ตอนหลินซย่าจื้อเห็นหลินหวั่นชิวเดินเข้าบ้านพักหลังใหญ่ ภายในใจอิจฉาริษยาเป็อย่างมาก
แต่นางไปสอบถามจากคนรอบข้าง รู้ว่าบ้านหลังนี้มีสองลาน ค่าเช่าปีละสามสิบสี่สิบตำลึง หลินซย่าจื้อเสียดายเงินมาก
เงินทั้งนั้น!
เงินของนางทั้งนั้น!
จินเป่าของนางต้องจ่ายค่าเรียนปีละยี่สิบตำลึง ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ ลำพังแค่เงินที่ต้องจ่ายให้สถานศึกษาปีหนึ่งก็สูงถึงสามสิบสี่สิบตำลึง
ดูจากตอนนี้แล้ว ในมือเจียงหงหย่วนคงมีเงินไม่น้อย ทั้งสร้างบ้านหลังใหญ่ ทั้งเช่าบ้านดีๆ เช่นนี้
“บุรุษบ้านนั้นทำงานกระไร?” หลินซย่าจื้อสอบถาม ฟู่เหรินที่คุยกับนางเป็พวกชอบนินทาและอิจฉาที่หลินหวั่นชิวหน้าตาสวยพอดี อิจฉาที่อีกฝ่ายความเป็อยู่ดีกว่า คำที่ออกจากปากจึงไม่ดีนัก
“ข้าจะรู้ได้อย่างไร บุรุษบ้านนั้นออกไปทำงานสาย กลับบ้านดึก ออกจากบ้านตอนเย็น กลับก่อนฟ้าสาง ไม่รู้ว่าทำงานมิชอบหรือไม่”
หลินซย่าจื้อฟังแล้วรู้สึกว่าต้องเอาไปบอกสวีเทา ไม่แน่ว่าเจียงหงหย่วนอาจจะทำงานที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้ในอำเภอ หากกุมจุดอ่อนนี้ไว้ได้…จะได้ข่มขู่เขาง่ายขึ้น
วางแผนเช่นนี้ในใจ หลินซย่าจื้ออารมณ์ดีขึ้นมาก
เดิมทีนางว่าจะเข้าไปหาหลินหวั่นชิว แต่นางล้มเลิกความคิดเดิมทันทีเมื่อมีความคิดใหม่โผล่มาในหัว
กลับบ้านไปเรียกท่านพ่อท่านแม่มาด้วยดีกว่า อาศัย่ที่เหล่าต้าบ้านเจียงไปล่าสัตว์ พวกนางจะบุกเข้าไปในบ้าน นางไม่เชื่อหรอกว่าหลินหวั่นชิวจะกล้าไล่พวกนางออกไป
การอกตัญญูถือเป็ความผิดมหันต์!
แต่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักที่เรียกท่านพ่อท่านแม่มาคือการควบคุมหลินหวั่นชิวอีกครั้งใน่ที่เจียงหงหย่วนไม่อยู่
หลินหวั่นชิวที่กำลังทำอาหารอย่างมีความสุขอยู่ในบ้านไม่นึกเลยว่าบุรุษของตัวเองเพิ่งออกจากบ้านแค่สองวัน ตัวเองจะตกเป็เป้าหมายของคนบ้านเหล่าหลินอีกครั้ง
หลินซย่าจื้อนั่งเกวียนวัวกลับถึงบ้าน เล่าเื่ที่สืบมาจากในอำเภอให้เหล่าหลินกับสวี่ซื่อฟัง
เหล่าหลินนิ่งเงียบ ไม่รู้คิดกระไรอยู่
สวี่ซื่อก่นด่า “นังเด็กเวรนี่ บ้านเจียงมีเงินเยอะขนาดนั้น เหตุใดไม่รู้จักขนกลับมาให้ที่บ้านบ้าง หลายปีมานี้ข้าเลี้ยงนางเสียข้าวสุกจริงๆ หากรู้แต่แรกว่าจะเป็เช่นนี้ ข้าคงจับนางกดน้ำในกระโถนฉี่ไปแล้ว!”
