“บอกเหตุผลฉันมาสิ...... ฉันไม่คิดจะทำเื่ที่ไร้เหตุผลหรอกนะ” ลมหายใจของเย่เทียนเซี่ยผิดจังหวะ หัวใจของเขาเต้นถี่อย่างแปลกประหลาด
“เหตุผล...........” ชายผมฟ้าค่อยๆหลับตาลง ใบหน้าสมบูรณ์แบบนั่นเงยขึ้นเล็กน้อยแหงนมองท้องฟ้า ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบางเบาเหมือนหมอกควัน “ถ้าหากนายสามารถเอาชนะฉันได้ หรือแม้กระทั่งสามารถฆ่าฉันได้ ฉันจะขอบคุณนายด้วยทุกอย่างที่ฉันมี...... และนายก็ยังสามารถเอาจิติญญาสีฟ้าไปครองได้ด้วย ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทำลายจิติญญาสีฟ้าซะ เหตุผลแค่นี้เพียงพอไหม?”
“!!!” เย่เทียนเซี่ย
เย่เทียนเซี่ยส่ายหน้าก่อนจะพูดออกไปเสียงเย็น “นั่นมันไม่ใช่เหตุผล”
“เื่บางเื่ไม่ว่านายหรือฉัน ตลอดชีวิตของพวกเรา ต่อให้ตายแล้วเกิดใหม่ เวลาจะผ่านไปนานเท่าไรหรือว่าจะห่างไกลแค่ไหน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันหนีพ้น...... มันคือสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหนีไปจากชะตากรรมนี้ได้ ฉันไม่มีทางเลือก นายก็ไม่มีเหมือนกัน.....” สายตาของชายผมฟ้ามองไปยังท้องฟ้าอย่างไร้อารมณ์พร้อมกับพูดในสิ่งที่เย่เทียนเซี่ยไม่เข้าใจ แล้วทันใดนั้นเขาก็ปลอดปล่อยความรู้สึกโดดเดี่ยวและความเศร้าออกมาจนถึงขีดสุด ทำให้บรรยากาศโดยรอบกลายเป็ความกดดันในทันที
“เฮ้อ..... ถ้าเป็อย่างนั้นฉันก็ตกลง” หลังจากเงียบไปนานเย่เทียนเซี่ยก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วตอบชายคนนั้นไปอย่างไม่ลังเลแต่ก็ไม่ค่อยจะเต็มใจนัก
ชายผมสีฟ้าก้มหน้าลงมามองที่เย่เทียนเซี่ย
“นายแข็งแกร่งมาก ก่อนที่ฉันจะเข้ามาในโลกใบนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพลังของสิ่งมีชีวิตในโลกใบนี้จะแข็งแกร่งจนถึงระดับนี้ แต่ในเมื่อนายกล้าพูดแบบนี้ ไม่ว่านายจะเป็ใคร ฉันก็จะไม่ปฏิเสธ....... แม้ว่าฉันในตอนนี้จะยังอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้านาย แต่จะสิบปีก็ดีหรือหลายสิบปีก็ดี จะต้องมีสักวันที่ฉันจะเอาชนะนายได้แน่....... นายรู้ไหมว่าตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบฉันได้ให้คำสาบานอะไรไว้?”
“????” ชายผมฟ้า
ดวงตาของเย่เทียนเซี่ยเปล่งประกายราวกับมีกองไฟสองกองกำลังลุกไหม้อยู่ในดวงตาคู่นั้น “ทั่วทั้งโลกจะต้องไม่มีใครเอาชนะฉันได้ และจะไม่มีใครที่ฉันเอาชนะไม่ได้......และโลกนี้ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน!”
