จ้านอู๋มิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันใด เขาทราบว่าชางอวี่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าชางอวี่เพิ่งจะยึดครองร่างได้สำเร็จ กลับไม่มี่เวลาที่อ่อนแอเลยสักนิด บางทีใน่เวลาที่อ่อนแอของชางอวี่ก็ยังมีฐานบ่มเพาะขอบเขตของเทพเ้าาสูงสุดด้วยเช่นกัน ช่างจินตนาการได้ยากจริงๆ ว่ายามที่เขารุ่งเรืองสูงสุด สมควรจะแข็งแกร่งมากมายเพียงไร
จ้านอู๋มิ่งหยิบแผ่นป้ายศิลาสองแผ่นที่ฝูงปลาต่อสู้อย่างหนักและแย่งชิงมาได้ขึ้นมา ยามนี้ตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีไม่จำเป็ต้องสะกดข่มแล้ว เนื่องเพราะตาเปลวเพลิงใจกลางปฐีนั้นเดิมเกิดจากเส้นชีพจรัของชางอวี่ ตอนนี้ิญญาัของเขาได้ยึดครองร่างแล้ว พลังอัคคีของเส้นชีพจรัชางอวี่ย่อมสามารถควบคุมได้ ไหนเลยจะต้องใช้แผ่นป้ายศิลาสองแผ่นนี้อีก ดังนั้นถ้าจ้านอู๋มิ่งไม่เอาก็น่าเสียดาย
จักรพรรดิมัจฉาเหลือบมองจ้านอู๋มิ่งแวบหนึ่ง แต่กลับไม่กล้าพูดสิ่งใด ขนาดท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าก็ยังไม่พูดอะไร เขาจะกล้าพูดได้อย่างไร ไม่ใช่พึ่งได้ยินที่บรรพบุรุษผู้เฒ่าเพิ่งพูดเมื่อครู่ว่ายอมรับผู้อื่นเป็เ้านายหรอกหรือ
จ้านอู๋มิ่งไม่คิดจะจากไปมือเปล่า หินอัคคีิญญาขนาดใหญ่มหึมาที่ลอยผลุบโผล่อยู่ในบึงลาวา เขาก็ยื่นมือคว้าหยิบใส่เข้าไปในกระเป๋ามิติของตนเช่นกัน หินอัคคีิญญาชิ้นใหญ่มหึมา วัตถุระดับเทพเช่นนี้ ต่อให้นำติดไปอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ก็เป็สิ่งของที่มีราคาไม่น้อยเช่นกัน ถึงอย่างไรพรุ่งนี้ก็จะจากไปแล้ว ถึงเวลานั้นสถานที่นี้ก็มอบให้ชางอวี่และจักรพรรดิมัจฉาดูแล ให้พวกเขาไปปล้นชิงทรัพย์สมบัติของชนเผ่าสมุทรต่างๆ แต่ละเผ่าต่อไป
……
การเดินทางสู่เกาะูเาไฟเป็เื่นอกเหนือคาดหมายอย่างหนึ่ง แต่เื่นอกเหนือคาดหมายเช่นนี้จ้านอู๋มิ่งชื่นชอบอย่างยิ่ง มีชางอวี่ที่เป็ผลลัพธ์เหนือความคาดหมายนี้ แม้ว่าจะไม่มีสำนักบริบาลเดรัจฉานคอยสนับสนุนอยู่เื้ั ในแผ่นดินใหญ่นี้ก็สามารถจะท่องไปทั่วอย่างมิต้องคอยหวั่นเกรงผู้ใดแล้วเช่นกัน
บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์กับเหยียนชิงชิง รวมทั้งสื่อรั่วหนานและพวกไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างจ้านอู๋มิ่งกับปลาเปลวเพลิงแกนปฐี จ้านอู๋มิ่งเองก็ไม่้าให้ทราบกันทั้งโลกหล้า
บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ประหลาดใจยิ่งนักกับการแสดงความเคารพของปลาเปลวเพลิงแกนปฐีที่มีต่อจ้านอู๋มิ่ง เดิมเขาคิดว่า รอจนหลังจากพวกเขาไม่มีคุณค่าใช้สอยแล้ว จักรพรรดิมัจฉาก็จะลงมือเล่นงาน กลับคิดไม่ถึงว่าหลังจากบรรพบุรุษผู้เฒ่าถูกช่วยออกมาแล้ว การแสดงออกของจักรพรรดิมัจฉากลับเคารพจ้านอู๋มิ่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว เขาได้แต่สรุปผลว่าเผ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐีช่างรู้จักมีบุญคุณต้องทดแทนยิ่งนักจริงๆ มีจริยธรรมอันสูงส่งแห่งเผ่าสัตว์อสูรนั่นเอง และแล้ว เขาก็มีความรู้สึกดีๆ ต่อปลาเปลวเพลิงแกนปฐีเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
