ดวงอาทิตย์โผล่พ้นสันเขา โม่จ้านไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ดวงตาทั้งสองข้างจดจ้องยอดกระโจมอย่างเลื่อนลอย
โม่จ้านััได้ถึงความรู้สึกหวาดกลัวเป็อย่างยิ่ง เพราะตนรู้ดีว่าภายในความฝันเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง ทว่ากลับมิอยากยอมรับแม้แต่น้อยว่าตนเป็ผู้ทำเื่เช่นนั้นลงไป
ฉากที่ตนกำลังทำภารกิจลับในโลกก่อนถูกผู้อื่นบุกรุกเข้ามา ผู้ที่โอ้อวดตนเองว่าสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอดอย่างตนผ่านไปครึ่งค่อนวันก็ยังมิได้สติ ทำได้เพียงอาศัยความแข็งแกร่งอำพรางความตื่นตระหนกภายในใจเท่านั้น กระทั่งได้ยินคำอธิบายของฉิวอิน ทุกสิ่งก็มิได้อยู่ภายใต้ขอบเขตที่พอจะฝืนใจทำความเข้าใจได้เสียแล้ว
แต่หลังจากฉิวอินเอ่ยถึงเื่แจ้งจับเผ่ามารกับสันตะสำนัก อารมณ์ของตนพลันแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน มิอาจควบคุมเพลิงโทสะในส่วนลึกของจิตใจได้แม้แต่น้อย กระทั่งสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ยังอยู่นอกเหนือการควบคุมเชิงเหตุผลของโม่จ้านโดยสิ้นเชิง
สาเหตุที่ตัวเขาโมโหคืออะไร? เพราะถูกขู่เอาชีวิตงั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเป็เผ่าปีศาจ ทว่าตัวตนของเขากลับมิได้ถูกเปิดโปงแต่อย่างใด มีเหตุจำเป็ใดจึงต้องโมโหเป็ฟืนเป็ไฟเช่นนั้น? อีกฝ่ายเป็เผ่าปีศาจเช่นเดียวกับตน ตนที่มิได้เชี่ยวชาญวิชาเวทแม้แต่น้อยก็ควรจะหยุดแต่พอประมาณ เพื่อป้องกันมิให้กลับกลายเป็ฝ่ายถูกขู่เอาชีวิตในภายหลัง...
และถึงแม้ว่าตนจะโมโหมากเพียงใด กระนั้นตนก็มิมีทางทำเื่ขู่เข็ญเพื่อพลังิญญาของเด็กน้อยอย่างแน่นอน!
เดี๋ยวก่อน พลังิญญาคือสิ่งใดนะ...?
โม่จ้านกุมศีรษะอยู่ครึ่งค่อนวัน มิว่าจะนึกย้อนกลับไปอย่างไรก็นึกมิออกถึงคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘พลังิญญา’ ของฉิวอิน ด้วยท่าทางขลาดกลัวของอีกฝ่าย จำต้องยอมรับโดยปริยายว่าตนรู้ความหมายของคำนี้ หรือก็คืออีกฝ่ายมั่นใจว่าตนคือเผ่าปีศาจทว่ากลับมิอาจต่อต้าน
เมื่ออนุมานจากบริบท คล้ายกับพลังิญญาจะเชื่อมโยงกับพลังเวท ทว่ารายละเอียดคือสิ่งใดตนกลับมิรู้แม้แต่น้อย
โม่จ้านลุกขึ้นนั่งน้ำตานองหน้า กอดเข่าพลางตัวสั่น
ในฐานะอดีตผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นึกมิถึงว่าตนจะกระทำการข่มขู่ทั้งบีบบังคับเด็กน้อยผู้หนึ่ง อีกทั้งยังปล้นเอาสิ่งที่มิรู้ว่าคืออันใด...ต่อให้ฐานะของตนจะเปลี่ยนไปนานแล้ว ทว่าด้วยหลักเยาวชนที่ดีทั้งห้าของศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด อย่างน้อยในใจของเขาก็ยังมีบรรทัดฐานทางศีลธรรมอยู่ในใจนะ อา! อ้าก! อ้ากกก!
