หากถามเย่เฟิงว่าบ้านพักของเขามีของดีอะไรให้ขโมย คำตอบมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ คัมภีร์ลับล้ำค่าและเคล็ดวิชาของตระกูลเย่
อาจเพราะผ่านการทำกิจกรรมบนเตียงมาอย่างหนักหน่วงจนรู้สึกเพลีย เวลาผ่านไปไม่นานซูเมิ่งหานก็ผล็อยหลับในอ้อมกอดของเย่เฟิง
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นเงียบๆ จากนั้นสวมชุดนอน ก่อนใช้ทักษะล่องหนเดินออกจากห้องนอนไป
หัวขโมยสวมใส่ชุดสีดำสนิทกลืนไปกับบรรยากาศมืดมิดยามค่ำคืน เขาปีนขึ้นมาตามท่อน้ำเหมือนที่เย่เฟิงคนเดิมเคยปีน สักพักก็ขึ้นมาถึงระเบียงชั้นสองอย่างเงียบเชียบ ชายคนนี้ไม่ส่งเสียงแม้แต่น้อย ทำให้สามารถหลบซ่อนได้เป็อย่างดี น่าเสียดายที่เย่เฟิงมีจิตหยั่งรู้ ไม่ว่าอีกฝ่ายพยายามแอบอย่างไรก็หลุดรอดััของเย่เฟิงไม่ได้
เย่เฟิงใช้ทักษะล่องหนยืนมองอยู่ด้านข้าง แสงจันทร์ที่ส่องลงมาทำให้เห็นว่าหัวขโมยคนนี้สวมฮูดสีดำ ร่างกายผอมโซ ท่าทางเป็มืออาชีพมาก เมื่อขึ้นมาแล้วเ้าหัวขโมยก็มองซ้ายขวาสังเกตบริเวณโดยรอบ หลังจากเห็นว่าไม่มีอันตราย ในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ท่าร่างของเ้าหัวขโมยดูไม่เลวเลย ทันทีที่เขามาถึงหน้าประตูห้องน้ำชั้นสองก็สังเกตอยู่สักพัก จากนั้นหยิบเครื่องมือบางอย่างจากเอว พยายามใช้มันงัดประตูเข้าไป
‘ในห้องน้ำนี้มีแค่คัมภีร์เฟยเย่ซ่อนอยู่ เป้าหมายของเ้านี่คือคัมภีร์ลับของตระกูลเย่เหรอ?’ เย่เฟิงครุ่นคิด เตรียมตัวเคลื่อนไหวเช่นกัน
ด้วยพลังลมปราณระดับสิบปีของเขา การจัดการคนในยุทธจักรที่มีระดับพลังสิบปีเช่นกัน ถือเป็เื่ง่ายมาก อย่าว่าแต่หัวขโมยเพียงคนเดียวเลย เื่แค่นี้เขาสามารถจัดการได้สบายมาก เพียงแต่ชายหนุ่มไม่คิดฆ่าอีกฝ่ายตอนนี้ อย่างน้อยต้องเค้นข้อมูลบางอย่างจากมันสักหน่อย
หรือเขาจะมัดตัวมัน แล้วรอเย่เวิ่นเทียนมาจัดการเอง? นี่เป็ความคิดที่ไม่เลวเลย
จังหวะที่หัวขโมยงัดประตู เย่เฟิงก็เตะอีกฝ่าย
พลั่ก!
เขาเตะหัวเข่าของเ้าหัวขโมย จากการถูกกระแทกอย่างแรงทำให้หัวขโมยเข่าทรุดลงกับพื้น
“ใครวะ!” หัวขโมยใจึงะโออกมา!
เขาแอบเข้ามาอย่างไร้สุ้มเสียงขนาดนี้แล้วจะมีคนพบเห็นได้อย่างไร? ทั้งยังเข้ามาทำร้ายเขาในขณะที่เขายังไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ หรือเย่เวิ่นเทียนจะกลับมาแล้ว? ไม่ถูกต้อง! ตอนนี้เย่เวิ่นเทียนไม่ได้อยู่ในเมืองเยี่ยนจิงไม่ใช่เหรอ?
เ้าหัวขโมยอดทนต่อความเจ็บ เมื่อหันไปมองก็พบชายสวมหน้ากากสวมใส่เสื้อเชิ้ต ท่าทางถมึงทึงน่ากลัว
บ้าเอ๊ย หมอนี่เป็ใคร ไม่ใช่ว่าบ้านหลังนี้มีเด็กมัธยมปลายอาศัยอยู่เพียงคนเดียวหรอกหรือ?
โดยไม่ต้องคิดอะไรอีก ผู้บุกรุกรีบโยนของในมือตัวเองไปทางเย่เฟิง ในเวลาเดียวกันก็รีบะโหลบไปด้านข้าง จากนั้นะโออกไปทางระเบียง เพื่อหลบหนี!
