หลังได้ฟังคำอธิบายของฉิวอิน ในที่สุดโม่จ้านก็เข้าใจว่าปีศาจแฝงฝันคือหนึ่งในเผ่าปีศาจ ที่สามารถแฝงตัวอยู่ในร่างกายของเผ่าอื่นเพื่อซ่อนเขาของตนเอง ดังนั้นจึงมิถูกผู้อื่นล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริง ความจริงแล้วความสามารถของปีศาจแฝงฝันก็คือการดูดกินอาหารภายในความฝัน— พี่ชายอาศัยการเสพสมกับสตรีในความฝันเพื่อดูดกลืนพลังชีวิต ทางด้านน้องสาวจะดูดกลืนพลังชีวิตของบุรุษ เพื่อเป็การเสริมพลังเวท
นับั้แ่ปีศาจแฝงฝันทั้งสองตนเข้ามาสิงร่างสองพี่น้องไอเส่อเอ่อร์ หลังผ่านการทดลองหลายครั้งก็มิเคยเกิดข้อผิดพลาดมาก่อน เนื่องจากคนทั่วไปมิได้ตั้งตัวเตรียมป้องกันสักนิด อีกทั้งยังมิมีทางหนีจากฝันร้ายของปีศาจแฝงฝันได้ แท้จริงแล้วคู่แฝดของท่านเอิร์ลไอเส่อเอ่อร์ได้ตายั้แ่เกิดไปนานแล้ว ฉิวอินกับปาอินบังเอิญหนีมาและอยู่ใกล้กับพวกเขาสองคนพอดี ดังนั้นจึงจำแลงกายเพื่อรักษาร่างเอาไว้
ยามปีศาจแฝงฝันลุกล้ำเข้าสู่ความฝันของผู้อื่น โดยปกติอีกฝ่ายจะกำลังหลับสนิท แม้จะมีสติเป็บางครั้ง ทว่าปีศาจแฝงฝันยังคงมีเวทมนตร์ระดับต่ำคุ้มกาย โดยปกติแล้วมิมีทางเกิดเื่ใหญ่อันใด ดังนั้นส่วนมากอีกฝ่ายจึงมักจะคิดว่าถูกผีอำ แต่ทว่าหากปีศาจแฝงฝันได้รับาเ็ในความฝัน จะได้รับาเ็บนร่างกายและิญญาด้วยเช่นกัน ดังนั้นฉิวอินจึงยอมเสี่ยงถูกพบเพื่อช่วยปาอิน
ร่างเดิมของปีศาจแฝงฝันมิมีความสามารถในการต่อสู้มากนัก การดูดซับพลังิญญาของอีกฝ่ายจำนวนเล็กน้อย อย่างมากที่สุดก็ทำให้ผู้ถูกกระทำหน้าซีดเซียวเพียงมิกี่วัน ยามนี้เผ่ามารถูกร้องจะฆ่าจะแกง คนทั้งสองทำเพื่อความปลอดภัยจึงมิคิดทำเื่ใดเกินความจำเป็ เพียงแต่นึกมิถึงว่ากระทั่งพรของบาทหลวงยังทำได้เพียงกันปีศาจแฝงฝันไว้ข้างนอก ทว่าบุรุษตรงหน้ามิเพียงมิถูกควบคุม กลับกันยังเป็ฝ่ายควบคุมพวกเขาทั้งสองคนแทน
ฉิวอินนั่งลงบนพื้นพลางก้มหน้าด้วยสีหน้าเศร้าสลด “ว่าอย่างไร เ้าจะแจ้งสันตะสำนักหรือไม่?”
