บทที่ 6 ฝึกปราณ
ฉินชูหยิบมีดล่าสัตว์ของตัวเองออกมาและเริ่มเลาะหนังหมีป่า ไป๋อวี้ก็เข้ามาช่วยเช่นกัน
“ในป่ารกร้างมักจะเต็มไปด้วยอันตราย เ้าควรพกสมองมาด้วย!” ฉินชูเลาะหนังหมีป่าพลางตำหนิไป๋อวี้
ไป๋อวี้เงยหน้าขึ้นมองฉินชู “แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามีเ้าสัตว์อสูรพรรค์นี้อยู่”
“การที่หมีป่าอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มันจะต้องมีจุดผิดปกติอยู่บ้าง เ้าไม่ได้กลิ่นเืหรือ เ้าไม่สังเกตเลยหรือว่าทำไมไม่มีสัตว์จำพวกหมีอาศัยอยู่ ทีหลังเวลาข้าสอน เ้าจงฟัง อย่าได้เถียง” ฉินชูถลึงตาใส่ไป๋อวี้
ไป๋อวี้เงียบไป ตอนนี้เขารู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของหมีป่าแล้ว
สัตว์อสูรลำดับขั้นสูงๆ ล้วนเป็สมบัติล้ำค่า ฉินชูกับไป๋อวี้จึงพากันชำแหละเครื่องในทุกส่วนและผลึกพลังออกมาอย่างขะมักเขม้น
ไป๋อวี้แบกหนังหมีกับเอ็นหมีพาดหลัง แม้จะขยะแขยง แต่เขาเลือกอะไรไม่ได้ เพราะตอนนี้เขายังเป็ลูกน้องของฉินชูอยู่
“แต้มคุณูปการสามพันแต้ม เราแบ่งกันคนละหนึ่งพันห้าร้อยแต้ม ถือว่าไม่เลวเลย ความเสี่ยงสูง ผลตอบแทนก็สูงตามไปด้วย” ฉินชูพึงพอใจกับผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งนัก
“ข้าไม่เอา เ้าเป็คนฆ่าหมีป่าเอง ข้ารู้สึกไม่ดีที่ต้องมาแบ่งแต้มคุณูปการกับเ้า” ไป๋อวี้เอ่ยปากพูด ภายในใจของเขาตระหนักได้เป็อย่างดี ว่าใน่หน้าสิ่วหน้าขวาน ฉินชูเป็คนมาช่วยเขาได้ทันท่วงที เท่านี้เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว
“มาด้วยกันทั้งที ไม่ต้องมาแบ่งแยกกันชัดเจนขนาดนี้หรอก เ้าเอาแต้มไปครึ่งหนึ่งก็พอ” ฉินชูส่ายหน้า เขา้าแต้มคุณูปการก็จริง แต่ก็มีบางเื่ที่เขาทำไม่ได้
ไป๋อวี้ยังไม่ยอม สุดท้ายก็จำยอมที่จะรับส่วนแบ่งไปแค่หนึ่งในสามของแต้มคุณูปการ
“ไปกันเถอะ รีบไปจากที่ที่น่าขนลุกแบบนี้กันดีกว่า” ไป๋อวี้กระชับหนังหมีขึ้นบนหลัง
เพี้ยะ!
ฉินชูตบหน้าไป๋อวี้หนึ่งที “เ้าไม่รู้หรือว่าแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์อสูรขั้นสูงอุดมไปด้วยสมุนไพรวิเศษอันล้ำค่า เ้าลองหาให้ทั่วว่าแถวๆ นี้มีสมุนไพรหายากอยู่หรือไม่”
ไป๋อวี้ถูกตบจนหน้าชา แต่เขาก็เห็นด้วยกับฉินชู จึงได้แต่ตามฉินชูออกไปค้นหาสมุนไพรรอบๆ
ผ่านเป็ครึ่งชั่วยาม ฉินชูก็เก็บของดีมาได้มากมาย นอกจากนี้บริเวณต้นไม้เล็กๆ ใกล้กับรังหมีป่าก็มีผลไม้สีแดงสดอยู่สองผล
“ไป๋อวี้ พวกเราเจอของดีเข้าให้แล้ว นี่มันผลจูกั่ว[1]” ฉินชูชี้นิ้วพูด
“ลูกพี่แน่ใจนะว่าเป็ผลจูกั่ว” ไป๋อวี้มองฉินชูอย่างใ
“ข้าแน่ใจ กลิ่นและลวดลายบนผลของมันถูกต้องตามตำรา พื้นที่ที่พวกเรามาค่อนข้างรกร้างดิบชื้น ศิษย์ของสำนักชิงหยุนคงไม่เคยมาที่นี่ ไม่งั้นสองผลนี้คงไม่ตกมาถึงพวกเราแน่ๆ” ฉินชูพูดกับไป๋อวี้ ตอนที่อาศัยอยู่ที่หุบเขาลึก ผู้เฒ่าเอาแต่พร่ำสอนเขาเื่สมุนไพรประเภทต่างๆ จนทำให้เขามีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมายติดตัวมาั้แ่เล็กๆ