ความชื่นชมของหญิงสาวทั้งสามที่มีต่อจ้านอู๋มิ่งยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น ถึงกับช่วยบรรพบุรุษผู้เฒ่าของเผ่ามัจฉาออกมาได้จริงๆ และเปิดผนึกของเกาะออกได้อีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางความสุขของเผ่ามัจฉา จ้านอู๋มิ่งกับบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์และคนอื่นๆ ต่างเดินไปทางประตูใหญ่ของค่ายกลขนส่งสมัยโบราณบนเกาะูเาไฟ
สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งขุ่นข้องหงุดหงิดคือ ค่ายกลใหญ่ผายลมสุนัขนี้ล้วนเป็กระแสน้ำวนทั้งหมดในมหาสมุทร คนที่ถูกดูดเข้าไปคล้ายโดนมหาสมุทรถ่ายท้องก็มิปาน ดูดเข้าตรงกระแสน้ำวนทางฟากนี้ แล้วปล่อยออกจากกระแสน้ำวนอีกฟากหนึ่ง
“สถานที่นี้คือสมรภูมิรบกระดูกขาว!” สื่อรั่วหนานอุทานเสียงต่ำคราหนึ่ง หลายคนถูกพ่นออกมาในลักษณะแนวทแยง ส่งมาอยู่บนเกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง
จ้านอู๋มิ่งมองดูไปรอบๆ บนเกาะเล็กๆ ที่พวกเขาอยู่ไม่มีพืชพรรณต้นไม้ใบหญ้าและก้อนกรวด ทั้งหมดประกอบขึ้นจากกองกระดูกขนาดต่างๆ สะสมทับถมกัน ไม่ทราบระยะเวลาผ่านไปยาวนานกี่ปี กระดูกทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกันเป็ชิ้นเดียว กลายเป็เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง กลายเป็หมู่เกาะพิเศษขึ้นในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกนี้ ซึ่งก็คือสมรภูมิรบกระดูกขาวที่มีชื่อเสียงเลื่องลือมากที่สุดในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก
จากตำนานเล่าขาน สมรภูมิรบกระดูกขาวเป็สนามรบสำคัญที่เผ่าพันธุ์มนุษย์และชนเผ่าสมุทรทำศึกากัน สัตว์อสูรขนาดใหญ่มหึมาในมหาสมุทรและเผ่ามนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตในที่นี้ ทิ้งกระดูกไว้ในสถานที่นี้ สัตว์อสูรสมุทรที่ตายมีจำนวนมากเกินไป โครงกระดูกทับถมจนกลายเป็เกาะนับไม่ถ้วนในมหาสมุทรน้ำตื้นแถบนี้ เืเนื้อเสื่อมสลายไปเหลือเพียงกระดูกขาว คนรุ่นหลังเรียกบริเวณน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ว่าสมรภูมิรบกระดูกขาว
เคยมีคนพบกระดูกสีม่วงทองจำนวนมากมายในสนามรบแห่งนี้ ซึ่งแข็งแกร่งมากจนทำลายไม่ได้ เวลาหลายแสนปีก็ไม่ผุกร่อนเสื่อมสลาย นั่นคือโครงกระดูกของสัตว์อสูรสมุทรระดับขอบเขตเหนือกว่าเทพเ้าา จะเห็นได้ว่ายุคสมัยา ศึการะหว่างเผ่ามนุษย์กับชนเผ่าสมุทรช่างดุเดือดเืพล่านเพียงใด ยามนี้บนอาณาจักรดินแดนต้องคำสาปแห่งนี้ ผู้ที่มีขอบเขตเหนือกว่าเทพเ้าาแม้แต่คนเดียวก็บรรลุสำเร็จยากยิ่งนัก การตกต่ำเสื่อมถอยของแผ่นดินพั่วเหยียนมิอาจไม่ให้ผู้คนรู้สึกสะท้อนใจ
