ฆ่าคนไม่ได้
การฆาตกรรมไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ แต่เป็สังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย
ตอนนั้นเขาโกรธมากที่ได้ยินว่าจางเสเพลิ่เกียรติเซี่ยเสี่ยวหลาน แต่เขาก็สามารถยับยั้งชั่งใจไม่ยิงอีกฝ่ายทิ้งได้มิใช่หรือ? จางเสเพลถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในเวลาต่อมา และโจวเฉิงคิดว่าผลการตัดสินนั้นพอฝืนทนยอมรับได้
โจวเฉิงไม่ใช่ฆาตกรวิปริต ทว่าภายในจิตใจของเขาขังสัตว์ร้ายใส่กรงไว้
ความโกรธทำให้เขาสูญเสียสติปัญญาได้โดยง่าย และความฉุนเฉียวจะทำให้เขานึกถึงภาพานองเื มนุษย์ไม่ควรถูกสัญชาตญาณอันป่าเถื่อนครอบงำ ตอนแรกโจวเฉิงยังอยากสอนสั่งฝานเจิ้นชวนให้กลับตัวกลับใจอีกครั้ง ทว่ายิ่งเขาสืบเสาะจนรู้แจ้ง เขายิ่งรู้ซึ้ง กากเดนแบบนี้คงกลับตัวเป็มนุษย์ไม่ได้!
ถ้าเช่นนั้นก็ค่อนข้างยากแล้ว มิใช่ว่าแค่เปิดโปงเื้ั ฝานเจิ้นชวนก็จะยอมให้จับกุมอย่างง่ายดายโดยไม่ขัดขืน
เดิมทีโจวเฉิงไม่คิดจะขอให้ลุงของเส้ากวงหรงช่วยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้คงต้องไปพบเส้าลี่หมินเสียหน่อย เขาได้ติดต่อผ่านช่องทางที่ได้รับมาจากคังเหว่ย ก่อนที่จะติดต่อไปถึงเลขาโหว เลขาโหวปฏิบัติต่อโจวเฉิงอย่างอบอุ่นและเปี่ยมไมตรีมากกว่าปฏิบัติต่อคังเหว่ยยิ่งนัก
บิดาของโจวเฉิงทรงอำนาจ รวมไปถึงตระกูลโจวก็ทรงอำนาจเช่นเดียวกัน มากไปกว่านั้นคือโจวเฉิงเองก็มีความสามารถโดดเด่น ทำไมเลขาโหวจะไม่เคารพบุตรชายข้าราชการระดับสูงเช่นนี้กัน?
คังเหว่ยนั้นด้อยกว่ามากทีเดียว ตำแหน่งของเขาในตระกูลคังมีเพียงในนามเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าไม่ประสบความสำเร็จด้านอาชีพการงาน แต่อย่างไรเสียก็ยังไม่เห็นแนวโน้มของพัฒนาการในด้านใดเป็พิเศษ
ส่วนโจวเฉิงไม่เหมือนกัน โจวเฉิงมีอนาคตกว้างไกล
