เขาไม่อยากมีเื่ อยากอยู่เฉยๆ เงียบๆ สักหน่อยแต่คนพวกนี้กลับมาตามระรานเขาครั้งแล้วครั้งเล่า บีบให้เขาลงมือตอบโต้
แล้วครั้งนี้ใครกัน สวีหวั่นอี๋ ตระกูลมู่ หรือว่าเทพปีกเงิน?
โดยเฉพาะสองคนแรก ที่ทรงอิทธิพลอย่างมาก หากจะตรวจสอบกันจริงๆมันก็น่าสงสัยมันทั้งหมดแหละ ท่าทางจะต้องลงมือชนิดไม่ไว้ไมตรี
ดึงคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างนั้นหรือ? ดูท่าทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้แคร์อะไรแต่แรกอยู่แล้ว!
ยอมฆ่าคนผิดสามพันคน แต่ไม่ยอมปล่อยคนเพียงคนเดียว นี่มันสไตล์พวกเขาชัดๆ
ฉู่เฟิงเร่งเดินทางไปพลาง ขบคิดไปพลางตระกูลมู่น่ะทรงอิทธิพลอย่างไม่มีข้อกังขา ต่อมาก็สวีหวั่นอี๋เธออาจจะขอหยิบยืมความช่วยเหลือจากหลินเยี่ยอวี่
ส่วนเทพปีกเงิน ถึงคนผู้นี้จะเก่งกล้าสามารถแต่เื่เส้นสายและกำลังคนกลับไม่เท่ากับสองคนนั้น
ในอกฉู่เฟิงอัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะ คนพวกนี้เหลิงจนไม่เกรงกลัวอะไรถึงกับกล้าลงมือกับพ่อแม่ของเขา แต่ไม่ว่าจะเป็ใคร มันต้องชดใช้!
ในป่าทึบ มีสัตว์ประหลาดสารพัดรูปแบบโผล่ออกมาเป็ระยะๆ
ฉู่เฟิงเองก็ฆ่าพวกสัตว์ร้ายกลายพันธุ์ไปหลายตัว เขาวิ่งตะบึงอยากไปให้ถึงเมืองซุ่นเทียนให้เร็วที่สุดตอนนี้เขาเป็ห่วงสวัสดิภาพของพ่อและแม่เป็อย่างมาก
เขตเจียงหนิง เขตวิลล่าริมทะเลสาบ
สวีหวั่นอี๋กำลังนวดไหล่ให้หลินเยี่ยอวี่พลางกระซิบกระซาบบอกบางอย่างกับเขา
หลินเยี่ยอวี่ตอบว่า “หวั่นชิงไม่อยู่แล้ว ผมเองก็เสียใจนะแต่ตอนนี้ดูแล้วทางโพธิจีนส์เหมือนจะมีพิรุธมากกว่าเป็การบุกของพวกเขายามค่ำคืนที่ทำให้หวั่นชิงตาย”
“ฉันก็เพียงแค่สงสัยฉู่เฟิงเท่านั้น อีกอย่างทั้งหวั่นชิงทั้งมู่ก็เพ่งเล็งเขาอยู่เหมือนกัน” สวีหวั่นอี๋ตอบ
เธอส่ายศีรษะ เอ่ยว่า “แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไรอย่างนั้นฉันวางมือก็ได้ คุณวางใจเถอะ”
สวีหวั่นอี๋แย้มยิ้มหยาดเยิ้ม ชม้ายชายตา ริมฝีปากแดงสดแวววาวงดงามอย่างยิ่ง
ที่จริงก็คือ ก่อนหน้านี้ไม่นาน เธอติดต่อกับตระกูลมู่แจกแจงความสงสัยของเธอจนหมดสิ้น ตัวเธอนั้นไม่อาจลงมือได้ชั่วคราวแต่ว่าทางตระกูลมู่จะทำอะไรนั้น นั่นเป็เื่ของพวกเขาแล้ว
มู่ตายไป นี่ย่อมไม่ใช่เื่เล็กๆ
ในตระกูลมู่ เขาได้รับความรักพะเน้าพะนอจากผู้าุโในตระกูลอย่างมากไม่อย่างนั้น ก็คงไม่มีใครมาเรียกขานเขาว่า “มู่” หรอก
ใน่ที่ผ่านมานี้ ตระกูลมู่ลงมือตรวจสอบแล้ว
สวีหวั่นอี๋ยิ้มหวาน เธอรอฟังผลอย่างสงบ ต่อให้ไม่เกี่ยวข้องกับฉู่เฟิงตระกูลมู่ย่อมถลกหนังเขาได้แน่
