วันเดินทาง
จ้าเวยเวยและครอบครัวนั่งรถมาถึงสนามบิน สุวรรณภูมิ เพื่อมาส่งจ้าวเวยเวย
“พี่สาว เดี๋ยวฉันจะรีบตามพี่ไม่เที่ยวที่ประเทศจีนนะ” น้องสาวคนเดียวของจ้าวเวยเวย จ้าวเจินเจินจับมือพี่สาวและร้องไห้เสียใจที่ตัวเองไม่ได้ไปพร้อมพี่สาว ด้วยต้องอยู่ซ่อมวิชาเรียนที่ไม่ผ่านอยู่อีก
“เจินเจิน เราโตแล้วนะ ยังจะร้องไห้เป็เด็กอีก แล้วใครใช้ให้เธอไม่ตั้งใจเรียน”จ้าวเวยเวยว่ากล่าวน้องสาววัย15ปีของเธอ
จ้าวเจินเจินกล่าวว่า “ฉันไม่อยากแยกจากพี่นิ กว่าจะได้เจอพี่อีกก็เป็เดือนเลยนะ เราไม่เคยแยกจากกันนานขนาดนี้เลยนะ”
จ้าวเวยเวยผลักหัวน้องสาวออกไปเบาๆ"อย่ามาเวอร์ ตอนพี่ไปเรียนซัมเมอร์ตั้งหลายวัน ไม่เห็นเธอจะร้องไห้เลย"
“ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน!ฉันรู้สึกจะว่าจะไม่ได้เจอพี่อีกแล้ว แค่รู้สึกฉันก็อยากจะร้องไห้แล้ว”จ้าวเจินเจินบอกกับพี่สาว เธอรู้สึกจริงๆนะ
“โอ๋ๆ…ดูสิร้องไห้เป็เด็กเลย ทำไมจะไม่ได้เจอพี่ละ ไม่ถึงเดือนเราก็จะได้เจอกันแล้ว เธอรีบแก้วิชาที่ไม่ผ่านให้เสร็จเร็วๆนะ พี่จะได้รอพาเธอไปเที่ยว”จ้าวเวยเวยบอกน้องสาว และกอดน้องสาวเป็การปลอบใจ
“พี่ต้องสัญญานะ ว่าจะรอฉันตามไปแล้วเราไปเที่ยวกัน ฉันอยากไปเดินเล่นที่เดอะบันด์ ถ่ายรูปสวยๆ ไปดูหอไข่มุก ไปเที่ยวสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์และไปเดินช้อปปิ้งย่านถนนนานจิง”จ้าวเจินเจินไล่รายชื่อสถานที่ที่อยากไปเที่ยวกับพี่สาว
“ได้สิ เอาเราไปเที่ยวสถานที่พวกนี้ด้วยกัน”จ้าวเวยเวยรับปากน้องสาว
ทางด้านพ่อแม่ที่ได้ยินลูกสาวสองคนคุยกัน รู้สึกะเืใจและเ็ปใจเป็อย่างมาก เขมิกาและสามีอยากให้ตัวเองคิดมากไปเอง และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลูกสาวคนโต
“เวยเวย ลูกไปถึงแล้ว รีบโทรศัพท์มาบอกพ่อกับแม่ด้วยละ”เขมิกาบอกลูกสาว และยกผ้าเช็ดหน้าถึงเช็ดน้ำตา
“ไปถึงที่นู่น พอลงเครื่องแล้วหนูจะรีบโทรมาหาเลย แม่ไม่ต้องเป็ห่วงนะ” จ้าวเวยเวยบอกแม่เสียงสั่นเล็กน้อยและกอดแม่ซึมซับความอบอุ่นจากร่างกายแม่"แม่ไม่ต้องร้องไห้ไป เราคุยกันแล้วนะ หนูแค่ไปเที่ยวและอยู่เป็เพื่อนคุณย่า แค่เดือนเดียวเอง พอน้องสาวแก้วิชาเรียนเสร็จพ่อแม่ก็ต้องพาน้องสาวตามมารับหนูกลับอยู่แล้ว"
เขมิกากอดลูกสาวและบอกให้ลูกสาวรอแม่และสามีไปรับ“แม่กับพ่อของลูก เราจะรีบไปรับลูกกลับบ้านนะ ลูกต้องรอแม่ก่อนนะ”
จ้าวิโจวเข้าไปดึงตัวภรรยาออกมาจากลูกสาวและพูดกับภรรยา“ที่รัก คุณอยากทำให้ลูกกังวลสิ ลูกก็แค่ไปเที่ยวหาคุณแม่เท่านั้นเอง"
เขมิกามองสามี ก่อนจะกล่าวอย่างร้อนใจว่า"คุณค่ะ เราเปลี่ยนใจไม่ให้ลูกไปได้ไหม คุณโทรศัพท์บอกคุณแม่สิคะ!"