“ในเมื่อสถานที่นี้คือสมรภูมิรบกระดูกขาว เช่นนั้นก็ห่างจากเมืองวันสิ้นโลกไม่ไกลแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเราจะถูกส่งมายังสถานที่ใกล้กับแผ่นดินมากที่สุดโดยตรง” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์สูดหายใจลึกๆ ดื่มด่ำกับกลิ่นอายน้ำทะเลอ่อนๆ เหนือมหาสมุทร สีหน้าท่าทางคล้ายกำลังเสพสุข
ดูเหมือนว่าเขาจะถูกความร้อนระอุย่างจนไม่ไหวแล้วที่เกาะูเาไฟ ถ้าหากกลายเป็ร่างเดิม คาดเดาว่าคงจะได้เห็นขนนกของเขาไหม้เกรียมแล้วกระมัง
“พี่จ้าน พวกเราก็แยกกันตรงนี้ก็แล้วกัน คาดว่าเสด็จพ่อคงกำลังรอคอยข่าวของข้าอยู่ ข้าเองก็ต้องรีบกลับไปที่เทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรโดยเร็วที่สุด หากมีโอกาสหวังว่าเ้าจะสามารถแวะมาเยี่ยมเยียนที่เทือกเขาหมื่นสัตว์อสูรบ้าง” บุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยสีหน้าซื่อสัตย์จริงใจ
“วางใจเถิด นกกระจอกน้อย ถึงเวลาจะต้องไปหาเ้าอย่างแน่นอน สหายของข้ามีไม่มาก!”
“หากนับเป็สหาย…ก็อย่าเรียกข้านกกระจอกน้อย…” พลันบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์หน้าแดงคอพอง ะโโวยวายขึ้นมาทันใด
“ได้ ได้ ได้ ไม่เรียกก็ไม่เรียก เรียกเ้าว่าอิงเฟยหยาง[1]คงได้กระมัง” จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออก
“นี่ค่อยเข้าท่าหน่อย” สีหน้าบุตรชายเหยี่ยวฟ้าศักดิ์สิทธิ์ผ่อนคลายลงบ้าง พูดพลางสองแขนยกขึ้น กลายร่างเป็เหยี่ยวขนาดใหญ่มหึมาตัวหนึ่งกลางอากาศ กระพือปีกพึ่บพั่บทะยานดั้นเมฆ บินฝ่าไป รีบร้อนไปจากจ้านอู๋มิ่งเหมือนหนีเอาชีวิตรอดก็มิปาน
“ดูลักษณะท่าทางนั่น เหมือนอย่างกับว่าข้ารังแกเขาอย่างโเี้ก็มิปาน ้ารีบแยกไปจากข้าแต่เนิ่นๆ ไม่มีมิตรภาพของสหายเสียจริง ไม่รู้จักส่งพวกเราด้วยสักเที่ยวหนึ่ง ข้ายังไม่เคยขี่เหยี่ยวเลยนะ” จ้านอู๋มิ่งบ่นพึมพำ
“นายท่าน ข้าได้รับการส่งสัญญาณเสียง เป็ข่าวของชายชรา” พลันสื่อรั่วหนานและเหยียนชิงชิงพูดขึ้น
“อ้อ มันคืออะไร?” จ้านอู๋มิ่งแปลกใจเล็กน้อย ถึงแม้เขาทราบว่าระหว่างผู้เฒ่ากับราชันทั้งสิบมีช่องทางสื่อสารลับๆ กลับคิดไม่ถึงว่าทันทีที่ออกมาก็ได้รับข่าวสารแล้ว
“เป็ข่าวเกี่ยวกับเ้า บอกว่าเ้ามีความสำเร็จและพัฒนาบ้างแล้ว ไม่ใช่พวกเราจะสามารถรับมือได้ ให้พวกเราอย่าได้กระทำโดยไม่ได้รับอนุญาตและตัดสินใจเอง รีบออกจากน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกโดยเร็ว เขามีการเตรียมการอื่นๆ ไว้!” เหยียนชิงชิงพูดตอบ
