ชิงซีดึงกระบี่ออกจากฝัก จูเหยาตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว
“เ้าเพิกเฉยกิจการในสำนัก อีกทั้งยังตามใจหญิงชั่วผู้นี้จนนางละเมิดกฎของสำนักและทำผิดพลาดครั้งใหญ่ จูเหยาเ้ารู้ความผิดของตนเองแล้วหรือยัง?”
จูเหยายอมจำนน “ข้ารู้ตัวดีว่าทำผิดพลาด อาจารย์อาโปรดลงโทษศิษย์ด้วย”
นั่นคือสิ่งที่ชิงซีกำลังรออยู่ นางรีบตอบทันทีว่า “โจวยี่เพิกเฉยและละเมิดกฎของสำนักจนทำผิดพลาดครั้งใหญ่ วันนี้เ้าจะถูกไล่ออกจากสำนักชิงซาน”
โจวยี่โขกศีรษะ “อาจารย์อาโปรดระงับโทสะ ท่านอาจหลงลืมไปแล้วว่าการขับไล่ศิษย์ออกจากสำนักต้องมาจากการตัดสินใจของเ้าสำนักเสมอ”
น้ำเสียงของนางเปี่ยมไปด้วยความไม่เต็มใจและความโกรธเกรี้ยวอย่างถึงที่สุด
ชิงซีไม่สนใจนางและกล่าวว่า “จูเหยา เ้ามีข้อโต้แย้งหรือไม่?”
เ้าสำนักหนุ่มกล่าวว่า “ศิษย์ไม่มีข้อโต้แย้ง”
ชิงซีพยักหน้าด้วยท่าทีเกียจคร้าน “เช่นนั้นโจวยี่เ้าออกไปซะ หลังจากนี้เ้าจะไม่สามารถอ้างชื่อสำนักชิงซานได้อีก”
โจวยี่เหมือนจะหมดเรี่ยวแรงในทันที นางนั่งลงกับพื้นและอ้อนวอนจูเหยาที่อยู่ด้านข้าง
“ศิษย์พี่ ท่านจะเพิกเฉยต่อข้าเช่นนี้หรือ? ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านเป็เ้าสำนัก?”
จูเหยากล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์น้อง จากนี้ไปเ้าอย่าได้มาที่สำนักชิงซานอีก”
เสียงของเขาแ่เบา แต่กระแทกใจของโจวยี่อย่างรุนแรง
นางเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ั้แ่เมื่อไหร่กัน?
แม้แต่ในวังหลวงที่ไร้ก้นบึ้ง นางก็ยังเป็สนมผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ภายใต้คนผู้เดียวแต่เหนือคนนับหมื่น ตอนนี้ความเกลียดชังในใจของนางเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว นางกล่าวอย่างเ็าว่า
“จูเหยา แล้วเ้าจะเสียใจ”
หลังจากพูดจบ นางก็กำลังจะลุกขึ้นและเตรียมจะจากไปโดยไม่คิดหันหลังกลับ
แต่ในขณะนั้นชิงซีได้ตวัดกระบี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นโจวยี่ก็ตระหนักว่าเส้นลมปราณทั้งหมดของนางถูกตัดขาด นางอุทานเสียงต่ำ “อาจารย์อา ท่าน…”
ชิงซียังคงสงบนิ่งและกล่าวว่า “ใครคืออาจารย์อาของเ้า? เ้ายังคิดว่าเ้าเป็ศิษย์ของสำนักชิงซานอยู่อีกหรือ? ตื่นได้แล้วโจวยี่”
หลังจากพูดจบ ชิงซีก็โบกมือซ้ายเบาๆ เพื่อไล่โจวยี่ออกจากที่นี่
จูเหยาทำได้เพียงจ้องมองโดยไม่กล้าแสดงความโกรธออกมาแม้แต่น้อย
หลังจากโจวยี่จากไป จูเหยาก็กล่าวเบาๆ ว่า “อาจารย์อา อย่างไรเสียโจวยี่ก็เติบโตมาในสำนัก ได้โปรดเมตตานางสักครั้ง ข้าขอให้อาจารย์อาเมตตานางด้วย”
ชิงซีไม่ได้ขัดจังหวะและปล่อยให้เขาพูดจนจบ จากนั้นนางก็กล่าวอย่างใจเย็นว่า
“เข้าใจแล้ว เ้าคิดอย่างไรกับคำขอของข้า?”
จูเหยากล่าวว่า “ศิษย์โง่เขลา ข้าเกรงว่าจะสอนคนที่อาจารย์อาฝากฝังไม่ได้”
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังจะปฏิเสธ สีหน้าของชิงซีมืดลงทันที นางกล่าวอย่างเ็าว่า
“เ้ากับอวิ๋นเซียวเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องกันไม่ใช่หรือ? เ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์ที่ข้า้าให้เ้าสอนคือบุตรีของอวิ๋นเซียว!”
สีหน้าของจูเหยาเปลี่ยนไป เขาถามว่า “โจวยี่รู้เื่นี้หรือไม่?”
ชิงซีกล่าวว่า “บางทีนางอาจยังไม่รู้ ข้าทำทุกอย่างก็เพื่อประโยชน์ของตัวเ้าเอง นางเป็บุตรีคนเดียวของอวิ๋นเซียว ข้าไม่้าให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นทั้งกับเ้าและนาง ข้ายังมีเื่ติดค้างอวิ๋นเซียวและเ้าย่อมรู้เื่นี้ดี ข้าจะส่งตัวนางมาหาเ้าในอีกไม่กี่วัน แต่เ้าต้องสัญญาว่าโจวยี่ต้องไม่รู้เื่นี้ เ้ารับปากได้หรือไม่?”
