ระหว่างที่เหนียนอีหลานกำลังเอ่ย นาง้าจะลุกขึ้น เจินกูกูเหลือบมองนางด้วยสายตาราบเรียบ กล่าวขัดบทอย่างเ็า "ไม่ต้องแล้ว"
เจินกูกูครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในตำหนักชีอู๋ ลอบสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง หินก้อนใหญ่ในใจร่วงหล่นออกไป เห็นสภาพจนตรอกของเหนียนอีหลาน จึงขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ “มากับข้า”
"เ้าค่ะ" เหนียนอีหลานผุดลุกยืนอย่างตื่นตระหนก เดินตามหลังเจินกูกูอย่างเปิดเผย ไม่กล้าชำเลืองมองรอบข้าง
เหนียนอีหลานถูกเจินกูกูพาตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้ดูสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ยามที่ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง แม้สีหน้ายังดูซีดเผือด ทว่ายังดีกว่าสภาพจนตรอกเมื่อครู่นี้อย่างมาก
เจินกูกูพินิจมองเหนียนอีหลาน พลางครุ่นคิดถึงการกดดันของตระกูลหนานกงในพระตำหนัก มุมปากผุดรอยยิ้มเยาะเย้ยเสี้ยวหนึ่ง หึ ยามนี้ข้าจะพาตัวเหนียนอีหลานเข้าไป ดูสิ พวกคนสกุลหนานกงนั่นยังจะกล่าวส่งเดชอันใดได้อีก!
ภายในพระตำหนัก บรรยากาศแปลกประหลาดเงียบงันยาวนาน
"ฮองเฮาเพคะ..."
เจินกูกูเข้าไปในห้องโถง ส่งเสียงะโอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทุกคนหันไปมองเจินกูกู พวกเขาเห็นเพียงคิ้วที่ย่นเล็กน้อยของนาง ทันใดนั้นแทบทุกคนพลันรู้สึกคับแน่นในจิตใจ
ทุกคนมองผ่านไปที่ด้านหลังนางโดยไม่รู้ตัว นอกจากตัวนางแล้วก็ไม่มีผู้ใด
เหนียนอีหลานเล่า?
มิใช่ว่านางรับคำสั่งให้ไปเชิญเหนียนอีหลานมาหรอกหรือ?
เหตุใดจึงมีแค่นางที่กลับมา?
ใครบางคนเริ่มรู้สึกพอใจ ผลลัพธ์นี้อยู่ในความคาดหมายของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง อีหลานตายไปแล้ว แม้จะไม่ได้อยู่ในสวนร้อยสัตว์ ฮองเฮาอวี่เหวินก็ไม่สามารถส่งเหนียนอีหลานที่ยังปลอดภัยออกมาได้!
ยามนี้นางอยากจะดูเสียจริงว่า ฮองเฮาอวี่เหวินยังจะมีเหตุผลอันใดมายืดเวลาออกไปอีก!
ด้านข้างมุมปากของหนานกงฉี่พาดผ่านอารมณ์เย็นเยียบเบาบาง และเลือนหายไปในชั่วพริบตา ทว่ากลับอยู่ในสายตาของนางกำนัลน้อย เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดบางอย่างในใจ ราวกับ้าจะทะลวงม่านผืนบางเพื่อเข้าใกล้ความจริง
หนานกงฉี่...
หึ หากเป็อย่างที่นางคิดเช่นนั้นจริง คงจะมีงิ้วสนุกๆ ให้ดูแน่
ระหว่างที่เหนียนยวี่กำลังไตร่ตรอง อีกด้านหนึ่ง ในพระทัยของฮองเฮาอวี่เหวินพลันคับแน่น ทว่าด้วยคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนี้ นางจึงมิอาจสูญเสียกิริยา กำลังจะตรัสบางสิ่ง ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใด หนานกงจื้อพลันกล่าวออกมาอย่างร้อนใจ “อีหลานเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
ทุกคนหันไปมองหนานกงจื้อ เหนียนยวี่ถูกดึงความคิดกลับมา สายตานางจับจ้องเจินกูกู เจินกูกูยังคงขมวดคิ้ว ระหว่างที่ก้มศีรษะยังดูค่อนข้างตื่นตระหนกไม่สบายใจ
“ฮองเฮาเพคะ บ่าวตามหาอยู่นาน ก็ยังไม่เจอคุณหนูอีหลานเพคะ” ยามที่เจินกูกูกล่าวเช่นนี้ สายตาลอบชำเลืองมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง เห็นความมีชัยในดวงตานาง ในใจจึงรู้สึกเยาะเย้ย ครุ่นคิดถึงคนที่รออยู่ด้านนอกตำหนัก ทันใดนั้นบทสนทนาพลันเปลี่ยนไป “โชคดีที่...”