ตระกูลมู่ ต้องลงมืออย่างแน่นอน
ใน่นี้ พวกเขาเฝ้าตามติดเทพวัชระคิดจะเริ่มตรวจสอบที่มาที่ไปของหนิวเสินหวังจากเขา
เป็เพราะพวกเขากำลังสงสัยว่าหนิวเสินหวังที่สังหารมู่นั้นบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับโพธิจีนส์และอาจจะรู้จักกับเทพวัชระ
ก่อนการต่อสู้ที่เขางูขาว มู่เคยบอกคนในครอบครัวว่าเขาสูญเสียมนุษย์พิเศษไปสิบแปดคนซึ่งทั้งหมดนั้นดื่มน้ำยาสูตรใหม่ที่สามารถเพิ่มพลังได้ถึงสิบเท่า
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ มนุษย์พิเศษทั้งสิบแปดคนถูกคนเพียงคนเดียวสังหาร
ในตอนนั้น มีคนที่มีพลังความสามารถเช่นนี้และอยู่ในบริเวณนั้นเทพวัชระย่อมน่าสงสัยมากที่สุด!
หลังจากนั้นก็มีหลักฐานว่า เทพวัชระปรากฏตัวบริเวณนั้นอย่างแน่นอนกำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างเงียบเชียบ
“เทพวัชระออกมาจากเขาไท่หังซานหรือยัง?”คนของตระกูลมู่เอ่ยถาม
“ยังไม่เห็นครับ” มนุษย์พิเศษคนหนึ่งรายงาน
ผ่านไปตั้งหลายวันแล้ว เทพวัชระยังไม่ไปจากที่นั่นอีกวนเวียนอยู่แต่ในเขาไท่หังซาน อย่างกับกำลังแอบทำอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
ตระกูลมู่ส่งยอดฝีมือระดับสูงออกไปทันที สะกดรอยตาม
เทพวัชระกำลังหาใครน่ะหรือ? แน่นอนก็ไอ้วัวสองตัวนั่นไง เขาเก็บกดไฟแค้นในอกอย่างยากเย็น ต้องสืบให้รู้เื่
เขาไม่รู้เลยสักนิด ว่าต้องแบกรับความเข้าใจผิดแทนฉู่เฟิง
ตอนแรกมู่กับสวีหวั่นชิงจับมือกันส่งมนุษย์พิเศษสิบแปดคนออกไปสังหารฉู่เฟิงระหว่างทางที่จะไปพบหลินนั่วอีแต่สุดท้าย กลับเป็ฝ่ายถูกสังหารเรียบ เื่เข้าใจผิดนี้ ตกใส่เทพวัชระเต็มๆ
“่เวลานี้ อ่อนไหวเป็อย่างมาก ยังหาทางเข้าถึงเทพวัชระไม่ได้อีกทั้งเขาเองก็แกร่งอย่างมาก แม้แต่ท่านอาจารย์เฉินไห่ยังไม่อาจสังหารเขาได้ส่วนฉู่เฟิงนั่น...” คนทางตระกูลมู่ออกคำสั่งลงไป
เห็นได้ว่า เฉินไห่ผู้นี้ไม่ธรรมดา ความสามารถเรียกได้ว่าน่ากลัวแม้แต่คนตระกูลมู่ยังเคารพนบนอบและเป็เขานั่นเองที่รับผิดชอบติดตามสะกดรอยเทพวัชระ
เขาเป็ยอดฝีมือวิชาหมัดมวย ฝึกมวยสิงอี้1มานานหลายปี ยามลงมือดั่งสายฟ้า หาคู่ต่อกรได้ยากยิ่ง
“ท่านอาจารย์เฉินไห่เคยรับประทานลูกไม้วิเศษพื้นๆ ผลหนึ่งผลจากการเปลี่ยนแปลงไม่ค่อยชัดเจนหากทันทีที่พวกเราพบลูกไม้วิเศษจากต้นไม้พิสดารและนำมาให้ท่านรับประทานท่านจะต้องกลายเป็สุดยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่งอย่างแน่นอน”
นี่คือสาเหตุที่คนตระกูลมู่ให้ความสำคัญแก่เฉินไห่!
