ชิวซานอวิ๋นจ้องมองคัมภีร์หลิงฮวงบนศีรษะของหนิงเทียนด้วยดวงตาโชติ่ มันคือสมบัติจากหอตำราและเป็กุญแจเข้าสู่บ่อน้ำที่เขาต้องแย่งมันมาให้ได้
ลำแสงเปล่งประกายแผ่รังสีบนร่างของหลิวจินอวิ๋น มีภาพหนึ่งลอยขึ้นมาและขยายออกด้านหลังของเขา มันคือภาพธาราทักษิณในวสันตฤดู ซึ่งเป็หนึ่งในห้าภาพจากหอภาพเขียน
ภาพพันทิวเขาเหมันต์ ภาพธาราทักษิณในวสันตฤดู และคัมภีร์หลิงฮวงมีการตอบสนองซึ่งกันและกัน และการเผชิญหน้าที่แสนคลุมเครือก็เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ภาพธาราทักษิณในวสันตฤดูค่อนข้างดึงดูดความสนใจของหนิงเทียน เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ของภาพเขียนภาพนี้มาก่อน เสียงสะท้อนระหว่างธาราทักษิณในวสันตฤดูและพันทิวเขาเหมันต์ก้องกังวาน ภาพหนึ่งแสดงถึงฤดูใบไม้ผลิ ส่วนอีกภาพแสดงถึงฤดูหนาว นอกจากนี้ทั้งสองภาพยังเชื่อมต่อกันและผสานพลังต่อกรกับคัมภีร์หลิงฮวงของเขา
คนอื่นๆ ในบริเวณนั้นล้วนประหลาดใจอย่างยิ่ง ดวงตาทุกคู่จับจ้องไปยังคัมภีร์หลิงฮวงเนื่องจากหน้าปกอันเป็ประกายแวววาวได้ดึงดูดสายตาพวกเขา แต่กลับไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าอักขระที่จารึกอยู่นั้นคือคำว่าอะไร
แสงิญญานับพันดวงร่วงลงมาจากคัมภีร์หลิงฮวงและโอบล้อมรอบร่างของหนิงเทียน ก่อนจะพัฒนาเป็กระแสแห่งจิตสำนึก ซึ่งทำให้หนิงเทียนสามารถตระหนักถึงบางสิ่งได้ทันที
หอคอยทั้งสี่ ไม่ว่าจะเป็หอฉิน หอตำรา หอภาพเขียน หรือหอหมากรุกต่างก็มีความลึกลับของตนเอง และหอตำรากับหอภาพเขียนก็ดูเหมือนจะเป็อริกัน
คัมภีร์หลิงฮวงกำลังเบ่งบานราวกับฟื้นคืนชีพขึ้นมา เช่นเดียวกับภาพพันทิวเขาเหมันต์และธาราทักษิณในวสันตฤดูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม และบัดนี้การประลองระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มขึ้นแล้ว
หนิงเทียนััได้ถึงความแปรปรวนชวนพิศวง ทันใดนั้นภายในเมืองร้างก็มีเสียงเพลงแ่เบาดังขึ้นจากบริเวณที่ไม่ไกลจากจัตุรัส
ดวงตาของซูอวิ๋นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นั่นเพราะนางพบว่าภาพพันทิวเขาเหมันต์ของนางถูกคัมภีร์หลิงฮวงของหนิงเทียนปราบเสียจนแพ้ราบคาบ
หลิวจินอวิ๋นเองก็เคยประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ แล้วใช้สายตาสื่อสารกับซูอวิ๋นอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อผลักดันม้วนภาพให้เคลื่อนไหวและเข้าร่วมกองกำลังเพื่อต่อสู้ ทว่าผลลัพธ์กลับแย่ลงเรื่อยๆ
ทันใดนั้นคัมภีร์หลิงฮวงก็เปิดหน้าแรกขึ้นมาราวกับถูกกระตุ้น ตัวอักษรขนาดใหญ่ตระการตาจำนวนสิบตัวเปล่งประกายด้วยแสงที่สั่นคลอน์ ซูอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจนกระอักเืและรีบถอยไปตั้งหลัก ก่อนจะกรีดร้องออกมาด้วยความไม่ยินยอม
ยามนี้ประกายแสงของภาพพันทิวเขาเหมันต์และธาราทักษิณในวสันตฤดูเบาบางลงไปมาก พวกมันได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้พลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของชิวซานอวิ๋นร้อนรุ่มด้วยความแค้นเมื่อเห็นว่าตำราเล่มนี้มีอานุภาพเหนือกว่าภาพพันทิวเขาเหมันต์และธาราทักษิณในวสันตฤดู ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหนิงเทียนได้สมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่าตนเอง
“ร่วมมือสังหาร!”
