ความทรงจำเป็เื่ราวของเ้าของร่างเดิม ตอนนั้นนางยังไม่ข้ามภพมา เ้าของร่างเดิมไม่รู้หลักการใช้ยารักษา ได้แต่มองาแของิเป่าอวี้แล้วร่ำไห้อยู่เงียบๆ
ิเถี่ยจู้กับหวังซื่อช่างน่ารังเกียจ นี่เป็การทำร้ายหัวใจดวงน้อยๆ ของเด็กอย่างรุนแรง เด็กๆ ดื่มสุราไม่ได้อยู่แล้ว แต่พวกเขากลับทุบตีน้องชายของนางเกือบตาย ต่อมาก็ไม่เคยให้พวกเขาได้กินอิ่มอีกเลย
เคราะห์ดีที่นางมาแล้ว สามารถใช้สองมือของตนเองทำให้ชีวิตความเป็อยู่ของน้องชายดีขึ้น และได้ใช้ชีวิตอย่างที่เด็กปกติทั่วไปควรจะมี
เมื่อได้ยินคำถามของิเป่าอวี้ แม้จะใจอ่อนยวบ แต่กลับยังคงเอ่ยปากกับน้องชายอย่างหนักแน่น “ตอนนี้เ้ายังเด็ก รอไว้โตเท่าเขาแล้วถึงจะดื่มสุราได้ ตอนนี้กินเนื้อให้มากเข้าไว้จะดีกว่า ร่างกายจะได้เติบโต...”
พอเห็นิเป่าอวี้พยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย ิเป่าจูก็คีบเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมา ยังไม่ทันจะใส่ลงไปในชามเขา เสียงที่ชวนให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนก็ดังมาจากหน้าประตู
“กลางวันแสกๆ เหตุใดชายหญิงอยู่ในห้องร่วมกันเพียงลำพัง นางเด็กสารเลว ออกมาเดี๋ยวนี้”
หวังซื่อยืนเท้าสะเอวยืนอยู่หน้าเรือน
สีหน้าเต็มไปด้วยการหาเื่ ปากก็ด่าทอเสียงดังลั่นราวกับกลัวว่าชาวบ้านจะไม่ได้ยิน
แสงสายัณห์สีแดงอมส้มระบายไปทั่วท้องนภาอีกชั้น แสงจันทร์เริ่มปรากฏออกมา แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ นางก็ยังสามารถกุเื่ว่าเป็กลางวันแสกๆ ได้
หัวใจสำคัญคือ้าใส่ร้ายป้ายสี โดยไม่แยแสความจริงที่ว่าิเป่าอวี้ก็อยู่ที่นั่น ขาดแค่ชี้หน้าแล้วเอ่ยว่านางกับหลี่ไหวฺอวี้เป็ชายหญิงชาติสุนัข [1] เท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของิเป่าจูก็จมดิ่งสู่ความนิ่งขรึม จิตใต้สำนึกสั่งให้เริ่มนำอาหารไปเก็บซ่อนไว้ โดยนำเนื้อกระต่ายย่างไปเก็บที่ห้องครัวด้านหลัง แต่ยังไม่ทันได้นำสุราและอาหารอย่างอื่นไป ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาแล้ว
หลังจากะโเรียกแล้วไม่มีใครออกมารับ หวังซื่อที่เคยชินกับการออกคำสั่ง แค่โบกมือสองพี่น้องก็ต้องมาแล้ว จะทนต่อการถูกสองพี่น้องเมินเฉยได้อย่างไร จึงสาวเท้าก้าวใหญ่ผลักประตูเข้าไปในบ้านอย่างเหิมเกริม
“เ้าพวกลูกเต่าสารเลว ปีกกล้าขาแข็งแล้วสิ ถึงบังอาจทำเมินไม่สนใจข้า”
เมื่อประตูถูกเปิดกว้าง กลิ่นเนื้อหอมฟุ้งทั่วห้องย่อมไม่สามารถปิดบังไว้ได้
กลิ่นหอมที่ปะทะเข้ามา ทำให้หวังซื่ออึ้งงันไปชั่วขณะ ถ้อยคำด่าทอค้างอยู่ที่ริมฝีปาก มองดูอาหารอันอุดมสมบูรณ์เต็มโต๊ะก็น้ำลายสอจนอดที่จะกลืนลงท้องไม่ได้
ผีหลอกแล้ว!
