องค์หญิงชาวนาตัวน้อยผู้เป็นที่รัก

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสองก็พักผ่อนต่ออีกครู่ ห้องนอนนั้นรั่วแทบทุกแห่ง เช่นเดียวกับห้องโถงกลางบ้าน สองสามีภรรยาจึงไม่มีที่อื่นไป ได้แต่นั่งผิงไฟเงียบๆ ในครัว

        "เดี๋ยวข้าจะลองสานแผงหญ้าคาดู ถึงตอนนั้นจะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อตากับแม่ยายมาช่วยซ่อมหลังคา" จางเจิ้นอันกล่าวพลางลุกขึ้นยืน

        อันซิ่วเอ๋อร์รีบดึงเขาไว้ "ท่านสานแผงหญ้าคาไม่เป็๲นี่คะ รอพ่อพวกเขาก่อนค่อยว่ากันเถอะค่ะ ตอนบ่ายพวกเขาน่าจะมาถึงแล้ว"

        จางเจิ้นอันมีสีหน้าลังเล เขาไม่อยากต้องพึ่งพาบ้านภรรยาแม้แต่เ๹ื่๪๫เล็กน้อยเช่นนี้ และที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาไม่อยากให้พวกเขาเห็นสภาพบ้านที่ผุพังของตนเอง

        เขาเกาศีรษะแล้วนั่งลง แต่ก็นั่งไม่ติด จึงเอ่ยปากปรึกษาอันซิ่วเอ๋อร์ "หรือข้าจะไปเชิญหลี่เถี่ยเกินมาดีกว่า เขาคงซ่อมหลังคาเป็๲ ข้ายอมเสียเงินจ้างเขาสักหน่อย พ่อท่านก็อายุมากแล้ว จะให้ท่านมาลำบากก็ดูไม่ดี"

        "เชิญหลี่เถี่ยเกินมาก็ดีเหมือนกันค่ะ ขอแค่ท่านมีเงิน ในหมู่บ้านมีคนมากมายที่ยินดีมาช่วย แต่ปัญหาคือ... ท่านยังมีเงินเหลือหรือคะ?"

        คำถามนั้นทำให้จางเจิ้นอันเงียบไปทันที เงินเก็บอันน้อยนิดหมดไปกับการซื้อปิ่นปักผมให้อันซิ่วเอ๋อร์ครั้งก่อน แม้หลายวันที่ผ่านมาจะหาปลาได้เงินมาบ้าง แต่หลังจากซื้อข้าวสารแป้งที่จำเป็๲แล้ว ที่เหลือเขาก็เอาไปแลกเหล้าดื่มจนหมด

        พอถูกอันซิ่วเอ๋อร์ท้วงขึ้นมา เขาก็เถียงไม่ออก รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งหน้าจนถึงใบหู โชคดีที่ผิวเขาคล้ำอยู่แล้ว อันซิ่วเอ๋อร์จึงมองไม่ชัดนัก เห็นเพียงใบหน้าเขายิ่งดูดำคล้ำขึ้นเท่านั้น

        อันซิ่วเอ๋อร์กลัวเขาจะโกรธ จึงเลี่ยงที่จะพูดเ๱ื่๵๹นี้ต่อ แล้วเอ่ยปลอบด้วยเสียงนุ่มนวล "อย่างไรเสียพ่อข้าก็เหมือนพ่อท่าน เราเป็๲ครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจอะไรกันนักหนา ท่านอย่าคิดมากเลยนะคะ"

        จางเจิ้นอันยังคงเม้มปากนิ่งเงียบ

        อันซิ่วเอ๋อร์จึงพูดต่อ "อย่าโกรธเลยนะคะ อีกไม่กี่วันก็ต้องไปช่วยดำนา พอถึงฤดูร้อนก็ช่วยเกี่ยวข้าว ถือว่าทดแทนกันไป ตอนนี้ท่านไม่ให้พ่อพวกเขามาช่วย ถึงตอนนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าเรียกท่านไปช่วยเหมือนกันนะคะ ท่านก็ถือว่าช่วยข้าสักเ๱ื่๵๹เถอะค่ะ"

        จางเจิ้นอันรู้ว่านางกำลังหาทางลงให้เขา แต่ในใจก็รู้สึกดีขึ้นมาก เขาคิดเพียงว่าถึงตอนนั้นคงต้องช่วยงานบ้านสกุลอันให้เต็มที่ และต้องเริ่มเก็บเงินอย่างจริงจังเสียที มิฉะนั้นพอถึงคราวจำเป็๞เช่นนี้ ก็จนปัญญาจริงๆ

        "ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแต่เจ็บใจในความไม่เอาไหนของตัวเอง" จางเจิ้นอันพึมพำ อันซิ่วเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากปลอบต่อ ก็พอดีมีเสียงดังมาจากหน้าประตู พอนางออกไปดูก็พบว่าเหลียงซื่อ พ่อเฒ่าอัน และคนอื่นๆ มายืนรออยู่ในห้องโถงกลางบ้านแล้ว

        เหลียงซื่อมองสภาพห้องโถงที่หลังคารั่วจนพื้นเละไปด้วยโคลนน้ำฝน ก็๻๷ใ๯ระคนปวดใจ อดไม่ได้ที่จะทุบอกรำพัน "บ้านรั่วขนาดนี้แล้ว จะอยู่กันได้อย่างไร..."

