“เสือตัวนี้ดุร้ายมาก ตอนที่กระหม่อมนำคนไปจับตัวมันกระหม่อมต้องเสียไพร่พลไปจำนวนมาก ไม่รู้วว่าใครจะมีความสามารถโค่นล้มมันได้”
หูลู่หนานพลันเอ่ยวาจาโอ้อวดขึ้นมา
หลินเมิ้งหยาชำเลืองมองเขาเล็กน้อย บุรุษผู้นี้หาใช่คนดีไม่แม้แต่เสือท้องแก่ก็ยังไม่คิดปล่อยมันไป อีกทั้งยังพูดจาโอ้อวดมิรู้จักผิดชอบชั่วดี
“คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายรองจะเป็ผู้จับเสือตัวนี้มาได้องค์ชายรองกล้าหาญเหลือเกิน”
ไท่จื่อที่เพิ่งจะเปิดศึกแย่งสตรีกับองค์ชายรองเมื่อครู่รีบร้องชมหูลู่หนาน
หลินเมิ้งหยาััได้ว่าชายทั้งสองเ้าเล่ห์ยิ่งนัก
แม้คำพูดจะสวยหรูเสมือนญาติสนิทมิตรสหาย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าสหายทั้งสองคนนี้เคยเกือบจะฟาดฟันกันมาแล้ว
งานเลี้ยงดำเนินต่อไปตามปกติ ทว่าหลินเมิ้งหยากลับมิรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับคำคุยโวโอ้อวดของพวกเขาเหลือเกิน
เหตุเพราะหลินเมิ้งหยายังคงจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในกระโจมเล็กได้เป็อย่างดี
“นายหญิง ท่านคิดว่าเสือตัวนั้นจะถูกใครจับได้หรือเ้าคะ?”
ระหว่าทางกลับกระโจมที่พักป๋ายซ่าวเองก็รู้สึกสงสารเสือตัวนั้นไม่น้อย
เสือ เปรียบเสมือนจิติญญาแห่งป่า มันคือเ้าแห่งสัตว์ป่าทั้งหลายมันไม่ควรต้องมาตายเพราะเงื้อมมือของเหล่าองค์ชาย
“ไม่ว่าใครจับได้ ล้วนน่าเสียดายทั้งสิ้นเช่นนั้นพวกเรามาคิดหาวิธีกันจะดีกว่า”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ดวงตาของสาวใช้ทั้งสองเปล่งประกายถ้าหากสามารถปล่อยเสือออกไปได้ ก็นับว่าเป็การทำบุญครั้งใหญ่เลยทีเดียว
“เ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเรามาวางแผนกันเถิด”
การประชุมเพื่อช่วยชีวิตเสือขาวจึงถูกจัดขึ้นที่กระโจมของหลินเมิ้งหยา
“ข้าคิดว่าเราควรสั่งให้องครักษ์เจาะกรงเสือและปล่อยให้มันหนีไปทางด้านหลังูเามันจะได้อาศัยในป่าทึบ”
หลินจงอวี้วาดแผนที่ขึ้นมา ก่อนจะชี้บอกตำแหน่ง
“ข้าคิดว่าทำเช่นนั้นไม่ได้ เสือไม่เข้าใจภาษามนุษย์หากมันวิ่งไปผิดทางจะเกิดอะไรขึ้น? อีกอย่าง หากมันถูกทำร้ายก่อนที่มันจะหนีไปเช่นนั้นก็มิต่างอะไรจากส่งมันไปตาย”
ป๋ายจีเสนอความคิดเห็นของตนเอง สิ่งที่นางพูดล้วนมีเหตุผลทุกคนจึงครุ่นคิดใหม่อีกครั้ง
“หรือพวกเราจะปล่อยมันออกมาตอนนี้เลย”
ป๋ายจื่อกะพริบตาปริบๆ จ้องหน้าหลินเมิ้งหยาใบหน้าเรียวเล็กยังคงแสดงให้เห็นท่าทีมิอยากแยกจาก
หลินเมิ้งหยาถลึงตาใส่นางก่อนจะเอ่ย
“เช่นนั้นเ้าไปร้องขอองค์รัชทายาทให้ปล่อยมันไปดีหรือไม่? เด็กโง่ หากปล่อยมันออกมาตอนนี้มันอาจถูกจับไปอีกครั้งหรือไม่ก็ถูกฆ่าตาย”
เสียงในกระโจมจึงเงียบลงอีกครั้ง
แบบนี้ก็ไม่ได้ แบบนั้นก็ไม่ได้พวกเขารู้สึกเหมือนเดินอยู่ในวังวนที่ไม่มีทางออก
“พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกหลินขุ๋ยไปทำให้เสือขาวสลบอีกอย่างข้าสั่งให้คนในเมืองหลวงเตรียมหม่าเฝยซานเอาไว้แล้ว เ้าวางใจเถิด”