ตัวกาฝากสองคนถูกนางขับไล่ออกจากบ้าน ก็น่าจะหิวจนไส้กิ่วร้องโอดโอย ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกถึงจะถูก
นางรออยู่หลายวัน ก็ไม่เห็นพวกเขาไปร้องห่มร้องไห้ขอข้าวนางกิน เลยคิดว่าคงหิวจนเดินไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นจึงหอบความคิดนี้มาดูให้เห็นกับตา หมายจะเยาะเย้ยถากถางสักหน่อย
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี่มันอะไรกัน
อาหารบนโต๊ะนี้ยังดีกว่าอาหารที่บ้านของตนเองไม่รู้กี่เท่า
“โอ้ มีสุรามีเนื้อเสียด้วย? พวกเ้าเอามาจากไหน”
“นี่เป็ของที่พี่หญิงซื้อมา” น้ำเสียงอ่อนแอของน้องชายดังมาจากด้านหลังของตนเอง ั้แ่หวังซื่อเริ่มเข้าประตูมา ิเป่าอวี้ก็ไปยืนหลบอยู่หลังิเป่าจู
เขาถูกิเถี่ยจู้กับหวังซื่อสองสามีภรรยาทุบตีอย่างทารุณโหดร้ายมาตลอดหลายปี ถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจด้วยวิธีการสารพัด
แค่ได้ยินเสียงก็ตัวสั่นแล้ว เมื่อเ้าตัวมายืนตรงหน้า ปฏิกิริยาตอบสนองแรกก็คือวิ่งไปหลบ
ิเป่าจูสีหน้าดำทะมึน ตบหลังปลอบน้องชายเบาๆ
“ซื้อมา? ข้าว่าขโมยมาเสียมากกว่า” หวังซื่อแค่นเสียงเยาะ
คิดไปคิดมา ก็มีแต่ข้ออ้างแบบนี้ที่เหมาะสมที่สุด
แค่เด็กผู้หญิงคนเดียวจะมีปัญญาทำอะไรได้ จะต้องไปทำงานชั้นต่ำประเภทขโมยไก่หยอกสุนัข [2] เป็แน่
นางพูดพร้อมกับนั่งลงอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ยังหยิบขาหมูชิ้นหนึ่งขึ้นมากินอีกด้วย
“สารภาพมาซะดีๆ ไปขโมยเงินมาจากไหน หากวันนี้ไม่พูดมาให้ชัดเจน ระวังข้าจะไปฟ้องหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ขับไล่คนมือเท้าไม่สะอาดอย่างพวกเ้าสองคนออกจากหมู่บ้าน”
หอมจริงๆ!
หวังซื่อกินจนปากมันแผล็บ ขณะที่ปากไม่ว่างก็ยังไม่ลืมที่จะป้ายสีสองพี่น้อง
“เ้าพูดเหลวไหล นี่เป็ของที่พี่หญิง...”
ิเป่าอวี้หน้าอกกระเพื่อมด้วยความโมโห แม้จะหวาดกลัว แต่ไม่อาจให้หวังซื่อสาดน้ำครำใส่อยู่ฝ่ายเดียว จิตคิดจะปกป้องพี่สาวปลุกความกล้าในหัวใจของเขาขึ้นมา คิดอยากจะพูดความจริง
แต่ยังไม่ทันได้กล่าวอะไร ก็มีแรงสายหนึ่งจากข้อมือหยุดยั้งไม่ให้เขาพูด
ิเป่าจูเห็นน้องชายกำลังจะหลุดปากออกไปก็ตื่นตระหนก รีบดึงเขาไว้ทันควัน ไม่ให้พูดออกไป
เื่ที่นางรู้วิชาแพทย์และมีหนทางหาเงินด้วยการขายสมุนไพร จะให้หวังซื่อรู้ไม่ได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นนางต้องเกิดความละโมบในผลประโยชน์ หันมาสูบเืสูบเนื้อตนเอง และจากนี้เป็ต้นไปก็จะไม่มีทางพ้นจากวงจรอุบาทว์นี้ไปได้
นางมีแผนการสำหรับอนาคตเอาไว้แล้ว ในไม่ช้าจะพาน้องชายไปจากหมู่บ้านแห่งนี้ และมีชีวิตเป็ของตนเองอย่างแท้จริง
ถึงเวลานั้นก็ไม่ต้องรองรับอารมณ์ของครอบครัวลุงใหญ่อีกต่อไป
“ฮึ ทำไม พูดไม่ออกล่ะสิ ถูกข้าแทงใจดำเข้าให้แล้วใช่หรือไม่ ั้แ่เล็กข้าก็มองออกแล้วว่าพวกเ้าพี่น้องไม่ใช่ตัวดีอะไร เ้าพวกหนังเหนียวชั้นต่ำ”
