อาชิงกำลังเคี้ยวเนื้อพะโล้เต็มปาก เนื้อหอมๆ ขึ้นจมูกเร้าให้เขาอยากทานมากขึ้นจึงกลืนลงไปด้วยความรวดเร็ว ทำให้เนื้อที่กลืนลงไปติดลำคอ
“ปึกๆๆ” ทุบอย่างรุนแรงอยู่พักหนึ่ง กว่าจะกลืนลงไปได้ไม่ง่ายเลย
“ช้าหน่อย ช้าหน่อย เนื้อยังมีอีกมาก ให้เ้าทานทั้งหมดนั่นแหละ”
เจินจูมองแล้วขัดตาจึงย้ายเนื้อพะโล้ถาดนั้นไปไว้ตรงหน้าเขา
“แหะๆ ขออภัยด้วย เนื้อพะโล้ของบ้านท่านอร่อยเกินไปจริงๆ อาสะใภ้ นี่เป็เนื้อพะโล้ที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยทานเลย ฝีมือของท่านยอดเยี่ยมเกินไปแล้วจริงๆ ขอรับ” อาชิงใบหน้าเอียงอายแล้วหัวเราะ ทันทีหลังจากนั้นมองที่หลี่ซื่อด้วยดวงตาเป็ประกายระยิบระยับ ความเลื่อมใสในดวงตาปิดบังไว้ไม่อยู่
หลี่ซื่อยิ้มจนหน้าบานไปพักหนึ่ง “อร่อยก็ทานเยอะๆ หน่อย แต่ว่าเ้าอย่ารีบเกินไป ระวังสำลักเอา” ขณะกล่าวก็คีบเนื้อปลาไปให้หนึ่งตะเกียบด้วย
“อื้มๆ ขอบคุณอาสะใภ้” ในปากอาชิงกำลังเคี้ยวเนื้อ สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ
“อาชิง เ้าทานไปก่อนนะ ข้าจะไปต้มยาให้อาจารย์เ้า รอให้อาจารย์เ้าทานข้าวแล้ว ค่อยมายกยาไป” เจินจูวางถ้วยและตะเกียบในมือลง ลุกขึ้นเตรียมไปห้องครัว “อีกสักครู่ข้าจะต้มน้ำ พวกเ้าสองศิษย์อาจารย์ก็อาบน้ำกันเสียหน่อย”
“ท่านพี่ ข้าจะไปช่วยท่านต้มน้ำเอง” ผิงอันพุ้ยข้าวด้วยความเร็วสูงจนหมด
สองพี่น้องเดินเคียงข้างกันไปหลังบ้าน
“ท่านพี่ อาจารย์ฟางผู้นั้นเป็อาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจจริงหรือ?”
“อื้ม น่าจะใช่”
“ท่านพี่ เช่นนั้นข้าต้องเรียนการต่อสู้กับเขาหรือ?”
“อื้ม ใช่แล้ว ร่างกายเ้าจะแข็งแรงและยังป้องกันตัวได้ เด็กผู้ชายต้องมีความสามารถปกป้องครอบครัวและบ้านเมือง”
“เช่นนั้น พี่ชายใหญ่กับพี่ชายยู่เซิงจะเรียนด้วยหรือไม่?”
