เื่ราวที่ได้ยินสร้างความใให้ทุกคนในโถงอย่างมาก
โจวฮูหยินถูกทรมานจนตายอย่างโเี้ที่สุด หากแม่นมกล้าเอาหยกเืไปใส่ไว้ในปากศพจริงๆ ละก็...
“แม่นมได้เห็นความโหดร้ายของพี่หญิงแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ว่าวันหนึ่งนางและซุ่ยเหลียนผู้เป็หลานอาจประสบชะตากรรมเดียวกัน ที่จริงใบหน้าของซุ่ยเหลียนเองก็ถูกพี่หญิงใช้ปิ่นดอกบ๊วยกรีดหน้า เพียงเพราะคืนนั้นหม่อมฉันเอ่ยปากชมปิ่นของนาง พี่หญิงจึงได้ทำลายรูปโฉมของนาง แล้วหักปิ่นดอกบ๊วยนั้นทิ้ง!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกล่าวด้วยความมั่นใจหนักแน่น เสียงกังวานและเ็านั้นเขย่าขวัญทุกผู้ที่ได้ฟัง
ฮ่องเต้กำหมัดแน่น และสีหน้าของฮองเฮาก็ซีดจาง เหงื่อเย็นยะเยียบเอ่อเต็มมือ แต่นางมิอาจทำอะไรเพื่อช่วยเหลือบุตรีคนแรกของนางได้เลย
“ดังนั้นแล้ว แม่นมจึงแอบใส่หยกเืขององค์หญิงเข้าไปในปากของโจวฮูหยินเพื่อปกป้องตัวเองและซุ่ยเหลียน นี่เองก็เพื่อสร้างความมั่นใจด้วยว่านางจะสามารถต่อต้านองค์หญิงได้หากพวกนางถูกมาดร้าย...เสด็จพ่อ โปรดส่งนายทหารชั้นสูงไปเปิดหลุมศพของโจวฮูหยินด้วย เพื่อเก็บหยกเืแล้วล้างมลทินให้นาง!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกล่าวอย่างเชื้อเชิญ และแม้ฮุ่ยเจินจะกำลังกรีดร้องว่าตนบริสุทธิ์ ฉางหลงฮ่องเต้ก็ไม่คิดจะฟังอีกต่อไปแล้ว พระองค์สั่งให้แม่ทัพหวางนำทหารมือดีที่สุดไปเปิดโลงศพของหรงชีเยว่ทันที!
พวกเขาต้องเปิดโลงศพในคืนนี้แล้วเก็บหยกเืกลับมาเป็หลักฐาน หากหยกเือยู่ที่นั่นจริง องค์หญิงฮุ่ยเจินก็ถึงคราวจบสิ้น!
เป็ตอนนั้นเอง ที่ไม่มีใครกล้าพูดหรือเดินไปไหนมาไหนเลยตลอดหนึ่งชั่วยาม พวกเขานั่งรอการกลับมาของกลุ่มทหารมือดีอย่างเงียบเชียบ
สายตาของฮ่องเต้นั้นมาดร้ายราวอินทรี ธิดาทั้งสองนำความอับอายมาให้แก่วงศ์ตระกูล ยามนี้ทรงไม่้าธิดาทั้งสองอีกต่อไปแล้ว!
ทว่าอย่างไรเสีย พวกนางก็ยังเป็เืเนื้อของเขา หากเป็เื่จริง...พระองค์ดื่มสุราสองอึกใหญ่ทันที เหล่านางกำนัลจึงรีบวิ่งมารินเพิ่มให้เต็มแก้ว ก่อนจะถอยไปมุมห้องอย่างสุภาพ
ครึ่งชั่วยามให้หลัง เหล่าทหารมือดีก็กลับมาพร้อมหลักฐานในผ้าขาว “ทูลฝ่าา พวกกระหม่อมได้นำหยกเืมาจากร่างของโจวฮูหยิน ภายใต้การควบคุมของแม่ทัพหวางแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้จำได้ทันทีว่านั่นคือหยกเืที่เขาเคยมอบให้ฮุ่ยเจิน อย่างไรเสีย มันก็เป็ของล้ำค่าหาใดเปรียบในอาณาจักรฉางจิง เขาจึงคาดหวังว่าหากเหล่าบุตรีของเขามีสิ่งนี้แล้ว มันจะช่วยเสริมสร้างร่างกายและหยาดเื กำจัดความคิดชั่วร้ายและขับไล่สิ่งไม่ดีให้พวกนาง
สีหน้าของฮ่องเต้พลันปะทุราว์พิโรธ ราวกับมีพายุพัดผ่านใบหน้า องค์หญิงฮุ่ยเจินนั้นสั่นกลัวพลางคุกเข่าขอขมาหัวปลก “เสด็จพ่อ เสด็จแม่...เชื่อหม่อมฉันเถอะ หม่อมฉันทำหยกเืหายไปนานมากแล้ว...หม่อมฉันน่ะ...”