นี่เขาก่ออาชญากรรม...อาชญากรรม...อาชญากรรม...
“ฮัด---ชิ้ว!”
อาการคันจมูกเกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ฉิวอินที่นั่งคุกเข่าอยู่มุมหนึ่งของรถม้าจามออกมาเสียงดังและศีรษะโขกกับผนัง ปีศาจแฝงฝันที่อารมณ์ขุ่นมัวลุกขึ้นนั่งพลางดึงทึ้งเบาะรองนั่งใต้ร่างของตน --- ต้องมาเจอเผ่าปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง มิใช่เื่ง่ายกว่าจะรักษาชีวิตรอดเอาไว้ได้ ขณะกำลังฟื้นพลังิญญายังถูกการจามขัดจังหวะ มิหนำซ้ำศีรษะยังโขกผนังจนเจ็บ
โชคชะตาในวันนี้ของตนดูจะแย่เกินไปแล้วกระมัง? เช่นนั้นควรจะนั่งอยู่ในรถม้าอย่างว่าง่ายดีกว่า...
.......
จากเมืองมู่เอ่อร์มาถึงเมืองเยวียหนา ขบวนรถม้าเคลื่อนตัวบนถนนการค้าที่กว้างขวางขึ้นเรื่อยๆ สองข้างทางมีทั้งทุ่งนาและป่าผลไม้ มิมีเค้าลางของอันตรายแม้แต่น้อย
พ่อบ้านป๋อเก๋อกับเหล่าผู้คุ้มกันล้วนอารมณ์ผ่อนคลาย ตลอดทางมีทั้งเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ เกิดเป็ความแตกต่างเมื่อเทียบกับคนทั้งสามอย่างชัดเจน --- ฉิวอินท่าทางตื่นตระหนกสติมิอยู่กับเนื้อกับตัว ขดกายอยู่มุมหนึ่งของรถม้ามิโหวกเหวกโวยวาย ผู้ใดเรียกก็มิยอมออกไป ทางด้านปาอินมองพี่ชายด้วยสีหน้ายากอธิบายด้วยหนึ่งประโยค คิดอยากจะถามกลับมิรู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไร ทางฝั่งของโม่จ้านกำลังสลับโหมดระหว่างรังเกียจตนเองกับหาข้ออ้างให้ตนเอง สีหน้าเปลี่ยนจากสีเขียวคล้ำของผักเป็สีแดงดอกกุหลาบ จากนั้นกลายเป็สีเหลืองมะนาวอีกที มิต่างอันใดกับสัญญาณไฟจราจร
“เอ่อ ท่านโม่เจ๋อเอ่อร์? ท่านรู้หรือไม่ว่าคุณชายน้อยเป็อันใดไป?”