“ผิงซุ่นต้องเรียนแน่นอน ส่วนยู่เซิงหรือ นั่นต้องดูว่าเขาจะยอมเรียนหรือไม่แล้ว”
“เช่นนั้นอีกสักครู่ข้าจะไปถามเขา ดูว่าเขาจะยอมเรียนด้วยกันกับพวกข้าหรือไม่”
“ไม่ต้องรีบร้อน ร่างกายของอาจารย์ฟางตอนนี้ยังไม่ดีขึ้น คาดว่าต้องรอไปอีกระยะหนึ่ง ถึงจะสามารถสั่งสอนพวกเ้าอย่างเป็ทางการได้”
“…”
เสียงพูดคุยกันระหว่างสองพี่น้องดังสะท้อนเบาๆ ในลานบ้าน
ฟางเสิงนอนอยู่บนที่นอนอ่อนนุ่มมีกลิ่นแดดจางๆ ความคิดยุ่งเหยิงเล็กน้อย
ภายในร่างกายเขาเหลือเพียงพลังหนึ่งชั้นเท่านั้น อาศัยประสิทธิภาพของยาแรงเมื่อตอนกลางวันเทียบนั้น ตอนนี้ฝืนทำการกดพิษตกค้างที่กำเริบขึ้นไว้ ใบสั่งยาที่ท่านหมอจางจัดให้มีผลดีมากจริงๆ ด้วย
พิษที่เขาโดนนั้นร้ายแรงมาก หนึ่งครั้งกำจัดไม่หมดเกลี้ยง เว้นไปไม่นานจะแพร่กระจายขึ้นอีกครั้ง เพื่อให้สามารถกำจัดพิษตกค้างให้หมดสิ้น ฟางเสิงเที่ยวสอบถามหาท่านหมอที่มีชื่อเสียงไปไม่น้อย แต่ยังคงไม่สามารถแก้ไขได้โดยทั้งหมด ในทางตรงกันข้ามเงินสะสมทั้งหมดที่มีกลับจ่ายไปเกลี้ยงเพราะเหตุนี้ สุดท้ายทำได้เพียงพาอาชิงมาพักค้างในวัดเฉิงหวงของอำเภอเจิ้นอันเท่านั้น
อาศัยใบสั่งยาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ควบคู่กับพลังของตนเองฝืนผ่านมาได้ครึ่งค่อนปี แต่ด้วยการแทรกซึมของพิษร้ายแรงที่ตกค้างอยู่ ใบสั่งยาล้างพิษจึงไม่ค่อยมีผลต่อร่างกายมากนัก เมื่อร่างกายเขาอ่อนแอลงเรื่อยๆ สภาพจมดิ่งสู่การนอนหลับใหลของฟางเสิงก็ยิ่งนานมากขึ้นตามไปด้วย
ท่านหมอจางของอำเภอเจิ้นอันเป็ผู้มีฝีมือในดงซิ่ง [1] ที่ซ่อนตัวอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนัดในด้านการแก้พิษล้างพิษนี้ ครึ่งค่อนปีก่อนฟางเสิงหาท่านหมอจางจนพบ หลังท่านหมอจางตรวจอาการของเขาแล้ว แม้แสดงออกว่าไม่สามารถกำจัดพิษที่ตกค้างออกไปได้ทั้งหมด แต่ใช้สมุนไพรกดอาการไว้ทุกวัน ไม่ให้พิษตกค้างแพร่กระจายเร็วเกินไป ให้เขายืดเวลาออกไปแปดปีสิบปีได้ เช่นนั้นท่านหมอจางยังพอมีความมั่นใจอยู่
ฟางเสิงไม่ยอมเข้ารับการรักษาจากท่านหมอจาง ตอนที่เขากับอาชิงมาถึงอำเภอเจิ้นอัน เกือบจะจนมุมจนไม่มีทางเลือกอื่นให้ไปต่อได้อีกแล้ว การใช้ยาสมุนไพรกดอาการไว้ทุกวัน เค้าไม่มีความสามารถจ่ายเงินได้มากมายเช่นนั้น ฟางเสิงวางตัวแบ่งความดีเลวไว้ชัดเจนและกระทำอะไรตามใจตนเอง ไม่ชอบรับบุญคุณจากผู้อื่นและไม่อยากติดหนี้น้ำใจคน การที่เขาหยุดพักอยู่ที่วัดเฉิงหวง เพียงแค่มีความสามารถให้ค่าใช้จ่ายของข้าวธัญพืชทุกเดือน ซึ่งเขาล้วนบอกให้อาชิงส่งมอบให้ตรงเวลา
