เล่มที่ 2 บทที่ 55
ในมุมมองของจ้าวจื่อซิน แม่รองเฉินเป็เพียงผู้หญิงน่าเวทนาที่ไม่มีผู้ชายคอยดูแล นางเป็ม่ายมานานแล้ว และนอกจากเป็แม่ม่ายที่มีจิตใจบริสุทธิ์และราคะน้อยแล้ว นางแค่มีงานอดิเรกพิเศษบางอย่างก็เท่านั้น
“นั่นคือสิ่งที่นางพูดกับเ้าหรือ? ฮูหยินผู้เฒ่ารู้หรือไม่?” จ้าวจื่อซินรู้สึกว่ามันไม่สำคัญ แต่มู่หรงฉิงรู้สึกว่าเื่ดังกล่าวค่อนข้างแปลก
ในฐานะแม่ม่ายที่ไม่มีสามี ถ้านางมีจิตใจบริสุทธิ์น้อยราคะจริงๆ นางจะเล่นกับสิ่งมีพิษเ่าั้ได้อย่างไร? หากบอกว่างานอดิเรกของแม่รองเฉินคือการฟังละครและอ่านหนังสือ นั่นนับว่าเป็เื่ปกติ แต่สิ่งที่นางให้ความสนใจคือยาพิษ เป็ผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าไม่มีความรู้เกี่ยวกับยาพิษหรือทักษะทางการแพทย์ นางย่อมไม่มีวันแตะต้องสิ่งเ่าั้อย่างแน่นอน
จ้าวจื่อซินไม่ได้สนใจเื่สิ่งมีพิษของแม่รองเฉินมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว ่เวลาหลายปีที่ผ่านขณะที่เขาอยู่ในจวนเฉิน แม่รองเฉินก็อยู่อย่างสงบสุขเสมอ และนางก็ไม่เคยทำอะไรที่เกินขอบเขต แต่เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าที่ครุ่นคิดของมู่หรงฉิง เขาก็กล่าวว่า “ั้แ่ข้าเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยของจวน ข้าก็ค้นพบสิ่งแปลกๆ ในเรือนของแม่รองเฉิน ในเวลานั้นก็ไม่ได้คิดจะบอกฮูหยินผู้เฒ่า แต่แม่รองเฉินบอกว่า นางไม่มีอะไรทำทั้งวันจึงหาอะไรมาเลี้ยง”
“ดังนั้น เ้าก็เลยไม่ได้ตรวจสอบอีกเลยหรือ?” ด้วยการเอ่ยถามของมู่หรงฉิง คำตอบที่ได้รับคือคำยืนยันของจ้าวจื่อซิน หลังจากเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง มู่หรงฉิงจึงถามต่อ “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าในเรือนของแม่รองมีผู้ที่มีทักษะการต่อสู้เก่งกาจ? แล้วฮูหยินผู้เฒ่ารู้เื่นั้นหรือไม่?”
“ข้าไม่เคยบอกเื่นั้นแก่ฮูหยินผู้เฒ่าเลย” ประโยคตรงไปตรงมาบ่งชี้ให้เห็นว่า จ้าวจื่อซินรับรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขากลับไม่สนใจ
มู่หรงฉิงได้ฟังคำตอบนั้น นางก็รู้สึกถึงลมหายใจภายในอกของตนเอง “เ้ารู้ทั้งรู้ว่าคนคนนี้มีที่มาที่ไม่ชัดเจน แต่เ้ากลับไม่บอกฮูหยินผู้เฒ่า และไม่ได้หยุดมันด้วย เป็ไปได้หรือไม่ว่าเ้าได้รับอะไรจากแม่รองเฉิน?”