เสียงของหลงเทียนอวี้พลันดังขึ้นทุกคนในกระโจมหันหน้าไปมองทางประตู
“ความคิดนี้ไม่เลวเลย สมแล้วที่เป็ท่านอ๋อง”
ป๋ายจื่อรีบส่งเสียงชื่นชมหลงเทียนอวี้นี่คือสิ่งที่คุณหนูบอกนางเอาไว้
อีกทั้งยังบอกอีกว่าท่านอ๋องกำลังช่วยเื่ของนางอยู่
นางไม่อยากแต่งงานกับองค์ชายรัชทายาทแห่งซีฟานไม่อยากเป็กระทั่งชายาขององค์รัชทายาท
“พวกเ้าวางใจเถิด”
หลงเทียนอวี้ส่งคนไปตรวจเสือตัวนั้นแล้ว มันกำลังตั้งท้องจริงๆ
เสด็จพ่อเคยรับสั่งว่า่นี้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนเติบโตขึ้นอีกขั้นตามธรรมชาติ
หากพวกเราฝืนกฎของธรรมชาติ สิ่งที่ได้รับกลับมาอาจเป็ความตาย
ดังนั้น เขาจึงอยากต่อชีวิตของเสือตัวนี้
“หากจับได้แล้ว ท่านอ๋องจะจัดการเช่นไร?”
ความคิดจิตใจของคนซีฟานและต้าจิ้นไม่เหมือนกัน
หากปล่อยให้เสืออาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ มันอาจจะไม่ใช่จุดจบที่ดี
“เสือต้องกลับป่า แน่นอนว่าต้องกลับไปอยู่ในที่ที่มันจากมาวางใจเถิด ข้าจัดการเื่นี้เรียบร้อยแล้ว”
คิดไม่ถึงเลยว่าปัญหาที่คนทั้งหกปรึกษากันอยู่นานจะถูกแก้ไขโดยหลงเทียนอวี้เพียงคนเดียว
หลินเมิ้งหยารู้สึกเบิกบานใจ
ราวกับว่า หากมีเขาอยู่ ตนเองไม่จำเป็ต้องกังวลอะไรอีกต่อไป
ทุกคนล้วนสังเกตเห็นความสัมพันธ์หวานซึ้งระหว่างหลินเมิ้งหยาและหลงเทียนอวี้สบตากัน ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบ ๆ
กว่าหลินเมิ้งหยาจะดึงสติกลับมาได้ ภายในห้องเหลือเพียงพวกเขาสองคนแล้ว
“ท่านอ๋อง ดื่มน้ำไหมเพคะ?”
นี่เป็ครั้งแรกที่หลินเมิ้งหยาได้อยู่ในกระโจมกลางป่ากับบุรุษสองต่อสองไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคนที่เคยสงบนิ่งอย่างหลินเมิ้งหยาพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย
“อือ”
ภายในงานเลี้ยงเมื่อครู่ หลงเทียนอวี้ดื่มเหล้าไปค่อนข้างมากดังนั้นเขาจึงรู้สึกกระหายน้ำ
มิรู้ว่าเพราะฤทธิ์ของเหล้าหรือเพราะชุดขี่ม้าที่หลินเมิ้งหยาสวมใส่
เขารู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้างดงามเหลือเกิน
ภายใต้แสงไฟ ใบหน้าของนางดงามมีเสน่ห์
ดวงตาคู่สวยเปล่งประกาย เขาเคยเห็นสตรีมากมาย แต่มิมีใครเหมือนนาง
ทุกที่ที่นางอยู่ ความหนาวเหน็บที่เคยมี แม้แต่จวนอวี้ที่เคยเย็นะเืยังอบอุ่นขึ้นมา
คนรับใช้กลัวเกรงนาง แต่ส่วนใหญ่ล้วนรู้สึกเคารพนับถือเหตุเพราะนางมิเคยลงโทษใครตามอารมณ์อีกทั้งยังมิเคยใช้ความรู้สึกส่วนตัวลงโทษผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าว่าร้ายนางเลย
ใช่ว่าจะพบเจอสตรีแบบนี้ได้ง่ายๆ
ดังนั้น บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ฮองเฮามอบนางมาให้เขา
“ท่านอ๋องกำลังมองอะไรหรือเพคะ? หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือไม่?”
