“อาจเป็ไปได้” องค์รัชทายาทเอ่ย“ยิ่งไปกว่านั้นภายในจวนสลับซับซ้อน น้องสะใภ้สามพึ่งมาครั้งแรกอาจจะหลงทางเสียแล้ว... หึ นึกไม่ถึงว่าความสลับซับซ้อนของจวนเปิ่นกงจะทำให้น้องสาสมใจโดยไม่รู้ตัว”
องค์รัชทายาทยังคงแสดงท่าทีกรุ่นโกรธทว่าภายในใจกำลังคำนวณเวลา
คาดว่าอีกไม่นานคงมีคนมารายงานเื่สำคัญและเื่นี้จะสามารถแก้ไขวิกฤติการณ์หายตัวไปอย่างไม่ชัดเจนของหรงหว่านซี
“เมื่อเกิดเื่เช่นนี้ไม่ว่าสาเหตุอะไร...” จิ้งอ๋องจงใจเน้นย้ำคำว่า ‘ไม่ว่าสาเหตุอะไร’ ทั้งสี่คำนี้“ควรจะให้พระชายารับรู้ พี่ใหญ่ให้คนไปตามพี่สะใภ้สามมาเถิดพ่ะย่ะค่ะพวกเราจะได้เข้าวังพร้อมกัน”
“เกี่ยวอะไรกับเ้า? เื่น่าอับอายเช่นนี้ เ้าอย่าได้ยื่นมือเข้าแทรกสุ่มสี่สุ่มห้าเหวยซงแค่อยากตักเตือนเ้าสามให้รู้ถูกผิดในฐานะพี่ชายเท่านั้นเ้าคิดว่าเปิ่นกงอยากจะเชิญไทเฮามาตัดสินเื่นี้และสร้างเื่วุ่นวายจนทำให้หญิงชราต้องอยู่ไม่สุขงั้นรึ?ไม่จำเป็ต้องมีพยานอะไร เปิ่นกงกับน้องสามพาฮุ้ยเหม่ยเหรินเข้าวังเป็พอเื่น่าอับอายเช่นนี้ ควรจะจัดการอย่างเงียบเชียบสักหน่อย”
“พี่...”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้วให้ฮุ้ยเหม่ยเหรินจัดระเบียบอาภรณ์และสงบสติอารมณ์สักหน่อยหากก่อนเข้าวังน้องสะใภ้สามยังไม่มา เปิ่นหวางค่อยส่งคนออกไปตาม”
แม้องค์รัชทายาทจะพูดเช่นนี้กับเ้าสี่ฟังทว่าความจริงแล้วกำลังบอกผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ใช่หรือ?
นี่คือเื่ของเชื้อพระวงศ์พี่ชายสั่งสอนน้องชาย จะมีแผนการเ้าเล่ห์เพทุบายมากมายอะไรถึงเพียงนั้น? ไม่ถึงขั้นใช้คำว่า“ตัดสิน” สองคำนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะเป็เพียงความรักความห่วงใยที่พี่ชายมีต่อน้องชายเท่านั้น
ยิ่งองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ยิ่งเป็การยอมรับว่าภายในเื่นี้มีอะไรแอบแฝง ทันใดนั้นทุกคนต่างคาดคะเนภายในใจ...
ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าระหว่างเข้าเฝ้าในท้องพระโรงยามเช้าเมื่อวานฝ่าาทรงแต่งตั้งเตี้ยนเซี่ยสามเป็ผู้ควบคุมดูแลซ่อมแซมแม่น้ำหวยทั้งสามสาย? การทำเช่นนี้เท่ากับบอกว่านับแต่นี้ต่อไปจะให้ความสำคัญกับเฉินอ๋อง
เดิมทีการให้เฉินอ๋องและองค์รัชทายาทร่วมบริหารงานบ้านเมืองแท้จริงแล้วมีความหมายแฝงว่าราชสำนักควรจะมีสองขั้วอำนาจที่นำโดยพระโอรสเพียงแต่เฉินอ๋องทำตัวไม่มีปากไม่มีเสียงมาโดยตลอดนอกจากเื่ที่ฝ่าามีรับสั่งให้เขาไปตรวจตราแม่น้ำเจียงหวยก็ไม่ได้รับหน้าที่จริงๆจังๆ อะไรอีก ด้วยเหตุนี้ “ความหมายแฝง” จึงเป็ได้แค่ “ความหมายแฝง” เท่านั้นกลับไม่ได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจนแต่อย่างใด
แต่เมื่อได้รับหน้าที่เป็ผู้ตรวจตราคอยควบคุมดูแลการซ่อมแซมทางน้ำแม่น้ำหวยสถานการณ์ย่อมต่างออกไป การซ่อมแซมทางน้ำสามสายของแม่น้ำหวยข้องเกี่ยวกับข้อต่อสำคัญจำนวนมากเช่นกรมโยธาธิการกรมการคลัง รวมถึงกรมขุนนาง นอกจากนั้นยังมีผู้ตรวจการซานหวย* เ้าเมืองซานหวยและบรรดาตระกูลมั่งคั่งอีกมากมายในซานหวย...เช่นนี้ไม่เท่ากับเปิดโอกาสให้เฉินอ๋องคบหาสมาคมกับพวกเขางั้นรึ?
นอกจากเฉินจื้อจิ้งที่ยามนี้คือเ้ากรมการคลังคนเหล่านี้ล้วนสามารถเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายของเฉินอ๋อง หากเป็เช่นนั้นจริงการแย่งชิงแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายคงจะเริ่มขึ้น...
ใน่หัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้องค์รัชทายาทจะไม่ลงมือทำอะไรเลยหรือ?
องค์รัชทายาทััได้ว่าบรรดาผู้คนเริ่มนิ่งเงียบแต่เขาไม่คิดว่าเป็เพราะตนพูดอะไรผิดเพราะเขาไม่คิดปิดบังแผนการร้ายของตนกับคนเหล่านี้ สิ่งที่เขา้าคือเบื้องหน้าทุกคนต่างบอกว่าเขาเป็ผู้ถูกกระทำ ยามอยู่ในราชสำนักหรือยามอยู่เพียงลำพังต่างช่วยพูดแทนเขาแต่ความเป็จริงทุกคนต่างรู้ข้อเท็จจริงในใจแต่ไม่เอ่ยออกมา
เขาอยากทดสอบความจงรักภักดีของคนเหล่านี้หลังรู้ว่าเหตุไม่คาดฝันในครั้งนี้แท้จริงแล้วคือการใส่ร้ายถ้าพวกเขายังกัดไม่ปล่อยโดยบอกว่าเฉินอ๋องไร้มารยาทนั่นหมายความว่าคนผู้นั้นคิดจะพึ่งพิงตนจริงๆ หากหดหัวหดหางคนเช่นนี้คงไม่อาจผูกสัมพันธ์ในภายหน้า
พวกเขารับรู้ถึงข้อนี้หากคิดพึ่งพิงเขาจริงๆ มีหรือจะไม่รีบสาดน้ำเน่าใส่เ้าสามทั้งต่อหน้าและลับหลัง? ไม่จำเป็ต้องรอให้เขาชักนำให้ออกความเห็นแต่อย่างใดย่อมต้องมีคนลงแรงกายแรงใจรับใช้เขาด้วยตนเอง
ทันใดนั้นมีเสียงร้องด้วยความตื่นตระหนกดังมาจากนอกเรือนตามด้วยมีคนผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามารายงาน...
“ไม่ดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ...มีโจรในจวน... ไม่ได้การแล้วพ่ะย่ะค่ะ...” จางฝูไห่วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“เตี้ยนเซี่ย...เกิดเื่ใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” จางฝูไห่ลนลานและวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
ทุกคนต่างหันข้างและก้มหน้าหลบทางให้องค์รัชทายาทเดินออกมาหลังองค์รัชทายาทเดินออกมานอกประตูจึงยืนถามตรงหน้าประตูว่า “เกิดอะไรขึ้น? ลนลานอะไรของเ้าใช้ได้อย่างไรกัน?”