ครั้งนี้รับความหวังดีของสกุลหูมา ทั้งหมดนี้เพราะสกุลหู้าว่าจ้างเขา มาเป็อาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้
แน่นอนว่าอาจเป็ข้ออ้างที่พวกเขาใช้ เพื่อให้ตนเองสามารถพักรักษาอาการาเ็ได้อย่างสบายใจก็เป็ได้
อย่างไรเสีย ด้วยร่างกายของเขาในตอนนี้ ไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำงานนั้นได้ แต่เขาก็ไม่มีทางอื่นแล้ว อาชิงยังเด็กหากทิ้งให้เขาก้าวเดินคนเดียว ตนเองวางใจลงไม่ได้จริงๆ
น้ำใจคนผู้นี้ติดค้างไว้แล้ว ต่อไปมีโอกาสย่อมต้องคืนอย่างแน่นอน
“อาจารย์ ทานข้าวได้แล้วขอรับ” อาชิงยกถาดรองไม้หนึ่งอันดันประตูเข้ามาอย่างระมัดระวัง
หูฉางกุ้ยตามอาชิงอยู่ด้านหลัง ถือโต๊ะเตี้ยที่ค่อนข้างเก่าสำหรับวางบนเตียงอิฐมาวางไว้ข้างเตียง เขาประคองฟางเสิงขึ้นนั่งพิงกำแพงด้วยความระมัดระวัง แล้วถึงจัดวางโต๊ะอยู่ตรงหน้าเขา
ข้าวสวยหนึ่งถ้วย อาหารประเภทเนื้อวางซ้อนกันอย่างเป็ระเบียบหนึ่งจาน น้ำแกงผักกวางตุ้งใส่ไข่ลอยข้นหนึ่งถ้วย
“ที่บ้านไม่มีกับข้าวดีอะไร อาจารย์ฟางท่านฝืนทานสักหน่อย พรุ่งนี้แม่ของพวกเด็กๆ จะเชือดไก่หนึ่งตัว เคี่ยวน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายให้พวกท่าน” หูฉางกุ้ยยิ้มซื่อๆ กล่าวอย่างรู้สึกผิด แม้เขารู้สึกว่าอาหารของครอบครัวตนเองค่อนข้างดีมาก แต่ ภรรยาของเขาล้วนกล่าวเช่นนี้ เขาจึงเลียนแบบออกมาหนึ่งรอบ
“พี่ชายหู เกรงใจท่านแล้ว กับข้าวเหล่านี้ดีมาก ไม่จำเป็ต้องจัดเตรียมอย่างอื่นให้ลำบาก” ฟางเสิงมองจานที่มีทั้งเนื้อปลาและเนื้อหมูแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
“แหะๆ” หูฉางกุ้ยหัวเราะเล็กน้อย เขาไม่สันทัดในการพูดคุยจริงๆ จึงบอกให้พวกเขาทานข้าวให้อร่อยแล้วออกจากห้องไป
“อาจารย์ ท่านชิมเนื้อพะโล้อันนี้ อร่อยมากๆ สกุลหูนี้ไม่ต้องกล่าวถึงอย่างอื่นเลย แค่ทำกับข้าวยังทำได้อร่อยมากจริงๆ ขอรับ” อาชิงคีบเนื้อพะโล้หนึ่งตะเกียบไปในถ้วยของอาจารย์เขาอย่างเร่งรีบ ในตาฉายแววประกายระยิบระยับออกมา
“…เ้าทานไม่อิ่มหรือ?” แววตาระยิบระยับในตาอาชิงกระตือรือร้นเกินไป ฟางเสิงอดถามไม่ได้