หลินเมิ้งหยาลูบไล้ใบหน้าของตนเอง แต่ก็ไม่มีอะไรนี่นา
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงแต่คิดเื่ของตนเอง จริงสิ ตกลงเกิดเื่อะไรขึ้นตอนเ้าหายไป?”
คนที่หลินขุ๋ยส่งไปอารักขานางเอ่ยว่าหลินเมิ้งหยาถูกพาไปยังกระโจมเล็กหลังหนึ่ง
สุดท้าย ไท่จื่อและองค์ชายรองแห่งซีฟานตามเข้าไปด้วย
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเื่นี้มิใช่เื่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ไท่จื่อและองค์ชายรองล้วนมีเื่ค้างคาใจกับหลินเมิ้งหยาหากบอกว่าบังเอิญ เขาไม่มีทางเชื่อ
เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายหลินเมิ้งหยาเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ฟัง
มิได้ต่อเติมเสริมแต่งเื่ราวแต่อย่างใดหลินเมิ้งหยาเอ่ยตามความจริง
ทว่าทันทีที่สิ้นเสียงลง แก้วชาในมือของหลงเทียนอวี้ก็ถูกบีบจนแหลกละเอียด
“มือของท่าน! โง่หรือไร ถ้าถูกบาดเข้าจะทำอย่างไร”
ปฏิกิริยาแรกของหลินเมิ้งหยาคือยื่นมือเข้าไปแย่งชิ้นส่วนที่แหลกละเอียดในมือของหลงเทียนอวี้
เศษเล็กเศษน้อยทิ่มแทงมือของเขา
ดึงเศษแก้วที่ทิ่มแทงมือของเขาออกอีกทั้งยังทำแผลให้เขาด้วยความระมัดระวัง สุดท้ายจึงกลับมานั่งลงข้างกายของเขา
“ท่านเป็อะไรไป? ข้ายังสบายดีมิใช่หรือ?”
ถ้ารู้อย่างนี้นางคงไม่เล่าให้เขาฟัง
“คิดไม่ถึงเลยว่าไท่จื่อจะไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้”
สมัยยังเด็กทั้งเขาและไท่จื่อล้วนได้เรียนเื่มารยาทและขนบธรรมเนียมประเพณี
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าไท่จื่อจะใจดำอำมหิตถึงขั้นลงมือกับพี่น้องของตนเองเช่นนี้
หรือการอบรมสั่งสอนที่เคยได้รับมาไม่เคยซึมเข้าสมองของเขาเลย?
