เช้าตรู่เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ัดำลืมตาตื่นตามเวลาเป๊ะ เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่อิดออด เธอรู้สึกล้าเล็กน้อย แต่กลับนั่งลงบนรถเข็นไฟฟ้าได้อย่างคล่องแคล่ว
ก่อนจะแปรงฟัน ัดำได้ตั้งขาตั้งวาดรูปไว้ข้างหน้าต่าง เธอปล่อยให้แสงแดดส่องผ่านลงมายังบนกระดานวาดภาพซึ่งใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว
ัดำในชุดนอนมาถึงหน้ากระดานวาดภาพ เธอฮัมเพลงกล่อมเด็กเบาๆ ในขณะที่ผสมสี หญิงสาวที่อยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ใช้สีน้ำมันตกแต่งลำแสงแห่งเทพธิดาที่สาดส่องลงมาอย่างเป็ธรรมชาติ
ณ ขณะนั้น เซี่ยวอี๋ก็ยังคงนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนที่นอนเนื่องจากอาการ Jet Lag คนเดียวที่ได้ชื่นชมความงามของเธอก็คือเสิ่นิผู้ซึ่งลุกขึ้นนั่งบนโซฟาพร้อมกับัดำที่ลืมตาตื่น
ในขณะที่ัดำผสมสีและพร้อมที่จะลงพู่กัน เสิ่นิที่ยากจะคาดเดากลับดึงม่านลงอีกครั้ง และเปลี่ยนเป็การใช้แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะแทน
“คุณรู้ไหมว่าตัวเองน่ารำคาญ?” มือก็ถือพู่กัน ัดำหันไปกล่าวด้วยความขุ่นเคืองใจ “ภาพวาดของฉันสื่อถึงผู้คนที่เดินบนถนนท่ามกลางแสงแดดยามเช้า ไม่ใช่ภาพเวลากลางคืนภายใต้แสงไฟจากโคมไฟนี่ ถ้าไม่มีแสงแดด ก็ไร้ความรู้สึก”
“ขอโทษที ผมไม่เข้าใจในงานศิลป์ แต่ผมรู้ว่าสำหรับพลซุ่มยิงแล้ว จุดกระทบแสงเป็จุดที่เหมาะที่สุดสำหรับการโจมตี การที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างอย่างสงบนิ่ง ช่างเป็เป้าหมายที่หวานหมูที่สุด” เสิ่นิดื้อดึงเหมือนกับก้อนหิน
“วาดไม่ได้แล้ว เปลี่ยนกระดานใหม่ให้ฉันที” ัดำดึงภาพบนกระดานออก เธอได้แต่ปรับแต่งโทนสีใหม่เพื่อสร้างสรรค์ภาพวาดผืนใหม่ หลายปีมานี้ การวาดภาพในยามเช้าก็เหมือนกับการออกกำลังกายตอนรุ่งสางของใครหลายๆ คน มันกลายเป็ความเคยชินของเธอไปแล้ว
เธอคุ้นเคยกับการแปลงทุกอย่างให้เป็รหัส เหมือนกับภาพวาดของเธอ ก่อนที่จะเริ่มแต้มสี เธอจะเขียนตัวเลขไว้ที่มุมภาพ “1314” นี่คือภาพใหม่
“ถอดเสื้อออก แล้วถือโคมไฟไว้” ัดำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“คุณคิดจะทำอะไร?” เสิ่นิสงสัย เขาไม่ได้ให้บริการด้านสรีรวิทยา หรือต่อให้เขาให้บริการ ก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม
“มืดแบบนี้ คงวาดได้แต่สรีระแล้วล่ะ เป็แบบให้ฉันหน่อย ฉันไม่ได้สั่งให้คุณไปฆ่าคน น่าจะไม่มีปัญหาใช่ไหม?” ัดำกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
เสิ่นิไม่กล่าวให้มากความ เขาปลดกระดุมเสื้อและวางชุดสูทไว้บนโซฟาอย่างเป็ระเบียบ
“ห้อยปืนไปที่ด้านหลัง ไม่ต้องถอดกางเกง ฉันไม่ใช่ Michelangelo ไม่สนใจวาดนกเขา” ัดำเปรียบเสมือนกำกับหุ่น แต่เมื่อเธอเห็นรอยแผลเป็บนร่างกายของเสิ่นิ เธอก็พูดอะไรไม่ออก
นี่คือเื่ราวของชายคนหนึ่ง เื่ราวนั้นเต็มไปด้วยะุและการนองเื เขายืนอยู่ภายใต้แสงไฟจากโคมไฟโดยมีสายคล้องปืนลูกโม่ลายงูหลามพันอยู่ที่ลำตัวส่วนบน กล้ามเนื้อเรืองแสงโดยที่ไม่ต้องทาน้ำมันมะกอก แผลเป็อันน่ากลัวราวกับกำลังอ้าปากบอกัดำเกี่ยวกับต้นกำเนิดของพวกมัน