“เตี้ยนเซี่ยเมื่อครู่ซ่งหมัวหมั่วไปยังตำหนักหลังแล้วพบว่าหลายเรือนในตำหนักหลังเละเทะไปหมดพ่ะย่ะค่ะภายในห้องถูกรื้อค้นจนทั่ว กูเหนียงและหญิงรับใช้อีกหลายนางหายตัวไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!ซ่งหมัวหมั่วใจึงรีบให้หนูฉายมารายงานหมัวหมั่วกำลังตามมาทางด้านหลังพ่ะย่ะค่ะ”
จางฝูไห่จงใจแจ้งเื่นี้ด้วยท่าทางตื่นตระหนกราวกับใจนสติกระเจิงอย่างไรอย่างนั้น
องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว “เ้าบอกว่าจวนองค์รัชทายาทของพวกเราถูกโจรบุกเข้ามาไม่เพียงแต่ขโมยสิ่งของ ยังลักพาตัวอนุของเปิ่นกงอีกหลายนางรวมถึงหญิงรับใช้ด้วยงั้นรึ?”
“อือๆๆๆ!” เสียวไห่พยักหน้าระรัว
เฉินอ๋องหรี่ดวงตามองแผ่นหลังขององค์รัชทายาท...
ทันใดนั้นหัวเราะออกมา“เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่หมายความว่าพระชายาของน้องก็ถูกโจรที่บุกเข้ามาลักพาตัวไปด้วย? ช่างบังเอิญจริงๆ!”
“น้องสาม! เกิดเื่เช่นนี้เหตุใดเ้ายังจะพูดจาประชดประชันอย่างสบายอกสบายใจเช่นนั้นอีก?” องค์รัชทายาทเอ่ยด้วยความกรุ่นโกรธ
ขณะเดียวกันถามจางฝูไห่ด้วยท่าทางตื่นตระหนก“องค์หญิงทั้งสองยังอยู่หรือไม่? ของมีค่าหายไปเท่าใด? สตรีหายไปกี่นาง?”
จางฝูไห่ส่ายหน้า“ซ่งหมัวหมั่วใเป็อย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ยังไม่ทันเล่ารายละเอียดให้หนูฉายฟังบอกแค่ให้หนูฉายรีบวิ่งมาทูลเตี้ยนเซี่ยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไอหยา...นี่มัน...” ซงซวี่เอ่ย“เ้าโจรพวกนี้ช่างขวัญกล้าเสียจริง นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลบหลู่จวนองค์รัชทายาท!ข้าว่าพวกมันคงไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปอีกแล้ว!”
ราวกับทุกคนถูกโจมตีด้วยบรรยากาศตึงเครียดต่างพากันนิ่งเงียบรอจนซ่งหมัวหมั่วมาถึง
แต่ความจริงแล้วพวกเขากำลังคาดเดาไม่ถูกว่าแผนการครั้งนี้ยังมีอีกกี่คน?
องค์รัชทายาทให้จางฝูไห่เข้ามาแจ้งเื่นี้โดยไม่เล่ารายละเอียดและบอกเพียงเหตุการณ์คร่าวๆจากนั้นโยนจุดสนใจทุกสิ่งทุกอย่างไว้กับซ่งหมัวหมั่ว หากเฉินอ๋องกับจิ้งอ๋องคิดจะซักถามจุดน่าสงสัยแน่นอนว่าทำไม่ได้เพราะยังไม่รู้เื่ราวโดยละเอียด
ผ่านไปครู่หนึ่งซ่งหมัวหมั่วรีบร้อนเข้ามาและเล่าเหตุการณ์ที่ได้เห็นในเรือนหลังหมัวหมั่วชราผู้หนึ่ง เมื่อตกอกใย่อมต้องพูดจาวกไปวนมา
เพียงแต่ทุกคนต่างเข้าใจความหมายพอสังเขป
ในเรือนหลังมีโจรเข้ามากลุ่มหนึ่งมีเรือนทั้งหมดห้าหลังถูกปล้นจนเกลี้ยงสิ่งที่หายไปคือเครื่องประดับเงินทองและเหล่าอนุชายาประจวบกับมีอนุชายาสามนั่งและหญิงรับใช้สองนางอยู่ภายในห้องจึงถูกลักพาตัวไปด้วย
“ซานหูกูเหนียงใจนเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมหยุดทำให้หนูปี้ไม่อาจซักถามอะไรเพคะ นางบอกแค่ว่าเห็นคนเ่าั้แต่ละคนแบกคนไว้บนบ่านางใจนทำได้เพียงหลบอยู่หลังกำแพงเรือนและไม่กล้าส่งเสียงเพราะทุกคนต่างอยู่ที่ตำหนักหน้า นางรู้ว่าหากนางส่งเสียงร้อง ยังไม่มีผู้ใดมาช่วยก็คงจะพบหายนะเสียก่อนเพคะ”
“โจรมีทั้งหมดกี่คนนางเห็นชัดเจนแล้วหรือไม่?”
