“ท่านพ่อบ้าน ตาเฒ่าผู้นี้กลัวจนเป็ลมไปแล้วขอรับ!”ผู้ที่จับตัวอวี๋หรูไห่เอ่ย
พ่อบ้านเหอเหลือบมองอวี๋หรูไห่ที่ไร้สติอยู่บนพื้นอย่างหยามเหยียด“โยนขึ้นรถม้า พาตัวกลับไป”
เขาหันกลับมามองอวี๋เจียวอีกครั้ง ใบหน้าไม่ได้ดุดันถึงเพียงนั้นเพียงแต่รอยยิ้มช่างแลดูฝืนทำยิ่งนัก “เชิญแม่นางเมิ่งเช่นกัน!”
อวี๋เจียวกำลังจะเดินขึ้นรถม้า สตรีแซ่อวี๋โจวพลันเอ่ยออกมาว่า“แม่นางผู้นี้เป็คนเขียนเทียบและทำยารักษาโรคแผลพุพองเองทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับนายท่านของพวกเราแม้แต่นิด หากพวกเ้าไม่เชื่อข้าจะให้คนสกุลมู่มาเป็พยาน นายน้อยสกุลมู่ก็คือสหายร่วมเรียนของหลานชายข้า”
อวี๋เจียวชำเลืองมองนางด้วยสายตาเ็าเอ่ยกับเจียงชิงเหอด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ใดว่า“ท่านผู้เฒ่าของสกุลเหอเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?”
เจียงชิงเหอเอ่ย “ท่านผู้เฒ่าสกุลเหออายุมากแล้วแต่เดิมร่างกายก็ไม่สู้ดีเพราะโรคแผลพุพอง ชีพจรของเขาอ่อนแรง พลังชี่อ่อนพิษคั่งทว่าท่านหมออวี๋ในจวนของเ้ากลับใช้วิธีกระจายลมปราณสลายเืคั่งเช่นที่ใช้กับนายท่านรองสกุลมู่เมื่อครั้งก่อนเมื่อเป็เช่นนี้ถึงทำให้อาการของท่านผู้เฒ่าสกุลเหอทรุดหนักกว่าเดิมจนเกือบจะคร่าชีวิตเสียแล้ว”
ครั้นมั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายเพียงอาการหนักและยังไม่ได้สิ้นใจอวี๋เจียวหันไปเอ่ยกับพ่อบ้านสกุลเหอว่า“ข้าเป็คนเขียนเทียบยารักษาโรคแผลพุพองจริงข้าตามไปที่จวนของเ้าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว”
แน่นอนว่าพ่อบ้านไม่ยินดีเพียงแต่วาจาถัดไปของอวี๋เจียวทำให้เขาลังเลเสียแล้ว
“วิชาหมอของเขา พวกเ้าก็ได้รับรู้กันแล้ว ต่อให้พาไปด้วยก็ไม่เป็ประโยชน์อะไร”อวี๋เจียวเอ่ยด้วยสีหน้าเ็า “หากจะมัวเสียเวลาอยู่ที่นี่มิสู้รีบส่งข้าไปยังจวนของพวกเ้า”
เจียงชิงเหอตาเป็ประกายเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้“เ้ามั่นใจว่าสามารถรักษาท่านผู้เฒ่าสกุลเหอให้หายดีใช่หรือไม่?”
