ต้นฝน ซาโยโกะจัง.....
“มึงต้องพาตัวมินตรากลับมาหากูให้ได้ ไม่งั้นมึงตาย!!!” โห้โหดซะด้วยเว้ยอีตานี่ ฉันค่อยๆ ย่องเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนหันหลังให้ฉันและมองหาอาวุธรอบๆ ตัวแต่แล้วก็ไม่มีอะไรมาเป็อาวุธให้ฉันได้เลยน่ะสิ
“เออใช่” ฉันเอ่ยขึ้นเมื่อมองต่ำลงไปและสบสายตาเข้ากับรองเท้าส้นสูงส้นตึกของฉันคู่นี้ ฉันรอบยิ้มขึ้นมาและค่อยๆ ก้มลงไปถอดรองเท้าส้นตึกของตัวเองมาถือไว้ และค่อยๆ ย่องเข้าไปแนบชิดกับร่างสูงนั้น เขาสูงกว่าฉันมากเลยน่ะเนี่ย หัวฉันอยู่แค่ไหลเขาเองแฮะ
พรึบ
“อย่าขยับไม่งั้นฉันยิงนายไส้แตกแน่!” ฉันเขย่งปล่ยเท้าอีกข้างให้ขึ้นไปเทียบตัวเขาและใช้มือไปคล้องคอของชายผู้โชคร้ายคนนั้นไว้ส่วนมืออีกข้างก็ใช้ปลายส้นตึกจี้ไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างหนักๆ เพื่อทำให้เขาเชื่อว่าวัตถุที่ฉันใช้ในการปล้นครั้งนี้เป็ปืนจริงๆ
“อะอะไรของเธอ เล่นอะไรอยู่เนี่ย!” ร่างสูงสบถออกมาเป็ภาษาไทยเพราะฉันพูดภาษาไทย เขาฟังภาษาไทยรู้เื่เหรอ?
“อย่าหันอย่าขยับไม่งั้นฉันยิงนายแน่!”
“คนไทย?”
“ก็ใช่น่ะสิ เห็นเป็คนญี่ปุ่นเหรอไง ถามแปลกๆ!” ฉันพูดใส่อารมณ์กับเขาและพูดเสียงเข้มให้ดูน่ากลัว
“ใครจ้างเธอมาให้ฆ่าฉัน” เขาไม่ได้ขยับตัวแต่เอ่ยถามฉันกลับมาด้วยความสงสัย
“เอ่อออ” ฉันอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้จะบอกว่าใคร เพราะไม่มีใครจ้างฉันให้มาฆ่าหมอนี่นี่หน่า
“มันจ้างเธอมาเท่าไหร่?” เขาถามฉันกลับมาพร้อมกับทำท่าทางขยับ ฉันจึงรัดคอเขาให้แน่นขึ้น
“โอ้ว ฉันจะหายใจไม่ออกอยู่แล้วเนี่ย!” เขาโวยวายใส่ฉัน
“อย่าแตะตัวฉัน!!” ฉันก็โวยใส่เขาทันทีที่มือหนาของเขากำลังจะจับโดนแขนของฉัน และฉันก็ใเผลอปล่อยมือจากคอเขาเพราะฉันกลัวการแตะเนื้อต้องตัวเป็ที่สุด
พรึบ
“แฮ่กๆๆๆ เกือบตายหายใจไม่ออก” เขาบ่นขึ้นและเขาก็จับเชือกเนทไทของเขาให้คลายคอลงฉันรีบใช้มือปัดตามแขนของตัวเองและถูไปมาจนรู้สึกเจ็บแสบ
“อะไรจะขนาดนั้นแม่คุณ!” เขาหันมามองการกระทำของฉัน แต่ฉันก็ยังไม่เลิกใช้มือถูไปกับต้นแขนของตัวเอง ท่าทางที่ฉันเป็มันแสดงออกได้เลยว่าฉันรังเกียจเขา
“ผมไม่ได้สกปรกซกมกโสโครกขนาดนั้น!” เขาเดินมาประชิดร่างฉันอย่างไว ฉันก็ถอยหลังหนีเขาอย่างไวเช่นกันตามสัญชาตญาณ
พรึบ
“โอ้ย!” ฉันร้องออกมาด้วยความใและเ็ปเมื่อแผ่นหลังของฉันไปชนเข้ากับต้นไหม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังฉัน
พรึบ
“คุณไม่ต้องมาเฉไฉบอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใครส่งคุณมา?” ชายร่างสูงเดินเข้ามาแนบชิดตัวฉันและเขาก็ใช้ท่อนแขนแข็งแรงกั้นทางไม่ให้ฉันออก ฉันก็เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาแต่ฉันก็มองเขาไม่เห็นหรอกเพราะที่ตรงนี้มันมืดมาก
“อื้อออ” ฉันหลับตาปี๋เบนหน้าหลบปลายจมูกโด่งของเขาที่อีกนิดเดียวก็จะมาชนเข้ากับโครงแก้มของฉันอยู่แล้ว
“สวย ใหญ่”
“อะไรใหญ่ย่ะ?” ฉันเบือนหน้ากลับไปหาเขาและเอ่ยถามเขาด้วยความไม่พอใจและในจังหวะนั้นแก้มของฉันก็ไปชนเข้ากับจมูกที่โด่งเป็สันของเขาเข้าอย่างจัง
“ฟอดดดดดด”
“นี่! นายหอมแก้มฉันเหรอ!!” ฉันโวยใส่เขาเสียงดังยื่นมือขึ้นมากุมแก้มตัวเอง
“คุณหันแก้มของคุณเข้ามาหาจมูกของผมเองนะ” เขาพูดด้วยนำ้เสียงเฉยชา อีตาบ้า!!! ช่างกล้าพูด ฉันก็เขินเป็น่ะเว้ย!