น่าเสียดายที่เย่เฟิงเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าอีกฝ่ายมาก เขาเพียงปัดของที่ถูกโยนมาอย่างง่ายดาย จากนั้นรีบพุ่งตัวตามไปที่ระเบียงทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายะโลงจากระเบียงจนใกล้จะถึงพื้นเต็มที เย่เฟิงก็ใช้วิชากรงเล็บัโดยไม่ลังเล!
ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสิบปี พลังชี่ของเขาก่อตัวขึ้นในอากาศแล้วพุ่งออกไปด้วยรูปลักษณ์กรงเล็บัสองข้าง ก่อนคว้าข้อมือและข้อเท้าของหัวขโมยตรึงกลางอากาศ จากนั้นเย่เฟิงก็ะเิพลังออกมา ทำให้หัวขโมยถูกพลังกระแทกใส่จนปลิวกลับมาที่ระเบียง!
ปัง!
ร่างของหัวขโมยร่วงกระแทกพื้นอย่างแรงจนเขามึนงงไปหมด
“วิชากรงเล็บัขั้นที่สอง!” หัวขโมยหวาดผวาขึ้นมา ไม่ใช่มีเพียงเย่เวิ่นเทียนคนเดียวที่บรรลุขั้นนี้ได้หรอกหรือ?
“ไม่ผิด กลัวขึ้นมาแล้วหรือไง? บอกฉันมาตามตรง นายเป็ใคร ใครส่งนายมา หากตอบตามความจริง บางทีฉันอาจพิจารณาปล่อยนายไปก็ได้” เย่เฟิงยืนพิงระเบียงพลางพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“ฉันเป็เพียงคนไร้ชื่อเสียง ทำทุกอย่างเพราะ้าหารายได้เท่านั้น...” หัวขโมยรู้สึกกลัว จึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“โกหก แค่หารายได้จำเป็ต้องมาที่นี่เลยเหรอ?” เย่เฟิงจ้องคนตรงหน้า มือทั้งสองข้างของเขาปรากฏกรงเล็บัคว้าตัวหัวขโมยแล้วโยนลงไปด้านล่าง! ร่างของคนเคราะห์ร้ายร่วงลงไปจากความสูงเกือบสิบเมตร จากนั้นเย่เฟิงตรึงร่างเขาอีกครั้งก่อนะเิพลังใส่จนร่างนั้นปลิวกลับมาอีกรอบ!
ปัง!
หัวขโมยถูกจับโยนอีกครั้งทำให้ร่างของเขาร่วงกระแทกระเบียงอย่างแรงจนน้ำลายฟูมปาก ความรู้สึกของการถูกเหวี่ยงขึ้นลงเช่นนี้ย่อมทำให้ผู้ได้รับรู้สึกสุขสันต์สุดขีดแน่!
“ฉะ… ฉันได้รับสารจากยุทธจักร ในนั้นมีภารกิจให้ค้นหาคัมภีร์กรงเล็บั คัมภีร์ฝ่ามืออสูรบ้าคลั่ง คัมภีร์ลับเพลงกระบี่เสวียนเหนียง...” หัวขโมยพูดอย่างยากลำบากแม้จะพูดไม่ค่อยชัด
“สารจากยุทธจักรคืออะไร?” เย่เฟิงถาม
“มันเป็สิ่งที่ประกาศภารกิจให้คนในยุทธจักร ไม่ว่าผู้ใดในยุทธจักรล้วนสามารถประกาศภารกิจได้ทั้งนั้น และหากผู้ใดสามารถทำภารกิจสำเร็จก็จะได้รับรางวัล...” หัวขโมยพูดด้วยสีหน้าเศร้าสลด
“แม้แต่ของตระกูลหลงนายก็ยังกล้าลงมืองั้นหรือ
ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง?” เย่เฟิงถามอย่างเดือดดาล
“ได้ยินมาว่าวันนี้ของทุกปีเย่เวิ่นเทียนจะไม่อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิง...” หัวขโมยยอมรับชะตากรรมของตัวเอง ไม่ว่าสิ่งใดล้วนสารภาพจนหมด
สิ่งที่เขา้ามีเพียงเงิน ฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งเด็ดขาด!
จากคำพูดของเขา เย่เฟิงยินดีขึ้นมาทันที ว่าไงนะ เย่เวิ่นเทียนไม่อยู่ที่เมื่องเยี่ยนจิงงั้นเหรอ? เื่นี้ถือเป็ข่าวดี! เมื่อตาแก่นั่นไม่อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงแล้ว เขาจะขัดขวางไม่ให้เย่เฟิงไปทะเลตะวันออกได้อย่างไร?
เย่เฟิงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นจับหัวขโมยโยนเข้าไปที่ห้องเก็บของ พลางหาเชือกมัดตัวหัวขโมยเอาไว้ ทว่าเมื่อใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูแล้วก็พบว่าภายในบ้านไม่มีเชือกอยู่เลย เขาพบเพียงโซ่ตรวนสองเส้น
“โซ่ตรวนก็ดี หึ” เมื่อเย่เฟิงพบโซ่ตรวนก็ล่ามเ้าหัวขโมยด้วยโซ่แล้วขังเขาในห้องเก็บของ จากนั้นหมุนตัวเดินจากไป เย่เฟิงถอดหน้ากากก่อนกลับห้องนอนเพื่อนอนกอดซูเมิ่งหานคนสวยของตน
หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่ซูเมิ่งหานเพิ่งผ่านการร่วมรักกับเขา ตอนนี้เย่เฟิงคงอาศัยจังหวะที่เย่เวิ่นเทียนไม่อยู่มุ่งหน้าไปทะเลตะวันออกแล้ว น่าเสียดายที่เขาต้องเห็นแก่ซูเมิ่งหาน จึงยังไม่สามารถจากไปในตอนนี้ได้!
หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนที่เพิ่งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยหายไป แบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือ?
หัวขโมยผู้น่าสงสารถูกโซ่ล่ามไว้ในห้องเก็บของทั้งที่ขาหักไปข้างหนึ่ง เขาอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ใต้หล้านี้ยังจะมีใครที่โชคร้ายมากไปกว่าเขาอีกหรือ? อย่างน้อยที่สุดตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นคนอาชีพเดียวกันดูน่าเวทนาเช่นนี้!
…………ตอนนี้เย่เวิ่นเทียนพักค้างคืนกับหลิงหงชวน ณ เมืองชวีอ๋างซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเยี่ยนจิงในอาณาเขตของประเทศจีน นอกจากมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ทั้งสิบแห่งแล้วก็ยังมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กอยู่อีกสามสิบหกแห่ง ทั้งยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกเจ็ดสิบสองแห่ง ซึ่งสถานที่เ่าั้ทั้งหมดล้วนเป็ที่ตั้งของสำนักฝึกในยุทธจักร ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำหนึ่งในสามสิบหกแห่งของถ้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดเล็กก็ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองชวีอ๋าง
ถ้ำศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำแห่งนี้อยู่ติดกับทางทิศเหนือของูเาเยวี่ยเฮิ่ง และภายในถ้ำมีสำนักกระบี่จือเจินซ่อนเร้นอยู่ ปัจจุบันสำนักกระบี่จือเจินถือได้ว่าโดดเด่นมากจนเลื่องชื่อทั่วยุทธจักร
ทั้งเย่เวิ่นเทียนและหลินหงชวนเดินทางมาที่นี่ด้วยกัน พบชายชราอีกคนหนึ่ง
โรงน้ำชาแห่งหนึ่งในบรรยากาศที่เงียบสงบ
เย่เวิ่นเทียนยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างหน้าต่างชั้นสอง เหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาครุ่นคิดอะไรอยู่ ด้านข้างของเขามีชายชราหน้ากลม
มีเคราและผมสีขาวคนหนึ่ง แม้จะเตี้ยกว่าเย่เวิ่นเทียน ทว่าพลังที่แผ่ออกมาจากตัวเขาไม่ด้อยกว่าเย่เวิ่นเทียนเลยสักนิด!
หลินหงชวนนั่งพักผ่อนด้วยท่าทีผ่อนคลายไร้ซึ่งความกังวล ในตอนนี้เขากำลังเพลิดเพลินกับน้ำชาที่เ้าของโรงน้ำชาเป็คนชงออกมาให้
“ตาเฒ่าถัง การอยากดื่มชาที่ลูกสาวแกชงนี่ไม่ใช่เื่ง่ายเลยจริงๆ”
หลินหงชวนถอนหายใจ “อย่างที่ฉันบอก เมื่อพวกเราย้ายไปที่เมืองเยี่ยนจิงแล้วเื่นี้ก็ช่างมันไปเถอะ”
“แค่กๆ เื่นี้อย่าพูดถึงมันอีกเลย” ใบหน้ากลมของชายชรายิ้มเ้าเล่ห์พลางกระแอมไอ “ในปีนั้นทั้งฉันและชิงหลิงเราต่างติดหนี้บุญคุณของสำนักกระบี่จือเจิน ตอนนี้ฉันเลยสร้างโรงน้ำชานี้ขึ้นมา ทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีมาก ว่าแต่ตาเฒ่าเย่ เมื่อกี้แกบอกว่ามีเื่สำคัญจะบอกพวกฉันสองคน มีเื่อะไรกัน?”
เย่เวิ่นเทียนดึงสายตาที่เหม่อมองไปไกลกลับมากวาดมองภายในห้อง ก่อนจะเหลือบมองไปทางใบหน้ากลมของตาเฒ่าถังและหลินหงชวน พลางกล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม “เย่เฟิงฝึกวรยุทธ์แล้ว”
คำพูดเมื่อครู่ของเย่เวิ่นเทียนทำให้ตาเฒ่าถังและหลินหงชวนพากันตกตะลึง เย่เฟิงฝึกวรยุทธ์แล้วเหรอ?
จบเห่แล้ว ไม่ใช่ว่าเขากำลังรนหาที่ตายให้ตัวเองหรอกหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้