ป๋อเก๋อยกน้ำชาเข้ามาขณะหยุดพักรถม้าเป็การชั่วคราว เขาเอ่ยหยั่งเชิงโม่จ้านที่ทำสีหน้าบึ้งตึง
โม่จ้านเบนสายตาฉายแววกระอักกระอ่วนออกห่าง พยายามทำให้น้ำเสียงฟังดูผ่อนคลายเล็กน้อย
“ข้าบอกเขาว่าการเป็อัศวินแห่งราชวงศ์มิใช่เื่น่าสนุก หากองค์หญิงตระกูลใดถูกใจเ้าเข้าก็จะต้องถูกดึงตัวไปแต่งงาน เขาคงจะใแล้วกระมัง”
“อุ๊บ---ฮ่าๆๆๆ...” ป๋อเก๋อพ่นน้ำใส่ต้นหญ้าบนพื้น อยากหัวเราะทว่ามิกล้าส่งเสียงดัง เพียงอดกลั้นเอาไว้จนหน้ากระตุก
ที่แท้คุณชายน้อยจอมทลายกฎเกณฑ์ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน นึกมิถึงว่าจะกลัวการแต่งงาน
โม่จ้านที่พยายามทำตัวสุขุมยกถ้วยน้ำชาขึ้น ยังคงสงวนท่าทางเช่นผู้มีคุณธรรมเอาไว้
ข้าจะทำสิ่งใดได้ ข้าเองก็สิ้นหวังมิน้อยเช่นกัน หรือจะให้ข้าบอกว่าข้าปล้นคุณชายน้อยของเ้าเพราะความมุทะลุในชั่ววูบ? เช่นนั้นตนคงจะกลายเป็อาชญากรถูกประกาศจับเข้าจริงๆ แล้ว
เมื่อเห็นท่านอัศวินมิเอ่ยสิ่งใด ป๋อเก๋อก็มิอยากรนหาเื่อึดอัดใจให้ตนเองจึงกลับไปยังกลุ่มผู้คุ้มกัน เมื่อเห็นคุณชายน้อยที่แววตาเหม่อลอยในรถม้า พ่อบ้านเฒ่าพลันเกิดความคิดอยากจะหยอกล้อสักหน่อย
“คุณชายน้อยฉิวอินขอรับ”
“ห๊ะ! ป๋อเก๋อ เ้าเ้าเ้าเหตุใดเ้ามายืนอยู่ด้านหลังข้า?”
ฉิวอินที่กำลังเหม่อลอยสั่นสะท้าน เห็นได้ชัดว่าถูกทำให้ใจนสะดุ้งโหยง
“ข้ากำลังคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ขอรับ จำต้องรายงานเื่ค่าจ้างของท่านโม่เจ๋อเอ่อร์ด้วย” ป๋อเก๋อถือสมุดบัญชีด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง
“อย่าได้ทำเช่นนั้นเป็อันขาด! ข้าจะใช้เงินส่วนตัวของข้าชดเชยเอง!” ฉิวอินได้ยินเช่นนั้นพลันตื่นตระหนกและเริ่มกระทืบเท้าด้วยความร้อนรน
“เพราะเหตุใดหรือขอรับ?” ป๋อเก๋อมองคุณชายน้อยที่เกาหูเกาแก้มด้วยแววตาเจือรอยยิ้ม
“...ต้อง...ต้องถูกดุแน่!” ฉิวอินทั้งร้อนใจระคนโมโห มิใช่เื่ง่ายกว่าจะหาข้ออ้างที่เหมาะสมมาหนึ่งข้ออ้าง
“ถ้าท่านแม่ได้ยินว่าข้าใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายระหว่างเดินทาง จะต้องหักเงินค่าครองชีพของข้าแน่!”
