ท่ามกลางความมืดมิด ฉางหงเยียนพยายามอย่างหนักที่จะมองผู้มาเยือนให้ชัดเจนกลิ่นหอมของกล้วยไม้จางๆ ลอยเข้ามาในจมูกของนาง
เกิดความหวาดกลัวในจิตใจที่ไม่เคยมีมาก่อนทันใดนั้นชายหนุ่มปล่อยมือที่อุดปากนาง ฉางหงเยียนร้องะโออกมาทันทีตามสัญชาตญาณ“ใครก็ได้...ช่วยด้วย...”
เสียงที่ดังก้องอยู่ในห้องดังออกมานอกห้อง
ในเรือนพำนักที่เงียบสงบ พลันมีเสียงกรีดร้องะโออกมาดุจดั่งฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี แทบทุกคนล้วนได้ยินเสียงนั้น
ฉางหงเยียนร้องขอความช่วยเหลืออย่างลนลานทว่าคาดไม่ถึงว่าท่ามกลางความมืดมิด มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่ากำลังเฝ้ารอให้นางร้องะโออกมา
หลังจากที่นางกรีดร้องออกมา มีดาบคมในมือของชายหนุ่มเขายกมีดในมือขึ้นโดยไม่ลังเลและแทงลงไปบนร่างของฉางหงเยียน
“อา...” เสียงร้องสะอื้นไห้อย่างเ็ปดังลั่น มันช่างบีบรัดหัวใจเมื่อเทียบกับเสียงร้องขอความช่วยก่อนหน้านี้ ยามนี้เสียงร้องดังลั่นยิ่งกว่าเดิม
ในความมืด แสงสะท้อนเย็นเยียบของใบมีด ทำให้ฉางหงเยียนสามารถมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน
“เ้า...” ดวงตาของฉางหงเยียนฉายแววเหลือเชื่อใบหน้านี้...คุณชายผู้เปรียบดั่งหยก[1] เรียบง่ายสง่างาม...เป็เขาได้อย่างไร?
ชายหนุ่มขมวดคิ้วราวกับไม่พอใจที่ตนเองถูกคนอื่นจำได้ ดวงตาหรี่ลง แววตาโเี้ดุร้าย นอกห้องมีเสียงฝีเท้ากำลังวิ่งมาชายหนุ่มง้างคมมีดแทงลงไปบนร่างกายของฉางหงเยียน แรงนั้นดึงร่างของหญิงสาวจนตัวโยนเืสาดสีสดไหลทะลักออกมาทันที
นอกห้องมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆชายหนุ่มชำเลืองมองหญิงสาวบนเตียง ดาบในมือของเขาแทงเข้าและดึงออกมาอีกครั้งเสร็จสิ้นในครั้งเดียว
ครานี้ลมหายใจที่เหลืออยู่ของสตรีผู้นั้นดับสิ้นลงในทันที
หลังจากมั่นใจว่าสตรีผู้นั้นสิ้นลมแล้วเงาดำร่างนั้นหายวับไป เขาหนีออกจากทางหน้าต่างไป
‘ปัง’ ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้ง ในห้องที่มืดสนิท ค่ำคืนกลางฤดูคิมหันต์ลมสายหนึ่งพัดโชยเข้ามากระทบใบหน้า
ทหารรักษาพระองค์ที่รีบวิ่งเข้ามาหรือแม้แต่ฉู่ชิงยังอดขมวดคิ้วไม่ได้
"จุดตะเกียง"ฉู่ชิงเอ่ยสั่งออกมาอย่างเ็า แฝงพลังอันน่าเกรงขามตัดสินใจอย่างเยือกเย็นเฉียบขาด
ทหารรักษาพระองค์ทำตามคำสั่งทันที ครู่หนึ่งแสงไฟในห้องพลันสว่างไสว หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องะโเมื่อครู่ อวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนสองคนพี่น้องซึ่งรีบวิ่งจากลานฝั่งตะวันออกก็มาถึงพอดี
“ท่านแม่ทัพหลวงขอรับนาง...สิ้นลมแล้วขอรับ!” ทหารองครักษ์ที่เข้าไปตรวจดูคนแรกเอ่ยรายงาน
สิ้นลมแล้ว...
อาศัยแสงสว่างของเปลวเทียนอวี่เหวินหรูเยียนครั้นก้าวเข้ามา เพียงแวบแรกนางเหลือบเห็นหญิงสาวที่ตายอย่างน่าเวทนาบนเตียงทันที
สตรีนางนั้นบนหน้าอกมีาแจากคมมีดอย่างชัดเจนยามนี้เืสีแดงฉานยังคงไหลทะลักออกมาไม่หยุด อาบย้อมผ้าปูที่นอนบนเตียงจนกลายเป็สีแดงโดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น...มันเบิกกว้างอย่างหวาดกลัวและท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่คาดไม่ถึง
คาดไม่ถึง...