“ฆ่ามัน!”
อู่เจี้ยนหง ต่งซิงอู่ เหมยเอ้าซง และคนอื่นๆ ต่างส่งเสียงคำราม แต่ละคนใช้อาวุธและอาวุธิญญาโจมตีใส่หนิงเทียน
นอกจากซูอวิ๋นแล้ว ศิษย์ทั้งยี่สิบคนจากสี่สำนักล้วนอยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นเก้า โดยชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
หนิงเทียนถอยกลับมาตั้งหลักแล้วเก็บคัมภีร์หลิงฮวงลงไป ก่อนจะเริ่มต่อสู้กับศัตรูด้วยหมัดทองคำ
แม้พลังการต่อสู้ของหนิงเทียนจะแข็งแกร่ง แต่ขอบเขตของเขาก็อ่อนแอเกินไป อีกทั้งเขายังสูญเสียพลังงานในการเปิดใช้น้ำเต้าเจ็ดสีไปจำนวนมาก ยามนี้เขาจึงไม่อาจใช้น้ำเต้าเจ็ดสีบดขยี้ศัตรูตามใจชอบได้
อู่เจี้ยนหงควบคุมระฆังทองเปลวเพลิงสีชาดให้พุ่งโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อบีบบังคับให้หนิงเทียนไม่มีที่หลบซ่อน
“ตาย!”
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มแสนดุร้าย หมัดของเขาก็ปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็ก ดังนั้น เขาจึงไม่กลัววิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นของหนิงเทียน ทั้งยังปล่อยหมัดกระแทกจนหนิงเทียนลอยออกไปสิบจั้งในพริบตา
น้ำแข็งที่ควบแน่นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเหมยเอ้าซงจากสำนักหานเทียนก็แช่แข็งเท้าทั้งสองข้างของหนิงเทียนทันที ทางด้านศิษย์โถงเพลิงทมิฬก็สะบัดฝ่ามือเปลวเพลิงด้วยพลังแขนที่มหาศาล พร้อมทุบตีหนิงเทียนจนกระอักเืและแผดเสียงโอดครวญอย่างไม่ยินยอม
ยอดฝีมือจากสำนักอินทนิลมาพร้อมกับกระบี่ยาวที่เปล่งแสงเย็นเยียบในมือ นั่นเป็อาวุธิญญาที่ทรงพลังอย่างยิ่ง และอีกฝ่ายก็ฟันลงมาที่เอวของหนิงเทียนโดยตรง
หนิงเทียนโกรธจัด ทันใดนั้นเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนยุทธวิธี โดยการจัดกระบวนท่าตามทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ั แล้วใช้มือขวาต้านรับพลังิญญาของกระบี่ยาวที่ฟาดลงมา
“ใช้มือเปล่ารับอาวุธหนักหรือ? เ้าเด็กน้อย เ้าคงเหนื่อยหน่ายกับการใช้ชีวิตแล้วชะ...อ๊าก!”