“จำต้องตรวจอาการคนป่วยก่อนเ้าค่ะ” อวี๋เจียวเอ่ย
ทว่าเจียงชิงเหอกลับรู้สึกมั่นใจว่านางสามารถรักษาท่านผู้เฒ่าสกุลเหอให้หายดีได้ดังนั้นจึงเร่งเร้าให้พ่อบ้านสกุลเหอโยนตาเฒ่าอวี๋หรูไห่ผู้นั้นลงจากรถม้าแล้วรีบมุ่งหน้ากลับจวน
พ่อบ้านสกุลเหอถูกเร่งเร้าจนตัดสินใจไม่ได้ท้ายที่สุดยอมโยนอวี่หรูไห่ลงจากรถม้าแต่ยังคงเหลือคนของตนไว้เฝ้าจวนสกุลอวี๋จำนวนสองคนเพื่อป้องกันไม่ให้อวี๋หรูไห่ลอบหนีไปหลังจากฟื้นขึ้นมา
เขาคิดเอาไว้ว่า หลังจากอวี๋เจียวไม่อาจรักษาท่านผู้เฒ่าให้หายดีเมื่อนายท่านจะสืบสาวราวเื่ ค่อยมาจับตัวคนสกุลอวี๋ก็ยังไม่สาย
อวี๋เจียวตามพ่อบ้านสกุลเหอไปยังสกุลเหอในตำบลฉางขุยทั้งๆ เช่นนี้เจียงชิงเหออยากดูด้วยตาตนเองว่าอวี๋เจียวจะรักษาท่านผู้เฒ่าสกุลเหออย่างไรดังนั้นเขาจึงติดตามไปด้วย
สกุลเหอคือสกุลมั่งคั่งในเมืองมีสง่าราศียิ่งกว่าสกุลจางที่อวี๋เจียวไปเยือนในวันนั้นไม่น้อย ประตูใหญ่สีชาดทั้งสองข้างมีรูปปั้นสิงโตทำจากหินให้ความรู้สึกน่าเกรงขามอย่างยิ่งมิน่าทันทีที่ควักเงินก็จ่ายค่ารักษาถึงสามสิบตำลึง
อวี๋เจียวนั่งรถม้าเข้าในจวนสกุลเหอทางประตูด้านข้างพ่อบ้านสกุลเหอพาอวี๋เจียวและเจียงชิงเหอเข้าไปในเรือนอย่างรีบร้อนยามนี้ท่านผู้เฒ่าแซ่เหอป่วยหนัก ข้ารับใช้ในจวนล้วนไม่กล้าส่งเสียงดังคนในจวนสกุลเหอต่างล้อมอยู่นอกห้องของท่านผู้เฒ่า นายท่านเหอเศร้าโศกเสียใจยังคงสั่งให้เด็กรับใช้ไปสั่งทำโลงศพที่ร้านประกอบพิธีทำศพนอกเมือง
ครั้นเห็นพ่อบ้านเหอกลับมา เหอตงเซิงใบหน้าเคร่งขรึมครั้นเห็นว่าข้างหลังมีแม่นางน้อยผู้หนึ่งและเจียงชิงเหอตามมาไม่ใช่ตาแก่ผู้นั้นที่รักษาท่านผู้เฒ่าในวันนั้น เขาพลันเอ่ยพลางตีหน้าขรึม“หมอกำมะลอผู้นั้นเล่า?”
“นายท่าน นี่คือแม่นางเมิ่งผู้รักษาโรคให้นายท่านรองสกุลมู่ขอรับวิธีที่หมอกำมะลอสกุลอวี๋ผู้นั้นใช้รักษาท่านผู้เฒ่าก็คือวิธีที่แม่นางเมิ่งผู้นี้เขียนขึ้นมาขอรับ”
พ่อบ้านเหอพึ่งจะปริปาก เหอตงเซิงพลันโยนจอกน้ำชาในมือใส่หน้าของเขา“ข้าบอกให้เ้าไปพาตัวตาแก่ผู้นั้นมา แล้วคนเล่า?”
พ่อบ้านเหอหวาดกลัวจนตัวสั่น แต่เขากลับไม่กล้าหลบปล่อยให้จอกน้ำชากระแทกลงบนหน้าผากของตนจนน้ำชากระเซ็นเปียกไปทั้งศีรษะ
เหอตงเซิงเปี่ยมด้วยไฟโทสะ เขาหันไปถลึงตาจ้องอวี๋เจียวครั้นเห็นนางอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี ไฟโทสะภายในใจพลันลุกโชนกว่าเดิมเสียแล้ว
เอ่ยน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “เ้าเป็คนเขียนเทียบยา? ได้ คนสกุลอวี๋ของพวกเ้าช่างขวัญกล้าเทียมฟ้าเพื่อหาเงินค่ารักษาไม่กี่ตำลึง นึกไม่ถึงว่าจะไม่อยากมีชีวิตเสียแล้วถึงขั้นกล้าหลอกลวงทำร้ายบิดาของข้า! หากบิดาของข้าเป็อะไรไปข้าจะให้คนทั้งสกุลอวี๋ของพวกเ้าตายตามไปด้วย!”