“ข้าเคยได้ยินชื่อผลจูกั่วมาก่อน แต่ไม่รู้จักสรรพคุณของมัน ผลจูกั่วเป็สมุนไพรหายากระดับสี่ ผู้ใดในสำนักเก็บผลจูกั่วได้ ลาภมากมายย่อมตกเป็ของผู้นั้น” ไป๋อวี้พูดกับฉินชู
“อันนี้พวกเราจะไม่เอาไปแลกกับแต้มคุณูปการ พวกเราแบ่งกันคนละหนึ่งผล” ฉินชูพูดกับไป๋อวี้อย่างหนักแน่น
เมื่อเห็นแววตาสงสัยของไป๋อวี้ ฉินชูก็อธิบายเพิ่ม ผลจูกั่วนั้นมีสรรพคุณบำรุงเืลม เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก เอ็นและกล้ามเนื้อ ของหายากเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่แต้มคุณูปการจะประเมินค่าได้ เพราะมันสามารถเพิ่มพลังทางกายภาพได้หลายเท่าตัว
“พวกเราทำภารกิจเพื่อแลกแต้มคุณูปการ แล้วเอาแต้มไปแลกตำรายุทธิ์กับอาวุธเพื่อยกระดับตัวเอง ตอนนี้ผลจูกั่วอยู่ต่อหน้าแล้ว มันสามารถเพิ่มพลังทางกายภาพให้พวกเราได้ แล้วพวกเรามีเหตุผลอะไรต้องปล่อยมันหลุดมือไปด้วย” ฉินชูสั่งสอนไป๋อวี้อีกหนึ่งยก
ไป๋อวี้พยักหน้าเห็นด้วย เขาคิดว่าที่ฉินชูพูดมามีเหตุผลยิ่งนัก และตัวเขาเองก็มองออกว่าพละกำลังทางกายภาพของฉินชูนั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน
ฉินชูกับไป๋อวี้กินผลจูกั่วไปคนละหนึ่งผล จากนั้นก็นั่งสมาธิอยู่กับที่
ฉินชูพยายามฝึกตนตามตำรายุทธ์ไร้นามและโคจรสารสรรพคุณของผลจูกั่วไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย
แต่ในระหว่างฝึกตนตามตำรายุทธ์ไร้นาม ตัวเขาก็รู้สึกได้ว่ามีสารสรรพคุณบางส่วนได้แล่นไปที่หน้าอกของเขา ราวกับมีบางอย่างกำลังหิวกระหาย ซึ่งฉินชูรู้ความลับของตัวเองดี นั่นคงเป็เพราะเืศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ถึงแม้จะไม่รู้อะไรเกี่ยวเืศักดิ์สิทธิ์ แต่ฉินชูรู้ว่ามันสำคัญและมีค่ามาก ไม่เช่นนั้นผู้เฒ่าคงไม่กำชับเขาอย่างหนักแน่นว่าห้ามให้คนอื่นล่วงรู้ มิเช่นนั้นมันจะนำพามาซึ่งภัยอันตรายจนถึงตายได้
ครั้นสารสรรพคุณของผลจูกั่วซึมเข้าสู่ทุกอณูของร่างกาย ฉินชูก็ฝึกตนตามตำรายุทธ์ไร้นามจนมาถึงจุดสูงสุดของขั้นที่สาม และไม่สามารถไปต่อได้แล้ว
เมื่อลืมตาขึ้นมา ฉินชูเห็นไป๋อวี้วิ่งเหยาะๆ อยู่กับที่ ใบหน้าแดงก่ำราวกับถูกไฟเผา
“ลูกพี่ ข้ารู้สึกเหมือนถูกไฟเผาไปทั่วทั้งร่างเลย ข้าทนไม่ไหวแล้ว” ไป๋อวี้ะโพูดกับฉินชู
“วิ่งเร็วกว่านี้ แล้วต่อยเข้าไปที่ต้นไม้ใหญ่ ให้เืลมได้สูบฉีด มันจะทำให้เ้าดูดซับสารสรรพคุณของผลจูกั่วได้” ฉินชูพูดกับไป๋อวี้
ไป๋อวี้ลังเลใจเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ทำตามที่ฉินชูบอกอยู่สักพัก ในที่สุดสารสรรพคุณของผลจูกั่วก็ถูกซึมซาบไปทั่วทั้งร่างกาย
“ย้าฮู๊! ถึงวิธีของเ้าจะเหนื่อยหน่อย แต่ก็ทำให้ข้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่า พลังเต็มเปี่ยม ไม่เลวเลยจริงๆ” เมื่อพลังเริ่มเสถียร ไป๋อวี้ก็หันมาพูดกับฉินชู