“ไปเรียกยอดฝีมือมาเพิ่มอีกหน่อย แล้วติดตามท่านอาจารย์เฉินไห่ไป”บุคคลสำคัญในตระกูลมู่ผู้หนึ่งสั่งการ
“หมัดสิงอี้ของท่านอาจารย์เฉินไห่ลึกล้ำถึงที่สุด ยากที่จะหาคู่มือแค่ไปจัดการคนธรรมดาเพียงคนเดียวยังต้องมีคนตามไปช่วยอีกหรือ?” มีคนไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าเกิดฉู่เฟิงคือหนิวเสินหวังล่ะ? เื่เกิดไม่กลัวกลัว ‘ถ้าเกิด’ เนี่ยแหละ!”
“จริง!”
...
ดึกแล้ว เปลวไฟในกองเพลิงเต้นไหว
ฉู่เฟิงนั่งอยู่กับพื้น ย่างนกอย่างอดทน มันกลายพันธุ์แล้วขนาดไม่เปลี่ยนไปสักเท่าไร แต่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก จะงอยของมันสามารถเจาะทะลวงเหล็กกล้าได้อย่างง่ายดาย
ที่นี่น่ากลัวอย่างยิ่ง นกบนเขาตัวเดียวเท่านั้นยังมีพลังทำลายล้างถึงเพียงนี้
แต่ว่าตอนนี้มันก็กลายเป็อาหารของฉู่เฟิงไปเสียแล้วถูกจับย่างเสียจนน้ำมันหยดติ๋งๆ กลิ่นหอมฟุ้ง
“รสชาติไม่เลวแฮะ” แม้แต่ตอนลิ้มรสดื่มด่ำกับอาหาร เขายังอดกังวลไม่ได้สัตว์และนกกลายพันธุ์นับวันยิ่งมากขึ้นทุกทีพวกมันสามารถสังหารมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย ต่อไปภายภาคหน้าโลกนี้จะเป็อย่างไรกันนะ?
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เขาหยิบกล่องหินออกมาส่องกับแสงจันทร์ เมล็ดพันธุ์ภายใต้ก้อนดินพิเศษยิ่งแวววาวประกายสีเขียวเรืองรอง สัญญาณแห่งชีวิตแผ่กระจายท่วมท้น
พอเปิดฝากล่อง ภายใต้ความมืดมิด แสงสีเขียวสว่างไสวแต่ความมีชีวิตชีวานั้นกลับถูกฝากล่องหินขัดขวางไว้ ไม่อาจถั่งเทออกมาได้
ทันใดนั้น ฉู่เฟิงสะบัดหน้าเงยขึ้นทันควัน เขาัับางอย่างได้รีบเก็บกล่องหิน ผนึกไอกาย แล้วมองไปทางท้องฟ้า
นกล่าเหยื่อตัวหนึ่ง ตัวกว้างหกถึงเจ็ดเมตร บินทะยานมาตามทางในเขา
นี่น่าจะเป็เหยี่ยวที่กลายเป็นกกลายพันธุ์ ปีกที่ดูเหมือนโลหะส่องแสงเย็นเยียบท่ามกลางความมืดยามราตรี ดวงตาดุร้ายจ้องมองมา
ฉู่เฟิงตะลึง ไม่ใช่เพราะเหยี่ยวตัวนี้ดุร้ายเกินรับมือแต่เพราะมันถูกทำให้เชื่องต่างหาก!
บนหลังของมันมีคนอีกสามคนและหมาตัวเล็กๆ อีกหนึ่งตัว บังคับนกได้อย่างนี้มันน่าใจริงๆ
นี่เป็ครั้งแรกที่ฉู่เฟิงเห็นคนขี่นกล่าเหยื่อ บินไปบนฟากฟ้ามันน่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ
พรึ่บ!
ชายหนุ่มร่างผอมคนหนึ่งะโลงมา ทั้งๆที่เหยี่ยวตัวนั้นยังอยู่ห่างจากพื้นร่วมหกเมตร
เสียงตึงดังขึ้น เขาลงสู่พื้นประหนึ่งหอกด้ามหนึ่งพุ่งปักลงพื้นดินยืนนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาทั้งสองส่งประกายกดดัน แม้จะค่อนข้างผอมทว่ารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลอย่างน่าใที่แฝงไว้
ิัของเขาเรืองรอง ชวนให้คนรู้สึกว่าอันตรายอย่างยิ่ง!