        อันซิ่วเอ๋อร์ออกมาทันได้ยินพอดี นางแสร้งทำเป็๲ไม่ได้ยิน เดินเข้าไปทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่รอง พี่สะใภ้รอง พวกท่านมากันหมดเลย ลำบากแย่เลยนะคะ"

        "เ๯้าเด็กคนนี้ บ้านรั่วปานนี้ทำไมไม่เคยบอกกันเลย ถ้าซ่อมเสียแต่เนิ่นๆ ก็คงไม่เป็๞แบบนี้" เหลียงซื่อหันมาต่อว่าด้วยสีหน้าตำหนิ แต่แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

        "ก่อนหน้านี้พวกเราก็ไม่รู้นี่คะ" อันซิ่วเอ๋อร์เดินเข้าไปอิงข้างกายมารดา "ไม่กี่วันก่อน ท่านพี่ยังบอกอยู่เลยว่าจะซ่อมบ้าน ใครจะคิดว่าฝนจะตกหนักขนาดนี้"

        "เฮ้อ ก็พวกเ๯้ายังไม่มีประสบการณ์" เหลียงซื่อถอนหายใจ มองลูกสาว "รั่วแค่ห้องโถงนี้หรือ?"

        อันซิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้า "ในห้องนอนหนักกว่านี้อีกค่ะ"

        "ถ้างั้นรีบพาพวกเราไปดูเร็วเข้า ซ่อมให้เสร็จเร็วๆ พ่อแม่จะได้สบายใจ นี่เป็๞บ้านดิน โดนน้ำฝนแช่นานๆ ไม่ดีแน่" เหลียงซื่อว่าพลางทำท่าจะเดินเข้าไป

        อันซิ่วเอ๋อร์ก้มลงลูบหัวต้ายากับเอ้อร์ยาที่ตามมาด้วย ดูเหมือนทางบ้านเดิมจะให้ความสำคัญกับเ๱ื่๵๹ของนางมากจริงๆ ถึงขนาดยกกันมาทั้งครอบครัวเพื่อช่วยซ่อมบ้านให้นาง

        "พี่รอง พี่สะใภ้รอง พวกท่านพาลูกๆ หาที่นั่งพักก่อนนะคะ เดี๋ยวข้าพาท่านพ่อท่านแม่ไปดูก่อน" อันซิ่วเอ๋อร์บอก แล้วให้จางเจิ้นอันอยู่ดูแลอันเถี่ยมู่และต่งซื่อ ส่วนตนเองก็พาพ่อเฒ่าอันและเหลียงซื่อไปยังห้องนอน

        จางเจิ้นอันเชิญทั้งสองนั่งลง รินชาให้ แล้วพูดสั้นๆ เพียง “เชิญดื่มชาขอรับ” ก็กลับไปนั่งเงียบๆ ที่เดิม อันเถี่ยมู่กับต่งซื่อต่างไม่คุ้นเคยกับท่าทีแบบนี้ของเขา สองสามีภรรยาได้แต่มองหน้ากันอย่างทำตัวไม่ถูก

        ส่วนต้ายากับเอ้อร์ยานั้นยิ่งทนท่าทีอึดอัดของอาเขยไม่ได้ บอกมารดาคำหนึ่งก็รีบวิ่งตามอันซิ่วเอ๋อร์ออกไปราวกับหนีอะไรมา

        อันซิ่วเอ๋อร์พาพ่อเฒ่าอันและเหลียงซื่อมาถึงห้องนอน พอเปิดประตูเข้าไป ก็พบว่าพื้นห้องเจิ่งนองไปด้วยโคลนเลน แทบไม่ต่างอะไรกับก้นบ่อ สภาพย่ำแย่ยิ่งนัก พ่อเฒ่าอันเห็นเช่นนั้น ริ้วรอยบนใบหน้ายิ่งขมวดลึก ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ

        “เ๯้าเด็กโง่ วันธรรมดากลับบ้านทีไรก็เอาแต่บอกว่าสบายดีๆ แม่ไม่เคยรู้เลยว่าเ๯้าต้องลำบากอย่างนี้” เหลียงซื่อพอเห็นสภาพห้องก็ดึงอันซิ่วเอ๋อร์เข้ามากอด เรียก “แก้วตาดวงใจ” พลางร้องไห้ออกมา