“ในเมื่อเ้าไม่เป็อะไรแล้ว งั้นพวกเรามารีบทำภารกิจกันต่อดีกว่า จะได้เอาไปแลกแต้มคุณูปการไวๆ ข้าไม่มีตำรายุทธ์ฝึกปราณ ก็เลยเค้นปราณฝึกตนไม่ได้สักที” ฉินชูพูดพลางมองไปที่ไป๋อวี้
“ลูกพี่ ตอนนี้พลังการต่อสู้ของลูกพี่น่าจะเกือบถึงจุดสูงสุดของขั้นสามแล้ว ทั้งหมดเป็แค่พลังทางกายภาพเท่านั้น ถ้ายึดตามการจัดลำดับขั้นของพวกสัตว์อสูร ลูกพี่ก็อยู่ขั้นที่สาม หรือหากจะให้ข้าพูดอีกอย่างก็คือ การฝึกปราณไม่จำเป็ต้องฝึกตามตำรายุทธ์ก็ได้ ตอนนี้ลูกพี่สามารถเริ่มดูดซับอณูปราณเข้าร่างกายและบ่มเพาะหล่อเลี้ยงมันเอาไว้ก่อนได้แล้ว เมื่อได้ตำรายุทธ์ฝึกปราณ การฝึกตนก็จะเร็วขึ้น” ไป๋อวี้พูดขึ้น
“ถ้าข้าทำแบบนั้นเป็ ก็คงทำไปนานแล้ว” ฉินชูมองไป๋อวี้อย่างไม่สบอารมณ์ ตอนอยู่ในหุบเขาลึก ผู้เฒ่าแค่ให้เขาฝึกตนตามตำรายุทธ์ไร้นาม ทำให้เขามีพลังทางร่างกายที่ไร้ขีดจำกัด แต่ผู้เฒ่าไม่เคยสอนถึงวิธีการฝึกปราณเลย
“ลูกพี่ทำไม่ได้ แต่ข้าทำได้” ไป๋อวี้คลี่ยิ้ม ในที่สุดเขาก็พบว่าตัวเองมีประโยชน์กับฉินชูแล้ว
ขณะทำภารกิจ ไป๋อวี้ก็ได้อธิบายวิธีการดูดซับ การกักเก็บและการหล่อเลี้ยงอณูปราณธรรมชาติให้ฉินชูได้ฟัง
เป็เวลากว่าสามวัน และแล้วฉินชูก็แตกฉานและสามารถดูดซับอณูปราณเข้ามากักเก็บไว้ที่จุดตันเถียนได้สำเร็จ แม้จะไม่มีตำรายุทธ์คอยชี้แนะแนวทาง แต่ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้าสู่ผู้ฝึกตนที่ใช้ปราณอย่างเป็ทางการแล้ว
ใน่สองสามวันที่ผ่านมา ฉินชูกับไป๋อวี้เผชิญกับการต่อสู้เล็กใหญ่มาร่วมสิบครั้ง ตอนนี้กระเป๋าและย่ามของพวกเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งของจากการทำภารกิจ
“ลูกพี่ พวกเราจะไปที่ป่าดงดิบบนเขาสูงข้างหน้าหรือไม่” ไป๋อวี้มองไปที่ป่าดงดิบด้านหน้า
“คงไม่ไหว ข้างหน้าน่าจะเป็เขามี่หยุน เป็สถานที่อันตราย ตอนนี้พวกเรายังแข็งแกร่งไม่พอ หากไปเจอพวกอสูรขั้นที่สี่พวกเราคงสู้พวกมันไม่ไหว อีกอย่างพวกเราก็ทำภารกิจที่เอามาครบหมดแล้ว ตอนนี้กลับไปพักผ่อนกันก่อน แล้วค่อยมาใหม่” ฉินชูตัดสินใจ
สองวันผ่านไป ฉินชูกับไป๋อวี้ก็กลับมาถึงยอดเขาชิงจู๋ ทั้งสองดูเหมือนพวกคนป่าไม่มีผิด ทั่วทั้งตัวเกรอะกรังไปด้วยคราบเื กิ่งไม้เกี่ยวเสื้อผ้าจนขาดวิ่น สภาพมอมแมมจนดูไม่ได้ แต่กระนั้นทั้งสองกลับดูสดใสและกระปรี้กระเปร่าอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเรากลับมาพร้อมของมีค่ามากมาย ข้าอยากจะเห็นสีหน้าของลูกศิษย์ที่ดูถูกพวกเราก่อนหน้านี้จริงๆ” ไป๋อวี้ยืดอกพูดเลียนแบบฉินชู
“ศิษย์รับใช้ไม่หน้าอาย ที่หน้าอายคือพวกไม่ยอมพัฒนาตนเอง” ฉินชูเดินนำหน้า และทั้งสองก็มุ่งหน้าไปที่หอคุณูปการ
[1] ผลจูกั่ว คือผลไม้ในตำนานจีน มักปรากฏขึ้นในนวนิยายแนวจอมยุทธ์ ว่ากันว่าผลจูกั่วมันใช้เวลาออกดอกทุก 100 ปี และใช้เวลาอีก 100 ปีเพื่อออกผล มีสีดีส้มอ่อนไปจนถึงสีแดงเข้ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้