“ชายชราคนนี้เด็ดขาดมาก ต่อกรพัวพันด้วยยากยิ่งนัก เขาสามารถส่งข่าวถึงพวกเ้าผ่านลูกแก้วิญญา จริงสิ สามารถหาตำแหน่งของพวกเ้าผ่านลูกแก้วิญญาได้ด้วยหรือไม่?” พลันจ้านอู๋มิ่งนึกถึงปัญหาข้อหนึ่ง
เขาเพิ่งออกมาจากเกาะูเาไฟ ก็รู้สึกว่าภายในแหวนจักรวาลบนหน้าอกวงหนึ่ง กลับมีคลื่นิญญาจางๆ กระเพื่อมอยู่สายหนึ่ง
นั่นคือแหวนจักรวาลของราชันิญญาอูสิงอวิ๋น พลันก็เข้าใจทันทีว่ามียอดฝีมือประทับตราิญญาไว้บนแหวนวงนั้น เวลาเ้าของตราประทับิญญาแผ่ประสาทััตราประทับของตนเอง สัญลักษณ์ของแก่นแท้จิติญญาปฐมภูมิบนแหวนก็จะมีประโยชน์ขึ้นมาแล้ว
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่มีการเคลื่อนไหวตลอดมา เนื่องเพราะตนอยู่ในแดนปิดผนึกถ้ำคุนเผิงและเกาะูเาไฟที่ปิดผนึกตลอดมา ปิดกั้นจากการแผ่ประสาทััตรวจสอบจากโลกภายนอกทั้งหมด ทันทีที่ออกมาจากผนึก ก็ถูกสังเกตพบเห็นทันที คุ้นเคยกับการรับแหวนจักรวาลของคนอื่นแล้วจึงไม่ค่อยได้สนใจแหวนจักรวาลของราชันิญญาอูสิงอวิ๋นนัก กลับยังมีเล่ห์กลสกปรกนี้อยู่อีก หากทราบเช่นนี้ั้แ่แรก ก็โยนมันทิ้งในถ้ำคุนเผิงนานแล้ว จะได้ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมา
“รั่วหนานและชิงย่วน พวกเ้ารีบออกจากสถานที่นี้กลับไปที่สำนัก ชิงชิง เ้าเอาวัตถุรับรองของข้าไปหาท่านแม่ข้าที่ราชวงศ์ต้าเหยียน ช่วยนางทำให้อำนาจตระกูลฉินเสถียรมั่นคงโดยเร็วที่สุด ก่อนเส้นทางจักรพรรดิาเปิด ข้าย่อมไปหาพวกเ้าเอง” จ้านอู๋มิ่งคิดๆ แล้วพูดขึ้น
“นายท่าน จะเกิดเื่อะไรขึ้นแล้วใช่หรือไม่? ้าให้พวกเราจากไปรวดเร็วเช่นนี้ พวกเรายัง้าอยู่เป็เพื่อนท่านอีกสักหลายวันนะ” เหยียนชิงชิงรู้สึกมิอาจตัดใจอยู่บ้าง หลายวันมานี้ ถึงแม้ทั้งสี่คนอยู่ด้วยกันอย่างวุ่นวาย แต่กลับมีความสุขอย่างยิ่ง หญิงสาวที่เพิ่งจะมีประสบการณ์ของชายหญิง รู้สึกอาลัยอาวรณ์กับความรู้สึกชนิดนี้ยิ่งนัก ติดตามอยู่ข้างกายจ้านอู๋มิ่ง นางรู้สึกว่าการฝึกฝนบ่มเพาะของนางพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อให้ไม่สามารถทะลวงด่านบรรลุจักรพรรดิา แต่ด้านพลังก็ยกระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายของจ้านอู๋มิ่งเหมือนดั่งมีความสามารถในการช่วยยกระดับการบ่มเพาะของผู้อื่น
ติดตามอยู่ข้างกายจ้านอู๋มิ่ง การยกระดับของชิงย่วนเห็นผลเด่นชัดมากที่สุด เพิ่งผ่านไปแค่สองเดือนกว่าๆ ชิงย่วนได้ทะลวงด่านถึงสองระดับแล้ว บรรลุราชันาสองดาว พวกนางรู้สึกว่าทุกครั้งหลังจากมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับจ้านอู๋มิ่งแล้ว สมรรถภาพร่างกายสามารถปรับปรุงดีขึ้นอย่างมาก ถึงแม้พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้จะไม่เพิ่มมากขึ้น แต่พลังของกายเนื้อกลับแข็งแกร่งขึ้นมากมายนัก
