นายอำเภอเปาชิงได้ยินคำพูดของจางหลิงก็ปลื้มปีติยินดียิ่งนัก บัดนี้เขากลัวที่สุดคือฉู่อี้ไม่มีคำสั่ง มีคำสั่งเสียยังดีกว่า
เมื่อครู่นี้เองเขตโรคระบาดเพิ่งมีข่าวดีว่าโรคเริ่มสงบลง ่เวลานี้ท่านเซี่ยโหวให้เขาส่งคนเข้าไปช่วยเหลือหมอ เห็นได้ชัดว่า้าแบ่งปันความชอบให้เขา ช่างดีจริงๆ เพชรนิลจินดาและตั๋วเงินพวกนั้นนับว่าคุ้มค่าแล้ว
ฝ่ายเปาชิงยินดีปรีดา ทว่าฝ่ายอู๋อวี่กลับไม่สบอารมณ์ ต่างก็ให้ของขวัญเช่นกัน เหตุใดถึงไม่มีส่วนของเขาบ้างล่ะ?
เปาชิงรีบจัดคนไปช่วยเหลือหมอ ทุกคนต่างหวาดกลัวเขตโรคระบาด แต่คำสั่งของนายอำเภอ ใครเล่าจะกล้าขัดขืน ไม่อย่างนั้นคงมิใช่แค่เสียงานไป
ตอนที่พวกเขาเข้าไปต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรค ตอนเช้าก็ได้ดื่มยาต้มป้องกันโรคระบาดไปแล้ว รอบนี้จึงไม่จำเป็ต้องดื่มซ้ำอีก
ยาต้มเหล่านี้ปรุงจากสมุนไพรที่หมอเป็คนจัดหา ไม่ใช่ยารับประทานป้องกันโรคระบาดที่อวิ๋นเจียวมอบให้ ไม่ใช่ว่าอวิ๋นเจียวไม่อยากให้ แต่เป็ความตั้งใจของฉู่อี้
ทรัพย์สินอย่าได้เปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้นเพื่อช่วยชีวิตชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน พวกเขาก็ได้นำยาเม็ดแปลกๆ ออกมามากมายแล้ว ฉู่อี้จึงไม่อยากให้เกิดเื่ราวมากความ
อาหารและน้ำดื่มของทุกคนในหมู่บ้านล้วนรับจากเขตกักกัน ภาชนะที่ใช้แล้วให้นำไปแช่ในถังน้ำยาฆ่าเชื้อ จากนั้นจะมีคนมาเก็บไปต้มทำความสะอาดอีกครั้งจึงจะนำกลับมาใช้อีก
เพราะมารตรการฆ่าเชื้อที่เคร่งครัด อีกทั้งคนในยุคโบราณไม่เคยใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาแผนปัจจุบัน จึงเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว มีคนไข้ไม่กี่รายที่ร่างกายแข็งแรงและมีอาการไม่หนัก ตอนนี้หายดีแล้ว แต่หมอก็ยังคงแนะนำให้พวกเขากินยาต่อไปอีกสองวัน
ส่วนชาวบ้านที่ไม่ได้ติดโรคระบาดต่างก็ทำงานกันทั้งวันทั้งคืน พวกเขานำปูนขาวไปโรยทั่วหมู่บ้าน เผาศพผู้เสียชีวิตแล้วฝังอย่างเรียบร้อย เสื้อผ้าเครื่องใช้ของผู้ป่วยทั้งหมดถูกเผาทำลาย ชาวบ้านยุคนี้ยากจนข้นแค้น หลายคนก็รู้สึกเสียดาย
เหล่าชาวบ้านที่อาสาเป็ผู้ช่วยจึงประกาศไปทั่วหมู่บ้านว่า ของใช้สิ่งใดที่ถูกเผาทำลาย หลังจากโรคสงบลงท่านโหวจะชดเชยให้ทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เื่ราวต่างๆ จึงดำเนินไปอย่างราบรื่น
ที่จริงทั้งหมดนี้เป็คำแนะนำของอวิ๋นเจียว แม้ว่านางจะไม่ใช่หมอ แต่นางมีระบบเถาเป่า สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้
ประกอบกับสุขอนามัยและการแพทย์ของแคว้นต้าเยี่ยยังไม่พัฒนา นางจึงรู้สึกว่าควรทำอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้แหล่งที่มาของเชื้อโรคกลับมาระบาดซ้ำอีก
ขณะเดียวกัน ตามคำแนะนำของอวิ๋นเจียว ฉู่อี้จึงให้คนไปบอกชาวบ้านว่าก่อนรับประทานอาหารและหลังขับถ่ายให้ล้างมือ ดื่มน้ำต้มสุก...
