บทที่ 157 โม่ซิวสองคน
“ฉึก--”
บนเวทีประลอง ได้ยินเสียงกล้ามเนื้อฉีกขาด
แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่ก็ทำให้ผู้ชมทุกคนตื่นเต้นได้ไม่น้อย!
และเมื่อปราณกระบี่ที่น่ากลัวค่อยๆ หายไป ทุกคนก็มองเห็นเหตุการณ์บนใจกลางเวทีได้อย่างชัดเจน สิ่งที่เห็นน่าหวาดเสียวยิ่งนัก แม้แต่ผู้ชมที่เป็ผู้หญิงก็ยังต้องยกมือขึ้นมาปิดตา
เพราะบนพื้นเวทีมีเืสีแดงสดคาวสนิมโชยคลุ้งไหลริน
มีคนได้รับาเ็
เืที่ไหลเยอะเช่นนั้น าแย่อมไม่ใช่ตื้นๆ
ฉู่อวิ๋นกัดฟันด้วยความเ็ป
มือซ้ายของเขาจับคมกระบี่ร่ำสังหารไว้แน่น คมกระบี่บาดลึก ปลายกระบี่พุ่งแทงเข้าไหล่เขาทันที โลหิตร้อนสาดกระเซ็น
โชคดีที่ท่ามกลางความโชคร้าย ฉู่อวิ๋นหลบไปด้านข้างได้ทันตามสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงกระบวนท่าสังหารนี้ได้หวุดหวิด ไม่ยอมให้กระบี่ร่ำสังหารโดนคอของเขา
ไม่เช่นนั้นเขาคงเป็ศพไปแล้ว
แต่ในขณะนี้ แม้ว่าฉู่อวิ๋นจะเ็ปไม่น้อย แต่ที่มุมปากก็ยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“เช่นกันๆ!” ฉู่อวิ๋นหัวเราะเบาๆ มือซ้ายจับคมกระบี่ป้องกันไม่ให้มันเจาะทะลุไหล่ สายตาจับจ้องไปที่โม่ซิวอย่างเ็าพลางกัดฟันแน่น
ใช่แล้ว สีหน้าของโม่ซิวเองก็น่าเกลียดไม่แพ้กัน ทั้งยังดูค่อนข้างดุร้าย
“หืม? เ้าเด็กชาวป่าคนนั้นไม่หลบกระบี่ของโม่ซิว!”
“แต่เขา... ใช้มือปิดกั้นคมกระบี่ไว้จริงๆ หรือ?! ช่างกล้าหาญสามารถอะไรเช่นนี้?”
“เดี๋ยวก่อน! นี่... โม่ซิวก็ดูเหมือนจะได้รับาเ็นะ?!”
ยามนี้ ทุกคนต่างก็เพ่งมอง โม่ซิวเองก็าเ็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะแทงฉู่อวิ๋นได้ แต่เขาก็ถูกหิมะย่ำรุ้งแทงเช่นกัน!
โม่ซิวก็ได้รับาเ็ที่ต้นแขน าแดูลึก เืร้อนไหลริน!
“หรือว่าเมื่อกี้เ้าคนป่านั้น ในสถานการณ์วิกฤต เขากลับสามารถหลบได้ แถมยังตอบโต้กลับได้อีก”
เมื่อหลายคนเริ่มเข้าใจสิ่งนี้ ต่างก็ใและส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว
ควรทราบว่าแม้ฉู่อวิ๋นจะเป็เพียงนักรบระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่ความเร็วของเขานั้นด้อยกว่าโม่ซิวที่อยู่ในระดับห้าขั้นมหาสมุทรอยู่เพียงเล็กน้อย
แต่ทันทีที่โดนกระบี่ร่ำสังหารของโม่ซิวโจมตี เขากลับเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์วิกฤตและตอบโต้กลับได้โดยไม่สูญเสียแม้แต่น้อย ไม่น่าเชื่อจริงๆ
ยิ่งกว่านั้น ทุกคนรู้ดีว่าฉู่อวิ๋นไม่เคยใช้กระบวนท่ากระบี่เลยจนกระทั่งตอนนี้
ในทางกลับกัน โม่ซิวก็ได้ใช้กระบวนท่ากระบี่อันเป็ที่โจษจันของตนเอง “ผีร่ำสามสังหาร” ทักษะวิชากระบี่ที่แปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้
แต่ผลการประลองในตอนนี้นั้น เห็นได้ชัดว่าเสมอกัน ซ้ำโม่ซิวยังตามหลังอยู่เล็กน้อย
“อวิ๋นเอ๋อร์!” เมื่อเห็นอาการาเ็ที่ไหล่ของฉู่อวิ๋น ฉู่ซินเหยาที่นั่งอยู่บนที่นั่งพิเศษก็กังวลจนต้องถูมือซ้ำๆ หางตานางรื้นด้วยหยาดน้ำ คล้ายใกล้จะทนไม่ไหว
หากไม่ใช่เพราะฉู่อวิ๋นย้ำนางไว้หลายครั้งว่าอย่างเข้าใกล้กันในที่สาธารณะ ฉู่ซินเหยาคงเดินลงไปต่อสู้กับโม่ซิวคนนั้นแล้ว
กล้าทำร้ายอวิ๋นเอ๋อร์ของนาง?! ยกโทษให้ไม่ได้!