อวี่เหวินเจี๋ยและอวี่เหวินหรูเยียนทั้งคู่เป็คนฉลาด ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้นทว่าฉู่ชิงเองยังสังเกตเห็นสายตาของฉางหงเยียนเช่นกัน
สิ่งใดที่ทำให้นางรู้สึกคาดไม่ถึง?
คนที่สังหารนาง ทำให้นางรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างนั้นหรือ?
เป็ผู้ใดได้บ้าง?
คนสองสามคนในที่นั้นต่างขมวดคิ้ว อวี่เหวินหรูเยียนตระหนักได้ถึงบางสิ่งนางรีบวิ่งออกจากห้องทันที อวี่เหวินเจี๋ยครั้นเห็นการเคลื่อนไหวของน้องสาวตนเองจึงเหลือบมองฉู่ชิง เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยังคงวิ่งตามอวี่เหวินหรูเยียนออกจากห้องไป
ในไม่ช้า อวี่เหวินหรูเยียนก็มาถึงอีกห้องหนึ่งนางผลักประตูเข้าไปและจุดตะเกียง ปรายมองแวบหนึ่ง ในห้องไร้ซึ่งผู้ใด
"ไปแล้ว..."อวี่เหวินหรูเยียนพึมพำ ดวงตาลุกวาวสั่นไหวทว่าน้ำเสียงกลับแฝงความมั่นใจอย่างยิ่ง
นี่คือห้องของทหารองครักษ์คนนั้นและเมื่อครู่นี้...
"ล่อเสือออกจากถ้ำ!"
อวี่เหวินหรูเยียนเป็คนฉลาด นางใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็เข้าใจในทันที
เมื่อครู่นี้ การตายของฉางหงเยียนเป็เพียงแผนการล่อเสือออกจากถ้ำของแคว้นหนานเยวี่ยเป้าหมายครั้งนี้คือล่อทหารรักษาพระองค์ที่ปิดล้อมลานทางใต้ให้เข้าไปและเปิดทางให้ทหารองครักษ์นั่นหลบหนี!
พวกเขา...ติดกับแล้วเช่นนั้นหรือ?
อวี่เหวินเจี๋ยที่มาถึงเข้าใจการกระทำของอวี่เหวินหรูเยียนทันใด วงคิ้วขมวดมุ่นนึกถึงถ้อยคำของฮองเฮาอวี่เหวินที่ฝากเจินกูกูมาบอกกล่าว เขารีบหันหลังและลับหายไปในแสงยามราตรีอย่างรวดเร็ว
ยามที่อวี่เหวินหรูเยียนวกกลับมาในห้องของฉางหงเยียนฉู่ชิงยังคงอยู่ในห้องนั้น
ครั้นเห็นว่าฉู่ชิงยังอยู่อวี่เหวินหรูเยียนพลันตกตะลึงออกมาเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
"ท่านแม่ทัพหลวงไม่ไล่ตามไปหรือ?"
อวี่เหวินหรูเยียนเอ่ยปากถามแม่ทัพหลวงฉู่ชิงผู้นี้ นางได้ยินถึงความเฉลียวฉลาดของเขามาั้แ่ไหนแต่ไรพวกเขายังไม่เคยสนทนากันแบบส่วนตัวมาก่อน ทว่าคนฉลาดเฉลียวเช่นนั้น จะมองไม่ออกถึงแผนการล่อเสือออกจากถ้ำได้อย่างไร?
ฉู่ชิงเหลือบมองอวี่เหวินหรูเยียนแน่นอนว่าเขาย่อมเข้าใจคำว่า “ไล่ตาม” ในคำพูดของนาง ไล่ตามคนที่สังหารฉางหงเยียน
ไล่ตาม?
ในหัวของฉู่ชิงผุดภาพสตรีที่แต่งกายในชุดบุรุษแลดูองอาจกล้าหาญ มุมปากภายใต้หน้ากากพลันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
น้ำเดือดปุดๆ จนกบทนไม่ไหว ต้องะโออกจากหม้อไปแล้วนางรอจนถึงตอนนี้แล้ว แล้วต่อจากนี้เล่า
ในใจของฉู่ชิงรู้สึกสงสัยอยากไล่ตามออกไปดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทว่าเขากลับครุ่นคิดถึงคำสั่งของเหนียนยวี่...