“แจ้ง? ที่แท้การแจ้งจับเผ่าปีศาจยังมีเงินรางวัลให้ด้วยนี่เอง…”
เมื่อหวนนึกถึงาาปีศาจที่ถูกลงโทษอย่างน่าเวทนา ทันใดนั้นโม่จ้านก็รับรู้ได้ถึงเพลิงโทสะที่ปะทุขึ้นในหัว ร่างทั้งร่างแปรเปลี่ยนเป็ดุดัน กริชในมือสั่นเล็กน้อย มิได้รู้สึกผ่อนคลายที่เจอเผ่าเดียวกันแต่อย่างใด
“เพียงแต่ข้ามิได้นึกสนใจเงินรางวัลเล็กน้อยนั่น ซ้ำนั่นยังจะเป็การสร้างปัญหาให้ตนเองเสียเปล่า”
เด็กหนุ่มได้ยินเช่นนั้นพลันรู้สึกยินดี “เช่นนั้นเ้าก็ปล่อยพวกข้าไปเถิด พวกเราจะไม่ทำร้ายมนุษย์…”
“หากเ้าอยากให้ข้าปล่อยน้องสาวของเ้าไป เช่นนั้นเ้าก็ต้องช่วยข้าเื่หนึ่ง”
ฉิวอินใ ตนพบว่า ‘อัศวิน’ ตรงหน้าเผยรอยยิ้มชั่วร้าย มิรู้ว่าั์ตาเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็สีแดงสดั้แ่เมื่อใด โม่เจ๋อเอ่อร์ที่สุขุมเปลี่ยนใบหน้าโดยสิ้นเชิงอย่างฉับพลัน สีหน้าดุร้ายเช่นนั้นราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน
ขณะมองโม่จ้านที่กระดิกนิ้วเรียกตน ฉินอิวเดินเข้าไปอย่างระแวดระวัง ทันใดนั้นก็พบว่าบนหลังมือของโม่จ้านมีลวดลายชั่วร้ายเรืองแสง ฉิวอินใมากกว่าปกติ เขาถึงกับถอยหลังออกไปหลายก้าวโดยมิรู้ตัว โม่จ้านที่สีหน้าบิดเบี้ยวออกแรงเล็กน้อย กริชทอประกายเย็นเยียบกรีดผ่านชั้นิัของปาอิน
“...หยุด หยุดมือ...ขอร้องท่านอย่าทำร้ายนาง...”
ฉิวอินทั้งขอร้องโม่จ้านพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สูดอากาศหายใจเข้าลึกแล้วค่อยๆ เดินไปทางขอบเตียงอีกครั้ง
“คุณชายน้อยฉินอิน ช่วยอันใดข้าสักอย่างสิ”
น้ำเสียงเย็นะเืของโม่จ้านไม่เหมือนยามปกติ จังหวะการพูดทุ้มต่ำดำทะมึนน่าหวาดกลัว ทำเอาผู้คนขนลุกขนชัน
“...เื่ เื่อันใด”
ท่ามกลางความมืด ดวงตาสีแดงฉานของอัศวินคล้ายกำลังทอแสง ทำให้ฉิวอินถึงกับผวาในใจ ปีศาจแฝงฝันผู้เป็พี่ชายมองน้องสาวของเขาที่ถูกจับเป็ตัวประกันในมือวายร้าย จากนั้นรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อฝืนสลัดความคิดจะถอยหลังหนีออกไป
“มานี่” โม่จ้านขยับมีด สายตาเย็นเยียบจดจ้องฉิวอินมิวางตา
“ข้า...” ทันใดนั้นฉิวอินพลันััได้ถึงความกดดันที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรับรู้มาก่อน เขาหายใจมิออกเผลอถอยห่างออกไปหนึ่งก้าวโดยมิรู้ตัว
“ข้าสั่งให้เ้า มานี่”
น้ำเสียงของโม่จ้านยังคงเรียบนิ่งดังเดิม ทว่ากลับเจือไปด้วยความน่าเกรงขามที่มิอาจต่อต้านประการหนึ่ง
ฉิวอินเคลื่อนกายไปอยู่ตรงหน้าโม่จ้านอย่างสั่นเทา ก่อนจะถูกโม่จ้านยื่นมือขวาออกมาดึงและผลักตรงอกโดยมิทันตั้งตัวจนพุ่งไปกระแทกเข้ากับกำแพงข้างเตียง ปาอินผู้ตกอยู่ในความหวาดกลัวกลับถูกมือข้างซ้ายที่ถือกริชของโม่จ้านโจมตีหนึ่งกำปั้น หลังกระเด็นไปด้านหน้าหลายก้าวก็ซวนเซจนล้มลงหน้าประตู
“เ้า เ้า เ้าจะทำอันใด?”