“ท่านแม่ ตอนนี้พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็ลูกสาวพวกท่าน ต้องกตัญญู ความหมายของข้าก็คือ จินเป่าเรียนอยู่ที่สถานศึกษาจิ่วไท่ ค่ากินอยู่ที่นั่นแพงมาก พรุ่งนี้พวกท่านสองคนย้ายไปอยู่อำเภอก่อนดีหรือไม่ จากนั้นข้าค่อยรับจินเป่าออกมาอยู่กับพวกท่าน นางเป็ลูกสาวพวกท่าน ควรต้องกตัญญูกับท่านพ่อท่านแม่อยู่แล้ว!”
สวี่ซื่อมองหลินฟาไฉ “ตาแก่ เ้าว่าอย่างไร?”
หลินฟาไฉตอบว่า “ลูกซย่าพูดถูก ไม่ว่าอย่างไรเราก็เป็พ่อแม่นาง นางควรกตัญญู! ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าอำเภอ!”
ตอนนี้ไม่มีงานในไร่ต้องทำ อีกทั้งในหมู่บ้านก็ไม่มีกระไรพอดี
สวี่ซื่อดีใจมากที่จะได้ไปอยู่ในอำเภอ รีบไปเก็บเสื้อผ้าข้าวของ
“…ท่านแม่ ข้าได้ยินว่านั่นเป็บ้านแบบสองลาน มิหนำซ้ำพวกเขายังซื้อบ่าวใช้ด้วย”
ยายสวีออกไปซื้อผักและทำความสะอาดหน้าบ้านทุกวัน เพื่อนบ้านซ้ายขวาต่างรู้ว่านางเป็บ่าวของบ้านเจียง
“ไอ๊หยา ซื้อบ่าวใช้ด้วยหรือ…พ่อเอ้ย เ้าว่านายพรานเจียงมีเงินเท่าไรกันแน่ คงไม่ได้มีเป็พันตำลึงหรอกกระมัง?”
“เกรงว่าจะเยอะกว่านั้น! แค่พันตำลึงไม่พอให้พวกเขาใช้จ่ายเช่นนี้” หลินฟาไฉพูด ตอนนั้นคนผู้นั้นให้เงินเขามาพันตำลึง เขารู้สึกว่าพันตำลึงเป็เงินจำนวนมาก แต่หลายปีมานี้ใช้ไปใช้มาก็เหลือเพียงนิดเดียวแล้ว
เงินใช้ไปก็หมด!
“หา…มากกว่าพันตำลึง…ให้ตายเถิด…เหตุใดคนที่แต่งกับเขาไม่ใช่ลูกซย่าของพวกเรานะ หรือจะเป็กุ้ยฮวากับอิงชุนก็ยังได้! เหตุใดต้องเป็นังเด็กนั่นด้วย! ไม่เช่นนั้น…ให้นังหนูฉินแต่งกับเขาดีหรือไม่? ยังไงนังเด็กนั่นก็ถูกขาย ไม่ใช่แม้แต่อนุด้วยซ้ำ”
สวี่ซื่อยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองคิดถูก
“พูดบ้ากระไร! เขามีเงินก็จริง แต่มีเงินแล้วอย่างไร รักษาไว้ไม่ได้อยู่ดี! หัวหน้าหมู่บ้านเพ่งเล็งอยู่ เทาจื่อเองก็เช่นกัน เ้าคิดว่าเหตุใดเมื่อก่อนเจียงเหล่าต้าต้องแสร้งทำเป็จนเล่า? เพราะหากเปิดเผยว่ามั่งคั่งแล้วมีหลายคนอยากได้หมายปองเงินของเขา เขาที่เป็เพียงแค่นายพราน จะขอให้ใครปกป้องกันเล่า? ย่อมไม่มีผู้ใดให้พึ่ง! เลิกคิดถึงสิ่งที่มีหรือไม่มีเสียเถิด พวกเราแค่อาศัยจังหวะที่หัวหน้าหมู่บ้านยังยึดเงินบ้านเจียงไม่หมดมารีดเอาเงินสักเล็กน้อยเป็พอ”