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนในลานประลองก็ดูจริงจังและเป็กังวล เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากเห็นเื การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเข้าสู่เวทีที่ดุเดือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
บนเวที โม่ซิวกัดฟันแน่น แขนซ้ายของเขามีเืไหลไม่หยุด ท่าทีในตอนนี้เรียกได้ว่าน่าเกลียดสุดๆ
เดิมทีเขาคิดว่าคงฆ่าฉู่อวิ๋นได้ด้วยกระบี่ผีร่ำสามสังหารอันทรงพลังของเขา แต่กลับไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วเขาเองเป็ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ ไม่เพียงแต่จะทำร้ายฉู่อวิ๋นให้สาหัสไม่ได้ แต่ตัวเองยังถูกแทงที่แขนซ้ายด้วย
ในฐานะอัจฉริยะรุ่นใหม่ เขาจะเผชิญกับความอัปยศอดสูเช่นนี้อย่างไร?
“แก... แกมันขยะ! ประเสริฐ... ประเสริฐ!!!”
ทันใดนั้น ดวงตาของโม่ซิวก็เย็นเยียบ เขาตะคอกเสียงดังลั่น ถอยหลังไปสองสามก้าว หอบหายใจหนัก และรวบรวมพลังปราณมารักษาอาการาเ็ที่แขนซ้าย
ฉู่อวิ๋นเองก็จับไหล่เอาไว้ เผยรอยยิ้มเย้ยหยันและกล่าวว่า “ที่แท้ทักษะกระบี่ผีร่ำสามสังหารของนายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่ก็ไม่ได้มีดีอะไร และไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง”
“เรียกมันว่าวิชากระบี่ทำลายตนแทนเถอะ ฆ่าคนอื่นไม่ตาย แต่ตัวเองกลับาเ็ไม่น้อย น่าขันจริงๆ”
พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็โบกกระบี่หิมะย่ำรุ้ง ใช้พลังปราณหยุดเืบนไหล่ และฟื้นคืนสภาพเดิมโดยไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอยความเ็ป
“ฮะๆ... ฮะๆ! เป็เ้าบังคับข้า!”
“เ้าบังคับข้า!!!”
เมื่อเห็นท่าทางสงบนิ่งของฉู่อวิ๋น โม่ซิวก็โกรธจัด เส้นเืที่ขมับกระตุกรัว
จากนั้น เขาก็หัวเราะอย่างน่าหวาดผวาด้วยสีหน้าแปลกๆ และพูดว่า “เดิมทีข้าว่าจะช่วยเก็บร่างที่สมบูรณ์ให้เ้าเอาไว้สักท่อน แต่ในเมื่อเ้ายโสเช่นนี้ ก็อย่ามาโทษนายน้อยเช่นข้าที่โเี้!"
“คิดว่ากระบี่เพียงสองกระบวนท่าจะสามารถทำร้ายข้าที่มีฉายาว่านักกระบี่สงัดนิรันดร์ได้หรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
โม่ซิวเหยียดนิ้วมาแตะเืบนแขน แล้วลิ้มเลีย จากนั้นพูดด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว “เ้าไม่แย่เลยจริงๆ เป็ขยะชิ้นงาม! แต่ขยะก็เป็เพียงขยะ! ไม่มีทางเทียบชั้นกับข้าได้!”
ทันทีที่พูดจบ โม่ซิวก็เบิกตากว้าง พลังของเขาดูน่าเกรงขาม ผมปลิวไสว แสงสีฟ้าพวยพุ่งออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะปรากฏหมอกเงาขึ้น
“โม่ซิวกำลังเอาจริง! เขาจะใช้สิ่งนั้น... เขาจะใช้ิญญายุทธ์แล้ว!” เมื่อเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของโม่ซิว บางคนก็ใอย่างบอกไม่ถูก ถึงกับตัวสั่นงันงก
ทุกคนรู้สึกได้ว่าบางสิ่งที่แปลกประหลาดกำลังจะะเิออกมาจากท้องฟ้า
“ก็แค่ิญญายุทธ์ไม่ใช่หรือไร? ให้ข้าดูหน่อยว่าเ้ายังมีลูกไม้อะไรอีก!”