“อิ่มแล้วๆ ล้วนทานจนพุงกางแล้วขอรับ” อาชิงลูบท้องที่นูนขึ้นมาของตนเอง อยากถอนหายใจออกมาตรงๆ ด้วยความสบาย นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้ทานอาหารเต็มไปด้วยน้ำมันจนอิ่มเช่นนี้
อิ่มแล้ว? สายตายังท่าทางเหมือนหิวมาสองสามวันอยู่เลย? ฟางเสิงส่ายหน้า เด็กถึงอย่างไรก็ยังเป็เด็ก หาได้ยากที่จะทานอาหารประเภทเนื้อได้สักหนึ่งมื้อ ถึงจะอิ่มแล้วก็ยังจ้องตาเป็มันอยู่เช่นนี้
ฟางเสิงยังคงไม่มีแรงเล็กน้อย เขาหยิบตะเกียบขึ้นด้วยความยากลำบาก คีบเนื้อในถ้วยขึ้นช้าๆ ใส่เข้าในปากแล้วเคี้ยว
หนึ่งคำ สองคำ สามคำ… แววตาของฟางเสิงค่อยๆ สว่างขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มือขวาที่ได้รับาเ็มา ใช้ตะเกียบคีบขึ้นอีกสองชิ้นอย่างมั่นคง ใส่เข้าในปากได้โดยไม่ร่วงลงไป
“อาจารย์ อร่อยใช่ไหม? อร่อยใช่ไหม? เนื้อพะโล้ที่อาสะใภ้สกุลหูทำอร่อยมากจริงๆ” อาชิงเม้มปากราวกับกำลังรู้สึกขบคิดความหอมของเนื้อพะโล้ที่ติดอยู่เต็มปาก
“อร่อยจริงด้วย” ฟางเสิงพยักหน้ายืนยัน ท่องยุทธภพมาหลายปี อาหารอร่อยแต่ละที่ทานมาไม่น้อย รสชาติเนื้อพะโล้ของสกุลหูยอดเยี่ยมเหนือกว่ามาก รสชาติในปากหอมเข้มข้นทำให้คนติดใจในรสชาติอาหารนัก
พอทานข้าวไปหนึ่งมื้อ ฟางเสิงก็วางถ้วยและตะเกียบลง เรอออกมาด้วยความผ่อนคลาย ทอดถอนหายใจอยู่ข้างใน ชีวิตร่อนเร่พเนจรอยู่ข้างนอกมานาน ได้ทานอาหารหนึ่งมื้ออิ่มหนำแล้วล้วนซาบซึ้งถึงความอบอุ่นที่สุขสงบ
เจินจูอาบน้ำหนึ่งรอบั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความสุขใจ ตอนนี้นั่งอยู่ขอบเตียงเช็ดผมอย่างผ่อนคลาย
“ท่านพี่ วันนี้เสี่ยวเฮยวิ่งขึ้นเขาไปอีกแล้ว ตอนกลับมาบนตัวสกปรกเล็กน้อย ข้าเลิกเรียนกลับมาเลยอาบน้ำให้มันจนสะอาดแล้ว” ผิงอันอุ้มเสี่ยวเฮยมารายงานด้วยการยิ้มตาหยี
“อื้ม ทำได้ดี อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แมวและสุนัขล้วนต้องอาบน้ำให้สะอาดเป็ประจำ หากมีตัวหมัดงอกขึ้นมาจะะโมาอยู่บนตัวคนได้” เจินจูชมเชยตามตรง แม้นางชื่นชอบแมวและสุนัข แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะชื่นชอบการช่วยอาบน้ำให้สุนัขกับแมว ปัญหาการอาบน้ำของเสี่ยวเฮยและเสี่ยวหวง ในสิบครั้งมีเจ็ดถึงแปดครั้งเป็ผิงอันอาบให้ เจินจูแสดงความคิดเห็นเช่นนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าขอให้รักษาสถิติเช่นนี้ไว้