องค์หญิงฮุ่ยเจินพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง ฮุ่ยหลิงจึงกระแอมแล้วกล่าว “ทำหายหรือเพคะ? หม่อมฉันเห็นพี่หญิงถือมันไปด้วยในคืนที่หกของเดือนมิถุนา ท่านยังอวดเองว่านี่เป็วิธีแสดงให้เห็นว่าหยกเืนี้ล้ำค่าและมีราคาเพียงใด!”
“นับแต่คืนนี้ไป องค์หญิงฮุ่ยเจินจะถูกปลดจากตำแหน่งใดของราชวงศ์ และชื่อของนางลบออกจากผังตระกูลของราชวงศ์ นางจะถูกส่งเข้าคุกแล้วสั่งปะาในเจ็ดวัน!”
ฮ่องเต้รับสั่งอย่างเืเย็น ทุกคำ ทุกประโยคเปรียบได้ดั่งใบมีดที่ทิ่มแทงใจองค์หญิงฮุ่ยเจิน นางกรีดร้อง “ไม่นะ...เสด็จพ่อ เชื่อหม่อมฉันเถอะ เชื่อในตัวหม่อมฉันเถอะ...หม่อมฉันถูกใส่ร้าย หม่อมฉันถูกใส่ร้าย...”
ฮองเฮาทนมองนางในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้อีก แล้วจึงขอร้องทั้งน้ำตา “ฝ่าาเพคะ หยกเือาจถูกขโมยไปก็ได้...”
“ฮองเฮา เรามีทั้งพยานและหลักฐานในมือ แค่จดหมายเืจากเซียวมามาก็เพียงพอที่จะทำให้ข้าเชื่อคำพูดของฮุ่ยหลิงได้แล้ว! ทหาร ลากองค์หญิงไปเข้าคุกเสีย หากมีใครยังกล้าแก้ต่างให้นาง พวกมันจะถูกลงทัณฑ์!” ฉางหลงฮ่องเต้คำรามด้วยความพิโรธ
ทหารได้พาตัวองค์หญิงที่กรีดร้องไม่หยุดไป แล้วความเงียบอันแปลกประหลาดก็ได้เข้าปกคลุมตำหนักชิ่งชุน
“มันเป็วันเกิดขององค์ไทเฮา แต่เื่เช่นนี้กลับเกิดขึ้นเพราะหม่อมฉันไม่อาจเลี้ยงธิดาให้ดีได้ ลงโทษหม่อมฉันเถอะเพคะ!”