หลินฟาไฉมั่นใจว่าเจียงหงหย่วนมีเงินเยอะ ก่อนหน้านี้ภรรยาหนีไปสองคน รอบนี้คงไม่อยากให้ภรรยาหนีไปอีกจึงนำเงินออกมาใช้อย่างยิ่งใหญ่
สุดท้ายแล้วก็เป็เพียงเด็กรุ่นหลังอายุสิบกว่าปี ทำสิ่งใดล้วนไม่รอบคอบ
ไม่รู้จักวิถีของหอยหวานที่ซ่อนเนื้อไว้ใต้เปลือก
หลินฟาไฉพูดเช่นนี้ สวี่ซื่อจึงไม่พูดกระไรอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินฟาไฉสองสามีภรรยากับหลินซย่าจื้อนั่งเกวียนวัวเข้าอำเภอ ทิ้งหลินฉินกับหลินฮั่วเฝ้าบ้าน
เด็กสาวทั้งสองไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง พวกนางอยากไปอำเภอเช่นกันแต่ไม่กล้าเถียงท่านแม่
มาถึงอำเภอ ทั้งสามตรงไปหาที่บ้านตระกูลเจียงทันที
“พวกเ้ามาหาผู้ใด?” มีเพื่อนบ้านถาม
“หาลูกสาว หลินหวั่นชิว อยู่บ้านนี้นี่แหละ” สวี่ซื่อยิ้มตอบ
“อ้อ ที่แท้ก็ครอบครัวมารดาของเจียงไท่ไท่นี่เอง?”
“ยายสวี คนจากบ้านไท่ไท่บ้านเ้ามาหา” ฟู่เหรินพาทั้งสามเข้าบ้านตระกูลเจียงอย่างมีน้ำใจ ยายสวีรีบออกมา แต่ยังไม่ทันเดินอ้อมกำแพงภาพแกะสลักก็เห็นสตรีสองคนกับบุรุษหนึ่งคนบุกเข้ามา
“พวกเ้าเป็ผู้ใด? มาทำกระไร?” ยายสวีเอาตัวขวางไม่ให้เข้ามา แต่นางขวางได้ที่ใดกัน มีเพื่อนบ้านผู้มีน้ำใจ อีกทั้งพ่อแม่ลูกจากบ้านตระกูลหลินก็ไม่ได้อ่อนแอ ยายสวีถูกพวกเขาผลักล้มก้นคะมำ
“สุนัขดีไม่ขวางทาง!” สวี่ซื่อด่า
“เป็แค่บ่าวใช้แต่กล้าขวางทางเ้านาย โอหังนักหรือ!” หลินซย่าจื้อถ่มน้ำลายใส่ยายสวีและยกเท้าเตะ
ฟู่เหรินที่เป็เพื่อนบ้านเห็นภาพนี้ ไอ๊หยา ครอบครัวทางฝั่งแม่ของเจียงไท่ไท่นิสัยเสียอะไรขนาดนี้
“เหตุใดถึงลงไม้ลงมือ” ฟู่เหรินที่มักจะพูดคุยกับยายสวีอยู่บ่อยๆ ตอนนี้มาเห็นคนที่ตัวเองพาเข้ามาเตะยายสวีก็รู้สึกไม่ดี
สวี่ซื่อหันมาพูดกับฟู่เหริน “ไอ๊หยา ท่านคงไม่รู้ บ่าวใช้ต้องสั่งสอนให้ดี หากไม่สั่งสอนจะโดนลามปาม ปีนขึ้นมาบนหัวเ้านาย ลูกสาวข้าอ่อนแอบอบบาง ข้ากำลังช่วยนางสั่งสอนบ่าวใช้ให้”