แต่ต่อให้เป็คุณชายผู้เก่งกาจเพียงใด นั่นก็เป็เพียงคนหนุ่มอยู่ดี หลีกหนีความเย้ายวนของเสน่ห์สาวงามไม่ได้ ในสถานที่อย่างซางตูนี้ โจวเฉิงจะมาเพื่อทำอะไรได้ มิใช่เพื่อมาดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานหรอกหรือ? มีหญิงสาวตระกูลดีตั้งเท่าไรที่รอให้โจวเฉิงเลือก ทว่าคุณชายโจวกลับเลือกหญิงสาวจากชนบทเสียได้ นอกจากหน้าตาสะสวย ยังนำความช่วยเหลือเกื้อกูลอื่นมาให้โจวเฉิงได้หรือ ตรงกันข้าม เนื่องจากไม่มีพื้นเพที่คู่ควรกับรูปร่างหน้าตาแล้ว ยังมักสร้างความวุ่นวายที่ไม่จำเป็อยู่บ่อยครั้ง
ไม่ใช่แบบนั้นหรือไร โจวเฉิงมาเพื่อจัดการความวุ่นวายอีกแล้ว
ตอนโจวเฉิงมาถึง เขามีท่าทางสงบนิ่งมาก “พี่โหว คราวก่อนขอบคุณคุณมากจริงๆ ”
เลขาโหวกุลีกุจอปฏิเสธอย่างถ่อมตนทันที เขาแสร้งว่าเอาใจใส่อย่างมากต่อหน้าโจวเฉิง “เื่คราวก่อนทำให้คุณผู้หญิงเซี่ยใมาก และทำให้คุณชายคังต้องขุ่นข้องหมองใจอีกด้วย เป็เพราะผมทำงานได้ไม่ละเอียดมากพอ”
โจวเฉิงเข้าใจดี
อันที่จริงครั้งก่อนคนเขาช่วยเหลือเพราะเห็นแก่เส้ากวงหรง ยังสามารถร้องขอความสมบูรณ์แบบตามอุดมคติได้หรือ? คนเราควรใช้ชีวิตอย่างเข้มงวดต่อตนเองหน่อย ในขณะที่ควรผ่อนปรนต่อผู้อื่นบ้าง จิตใจจะรู้สึกสบายขึ้นมาก หลังรอคอยเป็เวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า โจวเฉิงก็ได้พบเส้าลี่หมิน
พอบอกเล่าเื่ราวคร่าวๆ แก่เส้าลี่หมินเสร็จ เส้าลี่หมินก็ได้ถามคำถามกับเขา
“เธอ้าระบายความโกรธแทนคนรักของเธอ หรือเพื่อเหตุผลอื่นกันแน่ ถึงไม่ยอมปล่อยฝานเจิ้นชวนเด็ดขาด?”
“ระบายความโกรธแทนคนรักสักครึ่งหนึ่งน่ะครับ ทว่าความอยุติธรรมบนโลกมันช่างมากมายเหลือเกิน ไม่อาจจัดการได้ทุกเื่ เมื่อเจอแล้วก็สนใจเสียหน่อย ถ้ามีคนชอบจุ้นจ้านเื่คนอื่นเหมือนผมอีก ชีวิตของประชาชนอาจสงบสุขขึ้นบ้าง”
โจวเฉิงไม่ปิดบังจุดประสงค์หลักในการมาซางตูของเขาเอง
หากไม่พัวพันถึงเซี่ยเสี่ยวหลาน เขตเหอตงมีฝานเจิ้นชวนแล้วดีหรือไม่ดี โจวเฉิงจะรับทราบได้อย่างไร?