ฉู่อวิ๋นพูดอย่างเ็า รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาในใจ คู่ต่อสู้ของเขามักจะมีสิ่งพิเศษที่มักโผล่มาช่วยใน่เวลาวิกฤต แต่เขาทำได้เพียงพึ่งพาตัวเอง
ไม่ยุติธรรมเลย!
ขณะที่ฉู่อวิ๋นกำลังเข่นเขี้ยว เงาด้านหลังโม่ซิวก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แสงสีฟ้าอ่อนๆ ไหลเอื่อยออกมา
นั่นคือิญญาผี ิญญาผีสีฟ้า ใบหน้าดุร้าย ไออันตรายแผ่ซ่าน
“ออกมาแล้ว! นี่คือิญญายุทธ์ระดับเจ็ดของโม่ซิว ิญญาพิฆาต!”
“ว่ากันว่าศัตรูที่ได้เห็นิญญายุทธ์ของเขา ตอนนี้ล้วนลงไปอยู่ในนรกหมดแล้ว” เมื่อได้เห็นผีตัวนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็ใจนเหงื่อแตก
ว่ากันว่าความสามารถิญญายุทธ์ของโม่ซิวนั้นแปลกมาก ทั้งยังเป็ิญญายุทธ์ระดับเจ็ด นั่นทำให้นายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่มีคุณสมบัติที่จะกลายเป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเปิดใช้พร์ิญญายุทธ์ เห็นได้ชัดว่าเขา้าฆ่าฉู่อวิ๋นให้ตายทันที
“ศัตรูที่ได้เห็นิญญายุทธ์ของข้าล้วนตกตายไร้คำพูดไปแล้ว นั่นคือเหตุผลที่ข้าถูกเรียกว่ามือกระบี่สงัดนิรันดร์”
“และวันนี้ ข้าก็จะทำให้เ้าหุบปากพล่อยๆ นั่นลงเสีย”
โม่ซิวตะคอกพลางชี้กระบี่ไปข้างหน้า ในขณะเดียวกัน ิญญายุทธ์ที่น่ากลัวก็แผ่หมอกสีฟ้าออกมา
ทันใดนั้น ก็มีร่างๆ หนึ่งโผล่ออกมาจากด้านหลังของโม่ซิว จากนั้นก็เดินมายืนเคียงข้างโม่ซิวด้วยรอยยิ้ม ในมือถือกระบี่ไม่ต่างกัน ทว่ากายเนื้อนั้นเป็สีฟ้า
นี่คือร่างที่เหมือนกับโม่ซิวทุกประการ กระบี่ที่ถืออยู่ก็เป็กระบี่ร่ำสังหารเช่นเดียวกัน
“โอ้? ช่างเป็ความสามารถที่อัศจรรย์จริงๆ! ถึงกับควบแน่นร่างแยกผีได้!” โยวกูจืออุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
“แยกร่างหรือ? เ้าตัวสีฟ้านั่นคือร่างแยกของโม่ซิวหรือ? คงไม่เก่งมากหรอกนะ! ตอนนี้ข้าใช้ทักษะกระบี่ไม่ได้ แล้วข้าจะสู้ยังไง?!”
เมื่อมองดูโม่ซิวที่เหมือนกันสองคนที่อยู่ตรงหน้า ฉู่อวิ๋นก็ไม่กล้าประมาท เขารีบถาม
“อย่าตื่นตระหนกไป ถ้าร่างแยกผีสีฟ้าของโม่ซิวเก่งได้เท่าเขาจริง นั่นคงเป็ที่สุดในใต้หล้าแล้ว แต่ที่ข้าคิด เ้าร่างแยกนั่นคงได้ความสามารถของโม่ซิวเพียงครึ่งเดียว”
“เช่นนั้นก็ดี... ถ้ามีโม่ซิวที่สมบูรณ์แบบเพิ่มขึ้นมาอีกคน ข้าคงเอาชนะเขาไม่ได้แน่ๆ” ฉู่อวิ๋นถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เลิกอึ้งได้แล้ว! เขามาแล้ว!” โยวกู่จือเตือนเสียงดัง
ฉู่อวิ๋นพุ่งความสนใจไปทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็น “โม่ซิวทั้งสอง” เปิดปากหัวเราะพร้อมกัน และใช้ทักษะกระบี่พร้อมกันอีกครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น คราวนี้มีผู้ที่ใช้วิชากระบี่ร่ำสามสังหารถึงสองคน ภาพตรงหน้าจึงถูกบดบังเพิ่มมากขึ้น!
