ทั้งสองบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงแค่ระดับวงแหวนเล็กขั้นสามจึงทำได้เพียงโอ้อวดลับหลัง ดังนั้นเมื่อเห็นหยวนจุนยืนอยู่ด้านหลังเช่นนี้ แม้พวกเขาอยากจะหนีก็หนีไม่ทันเสียแล้ว เพราะถ้าหากหยวนจุนลงมือขึ้นมาจริงๆ พวกเขาคงได้แต่ถูกทรมาน
เคราะห์ดีที่หยวนจุนมิได้สนใจ เขาเดินผ่านนักยุทธ์พวกนั้นไปยังโถงรับแขกพิเศษที่อยู่ชั้นสามของโรงประมูล ส่วนเสี่ยวเมิ่งนั้น ขณะเดินผ่านนางได้ส่งสายตาออกไปเป็นัยว่าหมายจะเอาชีวิต หากพวกเขากล่าวสิ่งใดออกมามากเกินไป
กระทั่งหยวนจุนและเสี่ยวเมิ่งเดินจากไป ทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่แล้วกล่าวว่า “หญิงชุดดำที่ถูกกล่าวถึง...เป็นางใช่หรือไม่?”
“สตรีผู้นี้แผ่รังสีเยือกเย็นออกมาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า แม้จะคลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งจนทำให้ยากที่จะเห็นใบหน้าอย่างชัดเจน แต่เมื่อได้มองสายตาคู่นั้นของนางแล้ว ทำให้ข้าก้าวขาแทบไม่ออกเลย”
“มิน่าหยวนจุนถึงเลือกอย่างหลัง ที่แท้เมืองเทียนอวิ่นของเรายังมีหญิงงามเ้าอารมณ์อยู่อีกคนหนึ่งนี่เอง”
ทุกคนส่งเสียงอุทานออกมาเพราะรู้สึกว่าหยวนจุนเป็ผู้ที่มีสายตาแหลมคมเสียจริง รอบตัวเขานั้นมีแต่หญิงงาม ซึ่งหากเปลี่ยนเป็พวกเขา แค่ได้อยู่กับหญิงงามเพียงหนึ่งวัน ต่อให้เสียอายุขัยไปสิบปีเขาก็ยอม
หลังจากเข้าไปในส่วนสำหรับแขกพิเศษที่อยู่ชั้นสามแล้ว หยวนจุนกับเสี่ยวเมิ่งก็มองหาที่นั่ง ไม่นานการประมูลที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มขึ้น
หยวนจุนรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังจึงหันศีรษะไปแล้วเหลือบมอง ก่อนจะเห็นว่าผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังเป็ชายชราอายุประมาณห้าสิบกว่า และมีปานแดงขนาดเท่าเล็บมืออยู่ที่มุมขวาของดวงตา
เมื่อสบตากับหยวนจุน หางตาของชายชราก็กระตุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“เขาคือเจียงชาง เป็พ่อบ้านของตระกูลเจียง เพิ่งบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงเพียงระดับวงแหวนเล็กขั้นหก เ้าไม่จำเป็ต้องกังวล เพราะหากกล่าวตามจริงแล้ว เขามิได้แข็งแกร่งไปกว่าพ่อบ้านสวีจิ้งของตระกูลหลิวเท่าไร”
เสี่ยวเมิ่งเหลือบไปมองเจียงชาง นางมิได้สนใจอะไรก่อนจะค่อยๆ หันหน้ากลับมา
“เหอะเหอะ ช่างคึกคักเสียจริง หากข้าเดาไม่ผิดละก็ ผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าคงเป็เด็กหนุ่มที่ถูกตระกูลหลิวเขี่ยทิ้งสินะ”
เพียงไม่นาน หยวนจุนก็ได้ยินเสียงเข้มที่ดังมาจากด้านหลังอีกครั้ง เขาััได้ว่าคนผู้นั้นบ่มเพาะพลังยุทธ์ถึงขั้นระดับจันทราวงแหวนใหญ่ขั้นหนึ่ง!
