ย้อนเวลากลับมาเป็แฟนหนุ่มที่ดีแบบ 300%
Chapter 12
/
บุหรี่มวนที่ห้าของวันถูกเคาะออกจากซอง ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นดันมีมือปริศนามากระชากออกจากกลีบปากอย่างไร้มารยาท จานินตวัดสายตามองเบต้าที่รวบผมครึ่งหัวอย่างไม่พอใจและเมื่อเห็นว่ามันเอาบุหรี่มวนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของเขาไปคาบเอาไว้ คนตัวขาวก็อดไม่ได้ที่จะฟาดมือหนัก ๆ ลงบนแผ่นหลังกว้างด้วยความหงุดหงิด
เพียะ!
“ตีกูเพื่อ?”
“ก็มึงกวนตีน” ใบหน้างอง้ำทำเอาพายมันเขี้ยวจนอยากเอื้อมมือไปบีบแก้มกลมแรง ๆ แต่กระนั้นก็ทำได้แค่กัดฟันเข่นเขี้ยวเพราะรู้ดีว่าการแตะเนื้อต้องตัวอีกฝ่ายเกินความจำเป็คงจะไม่เหมาะสมเท่าไร
“แล้วแมวตัวไหนมันบอกกูว่าจะลดบุหรี่ ฮึ?” พอถูกย้อนกลับด้วยคำพูดของตัวเอง จานินหุบปากฉับไม่ยอมโต้ตอบและเลือกที่จะเดินหนีอย่างเช่นทุกทีทว่าคราวนี้พายรู้ทันจึงเลือกที่จะกางแขนบังเอาไว้
“ไอ้พาย”
“ไรล่ะ”
“...”
“มึงเป็ไร ไอ้แซคไม่ทำการบ้านเหรอ”
พลั่ก!
และเป็อีกครั้งที่เขาโดนประทุษร้ายจากคนที่เตี้ยกว่าสิบเซ็นต์แต่ดันหมัดหนักเสียยิ่งกว่าแมนนี่ ปาเกียว หน็อย! เห็นกูไม่สู้หน่อยละเอาใหญ่เลยนะอีตัวดี
“ถอยไป กูจะกลับไปทำงาน”
“กูเห็นมึงลบ ๆ แก้ ๆ อยู่หน้าเดิมมาสามวันละ กลับบ้านไปพักผ่อนเหอะ ถ้าไม่ทันเดี๋ยวกูช่วยเอง” ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ววีกนี้พายกะจะเวิร์กฟรอมโฮมอยู่บ้าน แต่เพราะจานินมันดันหอบเสื้อผ้ามานอนออฟฟิศ ก้มหน้าก้มตาทำงาน เขาเลยต้องลำบาก (แบบเต็มใจ) เก็บเสื้อผ้ามานอนเป็เพื่อนเพราะไม่ไว้ใจจะปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว และก็เป็อย่างที่เห็นสภาพแม่งไม่ต่างจากขี้เหล้าลงแดงเลยสักนิด
“ก็เหี้ยแล้ว นี่มันงานกู”
“อย่าเยอะ กูบอกจะช่วยก็คือจะช่วยเอาไว้โพรเจกต์หน้ามึงค่อยมาทำใช้คืน”
“...”