ทันใดนั้น ผีพลังปราณตัวสูงโย่งเจ็ดแปดตัวก็รีบวิ่งออกมา แสงสีฟ้ากะพริบถี่ หมอกผีหนาขึ้น ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วและดึงหิมะย่ำรุ้งออกมาเตรียมตั้งรับ
“พวกหนูสกปรกหดหัวซ่อนหาง หายไปซะ!”
ฉู่อวิ๋นะโ แสงสีแดงวูบวาบ เขาฟันปราณกระบี่ไฟหยางออกไปอย่างต่อเนื่อง ฟันพวกผีสีฟ้าให้สิ้น ขณะเดียวกันก็ยังต้องเฝ้าดูทั้งหกทิศทางเพื่อป้องกันไม่ให้โม่ซิวที่ซ่อนอยู่แอบโจมตีได้
“ควับ!”
ปราณกระบี่แผ่กระจายไปทั่วความว่างเปล่า ผีเ่าั้ถูกสลายหายไป หมอกสีดำก็เริ่มกลายเป็ควันสีฟ้าและกระจายไป
ในเวลาเดียวกัน จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่าง รู้สึกว่ามีไอสังหารอันรุนแรงอยู่รอบตัวเขา!
อีกทั้งยังเป็สองสาย!
สองสายไอสังหารในทิศทางที่ต่างกัน!
“กระบวนท่านี้อีกแล้ว เ้าไม่เบื่อหรือ?!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟัน หันกลับไปฟันตอบ ปล่อยพลังปราณไฟหยางอันทรงพลังออกมา พุ่งชี้ตรงไปที่ท้องฟ้า!
“ชิ้ง!”
มีเสียงของทองคำกับเหล็กปะทะกัน หิมะย่ำรุ้งและกระบี่ร่ำสังหารปะทะกันกลางอากาศ
“ฮิๆ เป็ขยะที่มีปฏิกิริยาตอบสนองดียิ่ง รอบที่สองเ้าก็ยังรอดไปได้”
“แต่น่าเสียดาย…”
ดวงตาของโม่ซิวดุดันขึ้น หัวเราะเสียงเย็นซ้ำ ทำเอาขนของฉู่อวิ๋นลุกซู่
“โม่ซิวอีกคนอยู่ไหน?”
ฉู่อวิ๋นตกตะลึงในฉับพลัน จากนั้นก็มองเห็นแสงสีฟ้ากะพริบอยู่ข้างๆ จากหางตามองเห็นผีฟ้าโม่ซิวถือกระบี่สีน้ำเงินเข้ม กำลังเข้ามาแทงเขาจากด้านข้าง!
“เวรเอ้ย!”
ฉู่อวิ๋นกัดฟัน เขาจับกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้าง ยกมันขึ้นเพื่อรับมือโม่ซิวที่กำลังฟันเขาจากที่สูง ทั้งยังไม่สามารถละมือไปป้องกันิญญาพิฆาตที่กำลังเข้ามาโจมตีได้
นี่คือ่เวลาเป็ตาย!
“ควับ!”
แสงกระบี่เปล่งประกายด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ และในพริบตาเดียว ร่างแยกิญญาฟ้าก็พุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแบบเดียวกับโม่ซิว ดุร้ายอย่างยิ่ง พุ่งตรงมาด้วยกระบี่น้ำเงินเข้มเล่มยาว!
ทุกคนกลั้นลมหายใจอย่างกังวลยิ่งนัก การโจมตีของโม่ซิวนั้นดุเดือดมากและยากเกินกว่าจะรับมือได้
โม่ซิวใช้วิชากระบี่คู่เงาผีเพื่อรบกวนการมองเห็นของฉู่อวิ๋นให้ย่ำแย่อย่างยิ่ง ฉู่อวิ๋นจึงทำได้เพียงรับมือเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน เขาและร่างแยกก็จะสลับกันเข้าไปโจมตี ทำให้เกิดสถานการณ์การสังหารในตอนนี้
“จบแล้ว” หลายคนถอนหายใจและส่ายหัว
ในขณะนี้ ฉู่อวิ๋นพยายามใช้กระบี่ต้านทานการโจมตีของโม่ซิว ทั้งยังต้องพยายามหลบการโจมตีของร่างแยกิญญาฟ้าทางด้านซ้าย ไม่มีใครคิดว่าเขาจะทำได้เลย!