ฮองเฮารีบคุกเข่ากับพื้นเมื่อเห็นว่านางพลิกสถานการณ์ไม่ได้แล้ว ฉางหลงฮ่องเต้ดูเหนื่อยล้า แม้ว่าจะไม่ชอบองค์หญิงฮุ่ยเจินนัก แต่ก็ยังเป็เืเนื้อของเขา จึงรู้สึกโศกเศร้านักเมื่อเป็ผู้สั่งปะานางด้วยตนเอง
“เริ่มงานฉลองต่อได้!” ฮ่องเต้สั่งการแม้ไม่คิดจะฉลองต่อแล้ว งานฉลองจึงดำเนินต่อไปแม้จะไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเื่เมื่อครู่ก็ตามที
องค์หญิงฮุ่ยหลิงปาดน้ำตาจระเข้เมื่อนางเห็นว่าภารกิจของนางเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงออกจากโถงไปโดยอ้างว่านางรู้สึกไม่สบาย
ฮวาชีเยว่รู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ได้เห็นศัตรูของนางถูกสั่งปะา แต่สีหน้านางพลันหมองลงเมื่อนางคิดอะไรบางอย่างได้
หลังงานฉลองก็ได้เวลาชมสวนประมาณสองเค่อก่อนกลับ
ฮวาชีเยว่ได้เดินตามฮูหยินผู้เฒ่าไปในสวน ดอกไม้มากมายเบ่งบานอย่างงดงามในสวนหลวง แข่งขันกันเพื่อดึงความสนใจ หินอันแปลกประหลาดและกระโจมทั้งหลายต่างดูหรูหรา เป็ภาพที่ชวนให้ลืมหายใจ
ฮวาชีเยว่ช่วยพาฮูหยินผู้เฒ่าไปถึงศาลาถิงอวี่ จี้จิงและจี้เฟิงรวมถึงคนอื่นๆ เองก็อยู่ด้วย และยังมีหนานอ๋องและหวงฝู่เซียนอีก
หวงฝู่เซียนกระแอมอย่างเ็าเมื่อได้เห็นริมฝีปากของฮวาชีเยว่กระตุก เขาไม่พอใจมากที่ได้เห็นนางผู้หญิงโง่คนนี้ได้เปลี่ยนจากคุณหนูคนโตแห่งจวนสกุลฮวาไปเป็องค์หญิงจิ่งฮวาในเวลาเพียงข้ามคืน
หมายความว่า ตอนนี้สถานะของเขากับนางเท่าเทียมกันแล้ว
“พี่ชีเยว่ ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าเ้ามีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ด้วย เฮะเฮะเฮะ แบ่งให้ข้าสักอันได้หรือไม่?” จี้จิงกล่าวติดตลกพลางเดินไปอยู่ข้างชีเยว่
ฮูหยินผู้เฒ่ามองจี้จิงด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ฮวาชีเยว่แนะนำนางแล้ว นางพยักหน้าแล้วกล่าว “ได้สิ หากข้ามีอีก ข้าจะแบ่งให้สักอัน”
เมื่อบุตรีของเหล่าข้าราชบริพารคนอื่นได้ยิน สายตาของพวกนางพลันลุกโชน พวกนางกำลังคิดปะล้อประโลมฮวาชีเยว่ แต่ท่านหญิงิจูกลับกล่าวขึ้นมาก่อน “พี่ชีเยว่ เ้าอายุน้อยกว่าข้าใช่ไหม? ยินดีด้วยกับเ้าด้วยที่ได้รับตำแหน่ง ข้าอยากคุยกับเ้าเป็การส่วนตัว มาด้วยกันหน่อยเถอะ”
ท่านหญิงิจูกล่าวด้วยรอยยิ้ม ทำให้ยากต่อการปฏิเสธ
ฮวาชีเยว่ลุกขึ้น หลังจากสั่งลู่ซินและโหย่วชุ่ยให้คอยดูแลฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว นางจึงออกมาพร้อมท่านหญิงิจู
หนานอ๋องอดที่จะเลิกคิ้วไม่ได้เมื่อเห็นทั้งสองจากไป เป็ตอนนั้นเองที่เขาลุกขึ้นอย่างไร้เสียง
ท่านหญิงิจูนำฮวาชีเยว่ไปยังสระบัวกลางดง สถานที่แห่งนี้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะแก่การคุยเื่ส่วนตัว
พงหญ้าข้างแม่น้ำทั้งเขียวและดก ฮวาชีเยว่ยืนบนทางหญ้านั้นแล้วมองดอกบัวที่กำลังบานสะพรั่งอย่างเ็า “ท่านหญิงมีเื่อะไรอยากคุยหรือ?”
ท่านหญิงิจูยิ้มแล้วชี้ไปที่ดอกบัว “ท่านหญิงชีเยว่ มองดอกบัวนั่นสิ มันเป็พันธุ์หายากที่หาจากภายนอกไม่ได้ สามัญชนไม่มีสิทธิ์ปลูกดอกบัวเพราะมันเป็สิทธิ์เฉพาะของราชวงศ์...เมื่อเราคุยกันเื่ความเข้ากันได้ระหว่างบุรุษและสตรีแล้ว มิใช่ว่าเราควรจะใส่ใจเื่สถานะด้วยหรือ?”