ก็ว่าแล้ว เด็กกาฝากสองคนที่ทำอะไรไม่เป็สักอย่าง จะมีสิทธิ์มีชีวิตดีกว่านางได้อย่างไร
ที่แท้ก็ขโมยมาจริงๆ
ขณะที่ปากด่าทอ แต่ก็ยังหยิบน่องเป็ดจากห่อกระดาษน้ำมันยัดใส่ปาก
“ขโมยมาก็ยังอุตส่าห์กิน ไม่รู้หรือว่านี่คือการสมรู้ร่วมคิด หากเกิดเื่ ท่านก็มีความผิดร่วมด้วย อย่าคิดว่าจะหนีเอาตัวรอดได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดเ่าั้ ดวงตาของิเป่าจูก็ผุดแววกราดเกรี้ยว ทั่วร่างกำจายกลิ่นอายที่้าขับไล่คนแปลกหน้าออกไป เหมือนกับลูกไฟที่เพิ่งเผาไหม้ พร้อมที่จะะเิได้ทุกเมื่อ
ส่วนชนวนะเิของลูกไฟดวงนี้ ก็คือหวังซื่อที่ยังคงนั่งกินดื่มยัดของใส่ปากไม่หยุดอยู่ตรงนั้น
“เ้ายังกล้าข่มขู่ข้าอีกรึ สามวันไม่ตี รื้อกระเื้ัคา [3] จริงๆ”
หวังซื่อถูกเด็กด่าคำเดียวก็จนปัญญาจะหาถ้อยคำมาตอบโต้ ชั่วขณะนั้นก็เริ่มกลัวคำพูดของนางขึ้นมาจริงๆ
หากเื่ไปถึงหูหัวหน้าหมู่บ้าน ถูกนางเด็กแสบย้อนกลับมาเล่นงาน หน้าตาของตนเองก็จะไม่เหลือ
เมื่อรักษาหน้าไม่ได้ ก็ต้องใช้กำลังบังคับ
หวังซื่อค้นหารอบห้อง ก่อนจะหยิบไม้กวาดมาจากมุมห้อง แล้วตรงดิ่งเข้ามาหาิเป่าจู
แม้ว่าความคิดจิตใจจะเป็ผู้ใหญ่ แต่ิเป่าจูก็มีรูปร่างเหมือนเด็ก ร่างกายผ่ายผอม หากสู้ด้วยมือเปล่าย่อมไม่อาจเอาชนะคนอวบอ้วนมีแต่ไขมันอย่างหวังซื่อได้
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าอีกฝ่ายถือไม้กวาดอยู่อีกอัน
นางไม่อยากเจ็บตัวโดยใช่เหตุ จึงพาน้องชายวิ่งอ้อมโต๊ะ
เด็กน้อยรูปร่างกะทัดรัด วิ่งหลบหลีกการหวดของหวังซื่อแต่ละครั้งได้อย่างคล่องแคล่ว
หลังจากวิ่งไล่กวดเพียงสองรอบ หวังซื่อก็หายใจไม่ทัน ก้มตัววางมือบนเข่าพลางด่าทอเสียงดัง
“เ้าเด็กบัดซบ!”
นางโกรธจัด เด็กที่เมื่อก่อนเคยถูกนางจับกดหัวสั่งสอน ไม่กล้าแม้แต่จะหลบเลี่ยง มาบัดนี้กลับกล้าที่จะวิ่งหนี
หวังซื่อเหนื่อยหอบ หายใจทางปากราวกับปลาขาดน้ำ ชั่วขณะนั้นจึงไม่สนใจอีกแล้วว่าเื่จะบานปลายหรือไม่
“ไป ตามข้าไปพบหัวหน้าหมู่บ้าน วันนี้ต้องสั่งสอนพวกเ้าสองคนให้หนัก กำเริบเสิบสานกันเข้าไปเถอะ”
ว่าแล้วก็ฉวยโอกาสที่ทั้งสองไม่ทันตั้งหลัก กระโจนเข้าไปคว้าคอเสื้อของทั้งสองข้างละคนแล้วลากออกไปข้างนอก
“ทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ”
ิเป่าจูใช้เล็บบางๆ ของตนเองจิกหลังมือของหวังซื่อ และพยายามบิดตัวดิ้นรนตลอดเวลา แต่น่าเสียดายที่กำลังวังชาไม่พอ ไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้
“ซี้ด... ยังไม่สิ้นฤทธิ์อีกรึ”
ความแสบบนหลังมือทำให้หวังซื่อสูดไอเย็นเข้าปอดไปเฮือกหนึ่ง
เชิงอรรถ
[1] ชายหญิงชาติสุนัข เป็คำด่าว่าสมสู่กันไม่เลือก หรือมั่วโลกีย์กันโดยไม่อายฟ้าดิน
[2] ขโมยไก่หยอกสุนัข หมายถึง ชายหญิงลักลอบมั่วโลกีย์ หรือมีความสัมพันธ์ที่ผิดจารีตประเพณี
[3] สามวันไม่ตี รื้อกระเื้ัคา เป็คำด่าเด็กซุกซนว่าต้องดุด่ากำราบไม่อย่างนั้นก็จะก่อเื่ไม่หยุดหย่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้