“แล้วนายสูดดมทำไมเล่า!!!” ฉันโวยกลับก็อีตาบ้านี่มันสูดดมกลิ่นแก้มของฉันน่ะสิ
“มีโอกาสก็ต้องกอบโกย” เขาตอบมาหน้าตาย ทำให้ฉันเริ่มที่จะโมโหเขาแล้วน่ะ
“ไอ้คนฉวยโอกาส!”
“ใครฉวยโอกาส ผมน่ะเหรอ?” เขาทำนำ้เสียงยียวนกวนประสาทฉัน ถึงฉันจะมองไม่เห็นหน้าเขาแต่ฉันก็มั่นใจว่าหน้าตาของอีตานี่ต้องเห่ยมากแน่ๆ
“ก็ใช่ไง!”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาสเลยน่ะ ก็คุณทำงานพลาดฆ่าผมไม่ได้อีกไม่นานคุณก็จะต้องโดนนายจ้างของคุณสั่งเก็บ” เขาบอกฉันมาและเริ่มขยับใบหน้าเข้ามาหาฉันใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนฉันได้ยินเสียงหัวใจของฉัน ไม่สิมันสองเสียงนะ
ตึกตักตึกๆ ตึกตักตึกตักๆ
ฉันหลับตาปี๋เมื่อฉันรับรู้ได้ว่ามีปลายจมูกนุ่มไม่คลอเคลียอยู่ตรงบริเวณซอกคอของฉัน
“ถ้าคุณไม่บอกผมว่าใครจ้างคุณมา ผมปล้ำคุณตรงนี้แน่!” เขากดเสียงต่ำกระซิบที่ข้างหูฉัน ทำให้ฉันขนลุกซู่แต่แปลกแหะ ทำไมฉันไม่รู้สึกขยะแขยงหมอนี่กันนะ?
“จะบอกหรือไม่บอก” เขากดเสียงต่ำถามฉันอีกครั้งแต่ครั้งนี้เขาเม้นริมฝีปากขบติ่งหูฉันเบาๆ เพื่อตอกย้ำให้ฉันพูด ฉันจะพูดได้ยังไงเล่า!! ก็ไม่มีใครจ้างฉันมาทั้งนั้นแหละโว้ยยยยย! มันจะคาดคั้นอะไรฉันหนักหนาว่ะ!
“อื้อออออออ” ฉันร้องออกมาพลางเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเพราะไอ้เห่ยนี้มันค่อยๆ ลากปลายจมูกของมันมาจากซอกคอมาเรื่อยๆ จนจะถึงริมฝีปากของฉันอยู่แล้ว
“ห๊อมหอม”
“ไอ้โรคจิต!!”
“ปากก็ด่าว่าผมไอ้โรคจิตทำท่าเหมือนรังเกียจขยะแขยงผมแต่มือกลับไม่ขัดขืน” เขาเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย มันจะไปพูดไกลๆ ปากฉันไม่ได้รึไงนะ จะจูบกันอยู่แล้วเนี่ย!! จะขัดขืนได้ยังไงล่ะ ก็มือของฉันถือส้นตึกซ่อนไว้ด้านหลังอยู่อ่ะ
“ฉันไม่อยากโดนตัวนายต่างหากล่ะ!!!”
“ทำไมกลัวไฟช็อตรึไง?”
