เมื่อพวกผู้ชายลุกไปคารวะสุรากัน กู้เจิงจึงได้เริ่มกินอาหาร อาหารในวังทุกอย่างล้วนเป็ของชั้นเลิศ แต่นางกินไปได้เพียงไม่กี่คำ นายหญิงเว่ยซื่อก็ขัดขึ้น “อาเจิง เ้ายังกินอยู่อีกหรือ? รีบไปทำความรู้จักกับบรรดาเหล่าฮูหยินกับข้าเร็ว”
กู้เจิง “...”
กู้เหยาพึมพำ “น่าเบื่อเกินไปแล้ว”
“ตอนนี้เ้าเป็ภรรยาของขุนนางขั้นสองแล้วไม่เหมือนกับเมื่อก่อน จะยังมัวยืนอึ้งอยู่ทำไม?” เว่ยซื่อผ่านเื่ราวมามากมาย และตอนนี้กู้เจิงก็ถือเป็บุตรภายใต้นามของนางแล้ว แน่นอนว่านางย่อมต้องสั่งสอนให้ดี “กู้เหยา เ้าก็ไปด้วย”
กู้เจิงรินสุราผลไม้ที่เจือจางแล้วให้ตัวเอง สุราผลไม้แก้วเล็กๆ คงจะไม่เมาในหนึ่งจอก แต่ก็ดื่มมากไม่ได้
คนที่เว่ยซื่อรู้จักล้วนเป็ตระกูลระดับป๋อเจวี๋ยขึ้นไปทั้งนั้น
ตำแหน่งระดับสูงคืออะไร บัดนี้กู้เจิงเข้าใจแล้ว ตอนที่ฮูหยินทั้งหลายเห็นนางต่างไม่ได้แสดงอาการใดๆ ออกมานอกจากรอยยิ้ม เมื่อเทียบกับสตรีสูงศักดิ์อย่างหนิงซิ่วอิงกับหวังหว่านหรงแล้ว การแสดงสีหน้าถือว่ายอดเยี่ยมมาก
“นี่คือคุณหนูใหญ่สินะ ช่างงดงามจริงๆ ฮูหยินกู้มีบุตรสาวคนโตที่งดงามเช่นนี้ น่าจะพาออกมาให้เร็วหน่อย”
“ช่างเป็คู่ที่เหมาะสมกับใต้เท้าเสิ่นเสียจริง”
“ใช่แล้ว ดูจากท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ถ้าลูกสาวข้าเป็เหมือนคุณหนูใหญ่กู้สักครึ่งหนึ่งก็คงจะดี”
“คำชมที่พวกเ้าชมลูกข้า ข้าขอรับไว้ทั้งหมดแล้วกัน” เว่ยซื่อกล่าวยิ้มๆ อย่างไม่เกรงใจ“วันหลังถ้าเจอคุณหนูของพวกเ้าแล้ว ข้าจะชมคืนให้ทีละคนเลย”
ประโยคของเว่ยซื่อทำเอาเหล่าฮูหยินทุกคนขำขันกันยกใหญ่
เมื่อทักทายกลุ่มหนึ่งเสร็จ นางก็พากู้เจิงเดินไปอีกทางหนึ่งพลางเอ่ยว่า “เมื่อครู่ที่เ้าเห็นล้วนแต่เป็เหล่าฮูหยินของป๋อโหว ข้าเป็บุตรสาวภรรยาเอกของจวนโหวฐานะใกล้เคียงกัน ดังนั้นพวกนางกับข้าจึงสนิทกันมาก แต่ที่ข้ากำลังจะพาเ้าไปแนะนำทางนั้น ฮูหยินสามคนแรกเป็ฮูหยินกงเจวี๋ย หยิ่งยโสเห็นว่าตนสูงส่ง เ้าแค่ต้องรักษารอยยิ้มไว้ก็พอ”
“เ้าค่ะท่านแม่” กู้เจิงมองไปทางฮูหยินทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหน้า พอเห็นฮูหยินเซี่ยนกงเจวี๋ยที่อยู่ในนั้นก็พูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ข้ากับฮูหยินเซี่ยผู้นั้นมีเื่ไม่ชอบใจกันเ้าค่ะ"
เว่ยซื่อชะงักฝีเท้า หันไปมองกู้เจิง “เื่ไม่ชอบใจกันงั้นหรือ?”