ฉิวอินถูกทำให้ใกลัวโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว บุรุษในห้วงความฝันแปลกประหลาดผู้นี้เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย มิอาจวิเคราะห์ด้วยสามัญความรู้สึกนึกคิดทั่วไป
“ปีศาจแฝงฝันสามารถกินอาหารในห้วงฝันโดยการดูดพลังิญญาของมนุษย์ เช่นนั้นก็จะให้พวกเ้าได้ลองลิ้มรสชาติในทางกลับกันดูบ้าง...”
โม่จ้านกดสายตาลงมองฉิวอิน มุมปากข้างหนึ่งหยักยก แววตาและน้ำเสียงดุดันและชั่วร้าย นอกจากนั้นยังเจือไว้ด้วยความโกรธอย่างน่าประหลาด
“ด้วยพลังิญญาอันน้อยนิดเช่นนั้นของน้องสาวเ้าคงมิพอให้ข้าทรมาน แต่ถ้าเป็เ้าก็อาจจะพอไหว...”
ฉิวอินกายสั่นสะท้าน อ้าปากแต่กลับพูดสิ่งใดมิออก ทำได้เพียงเบิกตามองมือใหญ่ของอีกฝ่ายที่กำอยู่บนลำคอของตน
ตัวเขาถึงกับรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายมิเพียงแต่เป็เผ่าปีศาจ ทว่ายังแข็งแกร่งกว่าตนมากนัก ั์ตาของอีกฝ่ายแปรเปลี่ยนเป็สีแดงฉาน นั่นถือเป็สัญลักษณ์ยามเผ่าปีศาจรู้สึกโกรธถึงขีดสุด
“ปาอิน ไสหัวออกไป”
สิ้นน้ำเสียง เด็กสาวที่ได้เห็นทุกอย่างกับตามองไปทางพี่ชายที่อยู่ในมือของโม่จ้าน จากนั้นก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้ววิ่งแจ้นออกไป ปาอินรู้ว่าหากตนยังดึงดันจะอยู่ที่นี่ การยั่วโทสะบุรุษผู้นั้นให้โมโหถึงขีดสุดอาจจะเป็การถูกทำลายจนดับสูญได้ จึงทำได้เพียงภาวนาหวังว่าอีกฝ่ายจะเห็นแก่ฐานะที่เป็เผ่าปีศาจด้วยกันและไว้ชีวิตพี่ชายของตน
ฉิวอินขดกายเข้าหากันด้วยความหวาดกลัว เด็กหนุ่มนั่งคุกเข่าสั่นสะท้านอยู่บนพื้นพลางเงยหน้ามองโม่จ้าน มือขวาของโม่จ้านกำอยู่บนลำคอ มือข้างซ้ายชูนิ้วชี้และนิ้วกลางออกมาแตะลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างแ่เบา คล้ายกับกำลัง้าค้นหาอะไรบางอย่าง ฉิวอินที่น้ำตาไหลรินมือเท้าเย็นเฉียบ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน ทำได้เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายดันร่างของตนไว้บนกำแพงอย่างแ่าแทน
เด็กหนุ่มใช้สายตาวิงวอนมองโม่จ้าน คิดอยากจะลองดิ้นรนเป็ครั้งสุดท้าย ทว่าโม่จ้านกลับมิหวั่นไหวแม้แต่น้อย สายตาคมกริบมิต่างกับนกเหยี่ยวทิ่มแทงจนฉิวอินมิกล้าสบมองตรงๆ โม่จ้านแค่นหัวเราะเสียงเย็น จากนั้นก็เผยมือข้างขวาที่ถือคมมีด กริชภายใต้แสงจันทร์สะท้อนประกายเย็นเยียบ อยู่ห่างจากดวงตาของฉิวอินเพียงมิกี่หาวหมี่ [1]
นิ้วมือเปี่ยมพลังของอีกฝ่ายกดลงบนฝั่งซ้ายขวาสองจุดของหน้าผาก ฉิวอินปิดเปลือกตาลงอย่างสิ้นหวัง ยอมรวมพลังิญญาไปยังสองจุดอย่างว่าง่ายและส่งออกไปผ่านการแตะััทางิั เด็กหนุ่มพยายามเอาใจผู้แข็งแกร่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ เพื่อแลกกับโอกาสมีชีวิตรอดของพวกตนสองพี่น้อง
มือใหญ่แข็งแกร่งของบุรุษกำหลังคอของเด็กหนุ่มไว้แน่น ออกแรงบีบลำคอของอีกฝ่ายเอาไว้ ฉิวอินที่หลอดลมถูกปิดกั้นส่งเสียง “อู้อี้” มิหยุดด้วยความทรมาน กระนั้นกลับมิกล้ากระทำการดิ้นรนใดๆ ---- เพราะถึงแม้ว่าตนจะมิได้เป็ฝ่ายเสนอ เผ่าปีศาจที่ทรงพลังตรงหน้าเขาก็ต้องใช้ความแข็งแกร่งท่วมท้นเพื่อบังคับดูดซับพลังิญญาตนอยู่ดี ทำให้ตนสูญสิ้นเรี่ยวแรงขัดขืนโดยสิ้นเชิง หากตนแสดงท่าทีต่อต้านแม้แต่น้อย สิ่งที่ตนต้องเผชิญอาจเป็การที่พลังิญญาแห้งเหือด ก่อนพบกับจุดจบอันน่าเวทนาอย่างการดับสูญ
และเมื่อตนตายแล้ว อีกฝ่ายจะต้องทำแบบเดียวกันกับน้องสาวอย่างแน่นอน...