“มีเื่ราวเล็กน้อย ข้าได้สังหารราชันิญญาอูสิงอวิ๋นไปแล้วในถ้ำของคุนเผิง แย่งแหวนจักรวาลเขามา แหวนนี้ถูกประทับไว้ด้วยตราจิติญญา คาดว่าจะมีตัวประหลาดเฒ่าเร่งรุดมาอย่างรวดเร็ว พวกเ้าไม่สะดวกที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขา” จ้านอู๋มิ่งไม่ได้ปิดบัง
“อา อูสิงอวิ๋นเป็ศิษย์สายตรงของเหยียนเต้าจื่อ บรรพบุรุษผู้เฒ่าของสำนักิญญา์ ได้รับความโปรดปรานรักใคร่จากผู้เฒ่าท่านนี้มาก มีข่าวลือว่าอูสิงอวิ๋นเป็บุตรนอกสมรสทางโลกิยะของเหยียนเต้าจื่อ หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ต้องเป็ตัวประหลาดเฒ่าเหยียนเต้าจื่อผู้นั้นอย่างแน่นอน ผู้เฒ่าท่านนี้เป็จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางแล้ว พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย พวกเราต้องทิ้งแหวนแล้วหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ ขอเพียงสามารถกลับถึงเมืองวันสิ้นโลก เชื่อว่าเขาคงไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้แหวนอยู่ในมือใครมาก่อน” พลันเหยียนชิงชิงร้อนใจขึ้นมาแล้ว
“ไม่มีเื่ใดหรอก ก็แค่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางผู้หนึ่ง ข้าไม่นำมาใส่ใจหรอกนะ” จ้านอู๋มิ่งยิ้มๆ อย่างมั่นใจ
“นายท่าน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะใช้แต่อารมณ์โดยขาดเหตุผลนะ” สื่อรั่วหนานเองก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน
“จงทำตามที่ข้าจัดเตรียมไว้ พวกเ้าสามคนรีบจากไปทันที ถ้าหากพวกเราไปด้วยกัน ด้วยฐานบ่มเพาะของตัวประหลาดเฒ่าเหยียนเต้าจื่อ ก่อนที่พวกเรายังมิทันจะกลับถึงเมืองวันสิ้นโลก ก็สามารถแผ่ประสาทััตรวจสอบพวกเราแล้ว ถึงเวลานั้น เกรงแต่ว่าไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางเขาได้ แต่ในสมรภูมิรบกระดูกขาวแห่งนี้ไม่ใช่ว่าเขาพูดอย่างไรก็ต้องเป็อย่างนั้นแล้ว” จ้านอู๋มิ่งพูดอย่างมั่นใจ
เหยียนชิงชิงและสื่อรั่วหนานเห็นการแสดงออกอย่างแน่วแน่ของจ้านอู๋มิ่ง ทราบว่าจ้านอู๋มิ่งตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว กล่าวถึงที่สุดแล้วสถานที่แห่งนี้คือปากทางออกค่ายกลขนส่งของเกาะูเาไฟ ถ้าอยู่ในสถานที่นี้ บางทีอาจยังสามารถได้รับการสนับสนุนจากเผ่าปลาเปลวเพลิงแกนปฐี ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว รับการเปลี่ยนแปลงก็เป็วิธีการที่ดีเช่นกัน คิดๆ แล้ว พวกนางจึงพยักหน้ารับคำ มองดูจ้านอู๋มิ่งอย่างมิอาจตัดใจจากไป
ในใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกเป็สุขยิ่ง สวมกอดสามสาวไว้ในอ้อมแขนพร้อมกัน หอมแก้มคนละหนึ่งครั้ง หัวเราะพลางพูดว่า “ข้าจะไปหาพวกเ้าโดยเร็วที่สุด ไม่ให้รอนานจนเกินไป”
“นายท่านถนอมตัว!” สามสาวอับจนปัญญา กล่าวคำอำลา แล้วก็แบ่งออกเป็สองเส้นทาง ออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางเมืองวันสิ้นโลกอย่างรวดเร็ว เหลือจ้านอู๋มิ่งคนเดียวอยู่ในสมรภูมิรบกระดูกขาว คอยดื่มด่ำชื่นชมทิวทัศน์อันสวยสดงดงามของมหาสมุทรวันสิ้นโลกอย่างเงียบๆ