แม้ว่าสิ่งที่ชายผมฟ้าแสดงออกมาจะทรงพลังและลึกลับ แล้วยังช่วยชีวิตเขาจากอันตรายอีก แต่เย่เทียนเซี่ยก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาแค่เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากจุดเริ่มต้นของโลกใบนี้เท่านั้น ใบบรรดาผู้เล่นบางทีอาจจะไม่มีใครมีพลังมากพอจะเป็ศัตรูกับเย่เทียนเซี่ยได้ ทว่าสำหรับผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในโลกใบนี้ พลังของเขาเหนือชั้นแบบนี้นี่เอง แต่เพราะความภาคภูมิใจของเขา เขาจึงจะไม่ยอมแพ้ใครทั้งนั้น
ผู้เล่นคนหนึ่งไม่สามารถเผยอไปเทียบพลังกับ NPC ที่ถูกตั้งค่ามาให้มีพลังแข็งแกร่งเกินว่าผู้เล่นได้ แต่เย่เทียนเซี่ยถือเป็ข้อยกเว้น สิ่งที่ถูกเก็บไว้ในห้วงลึกของจิตใจทำให้หัวใจของเขาห่างไกลจากคนทั่วไปมากั้แ่เด็กแล้ว เขาไม่เคยยอมให้ใครก้าวล้ำความภาคภูมิใจของเขาและสิ่งนี้ก็ไม่ใช่พร์ แต่เป็สิ่งที่มาจากหัวใจและเืเนื้อของเขา
ดวงตาชองชายผมฟ้าจ้องเขม็งมาที่ใบหน้าของเย่เทียนเซี่ย และดวงตาของเย่เทียนเซี่ยก็จ้องตอบกลับไปตรงๆ แต่แล้วจู่ๆชายคนนั้นก็ยิ้มขึ้นมา....... มันเป็รอยยิ้มเล็กๆ แต่ก็อบอุ่นมาก เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าไร้ที่ติของเขาแล้วรอยยิ้มที่เขามีในตอนนี้มีพลังมากพอจะฆ่าคนได้ ทว่าแม้เขาจะกำลังยิ้มอยู่.......แต่เมื่อเผชิญหน้ากับรอยยิ้มของเขา หัวใจของเย่เทียนเซี่ยกลับเ็ปขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
รอยยิ้มแบบนี้......... ทำไมเขาถึงได้มีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่ลึกๆ.........
“ฉันจะรอ........ วันที่นายจะสามารถเอาชนะฉันได้ในสักวันหนึ่ง” ชายคนนั้นพูดยิ้มๆ ตอนนี้เองที่เขาดูเหมือนคนจริงๆขึ้นมา เป็คนที่มีสีหน้าและอารมณ์แบบปกติ “ฉัน...... สามารถช่วยนายได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียว ต่อจากนั้น ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง..... เทียนเซี่ย”
“.............” เย่เทียนเซี่ย
เทียนเซี่ย............ ชายคนนั้นเรียกเขาว่า........... เทียนเซี่ย!?
เทียนเซี่ย ชื่อของเขาในโลกจริง ชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นตั้งให้เขา และมีเพียงเธอเท่านั้นที่เรียกเขาอย่างสนิทสนมแบบนั้น.......แต่ในโลกแห่งเกมนี้ ชื่อของเขาคือ........เซี่ยเทียน!
บังเอิญ หรือว่า................
“นาย......”
เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะอ้าปากถามมือของชายผมฟ้าคนนั้นก็ยื่นออกมาแล้วคว้าเข้าที่แขนของเขา จากนั้นฉากรอบๆก็กลายเป็สีขาวโพลนในทันที
การเดินทางระหว่างพื้นที่........ เย่เทียนเซี่ยเพิ่งจะคิดถึงสิ่งนี้ขึ้นมาในใจโลกสีขาวก็ค่อยๆมีสีสันกลับมา ทว่าสีที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับแตกต่างกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
“เทียนเซี่ย ลาก่อน เมื่อถึงเวลาเราจะได้พบกันใหม่”
เย่เทียนเซี่ยยังไม่ทันจะได้มองฉากรอบๆให้ชัดเจนเสียงเ็าไร้อารมณ์ของชายผมฟ้าก็ดังขึ้นมาข้างหูของเขา เขารีบหันกลับไปแล้วพูดออกมา “เดี๋ยวสิ นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าที่นี่คือที่ไหน....... แล้วก็ นายบอกฉันมาสิว่าก่อนหน้านี้พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า!”
