ในคืนนั้นหยางอวี้หลานพาลูกสาวกลับไปที่บ้านแม่ของเธอ
บ้านตระกูลหยางตั้งอยู่ในชนบทห่างจากตัวเมืองหลายสิบกิโลเมตร ในบ้านนอกจากบิดามารดาของเธอ ยังมีพี่ชายอีกหนึ่งคน คนแก่สองคนอาศัยอยู่กับบุตรชายตามแบบฉบับครอบครัวชนบทดั้งเดิม
แน่นอนว่าหลาย่เวลา ประเพณีที่สืบทอดกันมาไม่ได้เกิดจากความเข้มงวด แต่มันหมายถึงความอ่อนโยน มีเมตตา ให้เกียรติ ประหยัด เจียมเนื้อเจียมตัว[1] ซึ่งถือเป็สิ่งสวยงาม
ตระกูลหยางเป็แบบหลัง ปีที่เกิดเื่กับสวีลี่ฉวิน พวกเขาวิ่งวุ่น หลายปีมานี้ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เห็นใจที่บุตรสาวต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เพราะรู้ว่าการที่ลูกเขยเป็เช่นนี้ก็เพื่อช่วยหยางอวี้หลาน พวกเขาจึงคอยบอกมาตลอดให้เธออดทน
แน่นอนว่าพวกเขาย่อมเห็นใจบุตรสาว ครอบครัวในชนบทอย่างพวกเขาไม่มีเงินทอง แต่จะพยายามช่วยด้วยแรงทุกอย่างเท่าที่มี พี่ชายของหยางอวี้หลานทำไร่ทำนา ทุกปีหลังจากเก็บเกี่ยวใน่ฤดูใบไม้ร่วง ก็จะนำข้าวเป็กระสอบเข้าไปให้พวกเธอในเมืองโดยไม่เก็บเงิน
บิดามารดาตระกูลหยางอายุมากแล้ว พวกเขาจึงเข้านอนั้แ่หัวค่ำ เมื่อสองแม่ลูกกลับมาถึง พี่สะใภ้เป็คนมาเปิดประตู
เมื่อเห็นสองแม่ลูกร้องไห้กลับมา สองสามีภรรยาตระกูลหยางคิดว่าอาการป่วยของสวีลี่ฉวินกำเริบ เมื่อเห็นคนตรงหน้าที่ใส่ใจพวกเธอด้วยความจริงใจ หยางอวี้หลานก็ไม่อาจอดกลั้นอารมณ์ที่พยายามฝืนมาหลายวันอีกต่อไป เธอปล่อยโฮ
สุดท้ายคนที่เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเป็สวีเหวินเหวิน
มีชู้ มีบุตรชายลับๆ นำสวัสดิการจากน้องสาวของเขาไปให้ชู้กับบุตรชายลับๆ เอาเปรียบยักยอกเงินเก็บของเธอมาหลายปี ขัดขวางความเจริญทำให้น้องสาวของเขาไม่ได้ศึกษาต่อเพื่อมีรายได้เพิ่ม…
แต่ละเื่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อมุมมองทัศนคติทั้งสามของครอบครัวที่เรียบง่ายอย่างพวกเขา
หยางอวี้หลานปาดน้ำตา “ระหว่างที่กลับมา ฉันคิดทบทวนแล้ว ในตอนนั้นฉันเพิ่งจะท้องแค่สี่เดือน อายุครรภ์ไม่มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน แต่ท้องของซุนลี่เหมยใหญ่มาก ในเวลานั้นเธอกลับมาคลอดที่บ้านเกิด ส่วนฉันแค่ลุกขึ้นก็ไม่จำเป็ต้องขอให้สวีลี่ฉวินช่วย แต่ซุนลี่เหมยที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับร้องขอความช่วยเหลือตลอดเวลา…”
ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่ดูจากท่าทีทั้งก่อนและหลังที่สวีลี่ฉวินแสดงออกในตอนนั้น ก็เห็นได้ชัดว่าความจริงเป็เช่นไร
เหตุผลที่ตระกูลหยางยอมทนกับสวีลี่ฉวินมาหลายปี ร้องขอให้หยางอวี้หลานใช้ชีวิตอยู่กับเขา เนื่องมาจากบุญคุณ สวีลี่ฉวินเป็บุตรชายคนเดียว แต่เพราะช่วยหยางอวี้หลานทำให้ชีวิตต้องพัง แล้วพวกเขาจะเนรคุณได้อย่างไร
แต่เมื่อความจริงเปิดเผย
พวกเขาไม่ได้เป็ครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป แต่เป็ศัตรู!
คนที่มีจิตใจดีมาตลอดเช่นหยางอวี้เซิงลุกขึ้นใส่รองเท้า เตรียมไปสตาร์ตรถแทรกเตอร์ “ฉันจะไปคิดบัญชีกับพวกตระกูลสวี!”
“อวี้เซิง!”
“พี่!”