จ้านอู๋มิ่งทราบว่า สำหรับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่สามารถรับมือได้เลย ถึงแม้พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของเขาจะมีอานุภาพที่บุคคลภายนอกไม่สามารถจินตนาการได้ แต่อยู่ในแผ่นดินที่เสื่อมถอยแห่งนี้ ไม่มีแม้แต่พลังแก่นแท้จิติญญา เขาไม่กล้าแผ่ขยายกลิ่นอายอันแท้จริงเกินไป พลังของปราณเที่ยงแท้อนัตตาจะรุนแรงมากเกินไป เริ่มแรกจิตใจเขาละโมบเกินไป เปิดถ้ำนภาแห่งธาตุขึ้นภายในจิติญญาแห่งชีวิตของตนเอง ถึงแม้สิ่งนี้จะทำให้ความสำเร็จในอนาคตของเขาไม่มีผู้ใดทัดเทียมได้ แต่ว่าการดำรงคงอยู่ของถ้ำนภาจะคอยกลืนกินพลังปราณเที่ยงแท้ในร่างกายของเขาตลอดเวลา เพื่อทำให้โครงสร้างถ้ำนภาบรรลุความสมบูรณ์แบบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้ ถ้ำนภาทั้งหมดในจิติญญาแห่งชีวิตของเขาล้วนเป็ถ้ำนภาของธาตุชนิดเดียว ไม่เพียงแค่ธาตุทองกับธาตุอัคคีสะกดข่มกัน ยังมีธาตุวารีกับธาตุอัคคีที่หักล้างกัน…ไม่เสถียรมั่นคงอย่างยิ่ง พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาของตนเพียงแค่สามารถบำรุงรักษาเสถียรภาพของถ้ำนภาเท่านั้นเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายสับสน
ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่ถ้ำนภาของตนจะสามารถบรรลุถึงจุดที่เกิดความสมดุล เขาไม่สามารถใช้พลังปราณเที่ยงแท้อนัตตาอย่างสุดกำลังจริงๆ แม้ว่าพลังของเขาในเวลานี้หากใช้อย่างเต็มที่ย่อมไม่ต้องหวั่นเกรงผู้ใดในแผ่นดินนี้ แต่เขากลับกลัวการล่มสลายของถ้ำนภา!
หากไม่ได้ดับสูญในน้ำมือคนอื่น แต่เสียชีวิตเนื่องจากการล่มสลายของถ้ำนภาตนเอง จิตพังทลาย ิญญาแหลกสลาย นั่นคงน่าคับแค้นใจเกินไปแล้ว
จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักิญญา์ที่กำลังจะเร่งรุดมาถึงผู้นั้น เขายังไม่รู้สึกเกรงกลัวจริงๆ สถานที่นี้คือเมืองวันสิ้นโลก ในอนาคตอันใกล้นี้ เขาก็คือเ้าของน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้แล้ว ไม่ว่าผู้ใด เมื่ออยู่ในน่านน้ำมหาสมุทรแห่งนี้ ล้วนต้องยอมจำนนศิโรราบต่อตนเอง!
ยามััรู้สึกถึงพลังกดดันที่ข่มเหงฟ้ารังแกดิน บดขยี้จากที่ห่างไกลเข้ามาใกล้นั้น จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว คนที่มาผู้นี้ไม่ชักช้าเลยจริงๆ สาเหตุที่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สามารถได้รับการขนานนามว่าจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ ก็เนื่องจากเขาสามารถเหาะเหินท่องนภา ควบคุมอากาศ เร่งรุดรวดเร็วนับพันลี้ในชั่วขณะ พลังจิติญญาแห่งการต่อสู้สะกดข่มบดขยี้ เผชิญหน้ากับฟ้ามองข้ามพสุธา
[1] เหยี่ยวบิน