พลันกระบี่ยาวแตกเป็เสี่ยง พร้อมปราณกระบี่ที่รุนแรงแทงทะลุลำคอของยอดฝีมือแห่งสำนักอินทนิลในพริบตา
ยามนี้น้ำเต้าเจ็ดสีบนฝ่ามือของหนิงเทียนได้หายไปแล้ว การเปิดใช้น้ำเต้าเป็เวลานานยังคงเป็เื่ยากสำหรับเขาอยู่เนื่องจากต้องใช้พลังค่อนข้างมาก แต่หลายครั้งเขาก็สามารถระงับกลิ่นอายของศัตรูได้ด้วยความช่วยเหลือของน้ำเต้าเจ็ดสี
แม้หนิงเทียนจะไม่มีข้อมูลเื่ระดับของน้ำเต้าเจ็ดสี แต่เขาก็รู้ดีว่าน้ำเต้าผลนี้น่ากลัวมากเพียงใด ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขาในยามนี้ จึงทำได้เพียงการใช้ความสามารถทั้งหมดสร้างแสงสีเงินจางๆ บนผิวน้ำเต้า ส่วนลำแสงที่เหลืออีกหกเส้นยังคงเป็สีเทาดังเดิม
“ทุกคนระวังน้ำเต้าของเขาด้วย!” ชิวซานอวิ๋นกล่าวเตือนด้วยความโกรธเคืองและวิตกกังวล
ความตั้งใจของชิวซานอวิ๋นที่จะสังหารหนิงเทียนเพิ่มสูงขึ้น เด็กคนนี้มีของดีมากเกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่มีคัมภีร์หลิงฮวงเท่านั้น เขายังมีน้ำเต้าผลน้อยที่ทรงพลังมหาศาลอีกด้วย และตนจะต้องแย่งชิงมาให้ได้
“ทะยานหลงเงาตัดผกา!” สิ้นเสียงของหนิงเทียน ดอกไม้บินก็หมุนวนพร้อมส่องประกายด้วยปราณกระบี่นับพัน ความเป็จริงและสิ่งลวงตาปรากฏสลับกันอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยากต่อการป้องกัน
อู่เจี้ยนหงยืนอยู่ด้านข้างเพื่อป้องกันตนเอง ระฆังทองเปลวเพลิงสีชาดของเขามีพลังป้องกันอันสูงส่งจนดอกไม้บินไม่สามารถสร้างาแให้เขาได้
คนอื่นๆ ล้วนได้รับความช่วยเหลือจากด้านข้าง และการทิ้งะเิอย่างต่อเนื่องร่วมกับการใช้อาวุธิญญา กระบี่ และอาวุธทุกชนิดก็สยบความเย่อหยิ่งของหนิงเทียนได้อย่างสมบูรณ์
ดวงตาของซูอวิ๋นมืดมน ก่อนจะพูดกับชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นว่า “หากเรายังกลืนกินเขาต่อไปเช่นนี้ เราจะไม่สามารถสังหารเขาได้ เราต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหา”
หลิวจินอวิ๋นถามด้วยความสงสัย “แล้วเ้ามีวิธีการหรือไม่?”
“ร่างกายของหนิงเทียนนั้นแข็งแกร่งมาก เขาฝึกฝนทักษะบางอย่างที่คล้ายกับระฆังทอง อาวุธิญญาระดับต่ำจึงไม่สามารถทำร้ายเขาได้ มีเพียงการเปิดใช้งานอาวุธิญญาระดับกลางเท่านั้น หรือไม่ก็...”
ชิวซานอวิ๋นร้อนใจ “อะไรหรือ?”
“ต้องเปิดใช้อาวุธิญญาระดับกลางและสังหารเขาในคราวเดียวโดยไม่ลังเล”
เมื่อได้ยินดังนั้น ท่าทีของชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด การใช้อาวุธิญญาระดับกลางนั้นมีความรุนแรงเทียบเท่ากับการถูกยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านโจมตีเต็มรูปแบบ ซึ่งแม้แต่ชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นก็อาจถึงแก่ชีวิตได้
ไม่ว่าหนิงเทียนจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่เขาก็อยู่เพียงขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นห้าเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานการทำลายล้างครานี้ได้
“แต่เขามีน้ำเต้าคอยคุ้มกันอยู่ ทั้งยังมีตำราเล่มนั้นด้วย ข้าเกรงว่าการจู่โจมคราวนี้อาจไม่ประสบความสำเร็จ” ชิวซานอวิ๋นยังคงกังวล
ซูอวิ๋นกล่าวว่า “ศิษย์พี่หลิวและข้าจะช่วยกันขัดขวางตำราของเขา ท่านก็ใช้อาวุธิญญาจัดการกับน้ำเต้า ส่วนคนอื่นๆ ก็ร่วมกันโจมตีด้วยพลังที่สั่นะเืไปถึงนภา”
“การเปิดใช้อาวุธิญญาระดับกลางไม่ใช่เื่ยาก หาก้าะเิพลังอาวุธิญญาระดับกลางก็ต้องมียอดฝีมือในขอบเขตผนึกดาราขั้นสูงสุดอย่างน้อยสามคน เมื่อคำนวณแล้วเราจำเป็ต้องร่วมมือกันอย่างน้อยหกคน” หลิวจินอวิ๋นพูดเสริม
“ศิษย์ที่เหลือในตอนนี้มีสิบเก้าคน...”