กู้เจิงเล่าถึงการสนทนากับฮูหยินเซี่ยในวังให้ฟังอย่างละเอียด เว่ยซื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “เื่นี้จะโทษเ้ากับบุตรเขยใหญ่ได้ยังไง? วันนั้นสถานการณ์คับขัน บุตรเขยใหญ่หมดหนทางถึงได้ให้เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยนำตราอาญาสิทธิ์ไปโยกย้ายคนมา แต่ที่เขาป่วยเพราะตากฝนจะจะนับเป็อะไรได้ ทำไมนางถึงไม่คิดถึงเหล่าทหารที่ตายในสนามรบบ้างเล่า?”
ขณะนั้นเอง ฮูหยินกงเจวี๋ยทั้งสามได้มองเห็นเว่ยซื่อกับกู้เจิงแล้ว ทั้งสองคนจึงต้องเข้าไปทำความเคารพ
“ฮูหยินกู้มีจิตใจดีนัก รับบุตรีอนุคนโตเป็บุตรภายใต้นามของตัวเอง วันนี้ก็ยังพามาให้ทุกคนได้รู้จักอีก” ฮูหยินกงเจวี๋ยผู้พูดสวมชุดสีเขียวมรกต บนกระโปรงปักด้วยดอกโบตั๋นขับเน้นให้ดูสง่างาม นางยิ้มบางๆ ทว่าในถ้อยคำกลับแฝงไว้ด้วยหนามแหลมคม
“เรียกว่ามารดาแล้ว ย่อมต้องทำในสิ่งที่มารดาต้องทำ” เว่ยซื่อยิ้มแล้วแนะนำฮูหยินอีกสองคนให้กู้เจิงรู้จัก พอจะแนะนำให้ฮูหยินเซี่ย ก็ได้ยินนางเอ่ยเสียงเย็นว่า “ไม่ต้องแนะนำหรอก พวกเราเคยเจอกันแล้ว ฝีปากเฉียบคม ฮูหยินกู้ช่างเป็แม่ที่สอนได้ดีจริงๆ”
“ขอบคุณฮูหยินเซี่ยที่ชม” เว่ยซื่อยิ้มรับน้อยๆ
ในตอนนั้นเอง มีเสียงอุทานดังมา “เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเป็ลมไปแล้ว”
ฮูหยินเซี่ยหน้าซีดเผือด นางรีบวิ่งเข้าไปดูอย่างลนลาน นางเห็นเซี่ยอวิ้นอุ้มเซี่ยฉางชิงที่หมดสติขึ้นมา
“ท่านแม่ทัพ ฝ่าาทรงเรียกหมอหลวงแล้ว เชิญพาเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยไปพักผ่อนที่ตำหนักปีกข้าง โปรดตามข้าน้อยมาด้วยเ้าค่ะ” นางกำนัลรีบเดินนำทาง
ฮูหยินเซี่ยกับเซี่ยิ่หรูรีบเดินตามหลังไป ทว่าพอฮูหยินเซี่ยเดินผ่านเสิ่นเยี่ยน ก็ชะงักฝีเท้ามองอีกฝ่าย จนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนประสานมือคารวะจึงได้สติกลับมา และรีบเดินตามนางกำนัลไป
“ท่านพี่ ทำไมจู่ๆ เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยถึงเป็ลมได้เ้าคะ?” กู้เจิงเดินไปถามสามี นางมองแผ่นหลังของเทพาเซี่ยที่เดินจากไปอย่างสงสัย พ่อลูกคู่นี้ผู้เป็บิดามีแผ่นหลังใหญ่โตโอ่อ่า ทว่าบุตรชายกลับอ่อนแอยิ่งนัก
“ไม่รู้” เสิ่นเยี่ยนตอบเสียงเรียบ