สะใภ้ใหญ่ตระกูลหยางและหยางอวี้หลานรีบเข้าไปขวาง หยางอวี้เซิงเรี่ยวแรงมาก ดันหญิงสาวทั้งสองไปด้านหน้าหลายก้าว
“พี่ใหญ่ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พี่ไปคนเดียวมันไม่ปลอดภัยนะคะ”
หยางอวี้เซิงชะงักไปครู่หนึ่ง “จริงด้วย รอให้ฟ้าสางค่อยไป”
“ฟ้าสางแล้วก็ห้ามไป!” ใบหน้าของหยางอวี้หลานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “พวกเขาชรามากแล้ว ไร้ประโยชน์ ถึงพี่จะไม่ทำอะไร แต่ถ้าเกิดเื่ ต่อให้ะโลงแม่น้ำฮวงโหว ล้างตัวก็ไม่สะอาดแล้ว[2] พี่ใหญ่ ฉันชดใช้ไปเป็เวลาสิบหกปีแล้ว ฉันไม่อยากลากครอบครัวของเราลงไปในบ่อโคลนสกปรกนั่นอีก”
สะใภ้ใหญ่ตระกูลหยางพยักหน้าเห็นด้วย “อวี้เซิง ที่น้องสาวของคุณพูดมีเหตุผลนะ”
หยางอวี้เซิงกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ไม่ให้ไปหา ด่าก็ไม่ได้ แล้วจะปล่อยไปแบบนี้จริงๆ หรือ”
“ไม่ใช่แน่นอน ฉันจะหย่า!”
หยางอวี้หลานเอ่ยในสิ่งที่ตัดสินใจ “ตอนเช้าฉันจะไปลางานที่โรงพยาบาล และเข้าไปหาทนายความ”
“นี่…จะฟ้องร้องงั้นหรือ”
“พี่สะใภ้ พี่ก็รู้ว่าคนตระกูลสวีไร้คุณธรรม ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจัดการพวกเขา การยื่นเื่ฟ้องร้องจะเป็การตัดปัญหาที่ดีกว่า เงินในมือของแม่เฒ่าสวีล้วนเป็เงินที่ฉันหามา และฉันก็ยังมีเงินเดือนที่ได้จากโรงพยาบาล เื่ฟ้องร้องไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
สะใภ้ใหญ่ตระกูลหยางมีสีหน้าประหม่า “อวี้หลาน ฉันไม่ได้หมายถึงเื่เงิน”
ในใจของหยางอวี้หลานผ่อนคลายลง เธอเข้าใจความคิดของพี่สะใภ้ พวกเธอเป็ผู้หญิงเหมือนกัน หากเธอเจอกับพี่สะใภ้ที่ช่วยอะไรไม่ได้แบบเธอ และคอยสร้างปัญหาให้ครอบครัว เธอก็คงมีความคิดบางอย่างเหมือนกัน
แม้ว่าพี่สะใภ้จะคิดเช่นนั้น แต่หลายปีมานี้ในส่วนที่ช่วยได้ พวกเขาก็ไม่เคยปฏิเสธ ช่วยเหลือเธอมาได้ถึงขั้นนี้ถือว่าไม่เลวแล้ว เธอเองก็ประทับใจพี่สะใภ้ไม่น้อยเช่นกัน
“ฉันรู้ค่ะพี่สะใภ้ หลายปีมานี้ฉันสร้างความเดือดร้อนให้พวกพี่ไม่น้อย แต่อีกสองวันฉันต้องเข้าไปในมณฑลเพื่อเข้าร่วมหลักสูตรศึกษาเพิ่มเติมระยะสั้น หากจะให้เหวินเหวินอยู่กับพวกตระกูลสวี ฉันก็ไม่วางใจ พวกพี่คิดว่า…”
ไม่รอให้เธอพูดจบ พี่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลหยางก็เอ่ยปากรับคำอย่างหนักแน่น “ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว ไม่ต้องเข้าเรียน อยู่ที่นั่นไม่ได้ก็ถือซะว่ากลับมาที่นี่อยู่เป็เพื่อนคุณตาคุณยาย เหวินเหวินอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจ ส่วนเธอเตรียมตัวเพื่อศึกษาต่อเถอะ”
เมื่อจัดการเื่บุตรสาวได้แล้ว หยางอวี้หลานก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
คืนนั้นเธอนอนไม่หลับ หยางอวี้หลานพลิกตัวไปมา เธอคิดออกแล้วว่าจะทำอย่างไร เมื่อฟ้าสว่าง เธอจึงนั่งรถแทรกเตอร์ของพี่ชายเข้าไปในเมือง
หยางอวี้หลานทำงานในแผนกผู้ป่วยหนักมานาน ช่วยเหลือผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน รวมถึงผู้นำจากหน่วยต่างๆ และครอบครัวของพวกเขา เธอใจเย็นกับการรักษามาตลอด แถมยังมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี ผู้ป่วยหลายคนที่เธอรักษาต่างก็ประทับใจในตัวเธอ