เมื่อคนผู้นี้มาถึง เจียงชางรีบลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อให้เขานั่งแทน ก่อนจะไปยืนอย่างสงบนิ่งอยู่ที่ด้านหลัง
“เมื่อเทียบกับเจียงชางแล้ว คนผู้นี้นั้นไม่ธรรมดา เขาคือเจียงเทียนมิ่ง ซึ่งเป็ปู่แท้ๆ ของเจียงเฮ่อ ข้าได้ยินว่าเขานั้นเกือบจะเป็ลมเมื่อรู้ว่าเจียงเฮ่อจากไป นี่แสดงให้เห็นว่าเขารักหลานชายผู้นี้มากเพียงใด”
“ตระกูลเจียงตัดสินไปแล้วว่าเราฆ่าเจียงเฮ่อ ไม่ช้าก็เร็วปัญหาจะต้องตามมาอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ข้าเองก็มิได้อยากยืมมือของโรงประมูลมาเพื่อแก้ปัญหานี้เท่าไรหรอก”
หยวนจุนพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะจดจ่อไปกับการประมูล ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็โอกาสอันดี เพราะวันนี้ที่โรงประมูลบังเอิญมีการนำหยดิญญาจงหยวนที่เขา้าออกมาประมูลด้วย!
หยดิญญาจงหยวนที่นำออกมาประมูลนั้นมีเพียงครึ่งขวด ซึ่งนั่นมิใช่ปัญหาในการซ่อมรอยร้าวบนกระบี่หยวนจุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ แม้หยดิญญาจงหยวนจะไม่สามารถฟื้นพลังของกระบี่จนถึงขั้นสูงสุดได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถซ่อมแซมให้กลายเป็อาวุธระดับหนึ่งหรือสองได้
หยดิญญาจงหยวนเกิดจากการดูดซับจิติญญาของ์และโลก จึงสามารถซ่อมแซมรอยร้าวที่อยู่ในอาวุธได้ และหากนักยุทธ์กลืนหยดิญญานี้ลงไป จะช่วยเพิ่มระดับการดูดซับพลังปราณให้มากขึ้นอีกด้วย
หยวนจุนหายใจถี่ขึ้นเมื่อมองไปยังขวดหยกใสที่วางอยู่บนผ้าไหมสีทองในโรงประมูล เขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นว่าทุกสายตากำลังถูกดึงดูดจากหยดิญญาจงหยวน
ในเมื่อหยดิญญาจงหยวนเป็ของประมูลชิ้นสุดท้ายในการประมูลครั้งนี้ เช่นนั้นแล้วจะได้มาอย่างง่ายดายได้อย่างไร!? เพราะฉะนั้นราคาประมูลของหยดิญญาจงหยวนจึงเริ่มต้นอยู่ที่สิบล้านเหรียญทอง!
สิบล้านเหรียญทอง เกรงว่าตระกูลเจียงคงต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสะสมได้ถึงเพียงนี้
“หือ”
เจียงเทียนมิ่งอุทานออกมาอย่างเยือกเย็น แม้แต่หยวนจุนที่อยู่ห่างออกไปไกลก็ยังได้ยินเสียงของเขา
มือเหี่ยวย่นของเจียงเทียนมิ่งสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาก็สนใจหยดิญญาจงหยวนด้วยเช่นกัน!
สำหรับนักยุทธ์ในวัยเช่นนี้ แทบเป็ไปมิได้ที่จะสามารถบรรลุขั้นด้วยพลังของตนเอง ดังนั้นการปรากฏของหยดิญญาจงหยวนนี้จึงถือเป็ทางเลือกที่ดีทีเดียว
“ตระกูลเจียง สิบเอ็ดล้าน!”
หลังจากเจียงเทียนมิ่งพยักหน้า พ่อบ้านเจียงชางที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาจึงะโลงไปบนเวที
การเสนอราคาเช่นนี้ทำให้นักยุทธ์ผู้อื่นที่กำลังจะเพิ่มราคาต้องหยุดชะงักทันที เนื่องจากการเสนอราคาหลายสิบล้านเหรียญทองโดยที่ไม่สนใจสถานะของตระกูลเจียงที่อยู่ในเมืองเทียนอวิ่น อนาคตของพวกเขาจะต้องยากลำบากอย่างแน่นอน
อีกทั้งพวกเขายังมีเหรียญทองไม่ถึงสิบล้านด้วย เช่นนั้นจึงทำได้เพียงยอมแพ้ให้แก่หยดิญญาจงหยวนขวดนี้ไป