เว่ยซื่อที่หันมองร่างสูงใหญ่ของบุตรเขยใหญ่ฝั่งบ้านตน แล้วหันไปมองเงาร่างอันสูงตระหง่านของเซี่ยกงเจวี๋ย นางรู้สึกว่าแผ่นหลังของทั้งสองคนคล้ายคลึงกันยิ่งนัก
“ฝ่าาเสด็จมาแล้ว” กู้หงหย่งที่อยู่ด้านข้างรีบบอกกับคนในครอบครัว “อย่าเสียมารยาทล่ะ”
“ถวายบังคมฝ่าา” ในงานเลี้ยงวันนี้ฮ่องเต้กล่าวทักทายกับทุกคนอย่างเป็กันเองยิ่งนัก
“งานเลี้ยงวันนี้ให้ทุกคนทำตัวตามสบาย สนุกกันให้เต็มที่” เสียงของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและน่าประทับใจ
กู้เจิงแอบเงยหน้ามองเงาร่างสีเหลืองอร่ามที่อยู่ไม่ไกลนัก ฮ่องเต้กูเป็ชายวัยกลางคนที่หน้าตาอ่อนโยน และสง่างาม เค้าหน้าของเขาดูเรียบเฉยแต่ทุกอากัปกิริยากลับแฝงไว้ด้วยความเป็าาที่น่ายำเกรง
“อาเจิง อย่ามองหน้าพระพักตร์ตรงๆ” กู้หงหย่งเห็นบุตรสาวคนโตแอบมองฮ่องเต้จนไม่ละสายตา เขาเลยรีบเตือน
“อาเจิง มีอะไรหรือ?” เสิ่นเยี่ยนเองก็รู้สึกว่าท่าทางของภรรยาผิดปกติไปเล็กน้อย ราวกับว่านางรู้จักฮ่องเต้
เป็เขา กู้เจิงมองร่างสีเหลืองที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างใ ที่แท้ก็เป็บุรุษในวันงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของพระชายารัชทายาท ที่นางได้พบตอนที่ถูกคนจับตัวไปทิ้งตรงที่รกล้างในวัง
“อาเจิง อย่ามองตรงๆ” เสิ่นเยี่ยนจับมือภรรยาแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ฮ่องเต้เดินตรงเข้ามาทางพวกนาง กู้เจิงรีบก้มหน้าลงเล็กน้อย
“กู้ป๋อเจวี๋ย” เสียงอ่อนโยนแต่มีอำนาจดังขึ้นเหนือศีรษะ
กู้หงหย่งไม่คิดว่าฮ่องเต้จะตรงเข้ามาทักทายเขา “ถวายบังคมฝ่าา”
“อืม” ฮ่องเต้พยักหน้ารับ เขามองเสิ่นเยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “บุตรเขยใหญ่ของเ้าถูกใจเจิ้นมาก”
(*แปลว่า ข้า เป็สรรพนามใช้เรียกแทนตัวเองของกษัตริย์)
“ขอบพระทัยฝ่าาสำหรับความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ” กู้หงหยงหน้าชื่นตาบาน
“ฝ่าาทรงชมเชย กระหม่อมจะตั้งใจทำงานในราชสำนักให้สมกับที่ทรงไว้ใจพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นเยี่ยนตอบรับเสียงเรียบ
ฮ่องเต้ทรงยิ้มสรวลอย่างพอใจ เห็นฮ่องเต้ทรงพระสรวล คนรอบข้างจึงต่างหัวเราะไปด้วย
กู้เจิงเงยหน้าแอบมองฮ่องเต้อย่างพินิจพิเคราะห์ ฮ่องเต้ผู้นี้ทำเหมือนกับว่าไม่เคยได้พบกับนางเลย เขาไม่มองนางแม้แต่น้อย หรือว่านางจะจำผิดไป? เป็ไปไม่ได้ นางจำเื่ในวันนั้นได้ขึ้นใจไม่มีทางจำผิดได้