“หรือว่า กลัวหักห้ามใจเวลาอยู่ใกล้ๆ ผมไม่ได้^_^”
“ช่างมั่นหน้าเนอะ” ฉันเอ่ยบอกเขาไปด้วยความหมั่นไส้ อยากจะเห็นหน้าตาของเขาจริงๆ ว่ามันจะหล่อวัวตายควายล้มรึเปล่า!!!!
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเื่เลย ตกลงใครส่งคุณมา?” เขากดเสียงต่ำถามฉันอีกครั้ง ใครจะส่งฉันมาเล่า ฉันนี่แหละส่งตัวเองมา
“ถ้าฉันบอกคุณ คุณจะให้อะไรฉัน” ฉันเอ่ยต่อลองเขาไป ยังไงๆ วันนี้ฉันก็ต้องไปจากที่นี้ให้ได้
“ผมจะไม่ฆ่าคุณ” เขาตอบฉันมา ฉันก็หันไปมองหน้าเขาถึงจะไม่เห็นก็เถอะ
“ฉันขอเงินคุณสักห้าแสนแล้วฉันจะไปให้ไกลจากคุณ และคุณก็จะไม่ได้เจอฉันอีกเลย” ฉันบอกเขาไป เขาก็เงียบไป อะไรของอีตานี่
“เหอะมันจะไม่มากไปเหรอ?”
“และที่สำคัญคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาต่อลองอะไรกับผม”
“มีสิ ไม่งั้นฉันยิงนายแน่!” ฉันพูดขึ้นอย่างคนที่เหนือกว่าและเอาปลายส้นตึกจ่อไปที่หน้าท้องแข็งๆ ของอีตาบ้านี้เพื่อเป็การขู่หลอกเขาว่าฉันฆ่าเขาแน่ถ้าเขาไม่ให้สิ่งที่ฉัน้า
“อ่ะ ก็ได้แต่ผมไม่มีเงินสดนะแต่ผมจะเซ็นเช็คให้คุณแทน” เขาบอกฉันมาแต่นำ้เสียงของเขาไม่ได้แสดงออกว่ากลัวอะไรเลย
“ไม่!” ฉันบอกเขาไปทันขวัน กว่าฉันจะเอาเช็คไปขึ้นเงินมีหวังโดนลูกน้องของท่านมิซานจับได้ซะก่อน
“อะไรของคุณอีกเนี่ย?” เขาหงุดหงิดใส่ฉัน
“ฉันกำลังจะหนีนะคุณ ไม่มีเวลาเอาเช็คของคุณไปขึ้นเงินหรอก!” ฉันโวยใส่เขา
“เออจริงด้วย งั้นเอาไงดี?” เขาพูดและเงียบไปสักพักเหมือนเขากำลังจะใช้ความคิด ฉันก็ยืนนิ่งมือยังคงถือรองเท้าส้นตึกจ่อไปที่หน้าของเขาอย่างไม่รดละ
“เอางี้ ผมมีเงินติดตัวอยู่แค่ไม่กี่เยนแต่เงินสดจำนวนที่คุณพูดถึงอยู่ในรถผม เดี๋ยวผมจะเดินไปเอาให้คุณ” เขาบอกฉัน
“ก็ได้ แต่ถ้านายคิดตุกติกล่ะก็ นายตาย!”
“นี่ก็ขู่จังเว้ย!!” เขาโวยใส่หูฉัน หูฉันแทบแตกน่ะไอ้บ้า!!!
“ฉันไม่ได้ขู่แต่ฉันทำจริงแน่!” ถ้ามันเป็ปืนจริงนะแต่นี่มันเป็ปืนปลอมไง ถ้าหมอนี่รู้ว่าฉันเอาส้นของรองเท้ามาแกล้งทำเป็ปืนเพื่อขู่เขาละก็มีหวังเขาฆ่าฉันทิ้งแน่
“อ่ะๆ ถ้าคุณไม่เชื่อใจผมคุณก็เดินตามผมไปแค่นั้นเอง”
“ก็ได้ งั้นนายก็เดินนำไป!”
“เค” เขาตอบฉันสั้นๆ และถอยจากฉันไป ฉันก็เดินไปเอาส้นตึกจี้แผ่นหลังเขาและออกแรงดันให้เขาเดินนำทางไป
“แล้วนี่ตกลงใครส่งคุณมา?” เขาเอ่ยถามฉันในขณะที่เรากำลังเดินไปตามพื้นหญ้า
“ซาโนะ” ฉันเอ่ยบอกเขาไป ใช่ฉันต้องทำให้คนที่ชื่อซาโนะหายไปจากชีวิตฉันไม่งั้นมีหวังฉันได้แต่งงานกับมันแน่!