ท่านหญิงิจูกล่าวอย่างอบอุ่น นางดูเป็คนสุภาพและเรียบร้อยในเบื้องหน้าก็จริง แต่คำพูดของนางทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ฮวาชีเยว่กะพริบตาอย่างใสซื่อ แล้วจึงมองท่านหญิงิจูพลางทำทีสูงศักดิ์แล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “ท่านพูดเื่อะไรกัน? ดอกบัวดอกไหนก็ดูสวยงามทั้งนั้นในสายตาข้า ไม่ว่ามันจะเป็สายพันธุ์ไหนข้าก็ยังเห็นว่างดงาม สำหรับครึ่งหลังที่ท่านพูด ต้องขออภัยด้วย แต่ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดถึงเื่อะไร”
ท่านหญิงิจูอยากจะพูดคุยกับฮวาชีเยว่อย่างสงบ นางจึงใมากเมื่อฮวาชีเยว่ไม่เข้าใจสิ่งที่นาง้าสื่อ
สายตาของท่านหญิงิจูพลันเ็าลง สีหน้าอบอุ่นวูบหาย แทนที่ด้วยความเ็าแสดงถึงความชิงชัง “ฮวาชีเยว่ เ้าคิดจะคบหากับหนานอ๋องจริงหรือ? เ้าเป็เพียงคนไร้ค่าในตระกูล คิดจะเทียบหนานอ๋องได้อย่างไรกัน? แถมสถานะของเ้าก็...”
“สถานะของข้ามันทำไมหรือ? ตอนนี้ข้าเองก็เป็ท่านหญิงแล้ว และถึงแม้หากข้ามิใช่ท่านหญิง จะได้สมรสกับหนานอ๋องก็ยังมิใช่เื่แปลก ข้าเป็บุตรีของแม่ทัพ และเป็บุตรีฮูหยินใหญ่ สถานะของข้าคงไม่ได้ต้อยต่ำขนาดนั้นหรอก ใช่หรือไม่เล่า?”
ฮวาชีเยว่กล่าวเจือเสียงหัวเราะเบา ความเหยียดหยามแวบขึ้นในดวงตา ในที่สุดท่านหญิงิจูก็เผยด้านร้ายกาจของนางออกมาแล้ว
หลังจากสวมหน้ากากนั้นมานานสองนาน คงได้เวลาที่จะถอดหน้ากากแล้วใช่หรือไม่? เมื่อนางได้เห็นท่านหญิงิจูกำหมัดจนเล็บฝังเข้าเนื้อในระหว่างการพบปะที่ภัตตาคารวั่งเยว่ นางก็เดาไว้แล้วว่าสตรีผู้นี้เพียงทำทีเป็สูงศักดิ์และอ่อนโยนเท่านั้น
แน่นอนว่าวันนี้อีกฝ่ายได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว สตรีร้ายกาจผู้นี้กำลังกล่าวอย่างจองหองว่านางไม่เหมาะสมกับหนานอ๋อง ทั้งยังพยายามกล่าวอ้อมๆ อีกว่าสถานะของนางต่ำต้อยแทบไม่ต่างอะไรจากสามัญชน
ทว่านางคือลูกหลานของแม่ทัพ แม้นางจะไร้ประโยชน์เมื่อครั้งยังเยาว์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่านางจะไร้ค่า!
“เ้า เ้า...ฮวาชีเยว่ เ้ากล้าดียังไงถึงมาชิงสามีของข้าไปเช่นนี้?” ท่านหญิงิจูกล่าวเสียงเย็นเยียบ “อย่าคิดว่าเ้าจะปลอดภัยเพียงเพราะฮ่องเต้ตีค่าเ้าไว้สูงแล้วมอบตำแหน่งท่านหญิงให้เ้าเชียว หากเ้าไม่ยอมปล่อยมือจากหนานอ๋องละก็ ข้าจะทำลายชื่อเสียงของเ้าเอง!”