อันที่จริง ฉู่อวิ๋นหลบไม่ได้จริงๆ!
แต่ใน่เวลาวิกฤตนี้!
เพียงกะพริบตา ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็เป็ประกาย ทำใจให้สงบ ปล่อยมือซ้ายออกไปร่ายกระบวนท่าขั้นที่สองของฝ่ามือัพเนจร ัคลั่งโจนสมุทร พร้อมทั้งต้านทานร่างแยกของโม่ซิวที่กำลังโจมตีสีข้างของเขาในทันที
“ฮิๆ! ข้ากำลังรอเวลานี้อยู่พอดี!”
แต่โม่ซิวกลับหัวเราะเยาะแทน เขาทะยานขึ้นไปในอากาศ ใช้โอกาสนี้กดกระบี่ด้วยมือทั้งสองข้าง ปล่อยปราณกระบี่สีฟ้าพุ่งออกมา พร้อมพลังที่จะฆ่าฉู่อวิ๋นด้วยมือเดียว
เขา้าใช้โอกาสนี้จัดการกับฉู่อวิ๋น!
แต่ในยามนี้ ฉู่อวิ๋นมองเฉยและะโ “เ้าคิดว่ามีกระบี่สองเล่มก็ขู่คนอื่นได้แล้วหรือ?!”
“คุณนายน้อยแห่งเคหาสน์เขากระบี่ ไร้เดียงสายิ่งนัก!”
“ย๊าก!”
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็ดูจริงจัง ก่อนจะะโออกมาเสียงดัง
ด้วยเสียง “โป๊ก” ใน่เวลาวิกฤต จู่ๆ เขาก็เอาหัวกระแทกหน้าผากของโม่ซิวจนะเืเลื่อนลั่นไปหมด!
ทันใดนั้น โม่ซิวก็คล้ายเห็นดาวลอยกลางฟ้าในตอนกลางวัน หัวหมุนราวถูกเหวี่ยง คิดไม่ถึงเลยว่าฉู่อวิ๋นจะเอาหัวมาชนเขา
ขณะที่เขาตกตะลึง ฉู่อวิ๋นก็ระดมพลังปราณไฟหยางทั้งหมดอย่างรวดเร็ว พลังของเขาะเิออกมาทันที!
มองเห็นหิมะย่ำรุ้งที่ราวกับัสองสีตัวยาวพันพาดกัน เต็มไปด้วยพลังมหาศาล!
โบกกระบี่เพียงครั้งเดียว แสงสีแดงก็กระจายออกมา ปราณกระบี่ก็พุ่งออกไปในแนวนอน
และด้วยการโจมตีจากฝ่ามือซ้าย เสียงคำรามของัก็สั่นะเืลานประลองอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน โม่ซิวทั้งสองก็ถูกกระแทกออกไป!
“เ้าถึงกับเอาหัวมาชนข้า! พวกเราใช้กระบี่ประลองกัน แต่เ้ากลับเอาหัวมาชนข้า?!”
กลางอากาศ โม่ซิวโกรธมาก ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการที่ฉู่อวิ๋นเอาหัวมากระแทกเมื่อครู่นี้
“การประลองยุทธ์ก็คือการประลองยุทธ์ และทุกส่วนของร่างกายก็คืออาวุธ! เสียทีที่เ้าเป็ถึงคุณชายน้อยอัจฉริยะ?! ถุย!”
ฉู่อวิ๋นแดกดันอย่างเ็า เขาะโขึ้นไปหาอีกฝ่าย แม้ว่าหน้าผากจะแตกจนได้เื แต่เขาก็ยังเต็มไปด้วยแรงผลักดันและความมุ่งมั่น!
“บ้าไปแล้ว! หมาบ้า!” นี่คือสิ่งที่โม่ซิวคิดอยู่ในขณะนี้ เขากลัวแล้ว
น่าเสียดายที่มันเป็ความคิดสุดท้ายของโม่ซิวด้วย
ฉู่อวิ๋นยกมือขึ้นฟาดลำแสงพลังปราณไฟหยางออกไป พุ่งทะลุหน้าอกและหน้าท้องของโม่ซิว จากนั้นก็เตะเขาออกไปด้วยเสียงดัง “ปัง” กำแพงหินของจัตุรัสพังทลายลงหลังจากการกระแทก ก้อนหินเศษเล็กเศษน้อยกระเด็นไปทั่ว ทำให้บริเวณโดยรอบพังทลายลง ฝูงชนต่างนิ่งอึ้งอลวน