“ถ้าเช่นนั้นครั้งหน้านายน้อยอย่าได้ทำเช่นนี้อีกนะขอรับ หากอยากดูอัศวินแห่งราชวงศ์ ราชอาณาจักรอันปู้เอ่อร์ของพวกเราก็มีเช่นกัน รอกระทั่งถึงวันพระราชสมภพขององค์มหาราช สามารถบอกให้ข้าพาท่านไปดูได้ขอรับ”
พ่อบ้านเฒ่าพยักหน้าพลางเผยรอยยิ้มรักใคร่เอ็นดู เห็นทีมิใช่ว่าคุณชายน้อยจะมิรู้ความไปเสียทั้งหมด ยังรู้ว่าการทำเช่นนี้เป็การใช้เงินฟุ่มเฟือย
“...ตกลง”
ฉิวอินก้มหน้าลงอย่างมิเต็มใจ ความโเี้และความแข็งแกร่งของอัศวินผู้นั้นได้สร้างรอยดำในใจของคุณชายน้อยเข้าเสียแล้ว--- เ้าคนที่สามารถต่อต้านผู้ร่ายเวทในฝันร้ายได้อย่างสิ้นเชิง แม้จะอยู่ในเผ่าปีศาจก็ต้องมิใช่ปีศาจธรรมดาทั่วไป นอกจากนั้นปีศาจแฝงฝันตัวผู้ที่ดูดกลืนพลังิญญาของสตรีโดยเฉพาะ นึกมิถึงว่าจะถูกบุรุษบีบบังคับเพื่อดูดพลังิญญา นับเป็ความอัปยศอย่างถึงที่สุด ขณะมองสายตาเป็ห่วงและท่าทางคล้าย้าจะเอ่ยบางสิ่งแต่ชะงักเอาไว้ของน้องสาว ตนก็นึกอยากจะขุดหลุมแล้วแทรกแผ่นดินหนีเสียเหลือเกิน
วันที่ไร้เื่วุ่นวายใดๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว โม่จ้านได้รับเงินค่าตอบแทนและแยกทางกับขบวนผู้คุ้มกันของตระกูลไอเส่อเอ่อร์
“ต้องขอบคุณท่านเป็อย่างยิ่งที่คุ้มกันมาตลอดการเดินทาง”
ป๋อเก๋อยื่นมือออกมา บอกลาโม่จ้านราวกับได้ยกูเาออกจากอก
“ทำงานรับเงิน เป็การค้าธรรมดาทั่วไป”
โม่จ้านคลี่ยิ้มพลางจับมือกับป๋อเก๋อ จากนั้นส่งสายตาให้พ่อบ้านเฒ่า
“จะว่าไปแล้ว ข้าต่างหากที่ควรจะเป็ฝ่ายกล่าวขอบคุณ”
ป๋อเก๋อมองแววตาเย้ยหยันของอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
“สินค้าในขบวนของท่านถูกปล้นไปจนหมด มิคาดว่าจะยังมีเงินจ่ายค่าตอบแทนข้า ช่างรักษาคำพูดเสียจริง”
โม่จ้านจดจ้องดวงตาทั้งสองข้างของป๋อเก๋อ ทำเอาแผ่นหลังของป๋อเก๋อมีเหงื่อเย็นผุดออกมาก่อนเบนสายตาออกห่างอย่างยากลำบาก
“…อะแฮ่ม จำต้องขออภัยอย่างยิ่งที่โกหกท่าน ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะคำนึงถึงความปลอดภัย ได้โปรดรับคำขอโทษจากใจจริงของผู้น้อยด้วยเถิดขอรับ”
ป๋อเก๋อที่ลำบากใจอย่างมากค้อมเอวเก้าสิบองศา โม่จ้านโบกมือสื่อว่ามิถือสาอันใด ก่อนหันหลังสาวเท้าจากไป
หลังคิดใคร่ครวญมาตลอดทั้งบ่าย โม่จ้านสามารถวางยาชาตัวเองได้สำเร็จอย่างราบรื่น— รูปลักษณ์จำแลงของปีศาจแฝงฝันที่ถูกบีบบังคับขู่เข็ญมิใช่คุณชายน้อยเสียหน่อย ดังนั้นตนมิได้ก่ออาชญากรรม ส่วนเื่ ‘ปล้น’ พลังิญญา…นั่นก็เป็เพราะปีศาจแฝงฝันใช้แผนการกับตนก่อน ตนจึงได้ตอบโต้กลับ อีกทั้งมิใช่ว่าพลังิญญามิอาจฟื้นฟู เขาเองก็มิได้ประโยชน์อันใดเช่นกัน เพียงข่มขวัญอีกฝ่ายเท่านั้น ผลสรุปคือแทบจะเสมอกัน
ข้ามิผิด ผู้ที่ผิดคือปีศาจแฝงฝันนั่น ดวงตาทั้งสองข้างของโม่จ้านมองท้องฟ้าพลางเอ่ยพึมพำ