แววตาของฉินเจิ้นถิงวาบประกายแสงหลังจากได้ยินที่เย่เฟิงพูดขึ้น “เ้าจะรีบร้อนไปไย?”
“ขณะที่ข้าได้รับความทรงจำของาาเสวียน อารมณ์ความรู้สึกของข้าก็เปลี่ยนไป ความเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อการยกระดับพลัง หากหยุดชะงัก ข้ากลัวว่าประสิทธิภาพจะลดลง”
เย่เฟิงกล่าว การที่เผชิญกับชีวิตของาาเสวียนในความฝัน เย่เฟิงมิอาจอธิบายออกมาเป็คำพูดได้ แต่นี่เท่ากับว่าเย่เฟิงที่เพิ่งอายุ 16 ปีบริบูรณ์ใช้ชีวิตมาแล้วหนึ่งชาติ ทำให้เขามองเื่ราวต่าง ๆ ได้ทะลุปรุโปร่งยิ่งขึ้น หัวใจแห่งวิถีาก็แน่วแน่ยิ่งขึ้น ผลประโยชน์เช่นนี้แม้จ่ายราคาแสนแพงเพียงใดก็มิอาจซื้อมาได้
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นก็เข้าไปเถิด!”
แน่นอนว่าฉินเจิ้นถิงไม่คิดห้ามเย่เฟิง ผู้สืบทอดของาาเสวียนยิ่งมีพลังแกร่งกล้าก็ยิ่งดี ยิ่งกว่านั้นเด็กคนนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ยังไม่แน่ชัดกับบุตรสาวเขา
“เช่นนั้นรบกวนผู้าุโฉินแล้ว” เย่เฟิงกล่าวพร้อมโค้งคำนับให้ฉินเจิ้นถิง ก่อนจะเดินเข้าไปยังประตูหินบานสุดท้าย
เย่เฟิงคุ้นชินทันทีหลังจากเจอประสบการณ์สองครั้งก่อนหน้านี้ ไม่นานเขาก็เข้าสู่ความฝันนั้นอีกครั้ง
ในโลกความฝัน าาเสวียนฝึกเก้าวัชรหุนหยวนจนสำเร็จการเกิดใหม่สามครั้ง มีหยวนตันสามดวง ไร้พ่ายในผู้ฝึกระดับเดียวกันจนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนที่เขาทัศนาจร
ดังนั้นเขาจึงสร้างกองกำลังของตัวเองที่มีนามว่าสำนักเทพเทียนเสวียนขึ้นมา ผู้ฝึกยุทธ์เลื่องชื่อมากมายต่างเข้าร่วม ทำให้สำนักเทพเทียนเสวียนเติบโตอย่างรวดเร็ว จนเข้าสู่ยุครุ่งเรือง ขณะเดียวกันาาเสวียนยังบ่มเพาะผู้ช่วยมากมายและผนึกเป็กองกำลังขนาดใหญ่
ในขณะที่ออกท่องยุทธภพ เขาพบพานหญิงผู้หนึ่ง ทั้งสองเกิดความรู้สึกดี ๆ ให้กันจนกระทั่งตกหลุมรัก
เขายินดีเสียสละทุกสิ่งให้หญิงผู้นั้น กระทั่งบอกเื่ที่เขาฝึกเก้าวัชรหุนหยวน แต่แล้ววันหนึ่งมีเื่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ข้างกายนางปรากฏชายผู้หนึ่ง ความสัมพันธ์ดูไม่ธรรมดา และคิดอยากให้เขาแบ่งปันเคล็ดวิชาเก้าวัชรหุนหยวน เขาปฏิเสธและหายเข้าไปในกลีบเมฆ
แม้แต่ในสำนักเทพเทียนเสวียนก็ยังไม่ค่อยได้เห็นตัวเขา เขาได้ไปยังอาณาจักรจ้าวเพื่อก่อตั้งสำนักยุทธ์และเปิดรับลูกศิษย์ ทั้งยังทิ้งมรดกอย่างเก้าวัชรหุนหยวนไว้ในหอวิชาของสำนักยุทธ์ราวกับเตรียมตัวสำหรับวาระสุดท้ายของชีวิต
แต่แล้ววันหนึ่งมีข่าวลือดังมาถึงหูเขา ผู้หญิงที่เขารักถูกจับ และให้เขาไปไถ่ตัว แต่มีเงื่อนไขคือเก้าวัชรหุนหยวน
แม้หญิงสาวจะไม่ได้ดีเลิศอย่างที่เขาคิดไว้ แต่เขายังคงรักนาง ดังนั้นจึงตัดสินใจไป บางทีเขาอาจรู้อยู่แล้วว่ามันเป็กับดัก
ไม่นานเขาก็มาถึงที่นัดหมาย เพื่อแลกกับความปลอดภัยของหญิงผู้เป็ที่รัก เขาจึงส่งเก้าวัชรหุนหยวนไปให้อีกฝ่าย แต่ความเป็จริงมักจะโหดร้าย เป็ดั่งที่เขาคาดการณ์ไว้ นี่เป็กับดักที่เตรียมไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ ความรักเป็จุดอ่อนของเขาดังนั้นจึงถูกหญิงสาวหักหลัง โดยสมคบคิดกับอีกฝ่ายและร่วมมือกันหลอกเขา
เขาถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา 4 คนล้อมปราบ ศึกปะทะครั้งใหญ่จึงปะทุ แต่ต่อให้เขาแข็งแกร่งเพียงใด ก็มิอาจรอดพ้นจากภัยครั้งนี้ไปได้
เมื่อความตายมาเยือน เขารู้สึกสิ้นหวังและชิงชังที่ไปตกหลุมรักนังอสรพิษ ซึ่งหลังจากเขาตาย หญิงผู้นั้นก็แต่งกับผู้ที่่ชิงชีวิตของเขา และยังทำลายสำนักเทพเทียนเสวียนที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะจากไป
“กร๊อบ!”
