เพราะตนเองแท้ๆ หลินหร่านถึงได้นอนยาวจนล่วงเลยเวลาอาหารเที่ยงมาแล้วก็ยังไม่ตื่น
่นี้อวี้ฉู่จาวไม่ได้มีกิจการทหารอะไรที่ต้องไปจัดการ ยามเช้านอนเป็เพื่อนหลินหร่านอยู่พักหนึ่งก่อนลุกจากเตียงไปฝึกฝนการใช้ปืน
ถึงเวลาอาหารเที่ยงหลินหร่านก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา อวี้ฉู่จาวจึงไม่อยากรบกวนเพราะเมื่อคืนเขารู้ตัวดีว่าทำไปมากเพียงไหน ตอนนี้หลินหร่านคง้าพักผ่อน
“ท่านอ๋อง อัครเสนาบดีฉินมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ลุงตงเดินมาจากหน้าสวนเพื่อมาแจ้ง
อวี้ฉู่จาวครุ่นคิด
ไม่รู้ว่าเหตุใดอัครเสนาบดีฉินถึงได้มาขอความช่วยเหลือจากเขา เวลานี้เปี้ยนฉุนคงจะหาเบาะแสอะไรบางอย่างได้แล้วเป็แน่ มิเช่นนั้นฉินฉือคงไม่ทำตัวเหมือนคนนั่งไม่ติด ต้องมาพบเขาถึงตำหนัก
“พาไปที่โถงด้านหน้า” อวี้ฉู่จาววางกิจการทหารที่เพิ่งนำมาส่งลงพร้อมบอก
วันนี้เขาเพิ่งได้รับสาส์น จางเหยียนรบชนะเผ่าซยงหนูจนพวกนั้นต้องหนีกลับรัง
นี่คือข่าวคราวที่จางเหยียนให้คนนำมาส่งถึงเขา ฮ่องเต้ฉงเต๋อยังไม่ทราบเื่นี้
แต่หากมองจากมุมของเขา ก็เท่ากับว่าจางเหยียนผู้นี้ยังไม่ลืมเขา
เนื้อหาในสาส์น จางเหยียนแจ้งว่ามีความตั้งใจจะเข้าไปทลายแหล่งกบดานของชาวซยงหนู และเขาเชื่อว่าท่านอ๋องสามารถรายงานเื่นี้กับฮ่องเต้ฉงเต๋อได้
ข้อความในตอนท้ายยังแสดงถึงความจงรักภักดีของตนที่มีต่อเขา
‘พระคุณอันยิ่งใหญ่นี้จะจดจำไปตลอดชีวิต’ กับ ‘ยอมตายถวายชีวิต เพื่อท่านอ๋องอย่างไม่คิดเสียดาย’
อวี้ฉู่จาวลุกขึ้นแล้วกล่าว “อวิ๋นซีคงใกล้จะตื่นแล้ว อย่าลืมให้คนเตรียมอาหารให้”
“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย”
หลังจากอวี้ฉู่จาวเข้าไปในโถงด้านหน้าของตำหนัก ฉินฉือที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลันทอดสายตามองมาด้วยความกังวล ความมั่นใจและท่าทีเย่อหยิ่งที่เคยมีหายไปหมด
ภายหลังเห็นอวี้ฉู่จาวมาอยู่ตรงหน้า ฉินฉือรีบยืนขึ้นทันที
“ท่านอ๋อง” ฉินฉือถวายคำนับด้วยความนอบน้อม ซึ่งก่อนหน้านี้อีกฝ่ายไม่เคยกระทำเช่นนี้
“อัครเสนาบดีฝ่ายขวา ลุกขึ้นเถิด” อวี้ฉู่จาวเดินผ่านเขาไปยังที่นั่งของตน “ไม่ทราบว่าท่านอัครเสนาบดีมีธุระอันใด”
่ที่อวี้ฉู่จาวเริ่มเปล่งเสียง เหล่านางกำนัลเพิ่งนำชากับขนมเข้ามาถวาย
ฉินฉือยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่เอ่ยคำพูดใดจนท้ายที่สุดถอนหายใจออกมา