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังหารือกันอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภายในจัตุรัส หนิงเทียนเคลื่อนไหวซ้ายทีขวาทีราวกับอสูรที่ได้รับาเ็ แม้ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ดวงตากลับฉายแววที่เ็าอย่างยิ่ง
แม้จะมีศัตรูซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาสังหารอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่หนิงเทียนก็มีกายาสุวรรณะนิรันดร์คอยปกป้อง และภายใต้การปราบปรามของธงแยกิญญาหยวน คนเหล่านี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าเขา
ยิ่งเหล่าศัตรูอ่อนกำลังลง ข้อได้เปรียบของความแข็งแกร่งทางกายภาพก็ยิ่งเป็ที่ประจักษ์มากขึ้น
หลังจากชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นพิจารณาแล้ว พวกเขาก็ตอบรับข้อเสนอของซูอวิ๋น อู่เจี้ยนหงและต่งซิงอู่ถูกหลิวจินอวิ๋นเรียกกลับมา ในขณะที่ชิวซานอวิ๋นก็เรียกหาโม่ซิ่งหวา ผู้เป็ศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดแห่งสำนักอินทนิลให้มาอยู่เคียงข้างเขา ซึ่งช่วยทำให้ความกดดันรอบกายของหนิงเทียนลดลงอย่างมาก
การต่อสู้หนึ่งต่อสิบห้ากลายเป็หนึ่งต่อสิบสอง
หนิงเทียนสังเกตเห็นสถานการณ์ของฝั่งชิวซานอวิ๋นและรู้ว่าพวกเขากำลังหารือกันอยู่ เขาจึงต้องฝ่าฟันอุปสรรคให้ได้โดยเร็วที่สุด
“จงรอความตายเสียเถอะ!”
ทันใดนั้น หนิงเทียนก็คำรามอย่างรุนแรง มือซ้ายซัดดอกไม้ขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนมือขวาก็แสดงทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ั พร้อมซ่อนไข่มุกอสูรหยินอยู่ในฝ่ามือ
นี่คือท่าไม้ตายของหนิงเทียน ซึ่งเขาสามารถปราบศัตรูได้ใน่เวลาสั้นๆ ผ่านการััทางกายภาพ
การเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าของเถาวัลย์ันั้นไร้จุดสิ้นสุด หนิงเทียนจึงใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อสร้างการััทางกายภาพกับศัตรู
“อั๊ก! ระวัง!”
“ถอยเร็ว!”