ไม่นาน แม่ทัพใหญ่เซี่ยก็กลับมา ทุกคนรีบเข้าไปถามเกี่ยวกับอาการของเซี่ยกงเจวี๋ยน้อย กู้หงหย่งรีบเรียกบุตรชายและเสิ่นเยี่ยนให้เข้าไปหา ทว่าแม่ทัพใหญ่เซี่ยผู้นี้ไม่สนใจตระกูลกู้ เขาเดินไปคุยกับเหล่าท่านอ๋องอีกด้านหนึ่งแทน
“ท่านพ่อของเ้าประจบประแจงมากเกินไป ทำให้กลับกลายเป็เสียมารยาท การกระทำของเขายังเหนื่อยไปถึงเจิ้งชินกับบุตรเขยใหญ่ด้วย” เว่ยซื่อจิบสุรา มองดูสามีที่อยากจะมีหน้ามีตาอย่างขบขัน
กู้เจิงเองก็คิดว่าคำพูดของท่านแม่มีเหตุผลยิ่ง
“พี่สามมาแล้ว” กู้เหยาเห็นกู้อิ๋งเดินเข้ามา ก็รีบตบที่นั่งข้างๆ “พี่สามมานั่งตรงนี้สิเ้าคะ”
“เ้าไม่อยู่เป็เพื่อนตวนอ๋องหรือ?” เว่ยซื่อถามกู้อิ๋ง
“นั่งกับครอบครัวตัวเองสบายใจกว่าเ้าค่ะ” กู้อิ๋งนั่งลงก่อนจะถอนหายใจ
“พูดอะไรเป็เด็กๆ ไปได้” เว่ยซื่อกลอกตาให้บุตรสาว
“พี่ใหญ่ พวกเรามาดื่มชนจอกสุราผลไม้กันเถอะ" กู้อิ๋งยกจอกสุราขึ้นคารวะกู้เจิง
กู้เจิงยกจอกสุราตอบรับอย่างยินดี
เสียงจากคนรอบดังมาเข้าหูว่า “เฮ้อ ร่างกายของเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยนี่แย่เกินไปแล้ว ไม่เหมือนแม่ทัพเซี่ยเลยสักนิดจริงๆ”
“ปกติเห็นยังดีๆ อยู่เลย”
“ได้ยินมาว่าไปตากฝนมา แต่ป่วยมาจนถึงตอนนี้ ดูเหมือนว่าเมื่อครู่จะทะเลาะกับแม่ทัพเซี่ย ถึงได้เป็ลมไปเพราะความโกรธ”
“พวกเ้าว่า เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยจะอายุยืนไหม?”
แก้วสุราในมือกู้เหยากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ ขณะที่นางกำลังจะหันไปด่าคนพวกนั้น ก็ถูกเว่ยซื่อจับแขนไว้ และมองนางอย่างตักเตือน “นั่งลง”
“ข้าไม่นั่งเ้าค่ะ พวกเขาพูดถึงฉางชิงเช่นนี้ได้ยังไง? จะมากเกินไปแล้ว” กู้เหยาเอ่ยอย่างโมโห
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเ้า?” เว่ยซื่อดึงบุตรสาวให้นั่งลง
กู้เจิงกับกู้อิ๋งมองกู้เหยาด้วยความประหลาดใจ กู้เหยาเป็คนพูดจาโผงผางมาั้แ่เด็ก ทำอะไรก็ไม่สนใจผลที่จะตามมา แต่พวกนางไม่เคยเห็นกู้เหยาโกรธเพื่อใครเช่นนี้มาก่อน
“เขาเป็เพื่อนของข้า” กู้เหยาคิดอยู่นานนมถึงหาเหตุผลให้การกระทำของตัวเองได้
“ไม่มีคำว่าเพื่อนระหว่างชายหญิง” เว่ยซื่อถลึงตาใส่บุตรสาวคนเล็กอย่างเ็า “เหยาเอ๋อร์ ข้าเป็แม่ของเ้า ในใจเ้าคิดอะไรอยู่ก็ปิดบังข้าไว้ไม่ได้หรอก”