“ส่วนตอนนี้กลับไปเคลียร์ปัญหาของมึงก่อน หนีไปแม่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก” จานินไม่ใช่ประเภทที่จะหยิบยกเื่ส่วนตัวของตนเองขึ้นมาพูด และพายไม่ใช่พวกขี้เสือกที่เค้นถามกับเพื่อนเพื่อสนองความอยากรู้ แต่จากการคาดเดาสภาพเซื่องซึมเหมือนแมวป่วยถ้าไม่ใช่เื่ครอบครัวก็คงเป็เื่ผัวอย่างไอ้เหี้ยแซค
ซึ่งจากที่ศัตรูหมายเลขหนึ่งควบตำแหน่งแฟนอีกฝ่ายส่งข้อความมาหาเขา เช้า กลางวัน เย็น เพื่อถามไถ่ถึงความเป็ไปของคนข้างกาย พายจึงพอรับรู้ได้ว่าพวกมันมีปัญหากัน โดยปกติไอ้แซคมันต้องมาลากจานินกลับไม่ก็พาลมาด่าเขาเพราะความหึงหวงแต่นี่นอกจากไม่โวยวาย ไม่ทำตัวชาติเปรตแล้วอีกฝ่ายยังดูสงบซ้ำยังฝากพายดูแลจานินราวกับแม่งไม่เคยรู้ว่าเขาคิดกับเมียมันเกินเพื่อน
โคตรแปลก
แต่เป็ความแปลกในทางที่ดี
“กูขอโทษที่ทำตัวเป็ปัญหา”
“กูบอกให้มึงกลับไปเคลียร์ปัญหา ไม่ได้บอกว่ามึงทำตัวเป็ปัญหา” พายโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวกับแววตาที่ไร้ซึ่งความสดใสคนที่ชอบมันฉิบหายเช่นเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจเจ็บ
“ตอบแชตแฟนมึงหน่อยก็ดี มันเป็ห่วง” แม้ภายในใจจะรู้สึกต่อต้านแต่กระนั้นเขาก็ไม่ใช่พวกฉวยโอกาสในตอนที่คนทั้งคู่ทะเลาะกัน หากอยากแย่งมา แน่นอนว่าคนอย่างพายย่อมทำแบบซึ่ง ๆ หน้าไม่ใช่แอบกระทำลับหลังดั่งเช่นพวกขี้ขลาด
“แซคโทรหามึงเหรอ”
“เออ ทั้งโทรทั้งส่งข้อความ แม่ง น่ารำคาญฉิบหาย”
“กูขอโทษแทนมันด้วย” พอเห็นเพื่อนสนิททำหน้ารู้สึกผิด มือหนาก็โบกปัดเป็เชิงบอกว่าช่างมัน เอาจริง ๆ เขาก็บ่นไปงั้นแหละ มันไม่ได้รัวข้อความมาเหมือนตอนที่ด่าเขา อย่างมากก็ จานินทำอะไร กินข้าวหรือยัง เป็คำถามที่ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่จะตอบ
“คิดมาก มึงตอบแชตมันหน่อยแล้วกัน เห็นแล้วสงสาร”
“...”
“จะโกรธจะยังไงก็ช่วยตอบให้มันรับรู้ทีเถอะว่ามึงสบายดี ไม่ได้จะเข้าข้างมันนะเว้ย แต่คนรอมันทรมาน จำไม่ได้เหรอที่พวกมึงทะเลาะกันแล้วมันหนีออกจากห้อง แถมโทรก็ไม่รับ แชตก็ไม่ตอบ สภาพมึงตอนติดต่อมันไม่ได้อะโคตรแย่เลยรู้ปะ”
“...”
“ซึ่งตอนนี้น่ะสภาพไอ้แซคแม่งก็ไม่ต่างจากมึงเลย”
และอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
“พาย”
“ว่า”
“มึงเคยมีความรักไหมวะ” รักข้างเดียวนี่นับไหม
“เคยดิ” เ้าของใบหน้าเรียวหันมามองเขาก่อนจะเผลอขมวดคิ้วมุ่นซึ่งพายรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร
“แต่ไม่ได้คบกัน” เพราะเขาไปคบกับคนอื่นก่อน
“มึง โอเคใช่ไหม” ฝ่ามือบางวางทาบลงบนหัวไหล่ของเขาก่อนจะบรรจงลูบมันอย่างเชื่องช้าเป็เชิงปลอบประโลม
“โอเค ว่าแต่มึงเถอะถามทำไมวะ”
“แค่อยากรู้มุมมองของมึง”
“...”
“ถ้าการรักใครสักคนมันบั่นทอน แต่ยังอยากที่จะรักอยู่เป็มึง มึงจะทำไงวะ” จานินเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมองเพื่อนสนิทที่ดวงตาวูบไหวอยู่ครู่หนึ่งแต่กระนั้นก็กลับมาซื่อตรงดังเดิม
“คำตอบมันอยู่ในคำถามเลยเว้ย”
“...”