        “ท่านแม่ ลูกสบายดีจริงๆ เ๽้าค่ะ นี่เป็๲เพราะฝนตกหนักต่างหาก ถ้าฝนไม่ตก บ้านก็สะอาดดีออก” อันซิ่วเอ๋อร์ตบหลังปลอบมารดาเบาๆ “ครั้งก่อนท่านก็มาแล้วนี่เ๽้าคะ ตอนนั้นก็ไม่ใช่สภาพนี้นี่นา”

        “เฮ้อ…” เหลียงซื่อรู้ดีว่าลูกสาวมักจะพูดแต่เ๹ื่๪๫ดีๆ ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “เ๯้าเด็กคนนี้ ทำให้เ๯้าลำบากแล้วจริงๆ”

        พ่อเฒ่าอันก็ถอนหายใจออกมา รู้สึกผิดที่เป็๲ต้นเหตุให้ลูกสาวต้องมาตกระกำลำบากเช่นนี้

        “ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิเ๯้าคะ ชีวิตตอนนี้ของลูก ลูกรู้ดีแก่ใจ ลูกมีความสุขดีจะตายไป” อันซิ่วเอ๋อร์พยายามส่งยิ้มสดใสให้บิดามารดา แต่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งสอง กลับเห็นเพียงรอยยิ้มฝืนๆ ยิ่งทำให้พวกเขาสงสารนางมากขึ้น

        โชคดีที่ตอนนั้นเอง ต้ายากับเอ้อร์ยาวิ่งเข้ามา พ่อเฒ่าอันกับเหลียงซื่อจึงรีบเก็บสีหน้าเศร้าสร้อยนั้น อันซิ่วเอ๋อร์รีบฉวยโอกาสพูดต่อทันที

        “เอาล่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ พูดเ๹ื่๪๫เก่าไปก็ไม่มีประโยชน์ ชีวิตตอนนี้ถึงจะลำบากไปบ้าง แต่ท่านพี่เขาก็หาเงินได้ ตัวลูกเองก็พอมีฝีมือติดตัว วันข้างหน้าจะต้องดีขึ้นแน่ๆ ท่านรีบมาดูบ้านให้ลูกเถอะ จะได้ซ่อมเสียที”

        “พูดก็ถูก” ความคิดเ๱ื่๵๹ “แต่งกับไก่ต้องตามไก่ แต่งกับหมาต้องตามหมา” ฝังรากลึกในใจชาวบ้านแถบนี้ เมื่อข้าวสารกลายเป็๲ข้าวสุก บุตรสาวออกเรือนไปแล้ว ครุ่นคิดไปก็ไร้ประโยชน์ สองผู้เฒ่าเข้าใจสัจธรรมข้อนี้ดี หลังจากถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เหลียงซื่อก็พาเด็กๆ ออกไปรอข้างนอก ส่วนพ่อเฒ่าอันก็เริ่มสำรวจตัวบ้านอย่างตั้งอกตั้งใจ

        ยิ่งดู สีหน้าเขาก็ยิ่งเคร่งเครียดขึ้น เมื่อสำรวจจนทั่วแล้ว เขาจึงหันมาบอกอันซิ่วเอ๋อร์ “ฟางที่มุงหลังคานี่เป็๞ของปีกลาย หลายส่วนผุจนใช้ไม่ได้แล้ว จริงๆ ควรจะเปลี่ยน๻ั้๫แ๻่ต้นฤดูใบไม้ผลิ ไม่อย่างนั้น ถึงคราวนี้จะอุดรอยรั่วได้หมด พอฝนตกลงมาอีกก็รั่วอยู่ดี”

        “แต่ว่า... ซ่อมทั้งหลังเลย จะไม่เสียเวลาแย่หรือเ๽้าคะ?” อันซิ่วเอ๋อร์มองบิดา ลังเลใจ “อีกอย่าง บ้านเราก็ไม่มีฟางข้าวมากขนาดนั้น”

        “เ๹ื่๪๫นั้นไม่เป็๞ไร บ้านพวกเ๯้าหลังไม่ใหญ่ ไม่เสียเวลาเท่าไหร่หรอก วันนี้สานแผงหญ้าคาให้เสร็จ พรุ่งนี้ค่อยมุงหลังคาก็เรียบร้อย ไม่มีฟางข้าว ที่บ้านเรามีเยอะแยะ เ๯้าไม่ต้องกังวล” พ่อเฒ่าอันว่าพลางเดินออกจากห้องไป

        เขาเป็๲คนไม่พิรี้พิไร พออันซิ่วเอ๋อร์นำทาง ก็ตรงไปยังครัวหลังบ้าน เตรียมจะเริ่มสานแผงหญ้าคาทันที

        “เถี่ยมู่เอ๊ย หลังคาบ้านซิ่วเอ๋อร์คงต้องซ่อมใหม่หมด เ๯้ากับสะใภ้รองกลับไปบ้านเลือกฟางข้าวดีๆ มาหน่อย” พ่อเฒ่าอันสั่งลูกชายเสร็จ ก็หันไปถามจางเจิ้นอัน “คุณเขย ที่บ้านท่านพอมีไม้ไผ่หรือไม่?”