NPC คนหนึ่งในโลกแห่งเกม และผู้เล่นคนหนึ่งที่มาจากโลกแห่งความจริง พวกเขาสองคนไม่มีทางเคยพบกับมาก่อนแน่นอน สำหรับคนธรรมดาคำถามของเย่เทียนเซี่ยมันคงเป็คำถามที่ไร้สาระมากๆ แต่หัวใจที่เต้นถี่ต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วนของเขาทำให้เขายังคงถามคำถามนี้ออกไปและยังคงรอคอยคำตอบของมันอยู่
“ที่นี่คือที่ไหน อีกไม่นานนายก็จะรู้เอง....... คำตอบของคำถามมากมายนั้นนายจำเป็ต้องใช้พลังของตนเองเพื่อค้นหามัน จงไปดูให้เห็นกับตาและใช้ใจัั มิเช่นนั้นถ้านายได้คำตอบจากปากของคนอื่นนายก็คงไม่มีทางเชื่อและยิ่งรู้สึกไม่สบายใจแน่...... ลาก่อน”
“............” เย่เทียนเซี่ย
เสียงของเขาคล้ายภาพมายาเหมือนก้อนเมฆท่ามกลางสายลม ทำให้คนฟังสงสัยว่าคำพูดของเขานั้นเป็เื่จริงหรือเื่โกหก ชายผมฟ้าหันหลังกลับแล้วค่อยๆเดินจากไป หมาป่าสีฟ้าจ้องมองเย่เทียนเซี่ยท่ามกลางความเงียบครั้งหนึ่งก่อนจะเดินตามหลังชายคนนั้นไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
เย่เทียนเซี่ยเดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัวเมื่อกำลังจะะโออกไปอีกครั้งทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ดวงตาของเขามองไปที่ด้านหลัง แล้วสิ่งที่ปรากฏตัวอยู่ในกรอบสายตาของเขาก็คือสีดำและสีน้ำเงินเข้มที่เชื่อมต่อกันอยู่....... สถานที่ที่เขาอยู่ในตอนนี้คือปากเหวหมื่นจั้ง
หุบเหวหมื่นจั้ง หุบเหวที่นำคำว่า “หมื่นจั้ง” มาบรรยายนี้ไม่ถือว่าเกินไปเลย เมื่อมองไปด้านหน้าเย่เทียนเซี่ยก็พบว่าหุบเหวนี้ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวางจนมองไม่เห็นขอบ มองเห็นได้เพียงเส้นตรงเส้นหนึ่งที่เป็จุดกันของสีดำและท้องฟ้าสีน้ำเงิน และเมื่อมองลงไปด้านล่างก็มองเห็นแค่หลุมลึกสีดำที่มองไม่เห็นก้นหลุม
ที่นี่คือ.........
เย่เทียนเซี่ยได้สติกลับมาจากความตกตะลึง เขาคิดออกแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน และทำไมชายผมฟ้าถึงพาเขามาที่นี่ เขารีบหันกลับไปมองทางที่ชายคนนั้นเดินจากไป และเขาก็เห็นเพียงแผ่นหลังของชายผมฟ้าที่ห่างออกไป ชายผมฟ้าปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน และหลังจากพาเย่เทียนเซี่ยมาถึงสถานที่แปลกๆแห่งนี้แล้วก็จากไปทันที เพียงระยะเวลาสั้นๆที่ได้ใช้ร่วมกันทั่วร่างของเขาก็ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกหนาทึบ ทำให้เย่เทียนเซี่ยไม่สามารถมองเขาได้อย่างชัดเจน ไม่อาจมองทะลุเข้าไปถึงข้างในและไม่อาจเข้าใจเขาได้
ชายผู้นี้ช่างเต็มไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์เหลือล้น อารมณ์และดวงตาของเขาบอกกับเย่เทียนเซี่ยว่าเขาเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง......... คนแบบนี้แม้ว่าจะมีใบหน้าอันสมบูรณ์แบบ มีพลังอันไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่สามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริง......... แม้แต่เขาก็ยังมองเห็นเค้าลางแห่งความตายที่ถูกฝังลึกอยู่ในดวงตาคู่นั้นเช่นกัน...........
ชายคนนั้นอยากตาย......... แต่ยังมีบางเื่ที่เขาต้องทำซึ่งมันได้กลายเป็ห่วงสุดท้ายในชีวิตของเขา ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้จบชีวิตของตัวเองลงไปและยังคงมีชีวิตอยู่เพื่อเป้าหมายอันสับสน
นี่เป็เพียงสิ่งเดียวที่เย่เทียนเซี่ยสามารถเข้าใจชายคนนั้นได้......... และความรู้สึกของคนนอกแบบนี้ก็ทำให้หัวใจของเขารู้สึกต่อต้านอยู่ลึกๆ
เขาเป็ใคร...... แท้จริงแล้วเขาเป็ใคร..... แล้วเคยผ่านอะไรมา..........
ทำไมดวงตาของเขา...........
เดี๋ยวนะ!!
เขามีผมสีฟ้า แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความเหงาหงอยเดินห่างออกไปเรื่อยๆท่ามกลางม่านตาของเย่เทียนเซี่ย ทันใดนั้นเย่เทียนเซี่ยก็ตกตะลึงราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงมาหนักๆ ความรู้สึกที่เคยสงบกลับปรากฏคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามาจนทำให้ทั้งร่างของเขาสั่นสะท้าน.................
แผ่นหลัง....... แผ่นหลังนั่น...........