“คุณคลานกลับมาจากนรกหรือยังไงกัน?” ัดำกล่าวเป็เชิงชื่นชม
“ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามคุณ” เสิ่นิกล่าวอย่างเ็า “หรือเราจะมาเล่นเกมกัน ผลัดกันถามคนละคำถาม ถ้าเจอเื่ที่ไม่อาจตอบได้จริงๆ ก็แค่ขอข้าม เปลี่ยนเป็คำถามอื่น”
“คุณบอดี้การ์ด คุณช่างโชคดีเหลือเกิน ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้กำลังอารมณ์ดี เรามาเล่นกันก็ได้” ัดำกล่าวพลางยิ้มหวาน มือของเธอลงพู่กันด้วยความชำนาญ นายแบบชั้นเยี่ยมเป็ที่ชื่นชอบของจิตรกร เช่นเดียวกับ Mona Lisa ของ Leonardo
ร่างกายของเสิ่นิเป็ร่างชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ัดำเคยเห็นมา ไม่เพียงแต่กล้ามเนื้อทั่วร่างเท่านั้นที่ผ่อนคลาย แต่ชั้นไขมันเองก็ยังต่ำมาก รอยแผลเป็จากการทำงานอย่างทุ่มเทพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็เพียงแค่แจกันที่เพาะกาย มันแสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของการสู้รบเฉกเช่นบุรุษเพศ เช่นเดียวกันกับสิงโตซึ่งมีรอยบากอยู่บนใบหน้า
“ผมเข้าร่วมในสนามรบตอนอายุ 16 ใช้เวลา 10 ปีในการสู้รบชนิดที่ไม่เคยมีฉายให้เห็นทางโทรทัศน์ ก็เลยกลายเป็แบบที่เห็น” เสิ่นิตอบคำถามของัดำอย่างเย็นใจ ก่อนจะถามเธอกลับ “ทำไมคุณถึงพิการ?”
“14 ปีก่อน ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ กระดูกขาและหัวเข่าหักทั้งสองข้าง จากนั้นฉันก็เต้นรำไม่ได้อีกเลย” ัดำสะบัดลวดลายวาดเค้าโครงของเสิ่นิอย่างคล่องแคล่ว “ทำไมคุณถึงมาเป็บอดี้การ์ด?”
“มันเป็ธุรกิจที่พ่อแม่ผมสร้างมาด้วยความอุตสาหะ ตอนนี้ตระกูลเสิ่นเหลือผมแค่เพียงคนเดียว ผมไม่อยากเสียธุรกิจไป กลัวตายไปแล้วไม่มีหน้าให้คำอธิบายกับพ่อเฒ่า” เสิ่นิถอนหายใจเบาๆ “คุณเป็ผู้หญิงตัวคนเดียว ทำไมถึงได้อยู่ในตำแหน่งประมุขของม่านไม้ไผ่ในเขตสหรัฐได้?”
“ถามได้น่าฟังมาก ไม่ใช่แค่มาเฟียคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?” ัดำพ่นลมออกทางจมูก “อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 21? แน่นอนว่าคือพร์ อันที่จริงแล้ว โลกของมาเฟียเป็โลกที่ขาดแคลนพร์เป็ที่สุด หลายร้อยปีมาแล้วที่ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความรุนแรง ฆ่าล้างแค้น อาชญากรรม สิ่งเหล่านี้ไม่สอดคล้องกับยุคสมัยอีกต่อไป ถ้าไม่เปลี่ยนความคิดและใช้วิธีการใหม่ๆ จัดการกับเส้นทางโลกใต้ดิน มันก็จะถือว่าเป็อุตสาหกรรมขาลง
ฉันมีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือทุกสิ่งที่ผ่านตาฉันไปแล้ว ฉันจะไม่มีวันลืม ฉันแค่แปลงทุกสิ่งรอบตัวให้เป็ตัวเลข และเมื่อฉันบันทึกมันไว้ในสมอง ฉันก็จะไม่มีวันลืม อีกอย่างฉันจบปริญญาโทด้านการบริหาร ไอคิว 140
เปลี่ยนเป็ตาฉันถามแล้ว น้องชายคุณยาวแค่ไหน?”
“นั่นก็แล้วแต่ ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ยาวที่สุด 18 เซนฯ” สีหน้าของเสิ่นิไม่เปลี่ยนไปในขณะที่ตอบคำถามที่ผิดวิสัยได้อย่าง ‘เฉียบคม’ “คุณยังมีญาติอยู่บนโลกนี้ไหม?”
