ความตั้งใจเช่นนี้ทำให้ผู้คนััได้ถึงความจริงใจ ทั้งสองแสดงท่าทีขอบคุณในความเมตตา จากนั้นเหลียงเจาอี๋ก็พูดอีกว่า “ปกติข้าชอบทำของพวกนี้แต่ไม่มีโอกาส เมื่อพี่หญิงเต๋อเฟยบอกว่าอยากเชิญพวกพี่หญิงน้องหญิงในตำหนักมารวมตัวกันเพราะคิดว่าเป็โอกาสอันดี ข้าจึงเอามาทั้งหมด เมื่อมอบให้แล้ว เื่ในใจก็หายเป็ปลิดทิ้ง”
ระหว่างที่ทั้งสามคนพูดคุยกันก็มาถึงสวนในวังหลวงแล้ว นางกำนัลใกล้ชิดของเต๋อเฟยนำทางพวกนางเข้าไปในสวนดอกไม้เล็กๆ ที่กำหนดไว้ในตอนแรก เต๋อเฟยจัดงานเลี้ยงในศาลาเล็กและวางผลไม้กับจานของว่างไว้บางส่วน เมื่อถึงเวลานัดหมายทั้งสามคนจึงเข้าไปในเรือน ฮวารั่วซีกับเห้อเสี่ยวซือปรากฎตัวตามหลังมาเช่นกัน รอทุกคนมาถึงจนครบเต๋อเฟยก็ปรากฏตัวและพูดพลางแย้มยิ้ม “ข้าดันมาสายเสียเอง”
ทุกคนรีบแสดงท่าทีเกรงใจ ฮวารั่วซีพูดพลางแย้มยิ้ม “พี่หญิงคุมตำหนักหลัง เื่หยุมหยิมมากมาย หม่อมฉันรู้ดี ตอนนี้พักเื่หยุมหยิมพวกนี้ก่อน ลำบากพี่หญิงแล้วเพคะ”
เต๋อเฟยท่องบทสวดแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าใช้ความเหน็ดเหนื่อยของตนเองแลกกับความสบายใจของพวกน้องหญิงได้ ข้ายินดีทำให้”
สีหน้าฮวารั่วซีแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นก็พูดพลางแย้มยิ้ม “พวกเราชุ่มไปด้วยพรของพี่หญิงแล้ว”
เต๋อเฟยอารมณ์ดีขึ้นกว่าก่อนหน้า นางเดินไปอยู่ข้างกายเห้อเสี่ยวซือแล้วจับมือนางพลางกล่าวว่า “น้องหญิงเพิ่งเข้าตำหนัก ข้าจึงจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อให้พี่หญิงน้องหญิงทุกคนได้รู้จักกันและอยู่ร่วมกันได้ในภายหลัง เนื่องจากข้าอยู่ตำหนักเยถิง ข้าจึงตัดสินใจเป็เ้าภาพเชิญทุกคนมาที่นี่”
หลังจากพูดจบนางก็แนะนำทุกคนรอบหนึ่ง เห้อเสี่ยวซือถูกเต๋อเฟยจูงไปให้ทุกคนยลโฉมครู่หนึ่งและไม่ได้หยุดอยู่กับผู้ใดเลย แววตานางดูเป็กังวลเล็กน้อย ทว่ากลับแย้มยิ้มสดใสบนใบหน้า “น้องหญิงขอให้พี่หญิงทุกท่านมีความสุขเพคะ”
เหลียงเจาอี๋กระตือรือร้นที่สุด นางหยิบผ้าไหมมาจากมือนางกำนัลข้างกาย “ยินดีที่ได้พบน้องหญิง ข้าเตรียมของขวัญเล็กน้อยมาให้ ข้าปักเองกับมือ โปรดรับไว้ด้วยเถิด”
ทุกคนมองปราดเดียวก็รู้ว่าผ้าไหมในมือเหลียงเจาอี๋ไม่ใช่งานปักของนางเอง ทว่าเป็ผลงานชิ้นเอกของหนิงเสินเจิน พวกนางจึงค่อนข้างประหลาดใจ ทว่าหนิงเสินเจินอยู่ที่จวนเฉิงเซี่ยง ปกติเห้อเสี่ยวซือไปมาหาสู่กับนางอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังเรียนปักกระเป๋าหูรูดกับนางและได้รับของกำนัลมากมาย ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้สนใจกับข้าวของของหนิงเสินเจินนัก ทว่านางก็เผยสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน ก่อนจะพูดว่า “ขอบคุณพี่หญิงเจาอี๋ น้องหญิงชอบมากเพคะ”
หลังจากนั้นเหยียนอู๋อวี้ก็มอบจี้หยกที่ซ่งอี้เฉินประทานให้ตนเองในวันนั้นแก่นาง เซียวเป่าหลินมอบไข่มุกราตรีเม็ดเล็กให้ เต๋อเฟยน่าจะมอบให้นางแล้ว เหยียนอู๋อวี้มองฮวารั่วซีแวบหนึ่งแล้วพูดพลางแย้มยิ้มราบเรียบ “หม่อมฉันคาดหวังกับของขวัญจากพี่หญิงซูเฟยมากเลยเพคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เต๋อเฟยจึงเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ “ว่าอย่างไร?”