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา!
ฉู่ชิงเลิกคิ้ว ไม่สนใจอวี่เหวินหรูเยียนจากนั้นจึงเอ่ยคำสั่งออกมาอย่างเสียงดังกังวาน “ให้สองสามคนเฝ้าที่เกิดเหตุไว้ที่เหลือค้นดูเรือนพำนักทางใต้ ห้ามมิให้ผู้ใดออกไปได้”
ครั้นเอ่ยจบฉู่ชิงก้าวฝีเท้ายาวออกไปนอกห้องทันที
คำสั่งของเขาทำให้อวี่เหวินหรูเยียนขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม ทันทีที่ฉู่ชิงก้าวเดินออกไปข้างนอกอวี่เหวินหรูเยียนก้าวไปข้างหน้า “แม่ทัพหลวงจะไปที่ใด?”
นางไม่เพียงแต่อยากรู้ว่าเขาจะไปที่ไหนทว่านางยังสงสัยคำสั่งของเขาอีกด้วย
เขาปล่อยให้ทหารรักษาพระองค์ดูแลลานทางใต้แต่เขาน่าจะรู้ว่าคนที่ต้องจับตาดูหลบหนีออกไปนานแล้ว
ฉู่ชิงหยุดชะงักฝีเท้าและเอ่ยตอบไปอย่างปิดบัง“เข้าไปในวังหลวงและรายงานการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงหงเยียนต่อฮ่องเต้”
ครั้นเอ่ยจบ ฉู่ชิงจึงก้าวเดินต่อ ก่อนอวี่เหวินหรูเยียนจะได้สติกลับมาตัวคนก็เดินออกไปไกลแล้ว
อวี่เหวินหรูเยียนจ้องมองแผ่นหลังของฉู่ชิงนางคาดเดาบุรุษผู้นี้ไม่ออกเลย
หากฉลาดดังข่าวลือจริงเขาจะไม่เห็นความแปลกของเื่นี้หรือ?
อวี่เหวินหรูเยียนมีความคิดมากมายในหัววงคิ้วงามขมวดมุ่นเล็กน้อย ทว่านางกลับมิรู้เลยว่ายามที่บุรุษผู้องอาจแข็งแกร่งผู้นั้นออกจากเขตพำนักและะโขึ้นควบม้าสายตาของบุรุษกลับส่องสว่างเป็ประกาย
เขาควบม้ากุมบังเหียนวิ่งห้อท่ามกลางแสงยามราตรีในเมืองชุ่นเทียนเลียบไปตามทาง ตรงไปถึงหน้าประตูอันชิ่ง...
ณ จวนหลีอ๋อง
ภายในห้องเงียบสงบอย่างแปลกประหลาด ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะโม่ชูหรือชื่อฉินต้องมีใครสักคนคอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเขา ทว่ายามนี้ ทั้งโม่ชูและชื่อฉินไม่มีสักคนเฝ้ารอ คอยที่จะปรนนิบัติข้างกายเขาเลย
ชายหนุ่มนั่งลงอย่างสงบนิ่งด้านหลังฉากกั้นข้างหลังปกคลุมไปด้วยละอองน้ำลอยฟุ้ง
ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าออกวางเสื้อสีดำลงด้านข้างอย่างเบามือ กลิ่นคาวเืจางๆ บนเสื้อ ทำให้เขาขมวดคิ้วเขาไม่ชอบกลิ่นนี้ ในเวลานี้เขาควรรีบแช่ตัวในน้ำ ชะล้างร่องรอยของคืนนี้ทว่าน้ำถูกเตรียมไว้นานแล้ว เขากลับยังคงไม่เคลื่อนไหว ราวกับกำลังเฝ้ารอสิ่งใด
ในที่สุด มีเสียงเคาะประตูสามครั้งดังขึ้นอย่างแ่เบาชายหนุ่มหรี่ตาลง พลางเอ่ยปากอย่างสงบนิ่งว่า “เข้ามา”
ครั้นได้รับคำสั่งคนผู้นั้นเปิดและปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
บุคคลที่เข้ามาคือคนในชุดดำ ร่างเล็กแบบบาง ชุดดำที่สวมรัดแน่นจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้าจึงมองออกว่าเป็สตรี นางปกปิดใบหน้า ทว่าดวงตาที่เผยออกมานอกผ้าปิดหน้าสีดำ ยามที่มองบุรุษในห้องกลับเปี่ยมไปด้วยความเคารพ
[1]คุณชายผู้เปรียบดั่งหยกคำว่าหยก เป็การเปรียบถึงอวัยวะ สัดส่วนต่างๆ ของสตรี