เอ่ยเพียงสองคำ เจินกูกูกลับไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อไปอีก หันไปมองทางประตู ปรบมือเสียงดัง เสียงปรบมือดังขึ้นภายในโถงพระตำหนัก ก้องดังออกไปข้างนอก ผู้คนไม่เข้าใจการกระทำของนาง ทว่าพวกเขากลับมองตามสายตาของนาง หันไปมองประตูตำหนัก
ชำเลืองมองปราดเดียว สถานที่ตรงนั้นว่างเปล่า ทว่า่ระยะเวลาหนึ่ง มีหญิงสาวเดินมาที่ประตู ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในตำหนัก ระหว่างที่ก้าวเดิน นางพยายามรักษาความสงบ ทว่าเมื่อสังเกตอย่างละเอียด ภายใต้ความสงบนิ่งเช่นนั้นยังคงมองเห็นรางๆ ถึงอาการสั่นเทิ้มเล็กน้อยของร่างกาย
นางกำลังหวาดกลัว!
เหนียนยวี่เพียงปราดสายตาก็มองออกว่า เหนียนอีหลานกำลังหวาดกลัว!
นางเองก็มี่เวลาที่หวาดกลัวเช่นกันหรือ?
แต่นางกลัวสิ่งใด กลัวฮองเฮาอวี่เหวิน หรือ...กลัวพวกคนตระกูลหนานกง?
เหนียนยวี่ครุ่นคิดถึงการคาดเดาเมื่อครู่นี้ ดวงตาหรี่ลง
"อีหลาน!" เพียงแวบแรก ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงก็จดจำหญิงสาวผู้นั้นได้ทันที แม้จะผอมบาง แม้จะดูซีดเซียว ทว่าคนผู้นั้นคืออีหลานไม่ผิดแน่
ทว่าเห็นได้ชัดว่า อีหลาน...หวนคิดถึงแผนการของพวกเขา เมื่อเช้าหนานกงฉี่ยืนยันว่าเมื่อคืนได้รับข่าวว่าแผนการสำเร็จ อีหลานตายแล้ว ทว่าเหตุใด...
ระหว่างที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงตื่นใ นางเหลือบมองหนานกงฉี่โดยไม่รู้ตัว และความแปลกใจในดวงตาของหนานกงฉี่มิได้ด้อยไปกว่านางเช่นกัน!
แท้จริงแล้วมันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
อีหลานยังไม่ตายได้อย่างไร?
“ฮองเฮาเพคะ คุณหนูอีหลานมัวแต่ห่วงเล่น จึงไม่สนคำสั่งของหมอหลวงว่าให้พักผ่อนเพื่อรักษาาแ นางใจนวิ่งวุ่นทั่ววัง โชคดีที่บ่าวหานางเจอเพคะ” ใบหน้าของเจินกูกูบานสะพรั่งไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อสังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง เห็นฮองเฮาอวี่เหวินเองตกตะลึงไปเล็กน้อย นางจึงเอ่ยเตือนอย่างเปิดเผย “ฮ่าๆ ดูสิฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง เจอคุณหนูอีหลานแล้ว ดีใจเสียจนไม่ทันตั้งตัวเลยหรือ”
ไม่ทันตั้งตัว?
มีอาการดีใจจนไม่ทันตั้งตัวที่ใดกัน?
ฮองเฮาอวี่เหวินหันไปมอง เป็อย่างที่คิด นางเห็นความตื่นตระหนกและใในดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่ปกปิดไม่ทัน
ไม่ทันตั้งตัวอย่างแท้จริง การปรากฏตัวของเหนียนอีหลานอยู่เหนือความคาดหมายของนางงั้นหรือ?
