ที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว มุมปากของนางเผยอาการเยาะเย้ยเล็กน้อย จ้องมองไปยังทิศทางที่ฉินอวี่กำลังจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยการไตร่ตรอง
“เฉินซิง? ฉินอวี่? หรือจะเป็การยึดครองร่างจริงๆ? ทั้งสองชื่อต่างไม่ใช่ชื่อเดิมของเ้า? สามารถรู้จักใบปรุงยาของยาเม็ดชุบแก่นได้ในชั่วพริบตา เ้า... เป็ใครกันแน่?”
“คุณหนู เื่นี้บุ่มบ่ามไปแล้ว” ในขณะนั้น เสียงแหบแห้งดังขึ้นในทันใด
“เอ๊ะ?” จื่อซวินเอ๋อเหลือบมองไปทางด้านข้าง เงาร่างในชุดดำปรากฏขึ้นข้างกายของนางอย่างแปลกประหลาด
“เ้า้าให้เขาช่วย เพราะ้าอาศัยเขาเป็ข้ออ้าง เพื่อปฏิเสธการไล่ตามของถงอวิ๋นเฟยใช่หรือไม่? แต่ชายคนนี้ไม่ได้ลึกลับถึงขนาดนั้น”
“ข้าได้ข่าวมาว่า คนผู้นี้ไม่ได้ทำการยึดร่างมา มารดาของเขาเคยเป็อดีตศิษย์ของสำนักยุทธ์ว่านจ้ง นี่คือสิ่งที่สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดคนผู้นี้จึงรู้จักตัวยามากมายเช่นนี้ ด้วยตัวตนของเขา หากใช้เป็ข้ออ้าง เกรงว่า เขาคงถูกถงอวิ๋นเฟิงกลืนกินไม่เหลือซาก”
“อย่างนี้นี่เอง” จื่อซวินเอ๋อหรี่ตาลง ก่อนหน้านี้นางคาดว่าตัวตนของฉินอวี่คงไม่ธรรมดา จึง้าใช้เขาเป็เกราะกำบัง แต่ตอนนี้ นางก็ล้มเลิกความคิดเช่นนั้นไปแล้ว
“ยังมีบางอย่างที่ข้าเดาคนผู้นี้ไม่ออก ปล่อยให้เขาเป็หนี้บุญคุณข้าไว้สักเื่ก็เป็เื่ดี เื่ของตระกูลชุยกับตระกูลฉิน อย่าได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งเด็ดขาด เพื่อจะทดสอบความลึกตื้นหนาบางของเขา!” หลังจากนั้นไม่นาน จื่อซวินเอ๋อก็กล่าวขึ้นช้าๆ
และระหว่างคิ้วของนางยังคงเผยความสงสัยออกมา หากเป็เพราะสำนักยุทธ์ว่านจ้งจริง ทำไม... ถึงมองเขาไม่ออกเลย?
เป็เวลาหลายปี คนที่จื่อซวินเอ๋อไม่สามารถมองทะลุได้มีเพียงไม่กี่คนในรุ่นของคนหนุ่มสาวเท่านั้น และถงอวิ๋นเฟยก็เป็เพียงคนเดียว
และฉินอวี่เป็คนที่สอง