เย่เฟิงตื่นจากความฝัน พลันเสียงกระดูกดังลั่นจากการกำหมัดแน่นพร้อมดวงตาลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ
เขาผ่านชีวิตทั้งชีวิตของาาเสวียน แม้จะแบกรับความทรงจำส่วนใหญ่ไว้ เย่เฟิงกลับไม่เข้าใจ าาเสวียนรู้ทั้งรู้ว่านั่นเป็กับดัก แล้วเหตุใดถึงยังไปอีก จนทำให้เขาถึงแก่ชีวิต อาจกล่าวได้ว่าชีวิตนี้ของาาเสวียนติดอยู่ในบ่วงแห่งความรัก จนสุดท้ายแล้วต้องจ่ายด้วยชีวิตตน แต่เย่เฟิงคิดว่าหญิงผู้นั้นที่มีจิตใจชั่วร้ายไม่สมควรได้รับความรักจากาาเสวียนด้วยซ้ำ
หลังจากะเิโทสะ อารมณ์ความรู้สึกของเย่เฟิงก็เปลี่ยนไป ทั้งชีวิตของาาเสวียนให้ความสำคัญกับศีลธรรมและความรู้สึก เขายินดีตายเพื่อหญิงผู้นั้น นี่คือสิ่งที่เขาเลือก
แต่ในเมื่อเย่เฟิงได้เป็ผู้สืบทอดของาาเสวียน ก็ต้องทวงคืนทุกสิ่งที่าาเสวียนสูญเสียไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน
เย่เฟิงคิดในใจพลางกัดฟันกรอด ในภายภาคหน้าเขาจะต้องไปเยี่ยมเยียนกองกำลังที่หญิงผู้นั้นอยู่สักรอบ
เขารู้ว่าการที่าาเสวียนทิ้งความทรงจำไว้ที่นี่ เพื่อหวังว่าเย่เฟิงจะทำในสิ่งที่เขายังทำไม่สำเร็จลุล่วงย่อมรวมทั้งตามหาหญิงผู้นั้นและสามีของนาง
หลังจากความฝันสิ้นสุดลง เคล็ดวิชาเก้าวัชรหุนหยวนขั้นที่สามก็ได้ปรากฏในหัวของเย่เฟิง แต่เย่เฟิงไม่รีบร้อนที่จะฝึกมัน เขาเพิ่งประสบกับความทรงจำแสนเศร้านั้นของาาเสวียน สภาพจิตใจของเขาจึงไม่คงที่ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำให้เก้าวัชรหุนหยวนมีความเสถียรภาพต่อ
ขณะเดียวกันเย่เฟิงยังรู้ว่า อีกหกขั้นของเก้าวัชรหุนหยวนอยู่ในมือหญิงผู้นั้นและสามีของนาง หรือกล่าวได้ว่าสิ่งที่าาเสวียนนำออกมาคือเคล็ดวิชาอีกหกขั้นหลัง โดยที่ไม่ได้ให้สามขั้นแรกไป นั่นหมายความว่าต่อให้อีกฝ่ายมีเก้าวัชรหุนหยวน แต่ก็มิอาจฝึกฝนได้
แม้าาเสวียนจะลุ่มหลง แต่ก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญา
“เห็นทีถ้าอยากได้อีกหกขั้นหลังของเก้าวัชรหุนหยวน คงต้องตามหากองกำลังที่หญิงผู้นั้นอยู่เสียแล้ว” เย่เฟิงพึมพำกับตัวเอง
หลังจากเสร็จสิ้นการบ่มเพาะพลัง เย่เฟิงเดินออกจากประตูหิน เมื่อฉินเจิ้นถิงที่ยังคงรออยู่ด้านนอกเห็นกลิ่นอายบนร่างเย่เฟิงเปลี่ยนไป ก็เผยสีหน้าเบิกบานทันที
“ไม่เลว เห็นทีสิ่งที่เ้าได้ในมรดกที่าาเสวียนทิ้งไว้จะก้าวหน้าไปไม่น้อย หากตอนนี้ให้เ้าสู้กับตู๋กูหลง คงไม่ต้องเปลืองแรงมากเพียงนั้นแล้ว แต่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย!”