การเกิดโรคระบาดมีความสัมพันธ์อย่างมากกับสุขอนามัยในการใช้ชีวิต การใช้โอกาสใน่เวลาที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงเช่นนี้เผยแพร่ความรู้เื่สุขอนามัย ถือเป็การทำกุศลอย่างหนึ่ง
อวิ๋นเจียวไม่คาดคิดมาก่อนว่า ความคิดเล็กๆ ของนางจะทำให้คะแนนในเถาเป่าเพิ่มขึ้นถึงสิบคะแนน สำหรับนางแล้ว นี่คือสิ่งที่เหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง
ตอนนี้อวิ๋นเจียวมีความเข้าใจระบบเถาเป่าของนางมากขึ้นแล้ว การเพิ่มขึ้นของคะแนนมีความเกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิตผู้คนและการส่งเสริมความก้าวหน้าของสังคม!
เช่นเดียวกับการที่นางเสนอให้เผยแพร่ความรู้เื่สุขอนามัย ฉู่อี้ส่งคนไปทำ คะแนนเถาเป่าของนางก็เพิ่มขึ้นทันที นี่ก็หมายความว่าการเปลี่ยนแปลงความคิดเพียงเล็กน้อยที่เป็ประโยชน์ต่อผู้คนในสังคมเถาเป่าก็จะให้คะแนนแก่นาง
ในที่สุดอวิ๋นเจียวก็เข้าใจแล้วว่านางสามารถสร้างรายได้ไปพร้อมๆ กับการพัฒนาสังคมได้ คะแนนเถาเป่าของนางก็จะเพิ่มขึ้น
หากนางสร้างรายได้จากเถาเป่าโดยไม่ทุ่มเทอะไรเลย เถาเป่าก็จะไม่ให้คะแนนแก่นาง เช่นเดียวกับการที่นางซื้อเครื่องประทินผิวจากเถาเป่ามาขายต่อ แม้ว่าจะทำให้นางมีรายได้มหาศาล แต่ก็ไม่ได้ทำให้นางมีคะแนนเพิ่มขึ้นแม้แต่คะแนนเดียว
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ฉู่อี้ก็เข้าไปในกระโจม เื่ราวภายนอกปล่อยให้เซี่ยโหวกับจางหลิงเป็ผู้จัดการ
ลูกน้องของเขารับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของอวิ๋นเจียวและเขา ส่วนเื่อื่นๆ จางหลิงและเซี่ยโหวเป็คนไปคุยกับเปาชิงและอู๋อวี่โดยตรง ใช้คนของพวกเขาทำงาน อย่างไรเสียก็ไม่ต้องเสียแรงเปล่า
อู๋อวี่ไปหาอวิ๋นโส่วจง เมื่อเห็นเขาดูเหมือนจะมีเื่จะคุยกับอวิ๋นโส่วจงเป็การส่วนตัวฟางซื่อจึงพาอวิ๋นเจียวไปพักผ่อนที่รถม้า
“เชิญใต้เท้าอู๋นั่งก่อน เชิญดื่มชา!”
บนโต๊ะมีเตาถ่านดินเผาสีแดงกำลังลุกโชน กาน้ำบนเตาปล่อยไอน้ำลอยกรุ่น อวิ๋นโส่วจงยกกาน้ำชาขึ้นรินลงในถ้วยชา กลิ่นหอมสดชื่นของใบชากับกลิ่นดอกมะลิก็ลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว
“ปี้ถานเพียวเสวี่ย ช่างเป็ชาดี! ไม่นึกเลยว่าสหายอวิ๋นจะเป็คนรักชา” อู๋อวี่ยกถ้วยชาขึ้นมาดมก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ จิบแล้วเอ่ยชม
อวิ๋นโส่วจงยิ้มๆ กล่าวว่า “ข้าเป็เพียงชาวบ้านคนธรรมดา ไม่ค่อยรู้เื่ชาเท่าใดนัก เพียงแต่ท่านเป็แขกผู้มีเกียรติ จึงนำใบชาที่ท่านโหวให้มาต้อนรับ”
สายตาของอู๋อวี่มองอวิ๋นโส่วจงแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามต่อ “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านโหวกับสหายอวิ๋นจะดีมากเลยนะ?”