เหยียนอู๋อวี้ป้องริมฝีปากหัวเราะเบาๆ ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ครั้งล่าสุดที่หม่อมฉันเลื่อนขั้นเป็ฉายเหริน พี่หญิงซูเฟยมอบบัวหิมะเทียนซานให้หนึ่งดอก ครั้งนี้ของขวัญยินดีที่ได้พบหน้าของพี่หญิงต้องหายากยิ่งแน่นอน”
ฮวารั่วซีกำมือที่กำลังจะยกขึ้นไว้ในแขนเสื้อแน่น ความเกลียดชังในใจที่มีต่อเหยียนอู๋อวี้เดือดพล่าน สิ่งที่นางเตรียมไว้ในตอนแรกคือสร้อยคอลูกปัดเคลือบสี แม้ไม่ได้มีมูลค่ามหาศาล ทว่าก็ไม่ได้หายากไปกว่าบัวหิมะเทียนซาน
ตอนนี้เหยียนอู๋อวี้พูดถึงมัน หากนำออกมาอีกก็จะไม่ใช่แค่ปัญหาเลือกที่รักมักที่ชัง ทว่ายังเกี่ยวพันไปถึงพระพักตร์ของไทเฮาด้วย ทว่านางยากจะอธิบายว่าบัวหิมะเทียนซานไม่ใช่ของขวัญแสดงความยินดี ลูกปัดปะการังแดงที่ส่งมาพร้อมกันหลังจากนั้นต่างหากที่ใช่ กลับกันมันจะทำให้ผู้คนคิดว่านางกำลังเถียงข้าง ๆ คู ๆ และยิ่งดูถูกนางกว่าเดิม
เหยียนอู๋อวี้กำลังรับชมการแสดงด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็น ฮวารั่วซีอยากจะเข้าไปละเลงใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางยิ่งนัก
แน่นอนว่าฮวารั่วซีย่อมไม่เผยให้เห็นความโกรธเคืองของตนเอง นางเพียงแค่ปกปิดมันไว้ด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย และแสร้งพูดเย้าแหย่ด้วยรอยยิ้ม “ผู้ใดในตำหนักไม่รู้บ้างว่าเ้าเป็คนบ้าสมบัติ? สิ่งของดีๆ จะเอาออกมาให้เ้าดูได้อย่างไร ข้าไม่กล้าเอามาด้วย” นางพูดพลางจับมือเห้อเสี่ยวซือพลางแย้มยิ้ม “สิ่งที่เราให้เ้าเป็ไข่มุกทะเลลึก ขนาดเท่ากำปั้น บดเป็ผงเอาไปกิน หรือเอาไปทา มีผลดีมากทั้งสิ้น ข้าให้คนไปเอาและส่งตรงไปที่ตำหนักเ้าแล้ว”
เหยียนอู๋อวี้ระแวงขึ้นมาในใจ คำพูดพวกนี้เป็มุกตลกที่ตนเองพูดกับซ่งอี้เฉินในห้อง สิ่งที่นางสนใจล้วนเป็ของบนตัวซ่งอี้เฉินเช่นกัน ฮวารั่วซีพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้เท่ากับว่าเป็การประกาศาอย่างเปิดเผยแล้ว
ถึงกระนั้นเหยียนอู๋อวี้กลับไม่สนใจ เมื่อครู่นางเป็คนเริ่มก่อนและไม่ได้ใช้อารมณ์
่นี้ฮวารั่วซีไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้เหมือนกันว่านางกำลังวางแผนอันใดอยู่ เหยียนอู๋อวี้ไม่คิดจะรอให้นางเตรียมพร้อมลงมือกับตนเอง ฮวารั่วซีภายนอกอ่อนโยน ทว่าในความเป็จริงนางอารมณ์ร้อน ต้องถูกกระตุ้นเท่านั้นถึงจะเผยนิสัยเช่นนั้นออกมา
เหยียนอู๋อวี้ยกยิ้มมุมปากพลางกล่าวว่า “พี่หญิงซูเฟยพูดได้ถูกต้องแล้ว ตอนนี้หม่อมฉันกำลังจ้องปิ่นทองของท่านอยู่ หม่อมฉันไม่เคยมีแบบนี้มาก่อนเลยเพคะ”
เต๋อเฟยเห็นว่าเหยียนอู๋อวี้ชักจะพูดเลยเถิดเกินไปจึงออกมาห้ามทัพด้วยรอยยิ้มทันที “เหยียนฉายเหรินบ้าสมบัติจริงๆ ยังดีที่ข้าไม่มีของล้ำค่าติดตัว ไม่อย่างนั้นคงถูกขุดไปด้วย”
เหยียนอู๋อวี้ยิ้มตอบ “บนตัวพี่หญิงเต๋อเฟยจะไม่มีของล้ำค่าได้อย่างไร ลูกประคำบนมือตามติดพระสนมตลอดทั้งทั้งวันจนน้องคิดว่ามันจะต้องพลังวิเศษแน่ มอบให้หม่อมฉันดีหรือไม่เพคะ?”