คำพูดของมู่หรงฉิงช่างเลวร้าย คิดว่าแม้แม่รองเฉินจะเป็ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่นางก็เป็ผู้หญิงที่สง่างามกอปรกับมีใบหน้าที่ได้รับการดูแลเป็อย่างดี สามารถพูดได้ว่ามีเสน่ห์และมีความสง่างามไม่สร่างซา
แม่ม่ายตัวน้อยผู้งดงามและบอบบาง ข้าเกรงว่าจะมีผู้ชายเพียงนับนิ้วได้ที่ไม่ถูกล่อใจ
ทุกคนในบ้านบอกว่า จ้าวจื่อซินไม่ชอบผู้หญิง แต่คราวนี้มู่หรงฉิงคิดว่า จ้าวจื่อซินน่าจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากแม่รองเฉิน แต่เขากลับแสร้งทำตัวสูงส่งและบริสุทธิ์ต่อหน้าคนนอก
สาเหตุที่มู่หรงฉิงมีความคิดนั้น ประเด็นหลักล้วนมาจากพฤติกรรมต่างๆ ของแม่รองเฉินซึ่งฉายชัดความแปลกพิรุธออกมา ประการที่หนึ่งคือการเลี้ยงสิ่งมีพิษ และอีกประการหนึ่ง นางยังมีการซ่อนผู้มีทักษะการต่อสู้อันแก่กล้าไว้ในเรือนของตนเอง
ตราบใดที่บอกเื่ใดเื่หนึ่งในสองประเด็นข้างต้น ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมไม่อยู่เฉยเป็แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ยังสงสัยด้วยว่าสาเหตุที่เฉินเทียนหยูกลายเป็เช่นปัจจุบัน จะมีความข้องเกี่ยวกับแม่รองเฉินหรือไม่
อย่างไรก็ดีจ้าวจื่อซินรู้ถึงสิ่งเ่าั้ แต่เขากลับเก็บเงียบไว้โดยไม่ได้รายงานใดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัว หรือมีความปรารถนาของตนเอง แล้วจะด้วยสาเหตุใด?
หลังจากฟังคำพูดอันรุนแรงของมู่หรงฉิง จ้าวจื่อซินถึงกับเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เขาเข้าใจความหมายในคำพูดของนาง จึงหรี่ตาทั้งสองข้างลงทันที ในดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยอันตรายขณะจ้องมองมู่หรงฉิง
มิหนำซ้ำยังไอเย็นแผ่ซ่านออกมาโดยมีจ้าวจื่อซินเป็ศูนย์กลาง ก่อนมันจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกนั้นคล้ายกับการวางก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ไว้ด้านข้าง มู่หรงฉิงขยับถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เพื่อเพิ่มระยะห่างระหว่างทั้งสองซึ่งเดิมไม่ได้อยู่ใกล้กันอยู่แล้ว
อันที่จริง ทันทีที่มู่หรงฉิงหลุดปากพูดออกไปเช่นนั้น นางก็นึกเสียใจเป็อย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าทำไม ครั้นนางได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเรือนของแม่รองเฉิน ในใจของนางกลับทั้งหงุดหงิดทั้งขุ่นเคือง นางรู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเฉินเทียนหยูต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่รองเฉินอย่างไม่อาจแยกออกจากกันได้
