เื่ที่เทียนอู่ฮ่องเต้ได้สร้างบุญคุณไปพร้อมกับบีบบังคับตระกูลฉีนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ทุกฝ่ายในราชสำนักให้ความสนใจแล้ว แต่เื่ราวก็ได้กระจายไปทั่วทุกที่จนก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดอีกด้วย
นอกจากเซี่ยเสี่ยวหม่านแล้วไม่มีผู้ใดทราบว่าเื่ทั้งหมดนี้เป็แผนที่จวินจิ่วเฉินคิดออกมา
ในขณะที่ทั่วทั้งเมืองเกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือด จวินจิ่วเฉินไม่ได้กลับเข้ามาในตัวเมือง แต่หลบซ่อนตัวอยู่ในวัดต้าฉือด้วยความสงบ ถ้าพูดให้ถูกก็คือหลังจากที่เขาออกมาจากหุบเขาเถาเยาในวันนั้นเขาก็มาที่วัดต้าฉือทันที
ชายหนุ่มเปลี่ยนมาเป็ชุดจิ้นจวงสีดำระยะหนึ่งแล้ว นอกจากนี้เขายังได้สวมใส่เสื้อตัวยาวสีพระจันทร์ที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก บวกกับมัดผมสีดำครึ่งหนึ่ง แม้ว่าจะดูเ็าน้อยลงกว่าปกติ ทว่าก็ยังคงให้ความรู้สึกเหินห่าง
เหล่าพระภิกษุภายในวัดได้ทำวัตรเย็นเรียบร้อยแล้ว ภายในห้องโถงใหญ่มีแสงเทียนสว่างไสว ภายนอกห้องโถงใหญ่เงียบสงัดจนเหลือแค่เสียงร้องของเหล่าแมลง
จวินจิ่วเฉินไม่ได้นั่งอยู่ตรงขั้นบันได แต่นั่งอยู่บนมุมหลังคาห้องโถง เขาเหม่อมองท้องฟ้าในยามราตรีด้วยสีหน้าสงบนิ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วยความใจลอย
ในขณะนี้เองที่ด้านหลังห้องโถงใหญ่ก็มีสามเณรน้อยอยู่หนึ่งคน เขามีนามว่าเนี่ยนเฉิน สามเณรน้อยปีนขึ้นขั้นบันไดยาวที่ทำจากไม้ไผ่ เด็กน้อยราวกับหอยทากน้อยที่ปีนขึ้นไปอย่างช้าๆ
ผ่านไปสักพักเขาก็ปีนมาถึงบนหลังคา เขาไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่ปีนขึ้นไปนั่งอยู่ข้างกายจวินจิ่วเฉิน เด็กน้อยลูบไปที่ศีรษะโล้นของตนเองพลางพึมพำออกมา “หนาวนิดหน่อยนะเนี่ย! ”
จวินจิ่วเฉินจึงหันไปมองพลางััไปที่ศีรษะโล้นของสามเณรน้อย ดูเหมือนว่าเขา้าจะพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พูดออกมา ชายหนุ่มหันหน้ากลับไปมองดวงดาวบนฟากฟ้า ก่อนจะแตะไปที่ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพักแล้วสามเณรน้อยก็ปีนออกไปอย่างเงียบเชียบ จวินจิ่วเฉินนั่งคิดอยู่ที่เดิม สำหรับเื่ที่เขากำลังคิดอยู่ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น จวินจิ่วเฉินออกจากวัดต้าฉือแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้กลับไปที่เมืองจิ้นหยางและไม่ได้ไปตามจับไป๋หลี่ิชวนต่อ เขาทราบดีว่าหากจับกุมภายในหุบเขาเถาเยาไม่ได้แล้ว มันก็ยากที่จะจับได้อีกครั้ง
เื่ที่เขาต้องไปทำเป็เื่ที่สำคัญยิ่งกว่า บนบ่าของเขามีภารกิจที่แบกรับเอาไว้อยู่ เขาจะอยู่ภายในเมืองจิ้นหยางทั้งวันได้อย่างไร? ฟู่หวงเร่งรัดเขาแล้ว
ภายในจิ้งหวางฝู่ กูเฟยเยี่ยนเฝ้ารอจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยมาโดยตลอด
หญิงสาวคิดว่าแม้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจะไม่กังวลเื่ที่ตัวนางถูกจี้ชิงตัวไป แต่ในตอนนี้นางได้รับการช่วยเหลือแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยควรที่จะปลอบขวัญนางหน่อยสิ? นาง้าใช้โอกาสนี้ในการพูดถึงเื่ของนายก้อนน้ำแข็งเหม็น