“อืม” เย่เฟิงพยักหน้า าาเสวียนคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นาา มรดกที่ทิ้งไว้ย่อมไม่ธรรมดา การที่ฆ่าตู๋กูหลงได้ง่าย ๆ จึงไม่ใช่เื่แปลกอะไร
“เ้าในตอนนี้ต้องยกระดับพลังโดยเร็ว และการฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียนก็คงต้องพึ่งเ้าแล้ว” ฉินเจิ้นถิงกล่าวกับเย่เฟิง พร้อมแสงแห่งความหวังทอประกายในดวงตา
“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ข้าในเวลานี้ยังห่างกับาาเสวียนอีกมากโข การฟื้นฟูสำนักเทพเทียนเสวียนจึงไม่ใช่เื่ง่าย” เย่เฟิงกล่าว
“การที่าาเสวียนทิ้งมรดกไว้ นั่นก็เพื่อนำความผาสุกมาให้ชนรุ่นหลัง ทั้งยังไม่มีเวลาจำกัด หากวันใดวันหนึ่งเ้าเติบใหญ่ เ้าจงจำไว้ว่าสำนักเทพเทียนเสวียนรอเ้ากลับมาฟื้นฟูในนามตัวแทนของาาเสวียน และนำสิ่งที่เป็ของตนเองกลับมา”
ฉินเจิ้นถิงยิ้มให้เย่เฟิง จากนั้นพูดต่อไปว่า “นับจากวันนี้ไป เ้าสามารถเข้าออกหอวิชาแห่งนี้ได้ทุกเมื่อ แต่อย่าทำมากเกินไปเพียงเพราะความสำเร็จ”
“รวมทั้งชั้นที่ 4 ของหอวิชาด้วยหรือขอรับ”
เย่เฟิงจะได้รับมรดกของาาเสวียน คำพูดนี้ช่างมีเสน่ห์เย้ายวนยิ่งนัก แค่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรง
“ใช่ พยายามเข้าล่ะ”
ฉินเจิ้นถิงพยักหน้า “บัดนี้เ้าไม่เพียงแต่มีศัตรูมากมายอยู่ในเมืองหลวง แต่ราชวงศ์ยังเห็นสำนักยุทธ์ข้าเป็หนามยอกอก ่นี้เ้าก็อย่าออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกมากนัก หากเบื่อหน่าย เ้าสามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในค่ายกลมายาที่ทางสำนักยุทธ์เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ได้”
“ค่ายกลมายา?” เมื่อเย่เฟิงได้ยินเช่นนั้น จู่ ๆ ดวงตาก็เป็ประกาย
“มันถูกสร้างขึ้นตอนเ้าเรียนรู้มรดกของาาเสวียน ค่ายกลมายานี้มหัศจรรย์มาก ทุกกองกำลังของเมืองหลวงจะมีทางเข้าที่เชื่อมโยงถึงกัน ใครก็ตามที่เข้าสู่ค่ายกลมายาจะถูกส่งไปอยู่ในมิติแห่งหนึ่ง เมื่อเปิดฉากต่อสู้ เ้าจะได้ออกแรงและยังสามารถเก็บคะแนนจากการเอาชนะอีกฝ่ายได้ด้วย เมื่อสะสมคะแนนได้ในระดับหนึ่ง เ้าก็นำไปแลกเปลี่ยนเป็ของรางวัล” ฉินเจิ้นถิงกล่าว
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนใจมากขึ้นกว่าเดิม อัจฉริยะจากทุกกองกำลังของเมืองหลวงมารวมตัวกัน เมื่อเปิดฉากต่อสู้ นั่นเท่ากับว่ามีโอกาสได้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดเ่าั้ และได้ยกระดับพลังของตนเองอีกด้วย
นอกจากนี้ยังทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ในค่ายกลมายา ซึ่งหลังจากได้ฝึกเก้าวัชรหุนหยวน เย่เฟิงยังกังวลว่าจะไม่มีสถานที่ฝึกฝน แต่ค่ายกลมายานี้จะช่วยแก้ปัญหาของเขาได้