“ไม่มี อุบัติเหตุรถยนต์พรากพ่อแม่และขาของฉันไป มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุเท่าไร?” ัดำถามต่ออย่างเผ็ดร้อน
“ตอน 15 คนฉลาดอย่างคุณ ทำไมถึงมาเป็มาเฟียล่ะ?” เสิ่นิเร่งความเร็ว
“เพื่อมีชีวิต หญิงพิการคนหนึ่ง สามารถกุมบังเหียนนักเลงได้ ใครๆ ก็ไม่กล้ารังแกฉัน มันดีเสียนี่กระไร คุณเคยฝันถึงแม่สาวขายาวเบอร์ 2 นั่นไหม?” ที่มุมปากของัดำปรากฏรอยยิ้มอันชั่วร้าย
“...เคย...” เสิ่นิยอมรับเบาๆ “คุณมีทางรอดจากสถานการณ์ปัจจุบันไหม?”
ัดำหยุดฝีแปรงและหันไปมองเสิ่นิ “ข้าม”
“คุณรู้เบาะแสของเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ไหม?” เสิ่นิพุ่งไปที่ต้นตอของปัญหา
“ข้าม”
“นักบัญชีกับคุณสมรู้ร่วมคิดกันหรือเปล่า?”
“ข้าม”
“คุณพูดความจริงสักข้อได้ไหม?” เสิ่นิกล่าวอย่างเ็า
“ได้ สิ่งที่ฉันเพิ่งบอกคุณไปล้วนแต่เป็ความจริง ถ้าอย่างนั้นช่วยตอบคำถามสุดท้ายของฉันหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้รู้ภาวะจนตรอกของฉัน แล้วยังยินดีที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไปหรือไม่?” คำถามก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็คำถามที่กระเซ้าเย้าแหย่ แต่นี่เป็คำถามที่ัดำอยากทราบมากที่สุด
“เพราะคุณมีเงิน และผม้าเงิน” การตอบคำถามของเสิ่นิยุติเกมอันตึงเครียดนี้ ภาพวาดของมนุษย์รหัส 1314 ก็เป็อันเสร็จสิ้นเช่นกัน
“ผมไม่เข้าใจงานศิลป์ แต่คุณวาดได้ดี” เสิ่นิสวมเสื้อผ้าและเดินตรงไปที่ด้านหลังของัดำ นี่เป็ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองหล่ออยู่บ้าง ชายบนผืนผ้าใบมีดวงตาอันเฉียบคม เส้นกล้ามเนื้อและรอยแผลเป็ขับกล่อมซึ่งกันและกัน ลายเส้นถือว่าอยู่ในระดับขั้นปรมาจารย์
“ถ้านายชอบ ฉันยกให้ ถ้าฉันตาย ภาพนี้จะมีค่า นี่ถือเป็รางวัลแด่ความซื่อสัตย์ของคุณ” ัดำใช้น้ำล้างพู่กัน และนั่นทำให้ 2 ตื่น เธอ้าอาบน้ำอีกครั้ง...
ัดำจะอาบน้ำนมบริสุทธิ์วันละสองครั้ง คาดว่าครอบครัวของเธอคงจะเคยทำฟาร์มปศุสัตว์มาก่อน
เมื่อทานอาหารเช้าอย่างเรียบง่ายแล้ว ขบวนรถของัดำก็เคลื่อนตัวออกเดินทางอีกครั้ง งานในวันนี้เป็งานประชุมของผู้นำทั้ง 7 การประชุมถูกจัดขึ้นเดือนละครั้ง ทุกคนจำเป็ต้องเข้าร่วม ระบบนี้ถูกเสนอขึ้นั้แ่เมื่อ 3 ปีก่อนโดยัดำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารให้แก่ทุกคน หากมีข้อขัดแย้งก็จะได้ถกกันบนโต๊ะให้ชัดแจ้ง เพื่อลดการปะทะที่รุนแรง
ที่ผ่านมา สถานที่นัดหมายมักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้สถานที่จัดการประชุมก็คือเวกัส ทั้งหมดนั่นก็เป็เพราะเงินคอร์รัปชันที่หายไป
“สวมซะ” หลังจากขึ้นรถตู้แล้ว เสิ่นิก็ยื่นเสื้อเกราะกันะุให้กับเซี่ยวอี๋และัดำคนละชุด