น่าเสียดายที่กูเฟยเยี่ยนต้องผิดหวัง นางรอมาสามวันก็ยังไม่ได้พบกับจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
เช้าวันที่สี่เซี่ยเสี่ยวหม่านมาพบนางเพื่อพากันออกไปดูความครึกครื้นของตระกูลฉี นางจึงใช้โอกาสนี้ถามว่า “เตี้ยนเซี่ยไปไล่จับไป๋หลี่ิชวนแล้วหรือ? ”
อันที่จริงเซี่ยเสี่ยวหม่านไม่ทราบว่าเ้านายของตนเองไปไหน เขาหัวเราะออกมาโดยไม่ตอบคำถาม
กูเฟยเยี่ยนมองบนใส่เขาด้วยความี้เีจะถามต่อ ทันทีที่ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูก็ได้พบกับเฉิงอี้เฟยที่รออยู่หน้าทางเข้าหลักแล้ว
“แพทย์หญิงตัวน้อย ไปกัน เปิ่นเจียงจวินจะพาเ้าไปดูความสนุกสนานเอง! ”เฉิงอี้เฟยหัวเราะอย่างไร้ปรานี
กูเฟยเยี่ยนก็มีเื่ที่จะต้องพูดคุยกับเฉิงอี้เฟย ดังนั้นนางจึงทิ้งเซี่ยเสี่ยวหม่านไว้แล้วไปพร้อมกับเฉิงอี้เฟย ใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหม่านในยามนี้ถึงกับมีความหม่นหมองลงแล้ว
เฉิงอี้เฟยพากูเฟยเยี่ยนมาที่หอสุราแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าต่างอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นหน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์องค์หญิงหวายหนิงพอดิบพอดี เมื่อพวกเขามาถึง กลุ่มคนที่มารับเกี้ยวเ้าสาวก็มาถึงพอดี ตระกูลฉีนับได้ว่ายังเห็นแก่หน้าของราชวงศ์อยู่บ้างเพราะขบวนรับเกี้ยวเ้าสาวไม่เล็กเลย ฉีอวี้ไม่รู้เป็บ้าอะไรเพราะเขาสวมใส่เครื่องแบบทางการทหารและเสื้อเกราะมารับตัวเ้าสาว โดยที่เขาเพียงแค่ห้อยผ้าไหมสีแดงไว้บนร่างกายเท่านั้น
กูเฟยเยี่ยนกับเฉิงอี้เฟยเกาะขอบหน้าต่างโดยเห็นทุกอย่างชัดเจนมาก
เมื่อเห็นฉีอวี้ลงจากม้าแล้วเข้าไปอุ้มเ้าสาวภายในจวน เฉิงอี้เฟยจึงไปเทสุรามาสามแก้วพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงหัวเราะ “แพทย์หญิงตัวน้อย มาๆ เปิ่นเจียงจวินคารวะเ้า”
หลังจากที่เขาเอ่ยจบก็ดื่มสุราสามแก้วนั้นหมดเกลี้ยงโดยไม่รอให้กูเฟยเยี่ยนได้พูดอะไร
ใบหน้าของกูเฟยเยี่ยนเกิดความสงสัย “เ้าทำอะไร? เ้ากระเพาะไม่ดีแล้วยังดื่มเช่นนี้อีก รนหาที่ตาย! ”
เฉิงอี้เฟยลูบปลายจมูกพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “แสดงความยินดีกับเ้าอย่างเป็ทางการยังไงเล่า! ”
ดูเหมือนกูเฟยเยี่ยนจะเดาได้แล้วว่าเขาจะพูดอะไรต่อ นางจึงรีบเปลี่ยนเื่ทันที “มีข่าวอะไรของไป๋หลี่ิชวนหรือไม่? มีเบาะแสของชายชุดดำที่สวมใส่หน้ากากแล้วหรือยัง? ”
“ไป๋หลี่ิชวนคงจะจับไม่ได้แล้ว ส่วนชายชุดดำที่สวมใส่หน้ากากคนนั้นน่าจะเป็คนคุ้นเคย! ”
เฉิงอี้เฟยตอบครบหมดแล้วก็พูดคุยหัวข้อของตนเองต่อ “แพทย์หญิงตัวน้อย วันนี้เป็วันดี เปิ่นเจียงจวินอยากจะ…”
กูเฟยเยี่ยนขัดจังหวะอีกครั้ง “หากเป็คนคุ้นเคยแล้วจะเป็ใครกัน? ช่วยเ้าขนาดนี้เชียว? ”
เฉิงอี้เฟยไม่พูดไม่จาแล้วแต่จ้องมองไปที่กูเฟยเยี่ยน ดวงตาแวววาวงดงามคู่นั้นแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่ตกอยู่ภายใต้การบังคับ
กูเฟยเยี่ยนบดบังสายตาของเขาพลันหันไปมองนอกหน้าต่าง ใน่เวลานี้ฉีอวี้ได้อุ้มองค์หญิงหวายหนิงออกมาแล้วพาไปที่เกี้ยวพระที่นั่ง
กูเฟยเยี่ยนรีบเอ่ยขึ้นมา “จะหามเกี้ยวเ้าสาวเเล้ว ดูเร็ว! ”