“ไม่เอาสิ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าลูกเราต้องเดินทางไปเซียงไฮ้เพราะอะไร คุณจำเื่ที่พระท่านทักไม่ได้แล้วเหรอ?”จ้าวิโจวกระซิบถามภรรยา เขาที่เป็พ่อใช่ว่าจะทำใจได้หากต้องสูญเสียลูกสาวไป แต่พอคิดเื่คำสาปของตระกูลแล้ว เขายอมให้ลูกจากเป็ดีกว่าจากตาย
"เวยเวย ไปถึงที่นู่นแล้ว เดี๋ยวคุณย่าจะส่งคนไปรับลูกนะ อย่าเดินไปไหนมาไหนละ เดี๋ยวจะหลงทางเอา”จ้าวิโจวบอกกับลูกสาว มือใหญ่ๆและดูอบอุ่นลูบไปตามผมยาวๆของลูกสาว
“พ่อ ฉันรู้แล้ว พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็ห่วงหนูนะ ก็แค่เดินทางไปเซี่ยงไฮ้เอง ที่นู่นมีคุณย่ากับคุณลุงค่อยดูแลอยู่แล้ว ไม่มีอันตรายอะไร"จ้าวเวยเวยกล่าวและหันไปกอดพ่อแน่ๆ
“พ่อรู้แล้ว ลูกไปอยู่ทางนั้น หากอาหารไม่ถูกปาก ลูกก็บอกคุณย่าให้บอกพ่อครัวทำอาหารไทยให้ลูกนะ”จ้าวิโจวบอกลูกสาวสุดที่รัก ที่บ้านใหญ่มีพ่อครัวทำอาหารต่างชาติเป็อยู่หลายคน
“อืม…ได้ ฉันจะบอกพวกเขาเอง รับรองไม่อดอาหารแน่นอน”จ้าวเวยเวยพยักหน้ารับปากพ่อ
“เวยเวย ลูกต้องอยากลืมกินข้าวให้ครบทุกมื้อนะ พอจัดการเื่ของน้องสาวลูกเสร็จ แม่กับพ่อจะรีบพาน้องสาวของลูก ขึ้นเครื่องบินตามไป”เขมิกาจับมือลูกสาวและบอกให้ลูกสาวกินข้าวเยอะๆ
“ได้ หนูจะกินข้าวให้เยอะๆ เวลาพ่อกับแม่มาหาจะได้เห็นหนูอ้วนขึ้นด้วย”จ้าวเวยเวยกล่าวรับปากแม่เช่นเดียวกับรับปากพ่อ
“พี่!ห้ามไปสนิทกับพวกพี่น้องคนอื่น ๆที่นู่นนะ พี่มีฉันเป็น้องสาวคนเดียว ต้องสนิทกับแค่ฉันนะ”จ้าวเจินเจินบอกพี่สาวอย่างเด็กเอาแต่ใจที่หวงพี่สาว
“รู้แล้ว เรานะ…ช่วยพี่ดูแลพ่อกับแม่ด้วยเข้าใจไหม อย่าดื้อให้มันมากนัก”จ้าวเวยวยบอกน้องสาวให้ค่อยดูแลพ่อกับแม่แทนเธอ ระหว่านที่เธอเดินทางไปประเทศจีน เพื่อไปพบคุณย่าและคุณย่าทวดที่เป็คนที่มีอำนาจมากที่สุดในตระกูลของพ่อ
ไม่นานเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินดังขึ้นอีกครั้ง จ้าวเวยเวยเข้าไปกอดอำลาทุกคนในครอบครัวอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินไปยังประตูทางขึ้นเครื่อง จ้าวเวยเวยหันกลับมามองครอบครัว ที่ยังไม่ไปไหน เธอโบกมือให้ทุกคน และมองภาพของพ่อแม่และน้องสาวเอาไว้ให้มันฝังลึกลงไปในจิตใจของเธอ
จ้าวเวยเวยก็ไม่เข้าใจทำไมเธอถึงต้องอยากจะเก็บภาพครอบครัวเอาไว้ในจิตใจมากขนาดนี้ เหมือนกับว่าเธอจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้วในชีวิตนี้
…
หลังจากที่ครอบครัวไม่เห็นร่างเล็กผอมบางของลูกสาวคนโตแล้ว แม่เขมิกาก็หันมาบอกสามีว่า"คุณค่ะ ทำไมฉันรู้สึกเศร้าจังเลย ในหัวใจก็รู้สึกเ็ปเหมือนได้เสียของรักไปแล้ว"
พ่อจ้าวดึงภรรยามากอด เขาเองก็รู้สึกแบบนั้น ตอนที่เห็นเพียงหลังของลูกสาว แต่ปากก็ปลอบภรรยาไปว่า"ลูกก็แค่ไปอยู่ประเทศจีนแค่เดือนเดียว และที่นั่นก็มีครอบครัวของผมอยู่ด้วย คุณไม่ต้องเป็ห่วงนะ อีกไม่นานเราก็จะไปรับแกกับบ้าน"
เขมิกาเช็ดน้ำตาและกล่าวว่า"ทำไมคุณย่าสายตระกูลหลักของคุณ ถึง้าให้ลูกสาวของเราไปหาด้วยค่ะ หรือว่าจะเป็เพราะคำสาปที่คุณบอกกับฉันเมื่อวาน"
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ั้แ่จำความได้พวกเราตระกูลสายรอง ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของท่านได้เลย และที่ลูกสาวเราไปครั้งนี้ เป็เพราะคำสั่งของท่าน ที่รักผมขอโทษนะ…ที่ทำให้คุณต้องแยกจากลูกสาวของเราแบบนี้”
“คุณไม่จำเป็ต้องรู้สึกผิด เมื่อวานเราคุยกันแล้วนี่ค่ะ ลูกสาวขอเราหากเธอจำเป็ต้องไปจริงๆ ฉัน…ฉันก็จะพยายามทำใจ เพื่อไม่ให้ลูกต้องเป็ห่วงกังวล”เขมิกาบอกสามี น้ำตาของความเสียใจในฐานะแม่ที่กำลังจะเสียลูกไป กลับหยุดไหลไม่ได้เลย
“พ่อแม่ เป็อะไรกันคะ”จ้าวเจินเจินหันมาถาม
“ไม่มีอะไรลูก เรากลับบ้านกัน”เขมิกาบอกลูกสาว และพากันเดินออกจากสนามบิน เขมิกาหันหลังไปมองอีกครั้ง ก่อนจะเดินตามสามีและลูกสาวคนเล็กออกไป