“ซาโนะ?” เขาเอ่ยถามฉันกลับมาด้วยความแปลกใจ
“ใช่” ฉันตอบเขาไปด้วยนำ้เสียงหนักแน่น
“มิซาโนะ ซานโต้นะเหรอที่ส่งให้คุณมาฆ่าผม”
“ใช่”
“อืมมมม” เขาอืมยาวเหมือนเขาจะเชื่อฉันน่ะ
“แล้วคุณไปรู้จักกับซาโนะได้ยังไง?”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้จักกับมันสักเท่าไหร่หรอก” ฉันบอกเขาไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรมากและสอดส่องสายตามองไปข้างทางเดินมาตั้งไกลยังไม่เห็นโรงจอดรถเลยน่ะ!
“อ๋อเหรอ แล้วทำยังกับผมอยากรู้คุณอย่างงั้นแหละ”
“นายว่าอะไรนะ!” ฉันเอ่ยถามเขาไปเพราะเมื่อกี้ฉันว่าอีตานี่มันพูดจาแปลกๆ เหมือนตัวเองเป็ซาโนะอย่างงั้นแหละ แต่คงไม่น่าใช่หรอกมั่ง
“เปล๊า” เขาตอบฉันกลับมาด้วยนำ้เสียงกวนโอ้ย
“นี่ นายโกหกฉันรึเปล่าอ่ะ ไม่เห็นมีรถยนต์สักคันเลย!” ฉันโวยใส่เขาไปและจ้องเขม่นไปที่แผ่นหลังกว้างของเขาที่ตอนนี้ฉันเริ่มจะมองเห็นเขาได้ชัดขึ้นเพราะที่แถวนี้มีไฟติดไว้พอให้ความสว่างได้
“ผมไม่ได้โกหกนะ แต่ผมจะพาคุณไปปู้ยี้ปู้ยำตั้งหากล่ะ^_^”
“อะไรนะ!!” ฉันเผลอร้องออกมาเสียงดังด้วยความใทำให้เขาหันมาหาฉันและใช้มือใหญ่ของเขาปิดปากฉันทันที ฉันเบิกตาโตขึ้นเมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่สวยนัยตาสีดำจมูกโด่งเรียวเป็สันริมฝีปากหยักได้รูปสีชมพูระเรื่อใบหน้าที่ขาวใสไร้ที่ติ หล่อมาก!
“คุณ้าอะไรจากผมกันแน่?” เขาเอ่ยถามฉันมาริมฝีปากของเรามีเพียงแค่มือหนาของเขากลั้นไว้ตรงกลางแค่นั้น ลมหายใจอุ่นๆ หอมๆ ของเขาทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันผิดจังหวะและรัวเร็วขึ้น คิ้วของเขาขมวดเกือบจะเป็ปมเมื่อเขามองหน้าฉัน เราสองคนจ้องหน้ากันเนิ่นนานเหมือนที่ตรงนี้มีแค่ฉันกับเขาอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกัน เขาสวมสูทสีดำไม่ได้ผูกเนคไททำให้เสื้อเชิ้ตด้านในถูกปลดกระดุมออกสองเม็ดทำให้ฉันมองเห็นรอยสักที่ต้นคอของเขาผิวๆ ของเขาถูกแต่งเติมไปด้วยรอยสักมากมายแม้กระทั่งที่มือเขายังมีเลย ถึงรอยสักเขาจะเยอะแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถทำให้ความหล่อของเขาลดน้อยลงเลยกลับทำให้เขาดูเท่ห์แบดขึ้นไปอีก เห้ย! นี่ฉันเปลี่ยนสเปคผู้ชายั้แ่เมื่อไหร่!
“จ้องนานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นคนหล่อสิท่า”
“หลงตัวเองชะมัด” ฉันพึมพำพูด
“พูดอะไรนะ?”
“นายก็ปล่อยมือเค็มๆ ของนายออกไปจากปากฉันสิ” ฉันพูดอ้อมแอ้มๆ แต่ก็พอจะทำให้คนฟังรู้ว่าฉันพูดอะไรเพราะเขาไม่ได้ปิดปากฉันแ
น่นเท่าไหร่
“แล้วใช้ปากผมปิดปากคุณแทนอย่างงั้นเหรอ?” เขาจ้องมองตาฉันพลางทำแววตาเป็ประกายแวววับ อีตาบ้านี่!!!
“ใช่!” ฉันก็บ้าจี้ประชดตอบเขาไป อยากจะตบปากตัวเองจริงๆ!