“ท่านอ๋องยังคิดว่าไท่จื่อเหมาะที่จะขึ้นครองบัลลังก์หรือไม่? หากคนเช่นนี้ได้ถือครองอำนาจ หายนะคงมาเยือนราษฎร์ตาดำๆอย่างแน่นอน วันนี้เขาสามารถลักพาตัวหม่อมฉันได้ พรุ่งนี้ เขาอาจล่วงเกินลูกสาวแท้ๆของเขาเองได้เช่นเดียวกัน ท่านอ๋องเคยคิดถึงเื่นี้หรือไม่?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทะลุไปถึงหัวใจของหลงเทียนอวี้
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นในหัวใจ สิ่งที่หลินเมิ้งหยาพูดมาทั้งหมดล้วนเป็สิ่งที่ถูกต้อง
แต่เขายังมีความกังวลเกี่ยวกับตนเองแม้ความกังวลข้อนั้นจะเริ่มสั่นคลอนแล้วก็ตาม
“เื่นี้ค่อยคุยกันครั้งหน้าเถิด ตอนนี้ดึกมากแล้วเ้าไปพักผ่อนเถอะ”
หลังพูดจบ หลงเทียนอวี้เดินออกจากกระโจมไปไม่รู้ว่าเขาไปเดินเล่นที่ไหน
มองตามหลัง หลินเมิ้งหยาถอนหายใจ
เพราะเหตุนี้พระสนมเต๋อเฟยจึงรับสั่งกับนางว่าจะต้องทำลายความเมตตาในใจของหลงเทียนอวี้ให้ได้
หากยังปล่อยให้เขาเป็เช่นนี้เกรงว่าเขาคงยืนอยู่ที่เดิมไปชั่วชีวิต
แต่หลินเมิ้งหยากลับคิดว่าเพราะหลงเทียนอวี้เป็แบบนี้ลูกน้องจึงยังคงติดตามเขามิใช่หรือ?
เพียงแค่หลงเทียนอวี้ในตอนนี้ขาดอะไรบางอย่างไปก็เพียงเท่านั้น
หาก้าเปลี่ยนให้เขากลายเป็คนเด็ดขาดเช่นนั้นจะต้องปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับเื่บางอย่าง
นางวางแผนในใจ
ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องไปจากจวนอวี้อยู่ดีไม่ว่าจะเป็หลินหลางหรือเพราะสตรีนางอื่น นางจะทำให้หลงเทียนอวี้มีอนาคตที่สดใส
“ท่านอ๋อง เหตุใดดึกมากขนาดนี้แล้วยังออกมาตากลมข้างนอกเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
ขณะที่กำลังครุ่นคิด หลินเมิ้งหยาได้ยินเสียงดังขึ้นจากทางด้านนอกเสียงกระตุ้งกระติ้งของขันทีดังขึ้น
นางลืมไปเลยว่าที่นี่มิใช่จวนอวี้
ดังนั้น นางจำเป็ต้องนอนห้องเดียวกันกับเขา
แต่กลับได้ยินเสียงอึดอัดของหลงเทียนอวี้ตอบกลับ
“ข้างในมันร้อน ข้าเลยออกมาตากลมให้เย็นลง”
หลินเมิ้งหยาแอบยิ้ม หลังจากได้รู้จักมักคุ้นกับหลงเทียนอวี้นางมักจะได้เห็นด้านที่ไม่รู้จักของเขาเสมอ
อย่างเช่น เวลาถูกผู้อื่นจับไต๋ได้เขามักจะส่งเสียงเ็าเพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง
เมื่อเดินออกจากกระโจม หลินเมิ้งหยาเห็นหลงเทียนอวี้ยืนโงนเงนอยู่หน้าประตู
“ท่านอ๋อง อากาศเย็นแล้ว เสด็จเข้ามาบรรทมข้างในเถิดเพคะ”
น้ำเสียงหวานใส เจือไว้ซึ่งรอยยิ้ม หลงเทียนอวี้ถึงกับผงะ ดวงตาวูบไหวไปมา
“เ้านอนก่อนเถิด ข้ายังมีเื่ให้ต้องทำ”
เมื่อหันกลับไปกลับพบว่าตนเองก็ไม่มีที่ให้ไปไหนแล้ว
“หรือท่านอ๋องจะไปล่าสัตว์ตอนกลางคืนหรือเพคะ? หรือว่าเสือตัวนั้นถูกขังไว้ในกระโจมของหม่อมฉัน? ที่ท่านอ๋องไม่ยอมเข้ามาเพราะรังเกียจเมิ้งหยากระนั้นหรือเพคะ?”
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยากลับนึกอยากแกล้งหลงเทียนอวี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เพียงประโยคเดียว หลงเทียนอวี้ไม่มีทางให้ถอยหลังอีกต่อไป
ดวงตาพลันเปล่งประกาย ในที่สุดเขาก็ยอมกลับเข้าไปในกระโจมแต่โดยดี
เมื่อกวาดสายตามองร่างของใครคนหนึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อรอดูอะไรสนุกๆ