รอจนนางกำนัลถอยออกไปจึงได้คุกเข่าลงบนพื้นดังตึง เสียงแหบแห้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงวิงวอน “ท่านอ๋อง ได้โปรดช่วยเหลือครอบครัวของกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของอวี้ฉู่จาวไม่เปลี่ยนแปลง เขายกแก้วชาเซรามิกขึ้น เปิดฝาออกเป่าเบาๆ แต่มิได้ดื่มแล้วเอ่ยตอบ “อัครเสนาบดีฝ่ายขวาก็ช่างยกยอเปิ่นหวังเกินไป คนในครอบครัวของเ้ามีตั้งมากมาย เปิ่นหวังจะช่วยเหลือได้อย่างไร”
“ในเพลานี้มีแต่ท่านอ๋องเท่านั้นที่ช่วยกระหม่อมได้”
“ไหนลองว่ามาสิ”
“กระหม่อมยอมรับสินบนจากจ้าวเซียน…” ฉินฉือหยุดพูดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของอวี้ฉู่จาว
เขาพบว่าท่านอ๋องไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ จึงเอ่ยต่อ “ทว่า นั่นเป็เื่ปกติที่เกิดขึ้นได้ใน่นั้นนะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็ผู้ทำหน้าที่ควบคุมการสอบข้าราชการคนใดต่างก็เคยรับสินบนกันทั้งนั้น...มาวันนี้เปี้ยนฉุนตรวจสอบทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าอย่างไร จะช้าหรือเร็วเื่นี้ก็คงถูกเขาค้นพบเป็แน่…”
“เช่นนั้น เ้าอยากจะให้เปิ่นหวังทำอะไร หรืออยากจะให้เปิ่นหวังหยุดการกระทำของใคร แล้วเ้าจะให้อะไรเปิ่นหวังเป็การตอบแทน?”
สิ่งที่ฉินฉือเอ่ยออกมาอวี้ฉู่จาวรับรู้อยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้ยินเขาเล่าถึงเื่เ่าั้อีกจึงเอ่ยขัดขึ้น
ฉินฉือชะงักไปเล็กน้อย เขารีบบอกราวกับตอนนี้เขากำลังไขว่คว้าฟางเส้นสุดท้ายที่สามารถช่วยชีวิต “ท่านอ๋องเพียงเป็พยานให้กับกระหม่อม ทำการระบุตัวบุคคลเท่านั้นพอพ่ะย่ะค่ะ”
“ใคร”
“จ้าวเซียนพ่ะย่ะค่ะ” ฉินฉือตอบออกมาโดยไม่ลังเล “อันที่จริง จ้าวเซียนที่เข้าร่วมการสอบข้าราชการในปีนั้นกับจ้าวเซียนที่เป็จองหงวนคือคนละคนกัน เขาได้หาคนมาเข้าสอบแทนพ่ะย่ะค่ะ”
“ในตอนนั้น กระหม่อมแค่รับสินบนมาเพื่อเก็บเื่นั้นไว้เป็ความลับเท่านั้น ท่านอ๋องเคยพบจ้าวเซียน ผู้ที่ร่วมคุมการสอบในครั้งนั้นก็เคยพบจ้าวเซียน ขอเพียงท่านอ๋องกับคนผู้นั้นช่วยเป็พยานให้กระหม่อมว่าทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกันก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเป็ผู้มีชื่อเสียงและสูงส่ง อีกทั้งมีผลต่อตำแหน่งของกระหม่อม คำพูดของท่านอ๋องนับว่าทรงอิทธิพลที่สุด มีเพียงท่านอ๋องเท่านั้นที่จะช่วยครอบครัวกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ถึงอย่างไรเ้าก็รับสินบน ต่อให้เปิ่นหวังเป็พยาน แต่เ้าจะเล็ดลอดจากโทษการติดสินบนได้อย่างไร”