ฉู่เฟิงระวังตัวทันทีเขารู้สึกว่าชายหนุ่มวัยกลางคนอายุราวสามสิบปีผู้นี้อันตรายอย่างยิ่งทั้งยังป่าเถื่อนมากกว่าเหยี่ยวเสียอีก ไม่ต่างกับสัตว์ร้ายที่น่ากลัวตัวหนึ่ง
ต่อมา เหยี่ยวร่อนลงสู่พื้น หนึ่งชายหนึ่งหญิงะโลงมา
ชายหนุ่มเตี้ยอย่างยิ่ง สูงราวหนึ่งเมตรสี่สิบเิเ ใบหน้าออกสีเทา
หญิงสาวนั้นเรียกได้ว่าสวย บอบบาง สง่างาม ยามลงสู่พื้นเถาวัลย์เส้นแล้วเส้นเล่างอกขึ้นมาจากพื้น รองรับร่างของเธอไว้ตรงกลาง
“โฮ่ง!”
บนหลังเหยี่ยวยังมีสุนัขอีกตัว ตัวเล็กอย่างมาก สูงไม่เกินหนึ่งฟุตหากจมูกดีอย่างยิ่งเหมือนกับมันได้กลิ่นอะไรสักอย่างจึงเห่าใส่ฉู่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง
“ฉู่เฟิง?” หญิงสาวเอ่ยพลางยิ้ม แววตาเป็ประกายเธอเสยผม เคลื่อนตัวลงจากเถาวัลย์ด้วยท่วงท่านุ่มนวลงดงาม
ฉู่เฟิงรู้ทันที คนพวกนี้สะกดรอยตามเขามา เหยี่ยวบินเร็วอย่างยิ่งส่วนสุนัขกลายพันธุ์ตัวนั้นมีประสาทััดมกลิ่นว่องไว ตามรอยเขามาตลอดทาง
แววตาของชายวัยกลางคนมีประกายคุกคาม จับจ้องที่ฉู่เฟิงเมื่อครู่แม้จะยังอยู่ค่อนข้างห่าง ทว่าเขายังสังเกตเห็นได้ว่าในมือของฉู่เฟิงมีของบางอย่าง สีเขียววับวาว
“ส่งมา!” ชายวัยกลางคน เฉินไห่เอ่ยปากท่าทีคุกคามอย่างยิ่ง
เขาคือยอดฝีมือที่ตระกูลมู่เชิญมา ตอนแรกก็คิดแค่กำจัดฉู่เฟิงไม่ว่าเขาจะเป็หนิวเสินหวังหรือไม่ก็จัดการเสีย แต่ตอนนี้เขาสงสัยของประหลาดที่อยู่ในมือฉู่เฟิงจึงออกคำสั่งเอาดื้อๆ
“พวกคุณเป็ใคร?” ฉู่เฟิงเอ่ยปากถามเขาอยากรู้ที่มาที่ไปของคนพวกนี้
มีคนคิดลงมือกับพ่อและแม่ของเขาอย่างไรก็ต้องเป็คนที่อยู่เื้ัของสามคนนี้แหละ
“ฟึ่บ!”
ชายหนุ่มคนที่สูงราวเมตรห้าสิบ ใบหน้าสีเทาพลันหายตัวไปเขาลงมือใส่ฉู่เฟิงทันที
“หือ?!” ฉู่เฟิงถึงกับตะลึงอันตรายอยู่แทบเท้านี่เอง
เสียงตึงดังขึ้นพร้อมกับที่เขาะโ พื้นหินที่ยืนอยู่แต่แรกพลันแยกออกใบมีดแหลมคมแทงขึ้นมา หากไม่หลบล่ะก็ ฝ่าเท้าเป็โดนเฉือนขาดอย่างแน่นอน
สิ่งนี้ทำให้ฉู่เฟิงตะลึง ที่แท้คนผู้นี้มุดดินได้
ตึง!
เขาหลบอีกครั้ง บนพื้นที่ยืนอยู่ตอนแรกมีใบมีดแทงขึ้นมา ดินหินแตกกระจายป้องกันได้ไม่หมด
ฉู่เฟิงมีสีหน้าประหลาดใจ คนผู้นี้รูปร่างเตี้ย สามารถมุดดินได้แทบจะไม่ต่างกันกับถู่สิงซุนในตำนานเลย ความสามารถเดียวกันเป๊ะ
โครม!