“ข้าได้ยินว่าเจียงเทียนมิ่งเป็โรคประหลาด เพราะทุกครั้งที่เขาบรรลุขั้น ร่างกายจะรุ่มร้อนไปกว่าครึ่งเดือนจนทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไปทั่ว ดูแล้วน่าจะเกิดจากการที่เส้นปราณอ่อนลง เขาจึงยอมจ่ายราคาสูงเพื่อให้ได้หยดิญญาจงหยวนมา ซึ่งน่าจะช่วยรักษาโรคนี้ของเขาได้ประมาณแปดส่วน”
“ไม่แปลกใจเลยที่ในยามปกตินั้นจะแทบไม่เคยเห็นเจียงเทียนมิ่งอยู่ในเมืองเทียนอวิ่น อีกทั้งในทุกๆ ฤดูใหม่ยังได้ยินเสียงโหยหวนดังออกมาจากจวนตระกูลเจียงอีกด้วย”
“เสี่ยวเมิ่ง เ้ามีเหรียญทองทั้งหมดเท่าไร?” หยวนจุนหันไปถามเสี่ยวเมิ่งเบาๆ
เสี่ยวเมิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เกือบสามสิบล้านเหรียญทอง เ้าสามารถใช้ได้ตาม้า หากยังไม่พอข้าจะกลั่นอาวุธระดับิญญาขั้นสองเพิ่มให้เพื่อเป็ค่าตอบแทน”
เมื่อหยวนจุนได้ยินเสี่ยวเมิ่งกล่าวออกมาอย่างมั่นใจ เขาถึงกับใจนอ้าปากค้าง
นึกไม่ถึงว่าเศรษฐินีน้อยผู้นี้จะมีถึงสามสิบล้านเหรียญทอง
นี่เป็เพียงเหรียญทองที่นางเก็บสะสมมาจากการกลั่นอาวุธระดับิญญาขั้นหนึ่ง หากตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยอาวุธระดับิญญาขั้นสอง เกรงว่าแค่ชิ้นเดียวก็ราคาสูงถึงสามสิบล้านเหรียญทองแล้ว!
ลึกๆ แล้วหยวนจุนรู้ว่าระดับการกลั่นของนักสร้างนั้นเหนือชั้นกว่าอาชีพอื่นมาก แต่ชาติที่แล้วเขากลับทุ่มให้กับการบ่มเพาะพลังยุทธ์เสียมากกว่า เขารู้ว่าอาชีพนักสร้างนั้นได้รับความเคารพนับถือเป็อย่างมาก แต่เขาไม่คิดว่าจะมีค่ามากถึงเพียงนี้
“ได้ เช่นนั้นข้าจะใช้เหรียญทองพวกนี้ลองเสี่ยงดู!”
เมื่อผู้ดำเนินการประมูลที่อยู่บนเวทีมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นผู้ใดกล้าเสนอราคาออกมา เขาจึงจะใช้ค้อนทองคำในมือทุบโต๊ะเพื่อจบการประมูล ซึ่งหยวนจุนได้ะโเสนอราคาสิบสามล้านออกมาพอดี
แม้ตอนนี้หยดิญญาจงหยวนที่ดูดกลืนพลังฟ้าดินจะมีอยู่เพียงครึ่งขวดและราคาเริ่มต้นอยู่ที่สิบล้านเหรียญทอง แต่เจียงเทียนมิ่งก็ยัง้าหยดิญญาจงหยวนขวดนี้อยู่ดี การที่เขาเสนอราคาเพิ่มอีกหนึ่งล้าน เช่นนั้นก็สมเหตุสมผลแล้ว แต่การที่หยวนจุนเอ่ยปากเสนอราคาที่สิบสามล้าน เช่นนี้ทำให้ยากที่จะเข้าใจ
“ไอ้เด็กผู้นี้ รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
เจียงเทียนมิ่งที่นั่งอยู่ด้านหลังหยวนจุนโกรธจนหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาโมโหมากจนแทบจะหายใจไม่ออก หากมิได้อยู่ที่นี่ เขาคงไม่ลังเลที่จะเหยียบหยวนจุนให้ตายคาที่ไปแล้ว!
“การประมูลนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถ ผู้ใดให้ราคาสูง ของก็ต้องตกเป็ของผู้นั้น เมื่อตระกูลเจียงของท่านมิสามารถจ่ายได้ ข้าก็มิได้รับอนุญาตให้เสนอราคาแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หยวนจุนยิ้มพลางส่ายหัว เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเหน็บแนมออกมา
“แค่สิบสามล้าน เ้าคิดหรือว่าข้าเจียงเทียนมิ่งจะจ่ายมิได้!” ใบหน้าชรานั้นเกร็งสั่น ก่อนสายตาจะมองไปที่เจียงชางเพื่อให้เขาเสนอราคาเพิ่ม
“สิบห้าล้าน!”
เมื่อเจียงชางเอ่ยขึ้น หยวนจุนก็ไม่รีรอที่จะเสนอราคาเป็สิบแปดล้าน
ทันทีที่เขาเสนอราคาออกมา ผู้คนนับไม่ถ้วนที่อยู่ในโรงประมูลถึงกับตกตะลึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้