“ทั้งหมดหกคนเพคะนางเห็นชัดเจนเพคะ” ซ่งหมัวหมั่วเอ่ย
ซงซวี่รีบเอ่ย “มาทั้งหมดหกคนแต่ละคนแบกคนไปหนึ่งคนจริงหรือ? ทว่าสตรีในเรือนหายไปแค่ห้านางถ้าเช่นนั้นอีกคนคือผู้ใด? พบองค์หญิงทั้งสองกับพระชายาแล้วหรือไม่?”
“หนูปี้ก็กลัวจะเป็เช่นนั้นเ้าค่ะจึงสั่งเด็กรับใช้ชายหญิงออกไปตามหาองค์หญิงและพระชายาให้ทั่วเพคะ”
ซ่งหมัวหมั่วเอ่ย
“จิ๊...เื่นี้...หรือว่าเป็ฝีมือคนของยุทธภพที่หนีหัวซุกหัวซุนมายังเมืองหลวง?”ใต้เท้าเว่ยผู้เป็เ้ากรมอาญาเอ่ยขึ้นมา“ได้ยินว่าไม่นานมานี้มีคนจากยุทธภพกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเมืองหลวงแต่ละคนมีรอยสักที่แขนข้างซ้าย ไม่รู้ว่าเป็คนจากกลุ่มใด”
“เพียงแต่ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรนักราชสำนักและยุทธภพไม่มีกฎระเบียบเป็ลายลักษณ์อักษรร่วมกันพวกเขาไม่ได้สร้างเื่อะไรในเมืองหลวง อาจจะมาเที่ยวเล่นเท่านั้นเ้าเมืองประจำเมืองหลวงจึงไม่ได้ใส่ใจกรมอาญาก็ไม่ได้สนใจต่อข้าวโพดอ่อนเช่นนี้... หากเป็ฝีมือของพวกเขาจริง กระหม่อมจะมีหน้ามาพบไท่จื่อเตี้ยนเซี่ยได้อีกอย่างไร?ล้วนเป็เพราะความประมาทของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
“มีรอยสักที่ต้นแขนซ้ายงั้นรึ?”ซงซวี่พึมพำ “หรือจะเป็คนของกลุ่มเถียโซ่ว? กล่าวกันว่าคือกลุ่มคนชั่วในยุทธภพพฤติกรรมต่ำช้าไร้สิ่งใดจะเอ่ย ไม่ว่าจะอยู่ในยุทธภพหรือท่ามกลางประชาชนคนทั่วไปขอแค่มีโอกาสเป็ต้องทำเื่ชั่วเท่านั้นไม่ว่าจะฆ่าชิงทรัพย์หรือลักพาตัวเพื่อเรียกค่าไถ่ต่างมีให้เห็นไม่น้อย”
เมื่อได้ยินซงซวี่เอ่ยเช่นนี้บรรดาคุณชายจึงพากันคล้อยตาม...
ต่างบอกว่า “ใช่แล้วข้าก็เคยได้ยินเื่ของกลุ่มคนพวกนี้เช่นกัน”“ได้ยินว่าศาลาว่าการพึ่งจะจับโจรปล้นดอกไม้เป็ไปได้สูงที่จะเป็คนในกลุ่มนี้...”
ทันใดนั้นทุกคนต่างกังวลแทนกูเหนียงจำนวนหนึ่งที่หายไปจากจวนองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทยังคงเอ่ยพลางขมวดคิ้ว“หากเป็เช่นนี้ อนุชายาของเปิ่นกง...เฮ้อ... เื่นี้ยังไม่สำคัญเท่าใดแต่หากน้องหญิงทั้งสองและน้องสะใภ้สามเป็อะไรไปเปิ่นกงจะไม่ก้าวข้ามความเสียใจได้อย่างไร?”