แม้ว่าจะเป็เพียงความคิดส่วนตัว แต่คำพูดของนางกลับกลายเป็การปรักปรำจ้าวจื่อซิน ถ้าจ้าวจื่อซินเป็คนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงและลาภยศอย่างไม่มียางอาย ยามได้ยินถ้อยคำเ่าั้ เขาจะต้องโมโหเกรี้ยวกราดอย่างแน่นอน แต่ถ้าจ้าวจื่อซินไม่ใช่คนเลวร้าย สิ่งที่มู่หรงฉิงพูดไม่เพียงแต่เป็การปรักปรำจ้าวจื่อซินเท่านั้น แต่ยังเป็การดูิ่จ้าวจื่อซินด้วยเช่นกัน
ไม่ว่าจะกรณีใด ข้อสงสัยเ่าั้ก็ไม่ควรพูดออกไปอย่างมาก
มู่หรงฉิงรู้สึกเสียใจ ยิ่งได้เห็นสายตาของจ้าวจื่อซินแผ่ไอแห่งความเ็าด้วยแล้ว ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศภายในห้องจึงเงียบสงัดถึงกับได้ยินหัวใจเต้นไม่เป็จังหวะของมู่หรงฉิง
อย่างไรก็ดี ไม่รู้ว่าเป็ความประสงค์ของ์หรือเปล่า? จังหวะที่มู่หรงฉิงรู้สึกว่าบรรยากาศภายในห้องกดดันจนแทบจะหายใจไม่ออก ทันใดนั้นยวี้เอ๋อร์ก็กรีดร้องเสียงดังซึ่งแทรกผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง
เนื่องด้วย่กลางวันยวี้เอ๋อร์ถูกลงโทษอย่างรุนแรง เดิมร่างกายของนางก็อ่อนแอมาก แม้กระทั่งการพูดเพียงประโยคเดียวยังยากลำบากมาก แต่เวลานี้นางกลับกรีดร้องอย่างน่าสังเวช คิดว่าเฉินเทียนหยูคงลงมืออย่างโหดร้าย
ไม่อยากจะอยู่ในห้องกับจ้าวจื่อซินอีกต่อไป มู่หรงฉิงจึงรีบลุกขึ้นและก้าวเท้าเดินออกไป แต่ในใจกลับคิดว่า นางอยู่ได้ทุกที่ ตราบใดที่สถานที่นั้นไม่มีจ้าวจื่อซิน
อย่างไรก็ตาม มู่หรงฉิงก้าวเท้าไปได้เพียงสองสามก้าวและเพิ่งเดินผ่านหน้าต่าง ฉับพลันนั้นนางกลับถูกจ้าวจื่อซินเข้ามาขวางไว้ด้วยความเร็ว เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองทันควันจึงเห็นว่าในเวลานี้ทั้งสองยืนอยู่ในจุดอับซึ่งไม่มีใครมองเห็นหากมองจากประตูด้านนอก ฉะนั้นถ้าจ้าวจื่อซินบีบคอของนางเพื่อปลิดชีพ เกรงว่าไม่มีใครมองเห็นเป็แน่
หากจ้าวจื่อซินบีบคอนางจนตายคงไม่มีใครสังเกตเห็น
แม้นางจะไม่ชอบการถูกบ่าวรับใช้ของจวนเฉินจ้องมอง แต่ตอนนี้มู่หรงฉิงกลับอยากให้บ่าวของจวนเฉินหรือบ่าวของนางเอง ขอแค่มีบ่าวสักคนอยู่เคียงข้าง เกรงว่าจ้าวจื่อซินคนนี้คงจะไม่อาจหาญใช่หรือไม่?
แต่ว่าเป็ไปได้หรือ? แม้มีบ่าวอยู่เคียงข้าง ทว่าด้วยอุปนิสัยดื้อดึง กำเริบเสิบสาน ไม่ฟังใครของจ้าวจื่อซินจะสามารถยับยั้งชั่งใจได้หรือ?