หลังจากจูเหยาได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าน้ำหนักของอวิ๋นเซียวในใจเขายังมากกว่าอาจารย์อาด้วยซ้ำ การที่สามารถทำอะไรบางอย่างเพื่ออวิ๋นเซียวได้ถือเป็การเติมเต็มความปรารถนาอย่างหนึ่งของเขา ส่วนโจวยี่จะเข้าใจหรือไม่ย่อมไม่สำคัญ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กล่าวว่า “ศิษย์จะเชื่อฟังคำสั่งของอาจารย์อา”
หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันได้สักพัก ชิงซีก็เสนอว่าควรทดสอบความสามารถของศิษย์ในสำนัก จูเหยาจึงสั่งให้ศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันทันที
เป็เวลาสี่พันปีมาแล้วที่ชิงซีก่อตั้งสำนักชิงซานขึ้นมา หากพูดถึงวิชากระบี่ของสำนักชิงซานนางย่อมเชี่ยวชาญที่สุด และเมื่อรวมกับสติปัญญาที่อยู่ในระดับเทพของนาง ทักษะกระบี่ของชิงซีจึงเหนือกว่าระดับปรมาจารย์ไปไกลแล้ว
ชิงซียืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน กระบี่ของนางสะท้อนแสงเป็ประกายแวววับ ชายเสื้อที่โบกสะบัดไปตามสายลมทำให้นางดูงดงามราวกับเทพธิดาจากสรวง์
เมื่อศิษย์ของสำนักชิงซานได้ัักับกลิ่นอายที่แข็งแกร่งของนาง ร่างกายของทุกคนก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เมื่อชิงซียกกระบี่ขึ้น ศิษย์กว่าครึ่งต่างล้มลงกับพื้นและกรีดร้องอย่างน่าสังเวช
ชิงซีมองไปที่จูเหยาด้วยความไม่พอใจและกล่าวว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เ้าไม่ไปร่วมงานชุมนุมกระบี่ที่สำนักฮั่วซาน ศิษย์ของเ้าย่ำแย่เหลือเกิน”
ชิงซีชำเลืองมองไปยังศิษย์ซึ่งเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียวและตวัดกระบี่ช้าๆ
เจตจำนงกระบี่ของนางจู่โจมเข้าหาจิติญญาของทุกคนโดยตรง ในบรรดาศิษย์ของสำนักชิงซานที่ยืนอยู่หน้าห้องโถง ผู้ที่จิตใจไม่แข็งแกร่งพอล้วนล้มลงด้วยความหวาดกลัวทันที
ตอนนี้มีศิษย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่อย่างมั่นคง
ชิงซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ผู้ที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้จะต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เ้าชื่ออะไร?”
ชายหนุ่มชุดขาวประสานมือและกล่าวว่า “ศิษย์มีนามว่าหยางเจิ้น ปรมาจารย์โปรดชี้แนะ”
ชิงซีจู่โจมอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้นี้รับการโจมตีของนางได้ไม่ถึงสามกระบวนท่าก็พ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ชิงซีไม่พอใจมาก สำนักชิงซานอ่อนแอยิ่งกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก
ชายหนุ่มชื่อหยางเจิ้นก้าวถอยหลังไปสามก้าวด้วยความอับอาย
ชิงซีมองจูเหยาและกล่าวอย่างเ็าว่า “จูเหยา ถึงตาเ้าแล้ว”
เ้าสำนักชิงซานทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้า เจตจำนงกระบี่ที่เย็นเยียบของอาจารย์อาทำให้เขาไม่กล้าประมาท
“เคร้ง!”
เสียงกระบี่ปะทะกันดังขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในเวลาเพียงชั่วพริบตากระบี่ของเ้าสำนักชิงซานก็กระเด็นออกจากมือ
รอบตัวพวกเขามีแต่ความเงียบงัน
ปรมาจารย์คนนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง! ทักษะระดับปรมาจารย์ของชิงซีทำให้ศิษย์จำนวนมากแปลกใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อต่อสู้ด้วยกระบี่ สิ่งสำคัญที่สุดคือห้ามให้กระบี่หลุดมือ
จูเหยารู้สึกวิงเวียนราวกับปฐีพลิกกลับ ทุกสิ่งเหมือนตกอยู่ในความฝัน ตอนแรกตัวเขาในฐานะเ้าสำนักลังเลที่จะแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา เพราะเขาคิดว่าต่อให้อาจารย์อาเก่งแค่ไหนก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้
แต่ตอนนี้จูเหยากลับรู้สึกตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด ต่อหน้าศิษย์มากมายเช่นนี้เขาไม่รู้จะรักษาหน้าตัวเองเอาไว้ได้อย่างไร
ความเงียบดำเนินไปชั่วขณะ
ในที่สุดจูเหยาก็แสดงความเคารพและกล่าวว่า “ขอบคุณอาจารย์อาที่ชี้แนะ”
ในเวลานี้เหล่าศิษย์ต่างพากันโห่ร้อง พวกเขาแสดงการต้อนรับอย่างอบอุ่นและให้ความเคารพอย่างสูงต่อปรมาจารย์ลึกลับคนนี้
ศิษย์ที่กล้าหาญบางคนกระซิบกระซาบกันว่าหากปรมาจารย์คนนี้พาพวกเขาไปงานชุมนุมกระบี่ที่สำนักฮั่วซาน พวกเขาย่อมต้องพบเจอกับ่เวลาแห่งความอิ่มเอมใจอย่างแน่นอน
การต่อสู้ครั้งนี้ชิงซีได้รับชัยชนะอย่างงดงาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้