“ไอ้ที่บอกว่ายังอยากจะรักอยู่นี่ก็เป็คำตอบแล้วปะ ว่าต่อให้มันบั่นทอนตัวเองแค่ไหน มึงก็ยังจะอยู่”
“กู...กูไม่แน่ใจ”
“มึงรู้อยู่แก่ใจ แต่ที่มึงถามกูมึงแค่อยากหาคนสนับสนุนตัวเลือกของมึงเฉย ๆ” พายถือวิสาสะวางมือทั้งสองข้างลงบนหัวไหล่มนของโอเมก้าหลงทาง เขาพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมสายตาไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวเข้า
“ไม่ต้องกลัว เลือกผิดก็แค่เลือกใหม่ มันอาจจะเจ็บหน่อยแต่แพทย์สนามอย่างกูรอแบกมึงอยู่นะ” พายเอ่ยอย่างติดตลกและแน่นอนว่าคำพูดนั้นทำเอาคนที่หม่นหมองมาหลายวันยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ขอบคุณนะ”
“เออ ยินดี”
“ใกล้เลิกงานแล้วไปเตรียมตัวไป เอาเสื้อผ้ามึงไปด้วยเหม็นอับฉิบหาย” เบต้าหนุ่มย่นจมูกประกอบท่าทางก่อนจะวิ่งหลบเป็พัลวันเมื่ออยู่ ๆ อีตัวดีก็เริ่มแผลงฤทธิ์อาละวาดไล่กัดเขายิ่งกว่าหมาบ้า ตอนแรกเอ็นดูแหละ แต่หลัง ๆ เริ่มเจ็บไง จับแม่งโยนลงตึกเลยดีปะ
“ไม่เข้ามาอะ”
“ไปก่อนเลย มวนนี้หมดเดี๋ยวตามไป”
“โอเค”
เมื่อบริเวณนี้เหลือพายเพียงลำพัง บุหรี่ที่ถูกยึดมาจากเพื่อนสนิทก็ถูกจุดสูบเพื่อหวังผ่อนคลายจากทั้งเื่งานและเื่ส่วนตัว ซึ่งในระหว่างนั้นมือหนาก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะกดเข้าห้องแชตที่ถูกตั้งชื่อว่าแซคหมาว้อ พายไม่มัวอารัมภบทเขารีบกดส่งข้อความให้มันมารับจานินในทันที
พาย : มารับเมียมึงกลับห้องด้วยค่า
แซค : จานินยอมกลับห้องแล้วเหรอวะ
พาย : เออดิ
แซค : ขอบคุณนะมึง แล้วก็ขอโทษที่รบกวนบ่อย ๆ รู้แหละว่ามึงช้ำใจแต่เพื่อนกูเยอะเดี๋ยวแนะนำให้รู้จักสักคน
พาย : จะมีเหรอวะ ไทป์ที่กูชอบ
แซค : ละไทป์แบบไหนที่มึงชอบ ไหนลองบอกมาพอสังเขป
พาย : ชอบคนตัวขาว นิสัยเหมือนแมว ทำอาหารไม่เป็ วาดรูปเก่ง จบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมอ AB ชื่อย่อจานิน
แซค : อีควาย นี่เมียกูเนอะ
พาย : 555555555
พายฟลัดเลขห้าใส่ช่องแชตอย่างบ้าคลั่ง และไม่ลืมที่จะปิดท้ายด้วยการกำชับให้มันมารอรับจานินกลับบ้านก่อนห้าโมงเย็น...