พอครั้งที่สาม ฉู่เฟิงไม่หลบ แต่กลับกระทืบเท้าอย่างแรงกำลังของเขามหาศาลไม่มีใครเทียบ สามารถทลายหินั์หนักห้าตันได้เมื่อครู่พื้นดินตรงนี้ถึงกับแตกกระจาย
เขากำหมัด คิดจะชกใส่เ้า ‘ถู่สิงซุน’ ผู้นี้
แต่แล้ว ใต้ดินกลับไม่มีโพรงหลุมชายหนุ่มร่างแคระผู้นั้นเหมือนกับว่าสามารถหลอมตัวเองเข้าไปในดินไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง
เหมือนถู่สิงซุนจริงๆ ให้ตายสิ!
“น่าสนนี่ ในตัวนายมีของแปลกๆ จริงๆ ด้วย” เฉินไห่ชายหนุ่มวัยกลางคนผู้มีร่างผอมหากเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายอันตรายเอ่ยปากเขายืนเอามือไพล่หลัง แววตากดดัน รอยยิ้มเ็า
เขาเป็ยอดฝีมือเพลงมวย ฝึกฝนมวยสิงอี้จนเข้าถึง “แก่นแท้”เมื่อมีลูกไม้พิเศษแบบธรรมดามาช่วยเสริม ความสามารถของเขาก้าวหน้าอย่างน่ากลัว
ถึงแม้ว่าวาสนาจะไม่ดีเท่ากับเทพวัชระ หรือเทพปีกเงินไม่ได้กินลูกไม้วิเศษจากต้นไม้พิสดาร แต่ในด้านความสามารถแล้วไม่ด้อยกว่าแม้แต่นิด
ถ้าหากว่าเขาได้กินลูกไม้จากต้นไม้พิสดารล่ะก็พลังความสามารถย่อมร้ายกาจอย่างไม่มีอะไรเทียบได้เป็ยอดฝีมืออันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!
ตระกูลมู่เคยให้คำยืนยันต่อเขาว่าจะรวบรวมลูกไม้พิเศษที่ให้ประสิทธิภาพสูงส่งแก่เขาเพื่อจะช่วยให้เขาได้กลายเป็ที่หนึ่งแห่งสุดยอดฝีมือ
“เอาของที่เก็บไว้ออกมา แล้วฉันจะไม่ให้นายทรมาน!” เฉินไห่เอ่ยอย่างเ็าเขารู้สึกว่า ฉู่เฟิงมีของที่เขาอยากได้
นี่คือสัญชาตญาณที่เกิดขึ้นหลังจากฝึกวิชามวยจนถึงที่สุดแล้ววัตถุประหลาดนั่นต้องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง แม้จะเห็นแค่เพียงแวบเดียวแต่กลับทำให้เขาใจเต้นได้
“อย่ามาทำไขสือ!” เฉินไห่จ้องฉู่เฟิงเขม็ง
เสียงติ๊งดังขึ้น โล่อันหนึ่งผุดขึ้นมาจากแขนของเขาแล้วไหลเลื่อนลงสู่มือคนผู้นี้ ไม่เพียงความสามารถสูงส่ง หากยังระวังตัวแจอีกด้วย
ต่อให้เป็หนิวเสินหวัง เขาก็ไม่เกรงกลัวเพราะนี่คือโลหะผสมพิเศษที่ตระกูลมู่ค้นคว้าขึ้นมา ทนทานอย่างยิ่งสามารถป้องกันะุปืนใหญ่ได้ รวมไปถึงสามารถป้องกันลูกศรได้ด้วย
*****************
1 มวยสิงอี้形意拳 เป็หนึ่งในสี่สุดยอดมวยจีนให้ความสำคัญแก่การฝึกจิตสำนึกและรูปลักษณ์ ลักษณะของมวยสิงอี้คือการโจมตีเป็เส้นตรงอย่างรุนแรงและทรงพลังในระยะสั้น(สี่สุดยอดมวยจีน ได้แก่ หมัดไท่จี๋ หมัดปากว้า หมัดสิงอี้ และหมัดเส้าหลิน)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้