เฉิงอี้เฟยไม่มีความสนอกสนใจเลยสักนิด เขาหยุดยิ้มพลางนำต่างหูคู่หนึ่งออกมายื่นให้กับกูเฟยเยี่ยนแล้วเอ่ยด้วยความจริงจัง “กูเฟยเยี่ยน เป็ผู้หญิงของข้าเถอะ! ข้าจริงจังนะ นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษตระกูลเฉิงจะมอบให้แก่ลูกสะใภ้เท่านั้น”
กูเฟยเยี่ยนไม่คุ้นชินกับท่าทีเอาจริงเอาจังของเฉิงอี้เฟยมากๆ นางยิ้มออกมาด้วยความอึดอัด “พอได้แล้ว เลิกล้อเล่นได้แล้ว”
เฉิงอี้เฟยยังคงจริงจัง “เ้าก็รู้ว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น”
กูเฟยเยี่ยนหยุดยิ้มเช่นกัน “ข้าทำได้เพียงคิดว่าเ้าล้อเล่นและข้าไม่ชอบการล้อเล่นเช่นนี้ ท่านแม่ทัพเฉิง! ”
หลังจากที่นางเอ่ยจบก็หันหลังเดินออกไป เดิมทีนาง้าพูดคุยกับเฉิงอี้เฟยถึงเื่ของนายก้อนน้ำแข็งเหม็น แต่บัดนี้ดูจากท่าทีจริงจังของเฉิงอี้เฟยแล้วไม่สามารถพูดคุยต่อไปได้อีก! ก็ดี ใช้โอกาสทำให้เฉิงอี้เฟยรับรู้ทัศนคติของนางไปเลย
หลังจากที่นางพูดจบก็เปิดประตูออกไป
เฉิงอี้เฟยรีบไล่ตามออกไปถามทันที “แพทย์หญิงตัวน้อย คนที่เ้าชอบคือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย? ”
คำว่า “ชอบ” ของเขาเห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากคำว่า “ชอบ” ที่กูเฟยเยี่ยนมักจะพูดออกมา กูเฟยเยี่ยนใมากจึงกล่าวตำหนิทันที “เ้าอย่ามาพูดจาเหลวไหล! ”
เฉิงอี้เฟยมีความสุขเหลือเกิน “แพทย์หญิงตัวน้อย หากคนที่เ้าชอบคือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เปิ่นเจียงจวินจะยอมแพ้ แต่ถ้าหากเป็คนอื่น เปิ่นเจียงจวินจะไม่ยอมถอยแน่! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ทราบว่าควรที่จะตอบเยี่ยงไรดี ทว่าจู่ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ข้าชอบองค์ชายแปด! ”
องค์ชายแปด?
เฉิงอี้เฟยประหลาดใจมาก วินาทีนั้นสติได้หลุดลอยออกไป
กูเฟยเยี่ยนฉวยโอกาสนี้ในการหลบหนี นางรีบวิ่งออกไปที่หน้าประตูหอสุราแต่ก็ได้ปะทะเข้ากับกลุ่มคนที่มารับเ้าสาว โชคดีที่นางหยุดได้ทัน
แต่โชคไม่ดีที่ฉีอวี้หันมาเห็นนางพอดิบพอดี ั์ตาอาฆาตแค้นของฉีอวี้รุนแรงจนยากเกินกว่าจะพรรณนาออกมาได้
ทว่ากูเฟยเยี่ยนส่งยิ้มกลับไปอย่างไม่หลบซ่อน ก่อนจะทำท่าทางแสดงความยินดี ขบวนรับตัวเ้าสาวยังเดินไม่จบ นางก็เดินหนีไปอีกทางเพราะกลัวว่าเฉิงอี้เฟยจะไล่ตามมา
กูเฟยเยี่ยนกลับมาที่ตระกูลอีกครั้งเพื่อ้าสืบเื่ราวการจมน้ำของร่างเดิมตอนอายุแปดปี แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็ประโยชน์ใดๆ ตรงกันข้ามกลับถูกชายชรารองของตระกูลกูเซ้าซี้อยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนางกลับมาถึงจิ้งหวางฝู่ ท้องฟ้าก็มืดมิดลงเสียแล้ว
หญิงสาวเห็นว่าเซี่ยเสี่ยวหม่านกำลังยืนพูดคุยกับเหมยกงกงที่มาจากพระราชวัง
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งพลันคิดอยากจะหลบหลีก แต่ใครจะไปทราบว่าเหมยกงกงสังเกตเห็นนางมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว “แพทย์หญิงกูช้าก่อน ข้าพเ้าคอยเ้ามานานมากแล้ว! ”
คอยนาง? กูเฟยเยี่ยนใมาก
เหมยกงกงเดินเข้ามาพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าาทรงมีรับสั่งเชื้อเชิญแพทย์หญิงกูให้เข้าไปในพระราชวังเพื่อถกถาม แพทย์หญิงกู เชิญ”