“ทราบแล้ว ท่านพี่ พรุ่งนี้เลิกเรียนกลับมาแล้ว ข้าจะอาบน้ำให้เสี่ยวหวง” ผิงอันได้รับการชื่นชม นิสัยกระตือรือร้นก็สูงพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ วันนี้หลังเลิกเรียนระหว่างทางที่ข้ากับพี่ชายใหญ่เดินกลับมา ได้จับตั๊กแตนมาเลี้ยงไก่มากมาย ไก่ของที่บ้านกินกันอย่างคึกคักเลยล่ะ” ผิงอันเล่าเื่สนุกตอนไปเรียนไม่หยุด
“ท่านพี่ ไม่ใช่ว่าท่านเคยบอกว่า พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้วจะเลี้ยงัดินหรือ? นี่จะเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ทำไมยังไม่เริ่มอีกเล่า?” เขาถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“…” การกระทำในมือของเจินจูหยุดชะงัก ัดิน? ไส้เดือน? นางลืมสิ้นไปนานแล้ว ตอนแรกคิดจะเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเอามาเลี้ยงไก่ให้ออกไข่มากๆ แต่ตอนนี้ นางหย่อนฟางจากมิติช่องว่างให้อยู่บ่อยๆ ความถี่ที่ไก่ออกไข่มามันเกินระดับปกติไปนานแล้ว เื่เลี้ยงไส้เดือนก็เปลี่ยนเป็ไม่ต้องเลี้ยงแล้วก็ได้
“อื้ม ไก่ของที่บ้าน… ตอนนี้ไม่ขาดแคลนอาหารไก่แล้ว เลี้ยงัดินน่ารำคาญนิดหน่อย ช่างมันไปเถอะ” เด็กนี่ เหตุใดจู่ๆ ก็จำเื่นี้ขึ้นมาได้
“จะเป็เช่นนั้นได้อย่างไร ไก่ชอบพวกหนอนหรือแมลงต่างๆ ที่สุด หากเลี้ยงัดิน ไก่ของบ้านเราต้องยิ่งขยันออกไข่แน่นอน” ผิงอันยืนกรานในเื่การเลี้ยงัดินมาก “ท่านพี่ ท่านกลัวหนอนถึงได้คร้านจะเลี้ยงกระมัง”
“…” เ้าเด็กนี่ ทำไมยืนกรานจะเลี้ยงัดินปานนี้
“ฮ่าๆ ท่านพี่ ท่านบอกวิธีข้ามา ข้าจะเลี้ยงเอง ข้าเลิกเรียนกลับมามีเวลามากเลยนะ” ผิงอันกล่าวต่อ
“เ้าเลิกเรียน ไม่ใช่ว่าต้องทำการบ้านหรือ อย่าเสียเวลาการบ้านของเ้าเลย” เจินจูโน้มน้าว
“ไม่เสียเวลา หนังสือที่ต้องท่องของทุกวัน ตัวอักษรที่ต้องคัด ครึ่งชั่วยามก็ทำเสร็จหมดแล้ว ไม่เสียเวลาเลยสักนิด” ใบหน้าเล็กของผิงอันจริงจังมาก
“…ก็ได้ เช่นนั้นเ้าลองดู” เจินจูจนปัญญา เวรกรรมที่ตนเองก่อไว้ยากที่จะหลบหลีกนัก หากไม่ใช่เพราะตนเองปากมากจะมีเื่มากมายเช่นนี้ได้ที่ไหนกัน
ด้วยเหตุนี้นางเลยพยายามคิดรำลึก นำข้อมูลที่มีประโยชน์ออกมาจากความทรงจำอันจำกัด
ให้ผิงอันหาไหใบใหญ่หรือให้หูฉางกุ้ยตอกกล่องไม้ใบใหญ่แข็งแรงหนึ่งใบก่อน ใส่ดินที่อุดมสมบูรณ์เข้าไปข้างในจำนวนหนึ่ง ัดินชอบสภาพแวดล้อมเปียกชื้น ในทุกๆ วันต้องขยันรดน้ำ แน่นอนว่าไม่สามารถเปียกเกินไปได้ ส่วนความชื้นแฉะก็ให้พิจารณากันเอาเองจากดินปกติที่ขุดัดินออกมาได้ง่ายดาย