คำพูดของเจินกูกู เตือนสติฮองเฮาอวี่เหวิน และแน่นอนว่าเตือนสติฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเช่นกัน ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงตระหนักได้ถึงบางสิ่ง จึงรีบฉีกยิ้มมุมปาก “อีหลาน เร็วเข้า รีบมาให้ยายดู”
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทำสีหน้าห่วงใย โบกมือให้เหนียนอีหลาน ทว่าท่าทีตื่นใของนางเมื่อครู่นี้อยู่ในสายตาของทุกคน แม้แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อยังขมวดคิ้ว และสตรีในชุดราบเรียบซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด เหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ดวงตาเต็มไปด้วยความประชดประชัน รอดูงิ้วสนุกๆ ต่อจากนี้
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทว่าร่างกายของเหนียนอีหลานกลับสั่นเทา ยามที่เหนียนอีหลานได้ยินเสียงเรียกอย่างเป็ห่วงนั้น มันเหมือนมีหนามทิ่มแทงใจนางอย่างรุนแรง
คำพูดเมื่อคืนนี้ของจื่อหลิงดังสะท้อนข้างใบหู ความสิ้นหวังของการเกือบตายปรากฏแจ่มชัดในหัวนางยามนี้ความรู้สึกเย็นวูบวาบแผ่ซ่านขึ้นมาจากฝ่าเท้า นางไม่กล้าเดินไปหาท่านยาย จึงทำเพียงแค่ก้มศีรษะ และค่อยๆ ก้าวตรงไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดเมื่อเดินไปถึงใจกลางโถงตำหนัก เหนียนอีหลานจึงคุกเข่าลงบนพื้น
“อีหลานคารวะฮ่องเต้ คารวะฮองเฮาเพคะ คารวะไทเฮาและองค์หญิงใหญ่ชิงเหอเพคะ” บางทีอาจเพราะประสบเื่เมื่อคืนมา เหนียนอีหลานจึงไม่กล้าละเลยผู้ใด นางในยามนี้ไม่กล้าคิดว่าตระกูลหนานกงจะหนุนหลังนางอีกต่อไป
ไม่เพียงแต่ฮองเฮาอวี่เหวินกับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ แม้แต่เหนียนยวี่ซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชนยังรู้สึกแปลกใจ เหนียนอีหลานเชื่อฟังเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด?
เป็เพราะอยู่ในสวนร้อยสัตว์มานาน จึงได้รับบทเรียนแล้วหรือไร?
ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว นางกำนัลน้อยรีบปฏิเสธทันที จากความเข้าใจของนางที่มีต่อเหนียนอีหลาน แม้เหนียนอีหลานจะได้รับบทเรียน ทว่าในเวลานี้มีตระกูลหนานกงอยู่ที่นี่ด้วย เหนียนอีหลานไม่มีทางจะอกสั่นขวัญแขวนได้เพียงนี้
ไม่ใช่เพราะสาเหตุนี้ เช่นนั้นมันเพราะอะไรกัน?
แทบจะทันทีทันใด เหนียนยวี่ยืนยันการคาดเดาก่อนหน้านี้
หึ ช่างน่าสนใจ เหนียนยวี่เลิกคิ้ว สายตาเหลือบมองหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนที่ยืนอยู่ไม่ไกลโดยไม่ตั้งใจ เขายังคงมีท่าทีสงบนิ่ง ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะไม่แปลกใจกับการกระทำของเหนียนอีหลาน หรือจะกล่าวว่า มันอยู่ในความคาดหมายของเขา
ดูเหมือนจ้าวเยี่ยนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
เหนียนยวี่รู้สึกสนใจยิ่งกว่าเดิม อีกด้านหนึ่ง เหนียนอีหลานคุกเข่าลงบนพื้น บุคคลสูงศักดิ์สามสี่คนตรงนั้นไม่มีผู้ใดเอ่ยสิ่งใด นางจึงไม่กล้าลุกขึ้น ส่วนความร้อนใจและเป็ห่วงบนใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกลับแข็งค้าง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกในทันใด
ภาพนั้นอยู่ในสายตาของฮองเฮาอวี่เหวิน นางในยามนี้ ่เวลาที่รู้สึกโล่งใจพลันผุดรอยยิ้มเยาะเย้ย
มิใช่ว่าคนตระกูลหนานกง้าเจอนางหรอกหรือ? ยามนี้ข้าก็ส่งนางออกมาแล้ว ทว่าพวกเขา...