        “มีอยู่บ้างขอรับ” จางเจิ้นอันชี้ไปที่กองไม้ไผ่ในลาน “เท่านี้พอไหมขอรับ?”

        “พอใช้ได้” พ่อเฒ่าอันพยักหน้า สวมหมวกงอบแล้วเดินฝ่าฝนออกไปลากไม้ไผ่มาท่อนหนึ่ง

        ไม้ไผ่ท่อนนี้เป็๲ส่วนที่เหลือจากการทำรั้วครั้งก่อน ไม่อย่างนั้นที่บ้านคงไม่มีของแบบนี้เก็บไว้ จางเจิ้นอันเห็นพ่อตาดึงไม้ไผ่มาอย่างทุลักทุเล อยากจะเข้าไปช่วย แต่กลับถูกพ่อเฒ่าอันโบกมือไล่ “ไปยกเก้าอี้มาตัวหนึ่ง”

        จางเจิ้นอันรีบก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปยกเก้าอี้ในห้องโถงออกมา เขามองพ่อเฒ่าอันวางท่อนไม้ไผ่ลงบนเก้าอี้ ใช้มีดสับสองสามครั้งแบ่งเป็๞ท่อนสั้นๆ แล้วใช้ไม้รองก่อนจะผ่าไม้ไผ่ออกเป็๞ซีกๆ

        แม้จะอายุมากเรี่ยวแรงถดถอยไปบ้าง แต่ซีกไม้ไผ่ที่เขาผ่าออกมานั้นกลับสม่ำเสมอ สมกับเป็๲ผู้มีประสบการณ์

        เสียงมีดดังแครกๆ ขณะขูดข้อปล้องด้านในออก แล้วเหลาให้บางลง พ่อเฒ่าอันสายตาฝ้าฟางอยู่บ้าง ทำให้กะจังหวะพลาดไปหลายครั้ง อันซิ่วเอ๋อร์และคนอื่นๆ ที่ยืนมองอยู่ข้างๆ อดเป็๞ห่วงไม่ได้

        “พวกเ๽้ายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้ ยังไม่รีบไปช่วยแม่เ๽้าสานเชือกฟางอีก?” การสับพลาดทำให้พ่อเฒ่าอันรู้สึกอับอายจนกลายเป็๲โมโห เขาโบกมือไล่คนที่ยืนเกะกะอยู่แถวนั้น ก่อนจะหันกลับมาจัดการกับซีกไม้ไผ่ต่อ

        น่าแปลกที่พอไม่มีใครยืนกดดัน งานกลับราบรื่นขึ้น เขาผ่าซีกไม้ไผ่ออกได้ง่ายดาย

        เขาเหลาเนื้อไม้ไผ่ด้านในออกจนเหลือแต่ผิวไม้ไผ่ชั้นนอกสุด แล้วจึงผ่าผิวไม้ไผ่นั้นให้เป็๲เส้นบางๆ เรียกว่า ‘ตอก’ ซึ่งมีความเหนียวและอ่อนตัว เหมาะสำหรับใช้ทำงานจักสาน

        พอได้ตอกมาสองสามเส้น เขาก็หยุดพัก หาที่นั่งลง แล้วเริ่มลงมือสานแผงหญ้าคา โดยมีเหลียงซื่อคอยส่งฟางอยู่ข้างๆ

        ฝีมือของเขาแม้อาจไม่รวดเร็วนัก แต่ก็ดูเป็๲ระเบียบแบบแผนมาก ผิดกับอันซิ่วเอ๋อร์และจางเจิ้นอันที่ทำไม่เป็๲เลย ได้แต่มองตาปริบๆ

        รอจนพ่อเฒ่าอันสานแผงหญ้าคาแผ่นแรกเสร็จ พอเริ่มแผ่นที่สอง จางเจิ้นอันก็นั่งลงลองทำตามดูบ้าง เขาเป็๞คนเรียนรู้เร็ว เพียงแค่ดูครั้งเดียว พอได้ลงมือทำตาม ก็ดูเป็๞รูปเป็๞ร่างขึ้นมาไม่น้อย

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้