ัดินเลี้ยงง่ายมาก ขอแค่ใส่มูลไก่ มูลวัวหรือมูลหมูลงไปหมักสักเล็กน้อย รวมกับของไร้ประโยชน์ที่ทิ้งไว้ในบ้านอย่างใบผักที่เน่า ผลแตงที่ยุ่ย ใบหญ้าเปื่อย หรือน้ำซาวข้าว... ไม่นานก็สามารถเลี้ยงขึ้นมาได้แล้ว
เมื่อถึงเวลาก็เลือกตัวที่โตออกมา สับแล้วต้มให้สุกเลี้ยงไก่เลี้ยงหมูล้วนได้หมดเลย
นางเพียงรับผิดชอบเสนอแนะข้อมูล ส่วนที่ต้องดำเนินการอย่างละเอียด ผิงอันยังต้องครุ่นคิดเอาเอง
ผิงอันกลอกตามองไปรอบๆ สมองอันชาญฉลาดเล็กๆ ของเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ จึงวางเสี่ยวเฮยในรังแมว แล้ววิ่งออกไปหาบิดาทันที
อาชิงยกถ้วยและตะเกียบที่ทานเสร็จแล้วไปห้องครัว ตั้งใจจะล้างให้สะอาด ติดตามอาจารย์พเนจรอยู่ข้างนอกหลายปี งานเหล่านี้เขาคุ้นเคยอย่างมาก
ข้างแท่นเตาวางยาสมุนไพรต้มที่เคี่ยวดีแล้ว หลี่ซื่อกำลังต้มน้ำร้อน พอเห็นดังนั้นจึงรีบรับถ้วยและตะเกียบในมือของอาชิงมา
อาชิงยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณหลี่ซื่อ ยกยาไปให้อาจารย์ดื่มแล้วรับถ้วยถือกลับมาห้องครัวอีกครั้ง ยามนี้หลี่ซื่อตักน้ำร้อนให้เขาครึ่งถัง ยกไปถึงห้องอาบน้ำของด้านข้าง และบอกใบ้ให้เขาไปอาบน้ำร้อนให้สบาย
ทันทีหลังจากนั้นได้ถือเสื้อผ้าที่ทำขึ้นใหม่หนึ่งชุดออกมาส่งให้เขาเปลี่ยนอาบน้ำ นี่เป็ชุดใหม่ที่หลี่ซื่อเย็บให้ผิงอัน ขนาดความยาวค่อนข้างเกินตัวผิงอันไปเล็กน้อย ถ้าให้อาชิงสวมใส่น่าจะเหมาะพอดี
อาชิงรีบกล่าวขอบคุณออกมาทันทีด้วยเบ้าตาแดงรื้น แล้วกอบเสื้อผ้าชุดใหม่เข้าห้องอาบน้ำไป เสื้อผ้าบนกายของพวกเขาเป็การซื้อด้วยเงินสดจากร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่เขตอำเภอก่อนมาที่นี่ ส่วนเสื้อผ้าและเครื่องใช้เดิมสกปรกและทั้งเก่าทั้งชำรุด หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว พี่สาวสกุลหูก็ไม่ให้ใส่เสื้อผ้าชุดเก่าอีก กล่าวว่าหากมาถึงที่บ้านจะให้มารดาของนางทำชุดใหม่ให้สองตัว
อาชิงลูบเสื้อผ้านุ่มตัวใหม่ในมือเบาๆ ในใจเต็มไปด้วยความตื้นตันใจและอบอุ่นอย่างพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าอาจารย์ไม่ดีต่อเขา แต่…
เชิงอรรถ
[1] ผู้มีฝีมือในดงซิ่ง หรือผู้มีฝีมือในดงแอปริคอต หมายถึง ผู้ที่มีฝีมือทางการแพทย์ในระดับที่สูงมาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้