เฉินอ๋องเอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อรอดูพี่ใหญ่แสดงละครอย่างเอ้อระเหย
ฉินอิ่งเยว่สวมอาภรณ์เรียบร้อยแล้วทว่ายังคงสะอึกสะอื้นดังเดิม...
เฉินอ๋องชำเลืองมองนางอยู่หลายหนหลายครั้งที่เขาพยายามสบตานาง ทว่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาั้แ่ต้นจึงไม่มีโอกาสให้เขาสบตานาง
เพราะฉะนั้นเขาถึงยังคงเอ้อระเหย...
ตอนพึ่งรู้ว่านี่คือแผนการขององค์รัชทายาทเพราะในหัวยังไม่ฟื้นคืนสติเท่าใดนัก ขณะนั้นนึกเป็ห่วงหรงหว่านซีไม่น้อยทั้งยังไม่รู้ว่าจะสลายฤทธิ์ยาอย่างไรคล้ายกับกำลังตื่นตระหนกและกังวลในเวลาเดียวกัน เมื่อความรู้สึกนึกคิดหนักอึ้งฤทธิ์ยานี้กลับสลายไปอย่างรวดเร็วอยู่บ้าง ยามนี้เขามีสติครบถ้วนทุกประการจึงไม่กังวลเื่ความปลอดภัยของหรงหว่านซีแล้ว
ก่อนเข้าพิธีมงคลองค์รัชทายาทยังไม่ทำอะไรหรงหว่านซี เพราะฉะนั้นหลังแต่งงานโดยเฉพาะ่สำคัญอย่างการแย่งตำแหน่งผู้ตรวจตราดูแลเช่นนี้เขายิ่งไม่มีทางทำให้เื่นี้เกิดปัญหาใดแน่นอน
หากหรงหว่านซีกลับมาอย่างปลอดภัยหลังมอบเื่นี้ให้เป็หน้าที่จวนเ้าเมืองประจำเมืองหลวงและกรมอาญาคาดว่าคงผ่านไปอย่างสุกเอาเผากิน แต่ถ้าหรงหว่านซีไม่อาจกลับมาอย่างปลอดภัยการที่พระชายาถูกทำร้ายคือเื่ใหญ่ เสด็จพ่อจะต้องซักถามอย่างแน่นอน หากคิดจะทำอย่างสุกเอาเผากินคงไม่ง่ายถึงเพียงนั้น
ในเวลาเช่นนี้องค์รัชทายาทไม่ได้คิดจะทำอะไรหรงหว่านซีอยู่แล้วเพราะเขากลัวว่าระหว่างทางจะมีปัญหาเกิดขึ้นหากถูกเปิดโปงคงจะแพ้ราบคาบเพราะเดินหมากผิดเพียงตัวเดียว
เมื่อมั่นใจว่าหรงหว่านซีจะไม่เป็อันตรายเฉินอ๋องถึงได้นั่งเอ้อระเหยรอดูองค์รัชทายาทเล่นละคร
เพียงแต่มั่นใจแล้วว่าความเสียเปรียบอันน่ากลัดกลุ้มใจที่องค์รัชทายาทจัดเตรียมไว้หนึ่งชุดในวันนี้ต่อให้เขาไม่อยากกินก็คงต้องจำใจกลืนลงไป
เพราะแผนการสำหรับวันนี้ วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการทำเื่นี้ให้เล็กที่สุดเมื่อไปเข้าเฝ้าไทเฮา ตนแค่เล่าลำดับเหตุการณ์เป็พอเสด็จย่าคงรู้ว่าควรทำเช่นไรอย่างแน่นอน ขอเพียงเสด็จย่ารู้ว่าจะต้องทำเช่นไรหลังเสด็จพ่อทรงทราบเื่นี้ก็จะต้องเข้าพระทัยเช่นกัน
*ซานหวยหมายถึงแม่น้ำหวยหรือแม่น้ำเจียงหวยทั้งสามสาย คือหวยอัน ฉู่โจว(ปัจจุบันคือหวยอัน) และหวยหยาง