รอยยิ้มของฮวาชีเยว่ยิ่งเบิกกว้างขึ้นพลางแอบซ่อนเส้นผมสีดำของนางที่ร่วงออกมาเก็บไว้ “ท่านหญิง มุกตลกของท่านช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน ที่ท่านว่าข้าแย่งสามีของท่านมานี่หมายถึงเื่อะไรหรือ? หนานอ๋องยังมิใช่สามีของท่านด้วยซ้ำ ข้าพูดผิดหรือไม่?”
นางไม่อยากตั้งตัวเป็ศัตรูกับสตรีผู้นี้ แต่ในเมื่อคำพูดของท่านหญิงิจูล้วนแต่มาดร้ายถึงเพียงนี้ นางคงมิอาจเรียกขอความเมตตาเช่นคนขลาดได้อีก
ท่านหญิงิจูกล่าวด้วยสีหน้าเย็นะเื “ยอดมาก ยอดมาก! ฮวาชีเยว่ เ้าช่างอาจหาญนัก! เ้าคอยดูเถอะ!”
เมื่อกล่าวจบ คนพลันทิ้งตัวลงสู่สระบัวพร้อมด้วยเสียงสายน้ำถูกกระทบ
ฮวาชีเยว่เลิกคิ้วแค่นเสียงหยัน ท่านหญิงิจูกรีดร้อง ฮวาชีเยว่เองก็ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือเช่นกัน
ในสวนหลังมีคนอยู่มากมาย รวมถึงองครักษ์ด้วยเช่นกัน เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของท่านหญิงิจูและฮวาชีเยว่แล้ว ทั้งหมดจึงรีบร้อนวิ่งมาและกระโจนลงน้ำเสียงดังซ่าๆ ทันที ลากเอาตัวท่านหญิงิจูกลับขึ้นฝั่ง
บุตรีและบุตรสาวของเหล่าข้าราชบริพารต่างพากันมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น พลันจ้องมองท่านหญิงิจูผู้เพิ่งถูกช่วยเหลือขึ้นมาจากบ่อ แม้จะเป็เดือนกรกฎาคมแล้ว แต่นางก็ยังสั่นสะท้านพลางกอดร่างตนเอง ราวกับได้รับความใ แล้วมองฮวาชีเยว่อย่างหวาดกลัว
ทุกคนมองฮวาชีเยว่ด้วยความที่นางเป็คนเดียวที่อยู่กับท่านหญิงิจูเมื่อครู่ แต่ท่านหญิงิจูกลับร่วงลงบ่อโดยไม่มีเหตุผล เช่นนั้นหากมิใช่ฝีมือฮวาชีเยว่แล้วจะยังเป็ใครได้อีก?
ทุกคนมองสภาพของท่านหญิงิจูอย่างสงสาร ความหวาดกลัวในสายตาคู่นั้นดูน่าเชื่อถือมากพอ
“เกิดอะไรขึ้นกัน?” หวงฝู่เซียนมาถึงที่เกิดเหตุ เมื่อเขาเห็นท่านหญิงิจูในสภาพเปียกปอนแล้ว เขาจึงหันหน้าหนีเพราะไม่กล้ามองนางตรงๆ
เหล่าบุตรของพวกข้าราชบริพารเห็นสภาพเสื้อผ้าอันเปียกปอนเกาะร่าง เผยให้เห็นทรวดทรงและผิวสีหิมะเนียนนุ่มเพียงครู่เดียว ก็ก่อให้เกิดความ้าในตัวนางขึ้นอย่างรุนแรง พวกเขาจึงถอยหนีออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ไปไกลนักเพราะยังอยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
“โอ ตายจริง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” จี้จิงร้องอุทานออกมาอยากตกตะลึงเมื่อเห็นสภาพของท่านหญิงิจู
องค์หญิงฮุ่ยหยาเองก็เข้ามาหาพวกนางเช่นกัน นางไม่ได้รู้สึกดีนักเพราะเื่ที่เพิ่งเกิดระหว่างองค์หญิงฮุ่ยหลิงกับองค์หญิงฮุ่ยเจิน แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเช่นกัน นางเพียงร่อนไปร่อนมาในสวนจนบังเอิญได้ยินเสียงจอแจนี้เท่านั้น
นางเห็นท่านหญิงิจูสั่นเทาอยู่บนพื้น โดยมีฮวาชีเยว่ยืนนิ่งอยู่ใกล้ๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้