“มู่หรงฉิง อย่าท้าทายขอบเขตของข้าบ่อยนัก”
มู่หรงฉิงยังคงคิดอะไรเลอะเทอะ ทว่ากลับถูกคำพูดอันเ็าของจ้าวจื่อซินแทรกขัดจังหวะ
“เ้าเป็บ่าว ข้าเป็เ้านาย การท้าทายขอบเขตของเ้า หมายความว่าอย่างไรหรือ?” แม้รู้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรพูดเช่นนั้น แต่ครั้นได้ยินคำพูดและท่าทีหยิ่งผยอง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาของจ้าวจื่อซิน มู่หรงฉิงจึงโพล่งพูดออกไป
คำพูดของมู่หรงฉิงได้จุดไฟแห่งความโกรธที่เดิมทียังคงอยู่ในสถานะแข็งตัวขึ้นมาฉับพลัน มู่หรงฉิงถูกบังคับให้ถอยเท้าไปที่มุมอับโดยที่นางไม่เข้าใจว่าจ้าวจื่อซินทำได้อย่างไร ส่วนมือของเขาบีบที่คอของนาง เพียงเพิ่มแรงบีบ ลำคอยาวระหงของนางจะต้องหักเป็แน่แท้
“หงุดหงิดแล้วก็โมโหกระนั้นหรือ?” ในใจตะลึงพรึงเพริด แต่กลับกดความตื่นตระหนกไว้ นางจ้องมองเขาด้วยสายตาเ็า “ถ้าเ้าบริสุทธิ์ใจต่อแม่รองเฉิน ทำไมเ้าถึงต้องใช้กำลังรังแกคนด้วย? ถ้าเ้าไม่มีความลับซ่อนเร้นกับแม่รองเฉิน เ้าก็ควรไปสืบดูสิ่งที่น่าสงสัยในเรือนของนาง
“ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เ้าเป็บ่าวของเฉินเทียนหยู แม้ว่าเขาจะโง่งม แต่เ้ามีหน้าที่สืบเสาะหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุของเขา ในเรือนของแม่รองเฉินมีสิ่งแปลกประหลาดมากมาย แต่เ้าก็ทำเป็ไม่สนใจ เ้าจะให้ข้าไม่สงสัยได้อย่างไร?”
จ้าวจื่อซินดื้อรั้นและหยิ่งทะนง แต่สายตาและท่าทางของมู่หรงฉิงได้กดข่ม ส่งเสริมให้ตนเองเหนือกว่า ความน่าเกรงขามของนางไม่น้อยไปกว่าจ้าวจื่อซิน “ถ้าเ้าไม่ได้คิดอะไรกับนางจริงๆ และคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นไร้สาระ เช่นนั้นก็เดิมพันกับข้าสิ ถ้าเ้าชนะ จากนี้ต่อไปข้าจะไม่ขัดแย้งและจะเห็นด้วยกับเ้า แต่ถ้าเ้าแพ้ จากนี้เ้าจะต้องฟังข้าทุกคำ อย่างน้อยก็ต้องช่วยข้า”
คำพูดของมู่หรงฉิงเต็มไปด้วยความฉลาดเฉลียวเป็อย่างมาก ถ้านางชนะ จ้าวจื่อซินจะต้องทำงานให้นาง สำหรับสิ่งที่นางกล่าวว่า ‘จากนี้ต่อไปข้าจะไม่ขัดแย้งและจะเห็นด้วยกับเ้า’ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการปลอบใจตัวเอง เดิมทีนางและจ้าวจื่อซินไม่มีโอกาสที่จะมีความคิดเห็นที่คล้ายกัน และไม่มีผลประโยชน์ที่ขัดแย้งกันมากเกินไป ดังนั้นคำพูดของนางเทียบเท่ากับการไม่พูดเลย
อย่างไรก็ดี ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับจ้าวจื่อซินในสองสามวันที่ผ่านมา มู่หรงฉิงมั่นใจว่า แม้ว่าจ้าวจื่อซินจะเข้าใจความจริงในคำพูดดังกล่าว เขาย่อมเดิมพันอย่างแน่นอน
เนื่องจากจ้าวจื่อซินมีความหยิ่งทะนง มากไปกว่านั้น เขาไม่เห็นใครอยู่ในสายตา เขามักจะคิดว่าบนแผ่นดินนี้ไม่มีใครสามารถเอาชนะเขาได้ ยกเว้นเฉินเทียนหยูที่ยังมีสติสัมปชัญญะ
การจัดการกับคนเช่นเขา หากซื่อตรงเกินไป เขาจะปฏิบัติต่อเ้าคล้ายมดและจะปฏิเสธเ้า แต่หากเ้าเผชิญหน้ากับความยากลำบากและไม่กลัวเขา ก็เทียบเท่ากับการใส่เกลือลงไปในกองไฟ จะต้องเปรียบเทียบว่าใครเป็ผู้ที่เหนือกว่าให้ได้
การท้าทายของมู่หรงฉิงส่งผลให้เปลวเพลิงในดวงตาของจ้าวจื่อซินลุกโชน พิสูจน์ให้เห็นว่ามู่หรงฉิงทำให้เขาขุ่นเคืองมากแล้ว
จ้าวจื่อซินรู้สึกอัปยศต่อการใส่ร้ายของมู่หรงฉิงเป็อย่างมาก คิดไม่ถึงว่าคนตรงหน้าจะเชื่อมโยงเขากับหญิงม่ายเข้าด้วยกัน นี่ไม่ใช่การทําให้รู้สึกอัปยศหรือ?