เมื่อรับรู้แล้ว ก็สมควรจะจัดการภายในขอบเขตความสามารถ จิตสำนึกของโจวเฉิงถึงจะเป็ที่ยอมรับได้ ถ้าเพียงเพื่อระบายความโกรธ รวมถึงทำให้ฝานเจิ้นชวนไม่กล้าล่วงละเมิดเซี่ยเสี่ยวหลาน โจวเฉิงย่อมมีวิธีการอื่นที่ง่ายและหยาบกว่า ทว่าการที่เขามาพบเส้าลี่หมิน เพราะอยากสะสางเื่นี้ผ่านช่องทางอำนาจรัฐ นี่มิใช่เพียงความคับแค้นส่วนตัว เขาไม่สามารถวางตนเหนือกฎหมายได้ มีแต่ต้องปฏิบัติตนตามกฎหมายในสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายเท่านั้น ถึงจะยืนหยัดได้สง่าผ่าเผยและก้าวไปได้ไกล
ฝานเจิ้นชวนคือศัตรูพืชตัวหนึ่งนั่นเอง และเขตเหอตงเป็เขตที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองซางตูเช่นกัน
จะกำจัดศัตรูพืชตัวนี้ทิ้งหรือเปล่า เส้าลี่หมินย่อมมีอำนาจตัดสินใจ
กล่าวจากก้นบึ้งของจิตใจตนเอง เส้าลี่หมินหวังว่าจะมีหนุ่มสาวที่ยุ่งเื่ชาวบ้านและมีความสามารถพอจะจุ้นจ้านเหมือนโจวเฉิงอีก แต่จากมุมมองกิจการสาธารณะ การแตะต้องฝานเจิ้นชวน คือการสั่นคลอนความมั่นคงของเขตเหอตง เส้าลี่หมินเองก็เพิ่งก้าวผ่านความไม่ราบรื่นในเมืองซางตูมา ผลกระทบที่ตามมาของคดีฉ้อฉลจากโรงงานฝ้ายแห่งชาติที่สามครั้งก่อน เส้าลี่หมินยังพินิจและแยกแยะไม่จบสิ้นด้วยซ้ำ
เขาไม่อยากเคลื่อนไหวเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม โจวเฉิงแตกต่างกับคนหนุ่มประเภทใช้ชีวิตรอตายไปวันๆ เช่นคังเหว่ย
เส้าลี่ิ่มีมิตรไมตรีต่อคังเหว่ย เพราะคังเหว่ยสนิทสนมกับเส้ากวงหรงผู้เป็หลานชายสุดที่รัก
ต่างจากโจวเฉิง เส้าลี่ิ่ไม่ได้สนทนากับโจวเฉิงด้วยท่าทีอัธยาศัยดีขนาดนั้น เพราะการปรากฏตัวของโจวเฉิงทำให้เขาอยู่ไม่สุข โจวเฉิงไม่เพียงแต่จะเป็สหายของเส้ากวงหรง แต่ชายหนุ่มคนนี้เก่งกาจเหลือเกิน พอพูดอะไรเส้าลี่หมินก็ต้องไตร่ตรองอย่างรอบคอบ
อีกไม่กี่ปีข้างหน้า วาจาของชายหนุ่มผู้นี้อาจเป็ตัวแทนของตระกูลโจวได้อย่างเต็มที่!
เส้าลี่หมินสูบบุหรี่สองมวนก่อนจะตัดสินใจ “สหายโจวเฉิง ฉันเห็นด้วยกับความคิดของเธอ ธุระปะปังของผู้อื่นบางเื่ที่จำเป็ต้องสนใจ แต่ฉัน้าหลักฐาน เธอ้าเวลานานเท่าไรถึงจะหาหลักฐานหนึ่งชิ้นให้ฉันได้ ไม่ใช่การปลอมแปลง ต้องเป็หลักฐานประเภทที่ควรค่าแก่การพิจารณา!”
“ให้คุณพรุ่งนี้เป็อย่างช้าที่สุด”
โจวเฉิงกลับไปด้วยความพึงพอใจ
เส้าลี่หมินเรียกเลขาโหวเข้ามา “ผู้หญิงที่ถูกกักตัวไว้ในสถานีตำรวจพร้อมเ้าหลานเส้ากวงหรงนั่นเมื่อคราวก่อน ต่อไปช่วยดูแลเธอหน่อย”
เลขาโหวชะงักไปเล็กน้อย
ทำไมเขาต้องดูแลเซี่ยเสี่ยวหลานเล่า?
