ท่านหญิง? เซวียเสี่ยวหรั่นเบิกตากว้าง
ท่านหญิง? ก็เป็เชื้อพระวงศ์น่ะสิ
"เ้ารู้ได้อย่างไร" เซวียเสี่ยวหรั่นกระซิบถาม
"มาถึงเมื่อวานเ้าค่ะ" พอเห็นคณะคนเข้ามาใกล้ อูหลันฮวาก็รีบหุบปาก ยืนด้านข้างอย่างนอบน้อม
มาถึงเมื่อวาน? เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน พอหันไปเห็นผูหยางชิงหลันสีหน้าไม่บอกบุญไม่รับอยู่ท่ามกลางผู้คน พลันนึกขึ้นได้ ดูเหมือนว่าเหลียนเซวียนจะเคยเอ่ยถึงชื่อหย่งเจียนี้มาก่อน หรือว่าจะเป็ท่านหญิงหย่งเจียเบื้องหน้าผู้นี้
เหลียนเซวียนเรียกชื่อนางอย่างสนิทชิดเชื้อ เหมือนว่าเขากับท่านหญิงหย่งเจียจะคุ้นเคยกันดี
เครือญาติ สหาย หรือว่าจะเป็ความสัมพันธ์แบบอื่น...
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าเสียไปบ้าง
"เสี่ยวหรั่น เ้ากลับมาแล้วหรือ"
ขณะที่นางกำลังครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเหลียนเซวียนกับท่านหญิงหย่งเจีย ผูหยางชิงหลันก็ผลักผู้คนออกไปแล้ววิ่งมาหา
"พี่ใหญ่ผูหยาง" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเขาสาวเท้าก้าวใหญ่เข้ามา เรือนผมกระเซิงอยู่บ้าง อาภรณ์ตัวยาวก็มีรอยยับ แต่กลับไม่กระทบต่อรูปโฉมหล่อเหลาเลยแม้แต่น้อย
ผูหยางชิงหลันอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก พิจารณานางั้แ่หัวจรดเท้าสองสามรอบถึงเอ่ยปาก "ต้องโทษเสี่ยวชีคนเดียว อยู่ดีๆ เพียรแต่จะสอนเ้าขี่ม้าให้ได้ หาไม่แล้วคนเ่าั้จะสบโอกาสได้อย่างไร นี่แค่ไม่กี่วัน เ้ามิเพียงแต่ผอมลง ยังคล้ำแดดอีกด้วย"
เขาทำสีหน้าปวดร้าวใจยิ่ง ทำท่าประหนึ่งจะลากเหลียนเซวียนออกมาทุบตีสักยกเสียอย่างนั้น
คำพูดเกินจริงของเขาทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนเองด้วยความใ นี่ตนเองทั้งผอมทั้งดำเลยหรือ?
"ป๋ออวิ๋น [1] ไม่แนะนำตัวสักหน่อยหรือ"
ท่านหญิงหย่งเจียมายืนข้างผูหยางชิงหลันั้แ่เมื่อไรก็สุดรู้ ดวงเนตรวับวาวดูเหมือนลมสงบ แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับััได้ถึงคลื่นลมปั่นป่วนภายใต้ความเงียบสงบนั้น
ผูหยางชิงหลันแสร้งทำเป็หลงลืม จงใจเดินมาใกล้เซวียเสี่ยวหรั่น หลังจากยิ้มให้อย่างสนิทชิดเชื้อ "นี่คือญาติผู้น้องของข้า เซวียเสี่ยวหรั่น เสี่ยวหรั่นนี่คือท่านหญิงหย่งเจีย"
โฉมสะคราญที่อยู่ตรงข้ามเส้นหน้าขึงเกร็งขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาแทบจะะเิออกมา เซวียเสี่ยวหรั่นหนังหน้ากระตุก หันไปถลึงตาใส่ผูหยางชิงหลัน
หน็อยแน่ ผูหยางชิงหลันตัวดี ถึงกับเอาเธอมาเป็โล่รับธนู
ผูหยางชิงหลันเบือนสายตาไปด้านข้างอย่างไม่เป็ธรรมชาติ
อากัปกิริยาเล็กน้อยของทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาของท่านหญิงหย่งเจีย ยิ่งเห็นก็ยิ่งขัดตา มือภายใต้แขนเสื้อยาวกำหมัดแน่น
"ศิษย์พี่"
น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงแววตักเตือน เหลียนเซวียนก้าวข้ามธรณีประตูค่อยๆ เดินออกมา
เขาเปลี่ยนเป็อาภรณ์ตัวยาวสีน้ำตาลอ่อนรูปทรงพอดีตัวขับเน้นรูปร่างให้ยิ่งดูสูงเพรียว
"พี่เจ็ด"
ท่านหญิงหย่งเจียผู้งามพิสุทธิ์ดุจกล้วยไม้ เพียงแค่เห็นเขาเท่านั้น น้ำตาปานน้ำพุก็หลั่งออกมา ยกชายกระโปรงวิ่งเข้าไปหาเขาทันที
แววตาของเหลียนเซวียนอ่อนลง เอื้อมมือไปประคองท่านหญิงหย่งเจียที่โผเข้ามา
"หย่งเจีย เ้ามาแล้ว"
"พี่เจ็ด ท่านปลอดภัยกลับมา ช่างดียิ่งนัก"
น้ำตาหยาดใสไหลรินจากหางตาของนาง หญิงงามหลั่งน้ำตาชวนให้น่าสงสารจับจิต
ดวงตากลมโตของเซวียเสี่ยวหรั่นมองภาพตรงหน้าไม่กะพริบ
พี่เจ็ด?