เขา, จ้าวจื่อซินเป็ใคร? หากเขา้าก็แค่พยักหน้า ผู้หญิงบริสุทธิ์ผู้เต็มใจจะเข้าไปในเรือนด้านในของเขาจะต้องเข้าแถวและแถวต้องยาวถึงด้านนอกกำแพงเมือง ทว่ามู่หรงฉิงคนนี้ไม่เพียงแต่ทำเป็ตาบอดหูหนวกไม่สนใจเขา นางยังลากเขาเข้าไปเกี่ยวโยงกับหญิงม่ายคนนั้นด้วย ช่าง... ช่างเป็เื่ที่ยกโทษให้ไม่ได้
ถ้าวันนี้คนพูดเป็คนอื่น เขา, จ้าวจื่อซินจะจัดการกับบุคคลนั้นโดยไม่ลังเลแม้แต่เศษเสี้ยว แต่ผู้พูดกลับเป็มู่หรงฉิงผู้ซึ่งทำให้เขาทรมาน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมเขาถึงเป็เช่นนั้น
“เป็อะไรหรือ? ไม่กล้า?”
จ้าวจื่อซินสงสัยว่าทำไมตนถึงไม่สามารถลงมือจัดการมู่หรงฉิง และนางก็เอ่ยถามอีกหน “ไม่กล้าเดิมพันหรือ? ข้าคิดว่าเ้าไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินจริงๆ เสียอีก แต่ไม่คิดเลยว่าเ้าไม่กล้าเดิมพันกับข้า?”
มู่หรงฉิงถามขึ้น มือของจ้าวจื่อซินบนลำคอของนางบีบแน่นขึ้นเล็กน้อย แม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้นางถึงกับหายใจไม่ออก แต่ก็ทำให้นางหายใจลำบาก “เ้าชนะแล้ว ข้าจะรับใช้เ้า ถ้าข้าชนะ เ้าต้องรับใช้ข้า กล้าเดิมพันหรือไม่?”
กล้าเดิมพันหรือไม่? ครั้นถูกตั้งคำถามกลับมา มู่หรงฉิงก็รู้สึกว่าศีรษะของตนเองโตขึ้นเล็กน้อย
จ้าวจื่อซินผู้นี้ไม่ใช่คนที่ประมาทโดยสมบูรณ์
มู่หรงฉิงถามเช่นนั้นก่อนหน้า ด้วยแค่อยากจะคว้าโอกาสก่อนเท่านั้น อีกข้อนางรู้สึกว่านางจะสามารถรับรู้อะไรบางอย่าง หากไปที่เรือนของแม่รองเฉิน นางจึงหลอกจ้าวจื่อซินให้ไปสืบที่นั่นโดยไม่คาดคิดว่า จ้าวจื่อซินจะโยนคำถามกลับมา และเปลี่ยนภาพวาดขนมปังอบโอ่งให้กลายเป็ขนมปังอบโอ่งของจริง
นี่... นี่มันแปลกพิกลอย่างมาก ความสงสัยของนางต่อแม่รองเฉินจำกัดอยู่ที่การคาดเดาเท่านั้น ถ้านางเดาผิด นางจะต้องเชื่อฟัง จ้าวจื่อซินทุกอย่างจริงๆ น่ะสิ?