พลันเสียงกรีดร้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงคำรามและเสียงขู่ดังฟ่อ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็เสียงแห่งความหวาดกลัว และในพริบตาเดียวก็มีศีรษะลอยออกไปถึงสามศีรษะ
การกลายพันธุ์น่าพิศวงนี้ทำให้ผู้พบเห็นหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง และหลบหนีไปตามสัญชาตญาณของมนุษย์
หนิงเทียนใช้ประโยชน์จากความตื่นตระหนกของศัตรู โดยการใช้วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นผสานกับไข่มุกอสูรหยินเพื่อสังหารคนหกคนในลมหายใจเดียว
“บ้าเอ๊ย! รีบลงมือเร็วเข้า!” หลิวจินอวิ๋นคำรามด้วยความโกรธ ขณะที่เขาพูดได้เพียงสองประโยค หนิงเทียนก็สังหารไปแล้วเก้าคนติดต่อกัน ซึ่งทำให้เขาคลุ้มคลั่งจนแทบบ้า
ศิษย์จากโถงเพลิงทมิฬหมดสิ้นแล้ว ยามนี้มีเพียงศิษย์อีกเก้าคนจากสามสำนักหยวนซิวที่เหลืออยู่
ซูอวิ๋นเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงเตือนว่า “เราต้องโจมตีเพียงครั้งเดียวให้สำเร็จ! ไม่เช่นนั้นเขาจะลากพวกเราไปตาย”
ชิวซานอวิ๋นพูดอย่างเ็า “เขาต้องตายเท่านั้น”
อู่เจี้ยนหงกล่าว “ไม่ต้องกังวล ปล่อยให้เป็หน้าที่ของเรา”
ต่งซิงอู่และโม่ซิ่งหวาต่างก็ตกปากรับคำเป็มั่นเหมาะ จากนั้นคนทั้งหกก็รีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ซูอวิ๋นเปิดใช้ภาพพันทิวเขาเหมันต์ หลิวจินอวิ๋นกระตุ้นภาพธาราทักษิณในวสันตฤดู เมื่อม้วนภาพทั้งสองปล่อยพลังลึกลับ พวกเขาก็สามารถดึงคัมภีร์หลิงฮวงของหนิงเทียนออกมาได้ทันที
พลังชีวิตและเืลมของชิวซานอวิ๋นช่างมหัศจรรย์ ร่างของเขาถูกล้อมรอบด้วยพลังสีม่วง เสาพลังทั้งเก้าหมุนวนราวัม่วงที่ปลดปล่อยพลังออกมา ซึ่งแม้แต่หนิงเทียนก็ยังรู้สึกครั่นคร้าม
ชิวซานอวิ๋นประสานมือทั้งสองข้างเป็ตราประทับบางอย่างแล้วเปิดใช้ผลึกโบราณ ทันใดนั้นห้วงอากาศโดยรอบก็สั่นะเื เกิดลมกระโชกแรงในจัตุรัส ซากศพทั้งหมดแตกสลายในชั่วพริบตา และมวลพลังอันหนักหน่วงก็ปกคลุมรอบร่างของหนิงเทียน
เมื่อรู้สึกถึงวิกฤตที่เกิดขึ้น หนิงเทียนก็เริ่มกระวนกระวายและจำใจเรียกน้ำเต้าเจ็ดสีออกมา จากนั้นน้ำเต้าก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของเขาและเผชิญหน้ากับผนึกโบราณของชิวซานอวิ๋น
อู่เจี้ยนหง ต่งซิงอู่ และโม่ซิ่งหวาเปิดใช้ระฆังทองสัมฤทธิ์ซึ่งมีรอยแตกบนพื้นผิว มันเป็อาวุธิญญาระดับกลางที่ได้รับความเสียหาย โดยรอยดังกล่าว คือ ร่างปีศาจสี่ร่างที่มีรูปร่างต่างกัน และสามารถะเืขวัญทุกสรรพสิ่งในจักรวาลด้วยขุมพลังไร้ที่สิ้นสุด
เหมยเอ้าซงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับศิษย์หลักของสำนักอินทนิลอีกสองคน เมื่อยอดฝีมือทั้งเก้าเข้าล้อมหนิงเทียน สถานการณ์จึงแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
ชิวซานอวิ๋นและหลิวจินอวิ๋นเป็ยอดฝีมือทั้งคู่ พวกเขาจึงไม่อาจสู้กับหนิงเทียนแบบตัวต่อตัวได้ แต่หากเป็การร่วมมือของคนทั้งเก้าเล่า?