เข้ามาในตัวเมืองแล้ว เธอตรงเข้าไปหารองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เมื่อปีก่อนเธอได้ผ่าตัดให้มารดาที่อายุเข้าสู่วัยเจ็ดสิบปีของรองผู้อำนวยการ หลังจากนั้นใช้เวลา่วันหยุดสุดสัปดาห์ไปเยี่ยมที่บ้านของเขา
ในตอนที่หยางอวี้หลานมาถึงยังเช้ามาก รองผู้อำนวยการยังไม่มาทำงาน มารดาของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเห็นหมอหยางที่เคยช่วยเหลือตนเองกลับมาจากความตาย คงไม่ต้องพูดเลยว่าเธอมีท่าทีกระตือรือร้นมากแค่ไหน
รองผู้อำนวยการเป็ลูกกตัญญู เขาประทับใจที่หมอหยางช่วยมารดาของตนไว้ เมื่อสอบถามสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้วจึงโทรศัพท์ไปในมณฑลเพื่อหาทนายความที่เชี่ยวชาญด้านหย่าร้างโดยเฉพาะให้เธอ
“หมอหยางจะเดินทางไปศึกษาหลักสูตรระยะสั้นในมณฑลพอดี พวกคุณจะได้เจอและพูดคุยกัน ส่วนเื่ขึ้นศาล วางใจเถอะ คำร้องของคุณสมเหตุสมผล ฉันจะให้พวกเขาช่วยจัดการเื่นี้ให้ก่อนแน่นอน”
ตกลงกันได้เช่นนี้ เมื่อเธอกลับมาจากในเมือง หยางอวี้หลานจึงจัดการเื่ของบุตรสาวและยืมเงินมารดามาสองพันหยวน จากนั้นนั่งรถบัสเข้าไปในมณฑล
เธอเข้าไปในมณฑลไม่ถึงสองวัน พนักงานไปรษณีย์ก็มาเคาะประตูบ้านของตระกูลสวี ยื่นจดหมายให้พวกเขาหนึ่งฉบับ ซึ่งมาจากทนายความ
แม่เฒ่าสวีโกรธจนควันออกหู พูดไปด่าไป
และในวันรุ่งขึ้น ศาลก็ส่งหมายศาลมา
จดหมายจากทนายความเป็เพียงเอกสารที่ส่งมาให้เป็การส่วนตัว ตระกูลสวีไม่สนใจก็ไม่ใช่เื่ใหญ่ แต่สำหรับหมายศาล คือเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ เมื่อเห็นตราประทับสีแดงของศาลที่ประทับอยู่้า สองแม่ลูกตระกูลสวีก็เริ่มตื่นตระหนก
“ใครบอกให้แม่เอาเงินในบ้านทั้งหมดออกไป อย่าพูดถึงเื่ที่เธอต้องเข้าศึกษาหลักสูตรระยะสั้นเลย ถ้าไม่มีเงินแล้ว บ้านเราจะเอาที่ไหนใช้”
“เมียของลูกเป็ข้าราชการมีเงินเดือนทุกเดือนไม่ใช่หรือ”
“ต่อให้เป็ข้าราชการก็ทำแบบนี้ไม่ได้ ผมที่เป็ลูกแม่ยังไม่ตายสักหน่อย ทำไมถึงเอาเงินไปให้เขาหมดล่ะ!”
สองแม่ลูกตระกูลสวีโต้เถียงกัน แม่เฒ่าสวีสู้ไม่ได้ จึงต้องไปขอเงินคืนจากซุนลี่เหมย
เงินอยู่ในมือของซุนลี่เหมยแล้ว เธอจะยอมคืนได้อย่างไร ทำให้ทั้งสองฝ่ายโต้เถียงกัน แม่สามีและลูกสะใภ้ทะเลาะกันอีกรอบ เพื่อนบ้านออกมาดูเื่ครื้นเครง เมื่อได้ฟังความจริงที่เกิดขึ้น นอกจากจะทำลายทัศนคติทั้งสามจนหมดสิ้น ยังเป็การเพิ่มหลักฐานให้การหย่าร้างที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้อีกด้วย
หยางอวี้หลานเข้าศึกษาหลักสูตรเพิ่มเติมในมณฑลด้วยจิตใจสงบ แต่ชีวิตของคนทั้งสี่ สองแม่ลูกตระกูลสวี รวมถึงชู้และลูกชายนอกสมรสอย่างซุนเจี้ยนกลับเต็มไปด้วยสีสัน
----------------------------------------------------------------------
[1] ความอ่อนโยน มีเมตตา ให้เกียรติ ประหยัด เจียมเนื้อเจียมตัว หมายถึง องค์ประกอบทั้งห้าของหลักการจัดการผู้คนในครอบครัวโดยขงจื๊อ ซึ่งมักใช้สื่อถึงทัศนคติที่อ่อนโยนและท่าทีที่สง่างาม
[2] ะโลงแม่น้ำฮวงโหว ล้างตัวก็ไม่สะอาดแล้ว หมายถึง น้ำที่สกปรกไม่ว่าจะล้างอย่างไรก็ไม่สะอาด จะชะล้างหรือหนีอย่างไรก็คงไม่หลุดพ้น