ร่างบางก้มหน้าก้มตาพยายามจดจ่อกับงานที่ทำด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่างกาย แต่กระนั้นก็ปล่อยเบลอเพราะคิดว่าตนพักผ่อนน้อยจะภูมิตกก็คงไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ดิไซน์ตัวละครที่จานินส่งไปเมื่อสัปดาห์ก่อนถูกตีกลับมา เพราะฝ่ายนั้นอยากให้เขาเติมดีเทลส่วนชุดเกราะเนื่องจากมันยังเด่นไม่มากพอ จานินจึงต้องมานั่งวิตกกังวลเพราะไม่รู้ว่าควรทำยังไงให้มันเด่น ใช้สีตรงข้ามมาตัดก็แล้ว เพิ่มองค์ประกอบตรงแผงอกก็แล้ว ทว่าสุดท้ายก็ถูกตีกลับมาดังเดิมพร้อมแนบเหตุผลสั้น ๆ ว่าดูรกจนเกินไป
เออ เอากับแม่งสิ
“ดูทำหน้า”
พายที่เพิ่งเดินตามมาทีหลัง ลากเก้าอี้ที่อยู่อีกฝั่งมานั่งข้างเพื่อนสนิทที่หัวคิ้วแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ งานออกแบบข้อเสียมันอยู่ตรงที่ถูกใจเราแต่ไม่ถูกใจเขานี่แหละ ยิ่งทำงานกับคนหมู่มากนะ ฝั่งหนึ่งอยากได้แบบมินิมอล อีกฝั่งอยากได้รก ๆ แบบมินิมาร์ตและใช่ครับ ฝั่งที่ประสาทแดกคือพวกกูเอง -_-
“มึงว่ามันขาดอะไรไปวะ”
“คอนเซปต์มันคืออะไรนะกูลืม”
“ชนชั้นสูงกับความสง่างาม ภาพรวมมันโอเคแล้วแต่เขาอยากให้มันเด่นกว่านี้” ว่าพร้อมกับบิดตัวด้วยความเมื่อยล้า บางทีจบงานนี้เขาอาจจะลาพักร้อนยาว ๆ เพราะรู้สึกหมดไฟในการทำงานอีกทั้งสภาพจิตใจยังย่ำแย่อย่างถึงขีดสุด...ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ล้วนมาจากเื่ส่วนตัวทั้งสิ้น
“จานิน”
“...”
“จานิน!”
“อะ อะไร” เ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนข้างกายเอ่ยเรียกเสียงเข้ม—มือบางลูบหน้าตัวเองแรง ๆ หนึ่งทีเพื่อเรียกสติก่อนจะพยายามหันไปโฟกัสกับงานตรงหน้าด้วยสายตาที่เริ่มพร่าเลือน
“มึงไหวไหมเนี่ย แล้วทำไมหน้าแดงจังวะ”
“สงสัยร้อนมั้ง” จานินตอบปัด
“ก็เหี้ยแล้ว ตรงนี้แอร์ตก—”
“ไอ้นิน คุณศิระเรียกมึงไปหาที่ห้องอะ”
ก่อนที่จะถกเถียงกันไปมากกว่านี้ พี่โต Game artist อีกคนก็เดินมาทางเขาด้วยท่าทีเร่งรีบ ซ้ำยังชะโงกหน้ามาดูตัวละครอัศวินในจอพร้อมกับออกปากชมอย่างถึงพริกถึงขิงทำเอาคนที่ต้องแก้งานซ้ำแล้วซ้ำเล่ามีรอยยิ้มขึ้นมาบ้าง
“ยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ”
“เหลือเก็บดีเทลอะพี่ โดนตีกลับมาสองรอบละ”
“เออ ๆ เอาเป็ว่าช่างเื่นั้นก่อนตอนนี้มึงไปหาคุณศิระด่วนเลย อย่าให้เ้านายรอ” แม้จะรู้สึกงุนงงเพราะอยู่ ๆ ก็ถูกซีอีโออย่างคุณศิระเรียกพบ กระนั้นจานินก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรแต่เลือกที่จะสาวเท้าไปยังห้องทำงานของอีกฝ่ายก่อนจะเคาะประตูอยู่ราว ๆ สามครั้งเพื่อขออนุญาต...