อวิ๋นโส่วจงได้ยินก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ แต่ปากก็ยังคงกล่าวอย่างถ่อมตน “ไม่หรอกๆ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าไปเข้าตาท่านโหวได้อย่างไร บางทีอาจเป็เพราะครั้งหนึ่งข้าเคยช่วยชีวิตท่านโหวเอาไว้กระมัง”
อู๋อวี่ได้ยินดังนั้นก็ทำสีหน้าเข้าใจพลางกล่าวว่า “มิน่าล่ะ มิน่าล่ะ สหายอวิ๋นช่างโชคดีนัก ได้ช่วยชีวิตท่านโหวเอาไว้”
อวิ๋นโส่วจงยิ่งได้ยินก็ยิ่งภาคภูมิใจ “ไม่นึกเลยว่าท่านโหวจะเป็คนให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์นัก ปฏิบัติต่อครอบครัวข้าอย่างดี มีของขวัญให้เป็ครั้งคราว คงเป็เพราะบรรพบุรุษข้าในสุสานบันดาลโชคให้กระมัง”
อู๋อวี่วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยถามต่อ “เอ่อ ไม่ทราบว่าสหายอวิ๋นเป็คนบ้านไหนหรือ?”
อวิ๋นโส่วจงตอบ “ข้าเป็คนหมู่บ้านไหวซู่ อำเภอจิ่วจิ้นขอรับ”
อู๋อวี่กล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่าตัวข้าเองกับสหายอวิ๋นช่างมีวาสนาต่อกัน มองสหายอวิ๋นแล้วคุ้นหน้าคุ้นตายิ่งนัก ไม่ทราบว่าสหายอวิ๋นเคยไปแถบด่านชายแดนบ้างหรือไม่?”
อวิ๋นโส่วจงยิ้มๆ กล่าวว่า “อ้อ หรือขอรับ? ข้าจากบ้านตอนอายุสิบสามปี ไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงถึงยี่สิบปี บัดนี้ร่างกายอ่อนแอลง ทำงานคุ้มกันเรือนไม่ไหวแล้ว เมืองหลวงนั้นค่าครองชีพสูงนัก ข้าจึงพาภรรยากับลูกกลับมาบ้านเกิด ใช้เงินที่ท่านโหวมอบให้ซื้อที่ดินทำกิน”
“โชคดีที่มีท่านโหว มิเช่นนั้น การที่ข้าพาภรรยาและลูกกลับมาบ้านเกิดโดยไม่มีเงินติดตัวแม้แต่ตำลึงเดียว ชีวิตคงจะลำบากยิ่ง”
“ฮ่าๆ เป็เช่นนั้นเอง สหายอวิ๋นโชคดีนัก ได้ช่วยชีวิตท่านโหวเอาไว้ก็พาให้ทั้งครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ คิดถึงตอนนั้นข้าเองเพื่อให้ตัวเองได้ดี ต้องติดตามนายท่านไปเสี่ยงชีวิตต่อสู้กับพวกต๋าจื่ออยู่ที่ด่านชายแดนเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้งหลายหน”
“สหายเก่าของข้าคนนั้นหน้าตาคล้ายท่านมาก หากสหายอวิ๋นไม่บอกว่าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงยี่สิบปี ข้าคงคิดว่าสหายอวิ๋นคือสหายเก่าของข้าเสียแล้ว” กล่าวจบอู๋อวี่ก็แอบสังเกตสีหน้าของอวิ๋นโส่วจงอย่างแเี
อวิ๋นโส่วจงแสดงสีหน้าสงสัยอย่างเป็ธรรมชาติ “โอ้ ไม่ทราบว่าสหายเก่าของใต้เท้าอู๋ชื่ออะไรหรือ? ข้าน้อยช่างโชคดีนักที่หน้าตาคล้ายสหายเก่าของท่าน นี่คงเป็วาสนาที่ทำให้ข้าได้พบกับใต้เท้าอู๋กระมัง”
อู๋อวี่กล่าวว่า “ฮ่าๆ ชื่อของเขา... ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ เื่มันผ่านมานานแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามาหาสหายอวิ๋น ก็เพราะเื่ส่วนตัวเล็กน้อย ท่านก็รู้ว่าเื่โรคระบาดครั้งนี้ ท่านโหวคงไม่พอใจข้าเป็แน่ สหายอวิ๋นมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านโหว รบกวนสหายอวิ๋นช่วยพูดกับท่านโหวให้ข้าที”
อวิ๋นโส่วจงโบกมือปฏิเสธอย่างถ่อมตน “ไม่จำเป็หรอกขอรับ ใต้เท้าวางใจเถิด ท่านโหวก็เป็เช่นเด็กน้อย อีกไม่นานเขาก็ลืมเื่นี้เอง”