“เดี่ยวก่อน..........รอเดี๋ยว........ หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน!!” เสียงะโที่เกือบจะบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเย่เทียนเซี่ย เขาไล่ตามแผ่นหลังนั้นไปเหมือนคนบ้า สายลมรุนแรงพัดผ่านหูของเขาไป ความรู้สึกในอกอัดแน่นจนเหมือนจะะเิออกมา......... เวลานั้นเขาลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งการหายใจ ภายในโลกอันว่างเปล่าเหลือเพียงแผ่นหลังที่ติดอยู่ในความทรงจำอันยากจะลบเลือนซ้อนทับกับเงาร่างตรงหน้า....... เขาใช้พลังทั้งหมดพุ่งตรงไปยังแผ่นหลังที่ไกลออกไปอย่างบ้าคลั่ง ปากของเขาก็ะโออกมาเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้เพื่อเรียกให้ชายคนนั้นหยุดลง
ร่างของชายผมฟ้าชะงักไปครู่หนึ่ง เสียงะโก้องที่ดังขึ้นมาทำให้ร่างของเขานิ่งค้าง หมาป่าสีฟ้าก็หยุดฝีเท้าลงแล้วมองไปยังเ้านายของมันเงียบๆ ชายผมฟ้าเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าที่ไร้สีสันสำหรับเขา เขาค่อยๆปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุข ความทรงจำ และความเศร้าลงก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งปัดไปข้างหลังอย่างแ่เบา
คลื่นลมรุนแรงพัดเข้ามาปะทะกับร่างของเย่เทียนเซี่ยที่กำลังวิ่งเข้ามา ทันใดนั้นขณะที่เย่เทียนเซี่ยยังะโออกมาไม่หยุดร่างของเขาก็ลอยสูงขึ้นและถูกสายลมพัดไปด้านหลัง เย่เทียนเซี่ยปลิวไปกลางอากาศอย่างไร้ทิศทางก่อนจะตกลงไปในหุบเหวหมื่นจั้งท่ามกลางเสียะโที่ไม่ได้ถูกกลบไปด้วยโลกอันมืดมิดด้านล่าง
ชายผมฟ้าหันหลับมา ดวงตาไร้ความรู้สึกของเขาจ้องมองไปยังทิศทางที่เย่เทียนเซี่ยเคยยืนอยู่ มุมปากของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงกระซิบที่แม้แต่ตัวเองก็ยังแทบไม่ได้ได้ยินออกมา........
“เสี่ยวเทียน........”
เขาลืมตาขึ้นแล้วค่อยๆหมุนตัวเดินจากไปด้านหน้า
เขาไม่มีเป้าหมาย ไม่มีทิศทาง เขาไม่รู้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะทอดยาวไปยังที่แห่งใด และไม่รู้ว่าเวลานี้ตัวเขาควรจะไปที่ไหน
สายลมเย็นเยือกพัดใบไม้ไหว ใบไม้บางตาถูกพัดไปตามสายลม ลอยละล่องไปตกที่ใดก็ไม่อาจรู้ได้ และนำมาซึ่งความอ้างว่างและความเงียบสงัด
หนึ่งคน หนึ่งหมาป่า เขาไม่ได้โดดเดี่ยว ข้างกายเขายังมีเพื่อนร่วมทางตามติดไม่ห่างมาเสมอ ทว่าบรรยากาศของเขา ท่าทางของเขาและแผ่นหลังของเขาก็ยังคงโดดเดี่ยว แม้ว่าเขาจะยังเดินต่อไปแต่เขากลับไม่ได้นำความมีชีวิตชีวาไปด้วย แม้กระทั่งใบไม้แห่งที่ร่วงอยู่ข้างฝ่าเท้าของเขาก็ยังดูมีชีวิตชีวามากกว่าตัวเขาเลย
เท้าของเขาเดินย่ำไปในความเงียบงัน และไม่ว่าจะไปที่แห่งใด บรรยากาศโดยรอบก็ยังเปลี่ยนเป็ความอ้างว้าง
ระหว่างที่เขากำลังเหม่อลอยเขาก็พบว่าด้านหน้าของเขาไม่มีเส้นทางให้เดินต่อไปแล้ว เมื่อนั้นเขาถึงพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนยอดเขาอันแห้งแล้ง
เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาแห้งผากมองตรงไปด้านหน้าแต่กลับไม่สามารถมองเห็นสีสันใดๆหรือเส้นทางที่จะพาตัวเขากลับบ้านได้เลย สายลมเย็นพัดผ่านมาพาให้เส้นผมสีฟ้าของเขาพลิ้วไหว แต่มันกลับไม่อาจทำให้ใจของเขาสั่นไหวได้เลยแม้แต่น้อย เขาในตอนนี้เหมือนคนครึ่งเป็ครึ่งตายที่มีชีวิต ทว่าไร้ซึ่งิญญา