“เชิญครับ”
แกร๊ก
เ้าของเนื้อตัวแดงก่ำเดินมานั่งลงตรงหน้าชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยพลั้งปากสภาพรักกับเขาเมื่อนานมาแล้ว จานินพยายามทำตัวให้เป็ปกติแม้ลึก ๆ จะรู้สึกอึดอัดแค่ไหนก็ตามทว่าด้วยความที่อยู่ในสถานะหัวหน้ากับลูกน้องจึงเป็ไปได้ยากที่จะหลบเลี่ยง
“คุณศิระเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่าครับ” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าและท่าทางของคนเด็กกว่า ก่อนจะเผลอขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเป็ห่วง ในคราแรกที่เรียกอีกฝ่ายมาพบเขาตั้งใจจะถามเกี่ยวกับเื่งานที่ดูคาราคาซังไม่เสร็จสิ้นจนทีมอื่นต้องเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน แต่เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่ายแล้ว ศิระก็เลือกที่จะกลืนคำถามเ่าั้ลงคอแล้วเลือกที่จะถามถึงเื่ส่วนตัวแทน
“คุณดูไม่โอเคเท่าไรนะ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จะถามว่าใกล้รอบฮีทแล้วเหรอก็ดูจะเสียมารยาทจนเกินไป ศิระจึงเลือกที่จะไว้ท่าทีแล้วขบคิดในใจแทน
เนื่องจากรอบตัวถูกประกบไปด้วยเพศรองอย่างโอเมก้า ไม่ว่าจะเป็แม่ น้องชาย เพื่อนสนิทหรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน ไอ้อาการหน้าแดงตัวแดงหอบหายใจถี่ ๆ มันคือสัญญาณเตือนของอาการฮีทที่ใกล้จะเกิดขึ้นแต่ที่น่าแปลกใจเลยคือศิระดันไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่าย
เกิดอะไรขึ้น?
“พ...พอดีอากาศร้อนน่ะครับ”
“ถ้าไม่ไหวก็กลับไปพักได้นะครับ เดี๋ยวผมแจ้ง HR ให้”
“ไม่เป็ไร—”
“จานินอย่าดื้อ”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของคนทั้งคู่ ศิระที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอล้ำเส้นบุคคลตรงหน้าก็รีบกระแอมไอแก้เก้อ ทุกอย่างมันดูผิดเพี้ยนไปหมดั้แ่ที่เขาตัดสินใจสารภาพรักกับอีกฝ่ายเพราะบังเอิญไปรับรู้บางอย่างที่ไม่เข้าท่ามา ศิระจึงเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะมีสิทธิ์ แม้ในท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่คาดหวังจะดูริบหรี่ก็ตาม
“ขอโทษครับ”
“อา ครับ ว่าแต่ที่เรียกผมมาคุณศิระมีอะไรหรือเปล่า”
“เื่งานน่ะครับ ผมเห็นงานคุณถูกตีกลับสองรอบแล้วเลยอยากทราบว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เมื่อเข้าสู่โหมดเ้านายน้ำเสียงเรียบนิ่งก็เข้มขึ้นอีกหนึ่งระดับแต่กระนั้นก็ไม่ได้ดูดุดันเหมือนยามที่พูดคุยกับพนักงานคนอื่น
“พอดีผม Burnout นิดหน่อยครับแต่ตอนนี้โอเคแล้ว”
“อา”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” ตั้งใจตัดบทกันสินะ ศิระคิด แต่ไม่ได้เอ่ยรั้งเ้าตัวไว้ให้รู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด
บานประตูกระจกปิดลงพร้อมกับลมหายใจร้อนผ่าวที่ถูกพ่นออกมาอย่างเหนื่อยใจ จานินเครียดจนอยากจะร้องไห้ทว่าสิ่งที่ทำได้คือการสาวเท้ายาว ๆ กลับไปยังโต๊ะทำงานแล้วเริ่มแต่งเติมไอเดียที่พยายามขุดขึ้นมาจากหัวสมองของตนเองให้ได้มากที่สุด
“ไมทำหน้างั้น คุณศิระด่ามึงเหรอ”
“เปล่า พายช่วยดูหน่อยที่หุ้มเกราะมันโอเคยังวะ”
“ปรับให้เส้นสีทองตรงนี้เล็กอีกนิดได้ปะ กูว่ามันใหญ่ไป ส่วนตรงนี้...เฮ้อ มึงถอยไปเดี๋ยวกูทำเอง” เห็นหน้าแมวป่วยของแม่งแล้วหงุดหงิดฉิบหาย
“แต่—”
“จิ๊! ไม่มีแต่ จะตายห่าคาโต๊ะคอมอยู่แล้วยังอวดเก่งอยู่ได้ นอนไปเดี๋ยวใกล้เลิกงานกูปลุกเอง” คนตัวเล็กทำท่าจะเถียงทว่าก็ต้องหุบปากฉับเมื่อพายกดใบหน้าหวานให้คว่ำลงกับโต๊ะแล้วเอื้อมมือไปหยิบเสื้อกันหนาวที่พาดอยู่ตรงเก้าอี้มาคลุมร่างกายของอีกฝ่ายเป็การบังคับกลาย ๆ
เออ ดูแลดีประดุจเมีย...แต่เป็เมียชาวบ้านนะ
/
ชายหนุ่มที่เคยมีสภาพห่อเหี่ยวราวกับทานตะวันมิต้องแสงบัดนี้กลับมีใบหน้าเบิกบานซ้ำยังส่งเสียงฮัมเพลงในลำคออย่างอารมณ์ดีเพราะวันนี้จะได้เจอคนรักที่หลบ(หน้า)เก่งเสียยิ่งกว่าไอศกรีมตุรกี
แซคเช็กสภาพหน้าผมของตัวเองผ่านกระจกมองหลังอีกครั้งเพื่อเรียกความมั่นใจเพราะ่หลัง ๆ ขอบตาเริ่มดำซ้ำสิวอักเสบยังขึ้นเพราะความเครียดสะสมบวกกับนอนน้อยจนแทบนับชั่วโมงได้
“สวัสดีครับ ผมจอดรถตรงนี้ได้ไหมครับ”
“จอดได้ครับ ๆ เอ้อ ไม่เจอกันนานเลยนะน้อง มารอรับแฟนเหรอเรา” พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำตึกที่ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสพูดคุยกันเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงกึ่งแซวและนั่นทำให้แซคที่กลายเป็คนหน้าบางั้แ่เมื่อไรก็ไม่อาจทราบได้พยักหน้ายิ้ม ๆ อย่างขวยเขิน
“ครับ ว่าแต่ผมเข้าไปรอใต้ตึกได้ไหมครับ เขาให้คนนอกเข้าไปหรือเปล่า”
“โอ๊ย เข้าไปเลยน้องไม่มีใครว่าหรอก” แซคโค้งศีรษะเป็เชิงขอบคุณ แม้ในใจจะแอบขุ่นเคืองเล็กน้อยเพราะคราวก่อนก็เ้าตัวนี่แหละที่ปล่อยให้เขานั่งตบยุงอยู่ตรงป้อมยามตั้งหลายชั่วโมงน่ะ!
ในเวลาเกือบห้าโมงเย็นเหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลายก็ทยอยเดินออกมาจากที่ทำงานด้วยสภาพไม่ต่างจากซอมบี้ แซคละความสนใจจากกลุ่มคนเ่าั้ก่อนจะเริ่มสอดส่องสายตามองหาคนรักอย่างอารมณ์ดี แต่กระนั้นแล้วหัวใจที่ฟูฟ่องก็ต้องะเิบึ้มเมื่อเหลือบไปเห็นว่าจานินกำลังยืนพูดคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงานซึ่งหนึ่งในนั้นดันมีคนที่เขาไม่ชอบหน้าที่สุดอยู่ด้วย
“จานิน” ฝ่ามือหนาแตะลงบนเอวคอดอย่างแ่เบา และเมื่อใบหน้าหวานหันมามองเขาก็ไม่ลืมที่จะฉีกยิ้มกว้างก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อพบว่าคนรักมีท่าทีแปลกไป
“ทำไมหน้าแดงแบบนั้น ไม่สบายเหรอครับ” ชาไข่มุกไซซ์ใหญ่สุดที่ซื้อมาเป็หมันก็คราวนี้แหละ
“เปล่า” น้ำเสียงแ่เบาเอ่ยปฏิเสธ ทว่า...
หมับ!