ท่านหญิงหย่งเจียเรียกเขาว่าพี่เจ็ด? เช่นนั้นเขา...
สีหน้าของเซวียเสี่ยวหรั่นฉายแววตื่นตะลึง
แต่ผูหยางชิงหลันที่อยู่ด้านข้างกลับหน้าดำทะมึน ถลึงตาใส่เหลียนเซวียนอย่างเดือดดาล
"หน็อยแน่ เ้าหวงผู่เหลียนเซวียนตัวดี เสแสร้งหลอกลวง ไม่รักษาสัญญา ทดแทนคุณด้วยความแค้น ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ"
ผูหยางชิงหลันอดใจไม่ไหวขุดคำปรามาสที่ตนเองพอจะใช้ได้ขึ้นมาด่ากราดรอบหนึ่ง
ท่านหญิงหย่งเจียค่อยๆ หันมามองเขา นางรู้เพราะเหตุใดเขาถึงด่าผู้อื่น ดวงตาซึ่งร้องไห้จนแดงก่ำยิ่งเพิ่มความเศร้าโศกเป็ทวี น้ำตาหยาดใสรินรดบนดวงหน้าขาวผ่อง กลางหว่างคิ้วอาบย้อมไปด้วยความทุกข์ระทม
ถ้อยคำด่าที่ผูหยางชิงหลันพลันสะดุดอยู่ที่คอหอย
สาวใช้ติดตามของท่านหญิงหย่งเจียส่งผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้ นางก้มหน้าเช็ดน้ำตาบนพวงแก้มเบาๆ
หวงผู่เหลียนเซวียน? สายตาของเซวียเสี่ยวหรั่นเลื่อนไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยดวงนั้น ความตื่นตระหนกก่อตัวขึ้นในหัวใจ
ดูเหมือนจะเคยได้ยินใครบอกว่าราชสกุลของเชื้อพระวงศ์แคว้นฉีคือหวงผู่ ตอนนั้นเธอยังรู้สึกว่าชื่อสกุลที่มีสองพยางค์ช่างแปลกใหม่น่าสนใจดี
ไม่นึกว่าที่แท้ชื่อสกุลของเขาก็คือหวงผู่
เช่นนั้นเขาก็คือหวงผู่เหลียนเซวียนพระโอรสลำดับที่เจ็ด ซึ่งหายสาบสูญไปจากแคว้นฉีเมื่อปีก่อน
สมองของเซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มตื้อ บุรุษที่เธอเก็บมาจากป่าถึงกับเป็องค์ชายพระองค์หนึ่งเชียวหรือ?