ภายใต้แสงสาดส่องของดวงจันทร์ การกระทำของคนทั้งสองแลดูคลุมเครือมิน้อย ทว่าแท้จริงแล้วกลับเป็พายุเื เด็กหนุ่มน้ำตานองหน้า รู้สึกถึงพลังิญญาที่ใช้ดํารงชีวิตค่อยๆ ถูกดึงออกจากร่างอย่างเชื่องช้าสมองสูญเสียการควบคุมร่างกาย ดวงตาของฉิวอินมืดสลัวลงเรื่อยๆ แม้แต่พลังที่จะใช้ประคองสติเอาไว้ยังนับเป็อุปสรรค อย่างไรก็ตามบุรุษผู้นั้นมิยอมให้เด็กหนุ่มหมดสติไป เพียงผ่อนความเร็วของการดูดพลังิญญาลง มิต่างอันใดกับการทรมาน ั้แ่ต้นจนจบล้วนประคองสติในเสี้ยวนาทีก่อนจะดับวูบของอีกฝ่ายไว้
สำหรับฉิวอินที่ถูกความหวาดกลัวและความสิ้นหวังเข้าปกคลุม ประสบการณ์อันน่ากลัวตลอดชั่วยามช่างยาวนานราวกับหนึ่งปี ถึงขั้นกายกระตุกด้วยมิอาจต้านทานความน่าเกรงขามของอีกฝ่ายได้ ทว่าสีหน้าของบุรุษผู้นั้นกลับมิหวั่นไหวั้แ่เริ่ม ราวกับตรงหน้าเป็เพียงสิ่งของไร้ค่า กระทั่งเรียกว่า ‘ใช้ระบายอารมณ์’ ก็ยังมิได้ เป็เพียงการลงโทษคนต่ำต้อยที่ยั่วโทสะของตนเท่านั้น
ในที่สุดบุรุษผู้นั้นก็ปล่อยเด็กน้อยน้ำตานองหน้าก่อนเก็บกริชเข้าฝัก ทางด้านฉิวอินนั่งนิ่งอยู่บนพื้น ดวงตาพร่าเลือนทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กระนั้นร่างกายกลับไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นมา ทำได้เพียงนั่งสั่นสะท้านอย่างไร้ที่พึ่งเท่านั้น
“คนโง่ที่โอหัง จงขอบคุณตัวตนของเ้าเถิด มิเช่นนั้นทั้งศพและกระดูกของเ้าคงมิเหลือไปนานแล้ว”
“ข้ามิอยากให้ผู้ใดรู้เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เ้าปีศาจแฝงฝันตัวผู้ที่แสนอ่อนแอ”
น้ำเสียงเยือกเย็นสุขุมออกคำสั่งโดยมิยอมให้สอดปากทัดทาน ฉิวอินที่จนตรอกถูกบุรุษผู้นั้นโยนออกนอกประตูมิต่างกับโยนขยะอย่างไรอย่างนั้น
เชิงอรรถ
[1] หาวหมี่ 毫米 คือมิลลิเมตร