คนที่อยู่บริเวณนั้นเบิกตากว้างอย่างใเมื่อโอเมก้าคนเดียวในทีมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรงซึ่งยังดีที่มีอ้อมแขนของคนมาใหม่รับเอาไว้ก่อนที่ร่างกายจะกระแทกลงกับพื้น—ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็เื่ดี แต่ก็แค่เหมือน
“กรุณาถอยด้วยครับ” อัลฟ่าที่ภายนอกเด็กกว่ากดเสียงต่ำเชิงข่มขู่เมื่อพบว่ามีหมาตัวผู้บังอาจยื่นมือสกปรกมาแตะต้องคนของตัวเองอย่างถือวิสาสะ แซคไม่ว่าเปล่ายังใช้ท่อนแขนรั้งเอวบางออกห่างจากไอ้เวรตะไลหน้าไม่อายที่ยังคงใช้มือประคองคนรักของเขาไม่ยอมปล่อย
“เอ่อ คุณศิระงั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ” พนักงานที่เริ่มเห็นท่าไม่ดีรีบขอตัวกลับ เพราะฟีโรโมนที่คนทั้งคู่ปล่อยออกมาเพื่อข่มกันนั้นชวนเวียนหัวเสียจนอยากจะโก่งคออ้วกให้รู้แล้วรู้รอด
“ซ...แซคกลับได้แล้ว” จานินที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์น่าอึดอัดรั้งแขนคนรักให้ออกห่าง ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อคนที่คิดว่าวางตัวดีมาตลอดกลับพูดจาสองแง่สองง่ามจนเขาต้องหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
“บางอย่างถ้าดูแลเองไม่ได้ ปล่อยให้คนอื่นดูแลน่าจะดีกว่านะครับ” ฝ่ามือบางจับแขนคนรักเอาไว้แน่น แซคเป็พวกอารมณ์ร้อนยิ่งถูกพูดจาหยามเกียรติแบบนี้มีโอกาสค่อนข้างสูงที่ทุกอย่างจะจบลง ณ ห้องขัง แม้พ่อแม่อีกฝ่ายจะรวยล้นฟ้าแต่เชื่อเถอะการมีคดีติดตัวขึ้นมามันไม่คุ้มหรอก
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ แต่ผมขอไม่รับไว้”
“คุณอายุยังน้อย ฟังผู้ใหญ่หน่อยก็ดีนะครับ”
“แล้วคุณคิดว่าคำพูดของคนที่ประกาศปาว ๆ ว่าตัวเองเป็ผู้ใหญ่มันน่าฟังเหรอครับ?” ผิดคาดแฮะ นอกจากจะไม่เกิดการปะทะกันอย่างที่จานินกลัว คนข้างกายกลับเลือกทำในสิ่งตรงข้ามนั้นคือการพูดคุยด้วยรอยยิ้ม ไร้ซึ่งถ้อยคำหยาบคายแต่ทว่าหากแปลความหมายฝ่ายรับสารคงจะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อย...
“ไหน ๆ ก็มีโอกาสเป็ผู้ใหญ่ทั้งที อย่างน้อยก็ช่วยเป็ผู้ใหญ่ที่มีศีลธรรมหน่อยเถอะครับไม่งั้นลับหลังระวังเด็กมันจะเรียกไอ้แก่เอา” ศิระใบหน้าตึงด้วยความไม่พอใจแต่กระนั้นก็โต้ตอบสิ่งที่แรงกว่ากลับไปมิต่างอะไรจากเด็กที่แพ้ไม่เป็
ไม่สิ เขาแพ้ได้แต่ต้องไม่ใช่กับไอ้เวรนี่
“ตลกดีนะครับ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณกล้าที่จะสอนเื่ศีลธรรมให้คนอื่นด้วย”
“แซค ง่วง กลับกันเถอะ” จานินเอ่ยน้ำเสียงติดอ้อนก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย เขาหันไปโค้งศีรษะเอ่ยลาคนเป็เ้านายก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากคนที่ขมวดคิ้วมุ่นมายังรถยนต์ที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“ไอ้เหี้ยนั่นมันมาเจ๊าะแจ๊ะเธอปะ”
“อะไรคือเจ๊าะแจ๊ะ?”
“ก็แบบมาวุ่นวายกับเธอเงี้ย แม่ง ข่มเื่อายุอยู่ได้ เกิดก่อนก็ตายก่อนปะวะ” ประโยคหลังคนตัวโตบ่นอุบอิบในลำคอพร้อมกับถือวิสาสะหันไปมองคนที่ยืนอยู่เื้ัก่อนที่จานินจะล็อกคอเ้าตัวให้หันกลับมามองทาง...