เซี่ยวอี๋สวมมันไว้ในสูทอย่างว่าง่าย แต่ัดำกลับผลักมันไปไว้ด้านข้าง “ขอบคุณ ถ้าฉันต้องใส่ชุดแบบนี้ คงไม่จำเป็ต้องเสียเงินจ้างพวกคุณแล้ว”
“2 ใส่ทับไปอีกตัว” เสิ่นิพูดพลางยื่นอีกชุดให้กับเซี่ยวอี๋
“ใส่สองตัว? สมองนายมีปัญหาหรือเปล่า? ไอ้นี่มันรัดหน้าอกจะแย่” เซี่ยวอี๋ขมวดคิ้ว เห็นๆ ว่าชุดเกราะไม่ได้คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้หญิง โดยเฉพาะสาวอึ๋มผู้มีหน้าอกขนาด 32C อย่างเธอ
“ใส่ไปเถอะน่า หากเราตกอยู่ในอันตราย คุณจะได้ช่วยบังะุให้นายจ้าง ความหนา 2 ชั้นน่าจะต้านะุได้สัก 7.62 มิลลิเมตร” คำว่า “น่าจะ” ของเสิ่นิกระทบเข้าที่โสตประสาทของเซี่ยวอี๋ ผู้ช่วยบอดี้การ์ดซึ่งรักตนเอง จำต้องกลายมาเป็ “มนุษย์กันะุ”
ขบวนรถ 5 คันเคลื่อนออกจากสำนักงานใหญ่ของม่านไม้ไผ่ เวกัสในยามเช้าช่างห่างไกลจากความครึกครื้น แสงแดดที่แผดจ้าและอากาศที่แห้งผากช่างทำร้ายผู้ที่สัญจรไปมา ประชากรมากกว่า 70% ของเวกัสเป็สัตว์หากินยามราตรี ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็ผู้อยู่อาศัยชาวท้องถิ่น
ห่างจากตัวเมืองไปไม่ไกล มีถนนเส้นหนึ่งชื่อว่า “ถนนคนเดินฮวาเหลียน” เป็ย่านชาวจีนเล็กๆ ซึ่งรวมชาวไต้หวันที่ย้ายมาอาศัยและปักหลักอยู่ที่นี่ หลักๆ ก็จะขายผักผลไม้ ของใช้ในชีวิตประจำวันต่างๆ และแน่นอนว่าเป็อาณาบริเวณของม่านไม้ไผ่ด้วย
หลังจากขึ้นรถมา ัดำก็ยุ่งมาก เธอใช้ไอแพดตรวจเช็กอีเมลที่ลูกน้องส่งมาให้ตลอด ัดำลงรายละเอียดกับผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องรายงานเป็รายบุคคล เื่ที่ไม่ต้องให้ัดำจัดการ ก็เขียนรายงานมาให้เธอ อะไรที่จำเป็เธอก็จะจัดการด้วยตัวเอง
“อ้อมไป ไปถนนคนเดินฮวาเหลียน” ัดำกำชับคนขับ
“่เวลานี้ คนออกมาซื้อของกันเยอะนะ” เสิ่นิเตือนสติ
“เื่สำคัญที่เกี่ยวกับความอยู่รอดของแก๊ง จำเป็ต้องจัดการ ถึงตายก็ต้องไป” ัดำดื้อด้านเสียยิ่งกว่าเสิ่นิ
ขบวนรถเปลี่ยนเส้นทางอย่างช่วยไม่ได้ รถขับตรงเข้าสู่ทางเข้าของถนนคนเดินฮวาเหลียน ัดำยืนกรานว่าให้คนอื่นๆ รออยู่ในรถ ท่าทางดุร้ายของลูกน้องนั้นพานจะทำให้ผู้คนหวาดกลัว มีเพียง 1 และ 2 เท่านั้นที่ติดตามเธอไปยังจุดเกิดเหตุ
ัดำพูดถึงเื่สำคัญอันเป็เหตุของความอยู่รอดของแก๊ง ปรากฏว่าเถ้าแก่ของทั้งสองร้าน #406 และ #407 มีปากมีเสียงกัน ทำให้ผู้คนโดยรอบที่สัญจรไปมาต่างพากันหยุดมุงดู
นักเลงโตที่รับผิดชอบคุมถนนสายนี้พาน้องชายสองคนมาหาเื่ทะเลาะเบาะแว้ง แต่เถ้าแก่สองคนนั้นจ่ายค่าคุ้มครองแล้ว จึงคิดว่าพวกเขาคือคนที่มาช่วยเหลือตน ยิ่งทะเลาะก็ยิ่งออกรส ลุงหกที่ขายผักร้าน 406 หน้าแดงหน้าดำถือมีดหั่นผักไว้ในมือ ป้าเจ็ดร้าน 407 ก็ไม่น้อยหน้า แบกแตงโมขึ้นบ่าพร้อมกับเหวี่ยงไป
“เื่นี้คุณก็ต้องจัดการเองด้วยหรือ?” เซี่ยวอี๋เข็นรถเข็นพลางขมวดคิ้ว
“แน่นอนสิ” ัดำอมยิ้ม