“เมื่อถึงเวลานั้น กระหม่อมมีเหตุผลที่จะกล่าวถึง เพียงแต่ต้องดูความเห็นในตอนนั้นพ่ะย่ะค่ะ และไม่รู้ว่าจ้าวเซียนตัวจริงเป็พวกไม่รู้หนังสือจริงหรือไม่”
“แล้วเื่ที่ดินหลายพันไร่ของบุตรชายเ้าล่ะ”
“ที่ดินเ่าั้…” ฉินฉือลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนกัดฟันตอบ “นั่นเป็สินบนที่เขารับเอาไว้จากจ้าวเซียนกระหม่อมไม่รู้ไม่เห็นพ่ะย่ะค่ะ เื่นั้นกระหม่อมไม่รู้จริงๆ ”
อวี้ฉู่จาวไม่ได้มีท่าทีแปลกใจ เขาเพียงเหล่มองอีกฝ่ายเล็กน้อย
“แต่นั่นเป็บุตรชายของเ้า” อวี้ฉู่จาวจิบชาช้าๆ
“เป็บุตรชายแล้วเกี่ยวอะไรพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้กระหม่อม้าปกป้องครอบครัวและพระสนมลี่”
“ถ้าเช่นนั้น เ้ามีอะไรดีๆ มาเสนอให้เปิ่นหวัง”
ท้ายที่สุดอวี้ฉู่จาวจึงเอ่ยถามขึ้น
หรงจิ่งที่คอยอยู่เื้ัพยายามเป็อย่างมาก ในที่สุดก็หว่านล้อมชายแก่ผู้นี้ให้มาที่นี่จนได้
อย่างไรก็ควรได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสครั้งนี้ มิเช่นนั้นหรงจิ่งคงจะเสียแรงเปล่า
“ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่จะใช้บีบบังคับอวี้ฉู่ซวน หากสิ่งเ่าั้เป็สิ่งที่ใช้บีบบังคับเขาได้ เ้าคงไม่ปล่อยให้เขาขุดคุ้ยเื่ของเ้าขึ้นมาได้หรอก ใช่หรือไม่?”
ฉินฉือที่กำลังจะอ้าปากพูดต้องเก็บคำพูดลงคอไปทันที เพราะเขากำลังคิดว่าจะบอกถึงวิธีจัดการอวี้ฉู่ซวนที่คงใช้ไม่ได้จริงกับอวี้ฉู่จาว
ไม่คิดเลยว่า….ท่านอ๋องจะไม่ยอมตกหลุมพรางของเขา
“ท่านอ๋องตรัสถึงสิ่งที่พระองค์้ามาดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” ฉินฉือทำได้เพียงให้อวี้ฉู่จาวเสนอสิ่งที่้า เพราะตัวเขาก็ไม่สามารถเปิดเผยสิ่งที่ตนเองมีอยู่ได้
“เปิ่นหวัง้าเส้นทางการค้าต่างประเทศและการติดต่อการค้าทั้งหมดของตงเยวี่ยภายใต้นามฟูเหรินของเ้า”
“ว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” ฉินฉือเบิกตากว้าง แทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ท่านอ๋องรู้เื่นี้ได้อย่างไรกัน? เื่นี้มีเพียงเขากับองค์ชายสองเท่านั้นที่รู้
“ท่านอ๋องว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ” ฉินฉือ้ายืนยันความมั่นใจอีกครั้ง
“อัครเสนาบดี เลิกเสแสร้งเสียดีกว่า การค้าภายใต้นามของฟูเหรินตระกูลฉินมีตั้งมากมาย การค้าของตงเยวี่ยก็เป็หนึ่งในนั้น มิใช่หรือ?”