“ขยับมานี่ แซคขอวัดไข้หน่อย” เมื่อขึ้นรถมาสิ่งแรกที่ร่างสูงทำคือการใช้หลังมือทาบไว้บนหน้าผากของคนรักก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายตัวร้อนจี๋จนน่าเป็ห่วง
“อื้อ เสร็จยัง”
“เสร็จแล้วครับ ๆ”
“ซื้อชาไข่มุกมาเหรอ ขอกินหน่อย”
“ป่วยอยู่ครับ กินไม่ได้”
“กินได้ เอามา”
ครืดดดด
“พี่ครับ ผมรบกวนฝากทิ้งหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ครับ ๆ” ร่างสูงตัดปัญหาด้วยการเปิดกระจกแล้วฝากพนักงานรักษาความปลอดภัยทิ้งชาไข่มุกเ้าปัญหาลงถังขยะ หากเก็บเอาไว้บนรถแน่นอนว่าคนดื้อต้องเซ้าซี้ร้องขอไม่เลิกเพราะฉะนั้นตัดปัญหาด้วยการเททิ้งนี่แหละดีที่สุดแล้ว
ตุ้บ!!
กำปั้นหนัก ๆ ทุบเข้าที่แผ่นหลังอย่างแรงจนแซคร้องซี้ดด้วยความเจ็บ จะหันไปเอาคืนด้วยการบีบแก้ม แม่คุณก็บิดตัวหนีหันหน้าไปทางกระจกซ้ำยังปิดปากเงียบไม่สนใจกัน แต่กระนั้นก็ใช้การกระทำบ่งบอกแทนว่าโกรธ โกรธมาก!
“ไว้เธอหายเดี๋ยวแซคซื้อให้สิบแก้วเลย แถมไอศกรีมด้วยเอ้า!”
“...”
“โอ๋ ที่รักไม่งอนแซคนะคะ”
เขาใช้มือเพียงข้างเดียวหมุนพวงมาลัย ส่วนอีกข้างวางแปะลงบนศีรษะของคนข้างกายก่อนจะลูบเบา ๆ และในจังหวะที่จะรั้งมันออกใครบางคนกลับคว้ามือของเขาเอาไปดอมดมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงอารมณ์ใคร่อย่างถึงขีดสุด
อึก
กลิ่นฟีโรโมนที่หอมละมุนบัดนี้กลับรุนแรงขึ้นจนอัลฟ่าเ้าของพันธะต้องขบกรามแน่นเพื่อควบคุมสติที่ลดฮวบลงอย่างน่ากลัว แซคหักพวงมาลัยจอดข้างทางจนโดนคันข้างหลังะโด่าอย่างหยาบคาย ซึ่งเขาไม่มีเวลาสนใจจะโต้กลับเพราะบัดนี้มือหนาที่เริ่มสั่นเทาควานหายาสำหรับอัลฟ่าที่มักจะซื้อติดรถเอาไว้ขึ้นมาฉีดให้ตัวเอง และไม่ลืมที่จะใช้ยาบรรเทาอาการฮีทฉีดให้คนรักที่เริ่มส่งกลิ่นรุนแรงซ้ำยังถูไถต้นขาเข้าหากันตามแรงอารมณ์
“แซค อึก”
“ครับที่รัก”
“อยาก ฮึก อยากมากเลย ทำกันนะ”
“ทำตรงนี้ไม่ได้ครับ ต้องกลับไปทำที่ห้องนะ” ว่าพร้อมกับชี้นิ้วให้อีกฝ่ายดูรถยนต์ที่สัญจรไปมา แม้การแสดงความรักในที่สาธารณะจะไม่ใช่เื่ผิดแผกทว่าการมีเซ็กซ์บนรถซึ่งจอดอยู่ข้างถนนในเวลาห้าโมงเย็นคงจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก...
“น...นานไหม”
“ไม่นานครับ”
ใช่ ไม่นานหรอกเพราะแซคก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
Tbc
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้