แต่เส้าลี่หมินไม่มีทางอธิบายความคิดของเขาต่อเลขาโหว ความคิดของเ้านาย ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเลขานุการเองทั้งหมด
พอออกสำนักงาน เลขาโหวก็เพิ่งตรัสรู้ หัวหน้าย่อมมองการไกลและเห็นชัดเจนกว่าเขา นี่โจวเฉิงกำลังมีความรักอย่างจริงจังอีกทั้งยังตั้งใจแต่งงานด้วยสินะ? เลขาโหวเชื่อว่าตระกูลโจวจะไม่เห็นชอบกับการแต่งงานระหว่างโจวเฉิงและหญิงสาวชนบทจากมณฑลอวี้หนาน ทว่าเห็นได้ชัดว่าเส้าลี่หมินไม่ได้คิดแบบนั้น
เลขาโหวเลือกที่จะเชื่อความคิดของหัวหน้าเป็ธรรมดา
คราวก่อนก็ชวนเขาไปร่วมตัดริบบิ้นด้วยไม่ใช่หรือ? แค่ดูแลมากขึ้นอีกหน่อย เขาทำได้โดยไม่ลำบาก แถมไม่เสียเวลาธุระการงานอีกด้วย
การผูกมิตรสร้างไมตรีไม่ใช่สิ่งผิด ไม่รู้ว่าอาจได้ใช้ประโยชน์เมื่อไร
----------------------------------------
เมื่อหลิวฟางและเหลียงฮวนกลับถึงบ้าน หัวใจของเหลียงฮวนยังเต้นตึกตักอยู่เลย
ดวงหน้าขาวนวลมีสีแดงก่ำที่ผิดปกติ หลิวฟางคิดว่าเธอแค่ร้อน หลิวฟางรีบร้อนปรึกษาหารือแผนการกับเหลียงปิ่งอัน “เหล่าเหลียง คุณบอกว่าวิธีนี้จะได้ผลจริง นี่เพิ่งก่อกวนได้วันเดียวก็สู้กันที่หน้าร้านแล้ว ตอนหลังสถานีตำรวจพาทุกคนไปหมดด้วย”
หลิวฟางไม่ตระหนกตกตื่น ชายหนุ่มพวกนั้นไม่ได้รับการว่าจ้างจากเธอและเหลียงปิ่งอันโดยตรง ต่อให้สถานีตำรวจซักถามอะไรออกมาได้ ก็ไม่เกี่ยวพันกับบ้านเหลียงอยู่ดี หลิวฟางเล่าอีกด้วยว่าเธอพบคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว
“ก็แค่หนุ่มหน้าขาว!”
เธอเหยียดหยามอย่างหนัก หน้าตาดีมีประโยชน์อะไร ฝานเจิ้นชวนสามารถบดขยี้ให้แหลกได้เพียงนิ้วเดียว ถ้ากระทั่งคนในพื้นที่ยังเกรงกลัวว่าเขามีเส้นสายมากและมีอิทธิพลบางอย่าง แค่คนต่างถิ่นคนหนึ่ง จะมีน้ำยาพอต่อต้านในเขตอวี้หนานหรือ?
พอเหลียงปิ่งอันได้ยินว่าหน้าตาหล่อเหลา แถมเ้าตัวยังหนุ่มแน่น ก็ไม่เก็บการปรากฏตัวของโจวเฉิงมาใส่ใจเช่นเดียวกับหลิวฟาง
“พอดีเลย พรุ่งนี้คุณคุยกับน้าหลี่หน่อย บอกว่าคนรักของเธอมาหา เธอไม่อยากแต่งงานเข้าตระกูลฝานอีกแล้ว”
เหลียงปิ่งอันคิดว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากตรงจุดนี้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานยืนกรานปฏิเสธว่าจะไม่แต่งงาน อีกทั้งถึงขนาดตามคนรักมา เหลียงปิ่งอันสงสัยไม่น้อย ความรักของทั้งสองจะแข็งแกร่งกว่าทองคำหรือไม่
แม่สาวน้อยเอ๋ย จริงจังกับความรักเพื่ออะไรกัน เหลียงปิ่งอันจะทำให้เธอเห็นแจ่มแจ้งเองว่าความรักของหนุ่มสาวนั้นไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อเผชิญหน้ากับอำนาจและอิทธิพล!