“พระองค์...พระองค์รู้ได้เช่นไร”
“เ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าเปิ่นหวังรู้เื่นี้ได้อย่างไร เ้าแค่ตอบมาว่าจะให้หรือไม่ให้พอ หากให้ เื่นี้ก็คงคุยกันง่าย ถ้าหากไม่ เปิ่นหวังก็ไม่เกี่ยงที่จะร่วมมือกับอวี้ฉู่ซวน ทำลายครอบครัวของเ้า”
ถ้อยคำของอวี้ฉู่จาวยังคงเต็มไปด้วยท่าทีเ็าและแสนนิ่งเฉย อันที่จริงตัวเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว
เื่การค้าของตงเยวี่ย อวี้ฉู่จาวรู้จากเมื่อชาติก่อน ซึ่งเขาได้รู้ในตอนที่อวี้ฉู่ซวนขุดคุ้ยเื่ของฉินฉือจนเื่นี้แดงออกมา
ฮ่องเต้ฉงเต๋อ้าดึงการค้าเหล่านี้เข้าไปในการคลังของประเทศ ผลสุดท้ายกลับพ่ายแพ้ต่ออวี้ฉู่ซวนที่ขึ้นครองราชย์อยู่ดี
ฉินฉือรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว ผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสวมชุดสีดำผสานกับสีทอง สมองเขามองจนรู้สึกว่างเปล่า
ฉินฉือจำแทบไม่ได้ว่าตนเองมาอยู่ที่ตำหนักนี้ได้อย่างไร เขารู้เพียงแต่ครั้งนี้ เขาแพ้ได้อย่างน่าอนาถใจยิ่งนัก
สูญเสียบุตรชายไปหนึ่งคน แถมยังเสียการค้าของตนเองอีก ตอนนี้ถูกโอบล้อมเอาไว้เช่นนี้แล้ว ต่อไปคงใช้ชีวิตลำบากขึ้น
ท่านอ๋อง...ไม่ธรรมดาจริงๆ
นี่คือสิ่งเดียวที่ฉินฉือคิดอยู่ตลอดหลังจากที่กลับจากตำหนักเทพเ้าแห่งาไป
หลังจากที่ฉินฉือออกไป หรงจิ่งได้ปรากฏตัวขึ้น
“ราบรื่นดีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงแก้ปัญหาเื่การคลังในภายภาคหน้าของพวกเราได้แล้ว”
หรงจิ่งรู้มานานแล้วว่า วันนี้ฉินฉือจะมาที่ตำหนักของท่านอ๋องเพื่อขอความช่วยเหลือ
คนที่ได้เข้าสอบแทนจ้าวเซียนนั้น เขาได้ส่งคนไปค้นหาแล้ว
เปี้ยนฉุนก็เริ่มตามหาบ้านเกิดของจ้าวเซียนแล้วเช่นกัน ทำให้ฉินฉือไม่อยากหาทางรับมืออีกต่อไป และเื่นี้จะจบลงทันทีเมื่อเปี้ยนฉุนนำตัวจ้าวเซียนไปศาลเพื่อยืนยันทรัพย์สิน
อีกทั้งต่อให้ไม่มีเื่การเข้าสอบแทน ฉินฉือก็ได้รับสินบนจากการซื้อตำแหน่งจองหงวนอยู่ดี
ส่วนเื่ของคนที่เข้าสอบแทนนั้น เป็หรงจิ่งที่ได้ส่งคนไปยังบ้านของอัครเสนาบดีฝ่ายขวาพร้อมเผยกลยุทธ์นี้ออกมา
เอ่ยเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้ฉินฉืออยู่ไม่สุข
เมื่อได้รับแจ้งมาเช่นนี้ ฉินฉือจึงคิดที่จะหาแพะรับบาป
กว่าที่เขาจะจ่ายเงินปิดปากผู้ทำหน้าที่คุมการสอบจองหงวนในปีนั้นไม่ง่ายเลย!
“ต้องขอบคุณการจัดการกับกลยุทธ์ของต้าซือหม่าอย่างเ้า” อวี้ฉู่จาวมองไปที่หรงจิ่งพลางเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เื่นี้เป็เพียงเื่ที่แสนจะง่ายดาย ก็แค่เหล่าคนไร้สมอง แม้แต่บุตรชายของตนเองกลับผลักไสไล่ส่งออกไปได้…ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”
--------------------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้