โชคของเธอช่างไม่มีใครเกิน
ดูเหมือนเขาจะรู้ตัว ดวงตาสีนิลล้ำลึกมองมาที่นาง
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบหลุบสายตาลงหลบตาของเขาทันควัน
ภายในใจสับสนว้าวุ่น ไม่รู้จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรไปชั่วขณะ
หัวใจของเหลียนเซวียนจมดิ่งลง นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็เช่นนี้
เขาไม่เคยบอกสถานะให้นางรู้มาโดยตลอด ด้วยวิตกว่าท่าทีของนางที่มีต่อตนเองจะเปลี่ยนไป
บรรยากาศภายในลานเรือนพลันเงียบกริบ เสียงเปาะแปะๆ ของหยาดฝนจากหลังคาตกลงมากระทบพื้นกระแทกเข้ากลางใจคน
"เข้ามาคุยกัน" เหลียนเซวียนเอ่ยปาก ก่อนยกเท้าข้ามธรณีประตูกลับเข้าไปข้างใน
"พี่เจ็ดรอก่อน ข้าจะไปห้องจิ้งฝาง [2] สักครู่" ท่านหญิงหย่งเจียเช็ดน้ำตา ก่อนหันมายิ้มให้เหลียนเซวียน
เหลียนเซวียนรู้ว่านางจะไปล้างหน้า จึงผงกศีรษะน้อยๆ
"หงกูช่วยนำทางด้วย"
หงกูซึ่งหลบอยู่หลังประตูรีบเดินออกมา "จวิ้นจู่ เชิญทางนี้"
ท่านหญิงหย่งเจียมองผูหยางชิงหลันด้วยแววตาล้ำลึก ก่อนจะเดินตามไป
ผูหยางชิงหลันมองเงาร่างงดงามสะโอดสะองที่ค่อยๆ เดินไกลออกไป จากนั้นก็วิ่งพรวดเข้าหาเหลียนเซวียนอย่างปุบปับ
เริ่มด้วยการปล่อยหมัดแรกตรงเข้าไป แต่ถูกปัดออกไปอย่างง่ายดาย จึงยกขาเตะเข้าอีกที แต่ก็ถูกกันไว้แล้วผลักออกไป ผูหยางชิงหลันกัดฟันอย่างเข่นเขี้ยว ทั้งหมัดและเท้าประเคนให้ไม่ยั้ง
เหลียนเซวียนจนใจยิ่ง ได้แต่ปัดป้องแต่ไม่สู้กลับ
พวกเซวียเสี่ยวหรั่นยืนอยู่นอกห้องรับแขก มองตาค้างอ้าปากหวอ
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของอวี๋เฟิงหยางก็เผยความจนใจอย่างเดียวกัน
"ฝีมือของคุณชายผูหยางไม่เลวเลยนะเ้าคะ" อูหลันฮวากระซิบข้างหูเซวียเสี่ยวหรั่น "เห็นอยู่ว่าทักษะยุทธ์ของคุณชายเหลียนเหนือชั้นกว่ามาก แต่กลับไม่ตอบโต้เลย"
ผูหยางชิงหลันซึ่งเดิมทีเข้ามาต่อยตีระบายอารมณ์หงุดหงิด พอได้ยินคำนี้เข้าก็สะอึก ความโมโหค่อยเบาลงมา
หลังจากถลึงตาใส่เหลียนเซวียนแรงๆ ก็หยุดโจมตี
"ศิษย์พี่จะลำบากตนเองไปไย ไม่สู้มาคุยเปิดอกมิดีกว่าหรือ" เหลียนเซวียนปวดหัวกับความดื้อดึงของเขา
"อย่างเ้าจะรู้กับผีอะไร เอาไว้ถึงคราวตนเองบ้าง ดูว่าจะจัดการได้งดงามแค่ไหน"
ผูหยางชิงหลันแค่นเสียงอย่างขุ่นเคือง หย่อนก้นบนเก้าอี้กลมที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก เอื้อมมือไปรินน้ำชามาดื่ม
เหลียนเซวียนมองเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งยืนอยู่หน้าประตู "อย่างน้อย ข้าก็จะไม่หนีปัญหาหรือเอาแต่ผัดผ่อนไม่ตัดสินใจเสียที"
"พูดฟังไพเราะเสียยิ่งกว่าร้องเพลง เื่มันยังไม่ตกถึงตัวเ้า คนยืนพูดย่อมไม่ปวดเอว" ผูหยางชิงหลันหน้าง้ำ
เหลียนเซวียนทำอะไรเขาไม่ได้ ขณะกำลังจะเอ่ยวาจา ท่านหญิงหย่งเจียก็กลับมาแล้ว
ดูเหมือนว่านางจะไปล้างหน้า แล้วแต่งหน้าเพิ่มบางๆ ค่อยเยื้องกรายเข้ามาจากระเบียง ท่วงท่าสง่างามแลดูมีมารยาท
พอเดินมาถึงจุดที่อยู่ไม่ไกลจากเซวียเสี่ยวหรั่น ก็หันมายิ้มให้บางๆ "คุณหนูเซวีย"
เซวียเสี่ยวหรั่นยอบกายทำความเคารพ "จวิ้นจู่"
ท่านหญิงหย่งเจียดวงตาทอประกายวับวาว ลอบพิจารณาอีกฝ่ายอย่างแเี
...
[1] เป็นามรองของ ผูหยางชิงหลัน ปรกติแล้วนามบิดามารดาเป็คนตั้ง แต่นามรองมักเป็อาจารย์โดยจะมีความสอดคล้องกับนามหลัก
[2] จิ้งฝางคือห้องสุขาแบบโบราณ เป็ห้องโล่งๆ มีเพียงกระโถนสำหรับปล่อยหนักเบา