เต๋อเฟยเหลือบมองแวบหนึ่งแล้วเอาให้นาง จากนั้นก็แสร้งเอ่ยเตือนนางอย่างจริงจัง “ห้ามอิจฉาอยากได้สมบัติของผู้อื่น มิฉะนั้นงานเลี้ยงเล็กๆ ของข้าจะกลายเป็งานเลี้ยงขูดรีดสมบัติให้เ้าแสวงหาของล้ำค่า”
เหยียนอู๋อวี้รับลูกประคำมา นางััได้เพียงความเรียบลื่นก่อนจะส่งให้ป้าโฉ่วทันที จากนั้นก็โน้มตัวประสานมือคำนับขอบคุณในความเมตตาด้วยรอยยิ้มสดใส
ชั่วเวลานั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขราวกับเหตุการณ์ประชันฝีปากเมื่อครู่เป็เพียงภาพมายา
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากัน จู่ๆ ด้านนอกพลันมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น องครักษ์รักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งลาดตระเวนผ่านมา เมื่อเห็นพวกนาง บุรุษที่เป็หัวหน้าจึงสั่งให้พวกเขาหยุดทันที จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปประสานมือคำนับพลางทูลว่า “ไม่ทราบว่าพระสนมทุกท่านอยู่ที่นี่ กระหม่อมรบกวนความสงบแล้ว พระสนมโปรดให้อภัย”
จากนั้นแสงตะเกียงก็สว่างขึ้นจนเห็นใบหน้าหล่อเหลาของฉีตงหยวน ดวงตาเขากวาดมองผ่านอย่างรวดเร็ว เหยียนอู๋อวี้กลับเห็นแววตาเข้มข้นในนั้น นางถอยหลังหนึ่งก้าวและเห็นเห้อเสี่ยวซือกำลังจ้องเขาเขม็ง ความโศกเศร้าในดวงตาทวีขึ้นจนแทบจะละลาย เหยียนอู๋อวี้ก้าวไปข้างหน้าทันที นางจับมือเห้อเสี่ยวซือพลางเอ่ยถามเสียงเบา “น้องหญิงชอบของขวัญแสดงความยินดีของข้าหรือไม่? สิ่งนี้ข้าได้รับมาจากฝ่าาเชียวนะ”
เห้อเสี่ยวซือใกับคำพูดนี้ของนาง ร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ทว่ากลับถูกนางกอดไว้ ดูเหมือนว่าโอบตนเองไว้และพูดกระซิบกระซาบเสียงเบามาก ทว่าเห้อเสี่ยวซือเข้าใจความหมายของนาง แม้ไม่รู้ว่านางรู้ความรู้สึกที่ตนเองมีต่อฉีตงหยวนได้อย่างไร ทว่าก็ยังฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดเสียงเบาว่า “พี่หญิงนำของล้ำค่ามอบให้น้องหญิง น้องหญิงรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งเพคะ”
เหยียนอู๋อวี้จับมือนางพูดพลางแย้มยิ้ม “แม้ของสิ่งนี้จะเป็ของที่มอบให้พวกเรา ทว่าพวกเราเป็สนมของฝ่าา อย่างไรก็คือของฝ่าา แม้แต่คนก็เป็ของฝ่าา ข้าเพียงแค่แบกรับชื่อเสียงไปก็เท่านั้น”
เห้อเสี่ยวซือรับรู้ได้ว่าคำพูดนางมีความนัยแฝงอยู่ ในใจรู้สึกปั่นป่วน ไม่กล้ามองฉีตงหยวนอีก ทว่าก็รับเจตนารมณ์ของเหยีนอู๋อวี้เอาไว้
หากคนอื่นรู้ความคิดที่ตนเองมีต่อฉีตงหยวน เกรงว่าไม่ใช่เพียงแค่นาง แม้แต่ฉีตงหยวนก็จะไม่มีชีวิตรอด
ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในจวนเฉิงเซี่ยง ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิต จะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใด
ดูเหมือนฉีตงหยวนจะไม่ได้ยินเสียงของเห้อเสี่ยวซือ หลังจากรับคำเต๋อเฟยแล้วเขาก็พาองครักษ์รักษาพระองค์ออกลาดตระเวนอีกครั้ง ขณะที่เงยหน้าขึ้น เขาไม่แม้แต่จะหยุดสายตาบนร่างนางด้วยซ้ำ
เพียงแค่เมื่อเดินไปยังที่ที่ไร้ผู้คน เขาลูบหน้าอกตนเองเงียบๆ ซึ่งตรงนั้นมีลูกบอลเล็กๆ ไม่กี่ลูกกลิ้งอยู่