ความรู้สึกถึงวิกฤตที่อธิบายไม่ได้เริ่มครอบงำจิตใจของหนิงเทียน และความรู้สึกสังหรณ์ใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ทำให้เขาไม่สบายใจ
หนิงเทียนคำรามอย่างเดือดดาล พลันแสงสีทองสว่างวาบไปทั่วร่าง เขาเรียกใช้กายาสุวรรณะนิรันดร์ระดับห้าจนถึงขีดจำกัด ทะลวงพันชั้นผสานกับวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่น และยามนี้การต่อสู้นองเืก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
“สังหารมัน!” หลิวจินอวิ๋นะโก้อง เขาผนึกกำลังกับซูอวิ๋นเพื่อระดมพลังของภาพธาราทักษิณในวสันตฤดูและพันทิวเขาเหมันต์ด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมด โดยมีเป้าหมายคือการควบคุมคัมภีร์หลิงฮวง
ในเวลาเดียวกัน เงาสีม่วงเงาหนึ่งก็ปรากฏอยู่เื้ัของชิวซานอวิ๋น พลังสายเืปรากฏขึ้นราวกับเทพแห่งาที่จ้องมองไปยังหนิงเทียน
ผนึกโบราณสั่นไหวพร้อมกลืนพลังิญญาสีม่วง ก่อนจะขยายออกสิบเท่าแล้วะเิใส่น้ำเต้าเจ็ดสี
หนิงเทียนคำรามลั่น น้ำเต้าเจ็ดสีเปล่งแสงสีเงินออกมาก่อนจะพุ่งชนกับผนึกโบราณ
เสียงกึกก้องทำให้ห้วงอากาศแตกเป็เสี่ยง หนิงเทียนจำต้องล่าถอยอย่างรวดเร็ว ส่วนคัมภีร์หลิงฮวงเหนือศีรษะก็ยังคงพัวพันกับภาพพันทิวเขาเหมันต์และธาราทักษิณในวสันตฤดู
“สังหาร!” เหมยเอ้าซงแผดเสียงสนั่น ยอดฝีมือสองคนจากสำนักอินทนิลต่างก็พุ่งเข้าหาหนิงเทียนทันที คนหนึ่งถืออาวุธิญญาและอีกคนกำลังเปิดใช้อาวุธิญญา
“โอกาสอันดี จงเร่งมือ!” ซูอวิ๋นะโลั่น
เมื่ออู่เจี้ยนหง ต่งซิงอู่ และโม่ซิ่งหวาได้ยินเช่นนั้นต่างก็โห่ร้อง ทั้งสามคนระดมพลังทั้งชีวิตเพื่อะเิพลังระฆังทองสัมฤทธิ์ใส่หนิงเทียน
ทันใดนั้นหนิงเทียนก็ััได้ถึงวิกฤตครั้งใหญ่หลวง เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างของเขาสั่นะเื แส้เถาวัลย์ัในเส้นลมปราณที่สี่ตื่นตระหนก ก่อนจะปล่อยคลื่นแห่งการป้องปรามที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
แส้เถาวัลย์ัแผ่กิ่งก้านทั้งเก้าทอดยาวราวกับเถาวัลย์ ที่ปลายกิ่งมีเงาของอาวุธิญญาทั้งเก้าปรากฏขึ้น แล้วหยั่งรากในตันเถียนของหนิงเทียน อาวุธิญญาทั้งเก้านั้นสอดคล้องกับเส้นลมปราณทั้งเก้า พวกมันผสานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเสริมสร้างความเข้มแข็งที่มีเสถียรภาพเป็พิเศษ
ครู่ต่อมา ระฆังทองสัมฤทธิ์ก็ะเิออก แสงแห่งการทำลายล้างกระจายไปทุกทิศทางซึ่งน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ยามนี้น้ำเต้าเจ็ดสีและผนึกโบราณของชิวซานอวิ๋นต่างก็กระเด็นออกไปไกล ทางด้านคัมภีร์หลิงฮวงก็ยังคงพัวพันกับภาพวาดทั้งสองและไม่สามารถปกป้องหนิงเทียนได้
เมื่ออันตรายกำลังใกล้เข้ามา หนิงเทียนก็ร้องคำรามอย่างไม่ยินยอม ทันใดนั้นกล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ตื่นขึ้น กระบี่ไร้จำนงหวนกลับ ทว่าทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว
