ขณะพูดนางก็หัวเราะ “คงเพราะคนเราก็เป็เช่นนี้ สิ่งที่ตนไม่อาจได้มา ก็มักจะเติมเต็มให้กับลูกแทน!”
อันที่จริงนี่คงไม่ใช่เพียงความปรารถนาของร่างเดิม หากแต่นี่ก็คือความปรารถนาของนางเองเช่นกัน ชาติที่แล้วนางมีพันธนาการที่ต้องแบกรับ มักจะต้องยอมลำบากเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปได้ ดังนั้นชาตินี้จึงหวังว่าลูกๆ ทั้งหมดจะไม่ต้องเป็เหมือนกับตนเอง
“แม้โจวย่าอวิ๋นจะเก็บซ่อนความชิงชังไว้ในใจหรือจะลืมแล้วก็ตามแต่ นั่นคือการตัดสินใจของเขา ส่วนข้าก็แค่้ามีแรงงานไว้ใช้ ทั้งหมดคือวาสนา”
ชีเหนียงอธิบายจบก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จ้าวจือชิงกลับเหมือนคิดอะไรได้ มีพริบตาหนึ่งที่เหม่อลอย
ระหว่างทางทั้งสองพูดคุยกันบ้าง จึงไม่ได้อึดอัดเหมือนก่อนหน้านี้
“ระวัง!”
ชีเหนียงอุทานเสียงหลง หากแต่จ้าวจือชิงยังไม่ทันตอบสนอง ตัวเขากับเกวียนก็ลอยลิ่วไปไกล ชีเหนียงถูกสลัดออกจากตัวเกวียนไปไกลมาก
รอจนชีเหนียงเริ่มมีเรี่ยวแรง กลับเห็นจ้าวจือชิงเดินเซมาข้างกายนาง เบื้องหน้ามีชายชุดดำปิดหน้าถือดาบอยู่สามคน
เจอกับโจรูเาให้แล้ว ชั่วแวบแรกที่ความคิดนี้ถาโถมเข้ามา นางรีบรวบรวมพลัง เวลานี้หากสู้ไม่ไหวก็ต้องหนี ตนเองจะเป็ภาระไม่ได้เด็ดขาด
“ท่านทั้งหลาย หาก้าเงินทองของนอกกาย ของบนเกวียนเราไม่้าแล้ว พวกท่านเอาไปได้” ชีเหนียงดิ้นรนลุกขึ้นมา จากนั้นชี้ไปยังข้าวของที่กระจัดกระจายบนพื้นหิมะและพูด
“หากยังไม่พอ ในนี้ยังพอมีเงินอยู่บ้าง ขอเพียงพวกท่านปล่อยเราไป เราจะไม่แจ้งทางการให้เป็ปัญหาแน่”
ชีเหนียงหวังว่าจะสามารถทำให้พวกเขาปล่อยพวกนางไปได้ ใครจะรู้ว่าพวกเขากลับใช้ปลายดาบคุ้ยเขี่ยของบนพื้นและส่งเสียงหัวเราะดูแคลน
“!”
“ของแค่นี้ก็คิดว่าจะไล่พวกข้าไปได้หรือ ฮ่าฮ่า คิดว่าพวกข้าคือขอทานหรือไง!” ตัวหัวหน้าถือดาบชี้ไปทางจ้าวจือชิง แล้วมองดูลั่วชีเหนียงที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับน้ำลายไหล
“หากแม่นางยินดีสนุกกับพวกข้าสักคืน ไม่แน่ว่าข้าอาจจะปล่อยเ้าไปก็ได้”
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว แม่นางน้อย มาเถอะ…”
คนทั้งหมดกริยากักขฬะเดินไปทางชีเหนียง ฉับพลันจ้าวจือชิงก็ะโถีบคนใกล้ตัวที่สุด
“ลำพังพวกเ้ายังริอ่านปลอมตัวเป็โจรูเามาทำร้ายผู้คน ดูท่าคงปล่อยให้พวกเ้าได้ใจมากไปแล้ว”
ขณะพูด จ้าวจือชิงก็แย่งดาบใหญ่ของคนผู้นั้นและโบกสะบัดอย่างงดงาม จากนั้นใช้สันดาบทุบใส่ชายปิดหน้าที่เมื่อครู่ยังแสดงท่าทางอวดดีจนล้มลงไป เมื่อเห็นความร้ายกาจของจ้าวจือชิงอีกฝ่ายถึงรู้ว่าเจอตอเข้าให้แล้ว ทันใดนั้นก็คิดจะหนี แต่จ้าวจือชิงมีหรือจะมอบโอกาสให้พวกเขา ชายหนุ่มไล่จัดการทีละคนจนสลบเหมือด
ขณะชีเหนียงเก็บของก็มองดูจ้าวจือชิงที่จับคนเ่าั้มัดกับต้นไม้อย่างคล่องแคล่ว เหตุใดจึงรู้สึกว่าท่าทางชำนิชำนาญของจ้าวจือชิงดูเหมือนโจรูเายิ่งกว่า
พวกผู้ร้ายถูกจ้าวจือชิงจับมัดและใช้หิมะสาดใส่จนตื่น แม้คิดอยากดิ้นให้หลุดแต่กลับได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ออกมา
“อย่าขยับ!” จ้าวจือชิงถือดาบทาบตรงลำคอพวกเขา “บอกมา ใครบงการพวกเ้า?”
พวกเขาสบตากันและมองเห็นเพียงความหวาดกลัว ฉับพลันก็ปิดปากไม่กล้าพูด
จ้าวจือชิงเองก็ไม่คิดจะพูดพล่าม หากแต่แทงดาบเข้าไปยังคนที่อยู่ฝั่งซ้ายสุด
เสียงน่าสมเพชดังขึ้น บนหิมะแปดเปื้อนไปด้วยสีแดงสดของเื
“มา เ้าพูด!” เขาชี้ไปที่คนตรงกลางและเช็ดคราบเืกับหิมะอย่างใจเย็น
“ข้า…ข้า…” คนผู้นั้นกลืนน้ำลายไม่หยุด “พวกข้าเองก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ! คนคนนั้นแค่จ่ายเงินให้เรา แล้วให้เราจัดการคนชื่อลั่วชีเหนียง แล้วยังบอกอีกว่าทางที่ดีที่สุดคือทำ ทำให้ชื่อเสียงของนางป่นปี้”
“จริงๆ นะ! ท่านจอมยุทธ พวกข้าไม่กล้าปิดบัง เราทำงานแบบนี้ มีหรือจะได้พบเจอกับผู้ว่าจ้าง คนที่มาเจอเราคือชายคนหนึ่ง น้ำเสียงคำพูดไม่เหมือนคนท้องถิ่น ส่วนเื่อื่นเราไม่ทราบแล้ว”
จ้าวจือชิงถือดาบขู่พวกเขาอีกครั้ง ทำให้พวกเขาถึงกับร้องไห้หาบิดามารดา เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้พูดโกหกจริงๆ หลังจากสอบถามอย่างละเอียด จึงอุดปากคนเ่าั้ไว้
เขาช่วยชีเหนียงจัดการกับเกวียนจนเรียบร้อย ส่วนวัวตัวเมื่อครู่ถูกแรงกระแทกจนตาย ตอนนี้ไม่มีทางลากเกวียนได้
จ้าวจือชิงจึงขนร่างวัวขึ้นเกวียน จากนั้นให้ลั่วชีเหนียงนั่งลงและตัดสินใจลากเกวียนกลับเอง ชีเหนียงเกรงใจที่จะให้เขาลากเกวียนเพียงลำพัง จึงร้องจะลงจากเกวียน
“หากเ้ายังะโ ข้าจะส่งเ้าให้โจรเ่าั้”
“เ้าขู่ใครกัน ยังเรียกพวกเขาว่าโจร ข้าว่าเ้าเหมือนโจรยิ่งกว่าพวกเขาอีก”
จ้าวจือชิงยังห่วงอยู่ว่านางจะกลัวเมื่อได้เห็นสภาพของตนเอง ใครจะรู้ว่านางกลับยังมีแก่ใจล้อตนเองเล่น
“ข้าถือดาบฆ่าคน เ้าไม่กลัวแม้แต่น้อยเลยหรือ?” จู่ๆ จ้าวจือชิงก็หยุดนิ่งและทำหน้าขรึม ดวงตาคมกริบนั้นจดจ้องชีเหนียงที่ยิ้มร่า
ชีเหนียงใกับท่าทางที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขา ท่าทางน่าเกรงขามนี้ ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนสติไม่ดี แต่เมื่อนึกถึงพละกำลังและพลังที่แข็งแกร่งของจ้าวจือชิงเมื่อครู่ ก็คิดเอาเองว่าเขาคงฝึกมาจากผู้อื่น ฉับพลันจึงไม่ได้หวาดกลัวเช่นแต่ก่อน
“มีอะไรที่ข้าต้องกลัว คนอื่นทำร้ายข้า แต่เ้าไม่มีทางทำ” ชีเหนียงมองจ้าวจือชิงและตอบอย่างจริงจัง ท่าทางนั้นเหมือนกับตอบคำถามที่สำคัญอย่างยิ่ง ทำให้จ้าวจือชิงปั้นสีหน้าดุดันเยี่ยงพยัคฆ์ไว้ไม่อยู่
“พูดก็พูดไปสิ จะทำตาเป็ประกายเพื่ออะไร” เขาถูกชีเหนียงจ้องจนร่างกายร้อนผ่าว หัวใจเต้นดังตุบๆ
ชีเหนียงไม่ได้สงสัยเป็อื่น เพียงแต่กลับพินิจคำพูดเมื่อครู่ของเขาอย่างละเอียด เหตุใดตนเองจึงแน่ใจเช่นนี้ อาจคงเพราะการช่วยเหลือที่นางได้รับมาตลอด แม้ว่าในความคิดของร่างเดิม นางไม่เคยคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากจ้าวจือชิง หากนางถามคำถามนี้ออกไป คิดว่าจ้าวจือชิงเองก็คงไม่ตอบแน่
แต่นางก็อดสงสัยอยู่ลึกๆ ไม่ได้ “เหตุใดเ้าต้องทำดีกับลั่วชีเหนียงถึงเพียงนี้?”
ใช่แล้ว หมายถึงการทำดีกับลั่วชีเหนียง แต่ไม่ใช่ดีกับทั้งสกุลลั่ว สมัยก่อน ของที่จ้าวจือชิงส่งมา มักจะเป็ของที่ลั่วชีเหนียงชื่นชอบ รวมถึงไก่ย่าง ขนม กระทั่งยาแก้แผลหิมะกัดกับปิ่นปักผม ตกลงว่าร่างเดิมทำอะไร จึงทำให้เ้าทึ่มคนหนึ่งที่ถูกครอบครัวรังแกมาตลอด เอาแต่คิดถึงนาง แม้ตนเองจะไม่มีสถานะใดก็ตาม
ใช่แล้ว เขาไม่มีเงิน แล้วของเ่าั้มาได้เยี่ยงไร
ยังไม่ทันรอให้จ้าวจือชิงได้คิดหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล ก็ได้ยินนางถามจากด้านหลังอีก “เ้าไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว แล้วมีเงินที่ไหนมาซื้อของกินของใช้เ่าั้? คงไม่ได้ไปเลียนแบบเป็โจรกับคนอื่นและปล้นชิงมาหรอกนะ”
จ้าวจือชิงเบะปาก เขาเป็บุรุษอกสามศอก แล้วจะเป็คนที่ไม่เอาถ่านเช่นนั้นหรือ
เพียงแต่เขาไม่คิดจะตอบคำถามชีเหนียง เพราะคำถามนี้หากตอบไปแล้ว ก็ต้องตอบคำถามก่อนหน้าด้วย เขายังไม่คิดจะบอกกับนางในตอนนี้
......
หลังจากส่งชีเหนียงกลับ จ้าวจือชิงก็ปลีกตัวไปที่อำเภอ ก่อนอื่นคือต้องไปแจ้งความเื่ที่เจอระหว่างทาง จากนั้นก็รายงานเื่วัวที่ถูกกระแทกจนตาย อำเภอแห่งนี้ มีข้อห้ามในการเชือดวัว ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ทานเนื้อวัว ดังนั้นเมื่อวัวตายก็ต้องลงบันทึก หลังจากทางการทำการตรวจสอบ จึงจะสามารถนำไปทำอย่างอื่นที่เกิดประโยชน์ต่อได้
ทว่า เนื้อวัว สกุลลั่วคงไม่ได้ทานแล้ว ตอนนี้่เทศกาลปีใหม่ ในอำเภอมีการเตรียมพิธีเซ่นไหว้ ทางอำเภอกำลังกังวลอยู่ว่าจะไม่มีวัวแก่ตาย หากแต่ตอนนี้วัวของสกุลลั่วที่ตายด้วยความบังเอิญกลับแก้ปัญหาเร่งด่วนได้ กลายเป็ว่าสกุลลั่วจับพลัดจับผลูสร้างคุณงามความดีให้กับอำเภอเฉา ่ปีใหม่ ทางอำเภอยังส่งคนไปเชิญสกุลลั่วทั้งครอบครัวมาเข้าร่วมพิธีกราบไหว้บูชาอีกด้วย
-----