ทว่าหลังคิดพิจารณาซ้ำ เนื่องจากแม่รองเฉินสมรู้ร่วมคิดกับอนุหนิง ฝ่ายนั้นย่อมต้องมีบางอย่างที่พูดไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเื่อื่น แค่คำพูดของอนุหนิงในคืนนั้นที่ว่า สินสอดทองหมั้นของนางจะสามารถเพิ่มได้เป็สองเท่า ในขณะเดียวกันแม่รองเฉินอาจมีจุดประสงค์อื่นต่อจวนเฉินแห่งนี้
ไม่สนแล้ว! ไม่ว่าเขาจะพูดจริงหรือไม่ ก่อนอื่นจะต้องไปสำรวจในเรือนของแม่รองเฉิน ถ้าแม่รองมีปัญหาจริงๆ นางจะสามารถผลักดันจ้าวจื่อซินให้ทำสิ่งที่นางทำไม่ได้ แต่ถ้าแม่รองเฉินเก็บสิ่งเ่าั้โดยไม่มีช่องโหว่ให้ตรวจจับ นางก็แสร้งทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ นางอยู่อาศัยภายในจวนเฉินย่อมไม่เชื่อว่าจ้าวจื่อซินจะสามารถบังคับให้นางทำบางสิ่งที่เป็อันตรายอย่างโเี้ได้กระมัง?
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว มู่หรงฉิงจึงยกมือขึ้นเพื่อดึงมือของจ้าวจื่อซินที่กุมลำคอของนางออก “ใช้คำขู่เพื่อทำให้คนรู้สึกอึดอัด จากนั้นทำให้คนสับสน กลายเป็เื่ยากที่จะตัดสินใจให้เหมาะสมได้ เ้าไม่คิดว่า พฤติกรรมของเ้าไร้เดียงสามากหรือ?”
“ไร้เดียงสาหรือ?” ขณะที่มือของมู่หรงฉิงจับทับอยู่บนหลังมือของเขา จ้าวจื่อซินพลอยรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ไหลออกจากฝ่ามือของนางซึ่งลามไปยังแขนขาและไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา เขารู้สึกประหลาดใจอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น?
ด้วยความสามารถของนาง เป็ไปไม่ได้เลยที่นางจะวางยาพิษภายใต้การเฝ้าสังเกตของเขา แต่นั่นไม่ใช่ความรู้สึกของการถ่ายทอดกำลังภายใน แต่... ความร้อนเช่นนั้นพวยพุ่งเร็วมาก และทำให้ร่างกายมีความรู้สึกที่อธิบายเป็คำพูดไม่ถูกในบัดดล
ความรู้สึกที่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และทันใดนั้นจ้าวจื่อซินก็มีความคิดอยากจะหนี เขารีบดึงมือออก พร้อมถามด้วยน้ำเสียงที่แสร้งทำเป็เ็าและสงบสุขุม
“ถ้าเ้าอยากจะรู้ว่าสิ่งต่างๆ เป็ไปตามที่ข้าพูดหรือไม่ ตอนนี้เป็โอกาสที่ดีมาก” มู่หรงฉิงลูบคอของตนเองที่ยังคงเ็ปเล็กน้อย และพูดความคิดในใจของนางหนึ่งรอบโดยไม่พบความแปลกประหลาดของจ้าวจื่อซิน
มีบางอย่างในใจของจ้าวจื่อซิน แต่เขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อหน้ามู่หรงฉิง เขาแค่พยักหน้าและเดินออกจากห้อง
เมื่อเห็นจ้าวจื่อซินตกลงแล้ว มู่หรงฉิงก็โล่งใจทันที เดิมทีคิดว่าจะต้องใช้เวลานานในการพูดคุย แต่ไม่คาดคิดเลยว่า คราวนี้เขาจะตอบตกลงอย่างง่ายดาย
คนอะไร ประหลาดจริงแท้
ต่อว่าในใจแต่ก็เดินตามไปด้วย ทั้งสองคนเร่งฝีเท้าและมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บฟืน